ตอนที่ 691 อยู่ในตำแหน่งสูงไยต้องใส่ใจเรื่องเล็กน้อย
“……มีเรื่องโกงกินเบี้ยหวัดจริง……”
ผู้แทนพระองค์ยังไม่ทันกลับมา ผลการตรวจสอบเมืองจี้โจวก็ออกมาแล้ว เอกสารทางการย่อมช้ากว่าการข่าวส่วนตัว
ข่าวการสอบคดีเมืองจี้โจวเป็นที่รู้กันในเมืองหลวงไม่น้อยแล้ว จากความเข้าใจของหวังทง เมืองหลวงมีคนไม่น้อยเตรียมยื่นฎีกาในเรื่องนี้แล้ว เตรียมจะตีพยัคฆ์ให้ตาย วันหน้าหากกล่าวถึงย่อมได้ยกยอตนเองว่าเป็นคนยื่นฎีกาเอาผิดชีจี้กวง
หวังทงยังรู้อีกว่า ในวังก็ปล่อยข่าวออกมา เช่นฮ่องเต้ว่านลี่ทรงตรัสขึ้นตอนทรงคุยเรื่องทั่วไปว่าตอนนั้นที่ปราบโจรสลัดทางตะวันออกเฉียงใต้ ชีจี้กวงมีผลงานสร้างความชอบอย่างมาก อดีตฮ่องเต้กับฮ่องเต้องค์ก่อนยังเคยเอ่ยชม ยังมีชัยชนะยิ่งใหญ่ด่านกู่เป่ยโข่วอีก เรียกได้ว่าความดีความชอบเกินผู้ใด
หวังทงยังรู้อีกว่าจากนี้ชีจี้กวงจะไปที่ใด ย่อมต้องไปเป็นแม่ทัพที่กวางตุ้ง แม้ระบบทหารแผ่นดินหมิงให้ความสำคัญกับแม่ทัพทางใต้ แม่ทัพใต้มีแม้สถานะสูง แต่กวางตุ้งสงบมานานปี เป็นที่ ๆ ไม่มีใครให้ความสนใจมานาน แม่ทัพเมืองจี้โจวสถานะแม่ทัพใหญ่ ไปอยู่เมืองกวางตุ้งก็เท่ากับแม่ทัพเมืองเล็กๆ เท่านั้น ทหารในสังกัดก็แค่สี่หมื่นกว่า สถานะลดลงหรือไม่ย่อมเห็นได้ชัด
ใต้หล้าที่รู้เรื่องนี้ในตอนนี้ก็มีแค่ไม่เกิน 10 คน คนข้างนอกพากันออกมายื่นฎีกา เตรียมจะตีพยัคฆ์ให้ตาย ย่อมไม่รู้
ยามนี้ หวังทงเริ่มคิดถึงคำพูดหลี่ว์วั่นไฉที่ว่า ‘เลี้ยงดูให้พวกขุนนางบัณฑิตเติบใต’ คนเช่นนี้ทำงานไร้สามารถ ได้แต่ใช้วาจาวิพากษ์วิจารณ์ พูดจาเลอะเทอะก็เท่านั้น ไม่มีประโยชน์อันใดต่อแผ่นดิน ตอนนี้ฮ่องเต้ต้องการใช้งานคนเช่นนี้ พวกเขาย่อมยิ่งได้ใจ วันหน้าคงมีคนกล้าออกมากล่าววาจาเลอะเทอะยิ่งมากขึ้นเป็นแน่
**********
แม้กองลาดตระเวนตอนนี้มีคนไม่กี่ร้อยลาดตระเวนตามท้องถนนในเขตทักษิณ แต่เห็นในทหารหน้ำตาเคร่งขรึมในชุดมัจฉาเวหาพร้อมดาบปักวสันต์เดินไปมาแล้ว บรรดาพวกโจรร้ายทั้งหลายที่คิดการไม่ซื่อก็ไม่กล้าลงมือ ความสงบแต่ละแห่งก็ดีขึ้นกว่าเดิม
คดีเล็กๆ ตามตรอกซอกซอยก็ล้วนรับผิดชอบโดยเจ้าหน้าที่มือปราบศาลซุ่นเทียน องครักษ์เสื้อแพรปฏิบัติหน้าที่เต็มที่เช่นนี้ พวกเขาย่อมว่างานกันไม่น้อย
ตามท้องถนนไม่มีเรื่องไม่ดี แต่พอเข้าเดือนสี่ ศาลซุ่นเทียนก็ไม่ว่างแม้แต่นาทีเดียว ตั้งแต่รองเจ้ากรมหลี่ว์วั่นไฉลงไป ไม่มีสักคนที่ว่างจากการงานที่ต้องจัดการ
เจ้ากรมศาลซุ่นเทียนคนก่อนอย่างหวงเซินถูกปลดด้วยเรื่องการก่อการของพวกลัทธิไตรสุริยัน รองเจ้ากรมคนก่อนอย่างเฉินจื้อจงก็ได้ขึ้นตำแหน่งเจ้ากรมแทน แต่ไม่กล้าก้าวก่ายงาน หลี่ว์วั่นไฉในฐานะรองเจ้ากรมและควบตำแหน่งในสำนักรักษาความสงบมีอำนาจใหญ่เพียงผู้เดียว
หลี่ว์วั่นไฉตอนนั้นเดินมาตามเส้นทางของเจ้าหน้าที่สืบคดี คุ้นเคยกับการงานในศาลซุ่นเทียนทุกระดับ แต่ละแห่งล้วนมีคนสนิท พวกบัณฑิตจวี่เหรินเช่นเขานั่งตำแหน่งรองเจ้ากรมก็ไม่ได้ด้อย คนที่มาจากบัณฑิตระดับจิ้นซื่อมาสู่ตำแหน่งนี้หลายคนรู้แต่หลักการคำสอนนักปราชญ์ ไม่รู้จัดการบริหารจัดการ มักจะตกอยู่ภายใต้การจูงจมูกของบรรดาเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่มานาน
หลี่ว์วั่นไฉไม่มีปัญหานี้ เขาทำงานมาตั้งแต่ระดับล่าง มีความเชี่ยวชาญการงานแท้จริง ยังมีงานในสำนักรักษาความสงบอีก คิดจะปิดบังหรือจูงจมูกเขาก็ย่อมไม่ง่าย
ตั้งแต่เขามานั่งตำแหน่งนี้ เจ้าหน้าที่ทุกระดับในศาลซุ่นเทียนก็ตั้งใจทำงาน ไม่กล้าแอบขี้เกียจ การหาเรื่องหลี่ว์วั่นไฉก็เท่ากับรนหาที่ตายเอง
แต่พอเข้าเดือนสี่ ศาลซุ่นเทียนกลับงานยุ่งมากกว่าปกติ สาเหตุก็เพราะรองเจ้ากรมหลี่ว์วั่นไฉอยู่ๆ หางานมาทำว่าจะรื้อคดีทั้งหมดในหลายปีมานี้ออกมาดู
ที่เรียกว่าคดีทั้งหมด ย่อมไม่ใช่แค่คดีที่ปิดไม่ได้ในหลายปีมานี้ แต่รวบรวมคดีที่เกิดขึ้นในทุกปี คดีใหญ่น้อยที่ราษฎรฟ้องร้องมา เรื่องเกี่ยวกับการต้มตุ๋นหลอกลวงบีบบังคับพวกนั้น
ราษฎรกลัวขุนนาง หลายเรื่องยอมเสียเปรียบก็ไม่ยอมไปฟ้องร้อง มีบ้างที่เสียเปรียบอย่างรุนแรงจึงต้องฟ้อง นับประสาอันใดกับเมืองหลวงที่เป็นเมืองใหญ่อันดับหนึ่งในใต้หล้า คนเข้าออกก็ไม่น้อย มีจำนวนเช่นนี้ คดีก็ย่อมมาก
การทำงานศาลซุ่นเทียนไม่ค่อยราบรื่นนัก อย่างไรก็เป็นพื้นที่ใกล้วังหลวง ไม่รู้ว่าราษฎรผู้นั้นมีผู้ใดหนุนหลังอยู่ ทั้งเมืองมีแต่พวกขุนนางบัณฑิตชิงหลิวจับตาดู ปฏิบัติงานก็ต้องมีธรรมเนียมหลายส่วน อย่าได้ทำการเลอะเลือน ยังต้องคอยไปถามไถ่ แน่นอน คดีพวกนี้กระจ่างหรือไม่ก็ย่อมไม่อาจรู้ได้
ตามระเบียบเมื่อมีคนมาฟ้องร้องที่ศาลก็ต้องจดบันทึกไว้ แต่ทุกปีมีคดีมากมาย ที่หลี่ว์วั่นไฉต้องการไม่ใช่แค่ปีเดียว หากหลายปี และยังต้องการคดีพวกมีทะเลาะเบาะแว้งเพื่อนบ้าน แต่เรื่องในครอบครัวไม่เอา รวบรวมเอาทุกคดีตั้งแต่ลักขโมย ปล้นชิง หลอกขาย ต้มตุ๋น
หลี่ว์วั่นไฉอยู่ศาลซุ่นเทียนมาเกือบ 20 ปี คิดจะปิดบังอำพรางไม่ให้เขารู้ก็ย่อมไม่ง่าย และเขายังเป็นพวกลงมือไร้ปราณี ทุกคนก็ได้แต่แอบบ่น กลับไปด่าภรรยาที่บ้าน แต่ก็ไม่กล้าทำงานแบบผ่าน ๆ ล้วนต้องกัดฟันตั้งใจทำงานไป
เอกสารในห้องเก็บเอกสารล้วนมีแต่รอยแมลงและหนูแทะ ไม่ต้องพูดถึงตอนทำคดีก็มีอะไรเกิดขึ้นมากมาย เอกสารก็ย่อมเขียนไม่ละเอียด การจะจัดการให้เรียบร้อยก็ยุ่งยากยิ่ง
แต่พอลงมือทำ คดีปีหนึ่งก็ยิ่งชัดเจน ทุกฝ่ายต่างได้ข่าวการรวบรวมข้อมูลคดีนี้ทันทีที่สั่งการไป
สิ่งที่หลี่ว์วั่นไฉสำนักรักษาความสงบทำในตอนนี้เป็นที่จับตาของคนหลายคน มีคนคิดว่าหลี่ว์วั่นไฉทำเรื่องเช่นนี้เพื่อหวังจัดการใครสักคน แต่การออกมาจัดระเบียบคดีที่เกิดขึ้นหลายปีมานี้ ขอบเขตที่หลี่ว์วั่นไฉรวบรวมเหมือนไม่เกี่ยวอันใดกับราชสำนักตอนนี้ จึงไม่สนใจต่อ
************
“ใต้เท้า ตระกูลลี่เมืองเซวียนฝู่วันก่อนมาเมืองหลวงส่งมอบของขวัญให้กับหลายท่านในคณะเสนาบดีใหญ่และเจ้ากรมซ้ายและขวาแห่งกรมทหาร อย่างน้อยก็คนละ 8,000 ตำลึง กงกงในวังก็ราว 15,000 ตำลึง”
ตั้งแต่หวังทงให้โหววั่นไฉไปสืบข่าวมา โหววั่นไฉเคลื่อนไหวได้ว่องไว ข่าวจากโหวเจินกองเอกสาร สำนักองครักษ์เสื้อแพรก็มีมาไม่ขาด
แต่ทว่าเรื่องที่เขารู้ หวังทงเองก็รู้ ลี่อวิ๋นไหลรู้ว่าอาจได้เป็นแม่ทัพเมืองจี้โจวก็รีบเคลื่อนไหวในเมืองหลวง แม้ว่าเรื่องนี้น่าจะตัดสินใจแล้ว ไม่จำเป็นต้องมากเรื่องเช่นนี้ แต่เรื่องเช่นนี้ก็ย่อมกลัวคนพูดจาขัดขวาง การส่งของขวัญให้ขุนนางใหญ่ ก็เพื่อขจัดปัจจัยที่ไม่แน่นอนทิ้งไป
ลี่อวิ๋นไหลยังมอบให้หวังทงห้าหมื่นตำลึง เท่ากับจางเฉิง จางจิงและมหาอำมาตย์เซินสือหัง ตระกูลลี่ตอนนี้ไม่ต้องหักเบี้ยหวัดทหาร อาศัยแค่การค้าหนังกับผงฟูก็รายได้กองเท่าภูเขาแล้ว จ่ายไหว
ตอนส่งมอบให้หวังทง ก็ทำเอาหวังทงไม่รู้จะร้องไห้หรือยิ้มดี จึงรับไว้ไม่กล่าวอันใด หากให้คนนำส่งไปให้ลี่เทาที่เทียนจิน เป็นเหมือนครอบครัวส่งเงินให้ใช้ หวังทงไม่ขาดแคลนเงิน
โหววั่นไฉคิดว่าข่าวตนนั้นมีค่ามาก หวังทงก็ไม่อยากจะราดน้ำเย็นลงบนจิตใจที่กำลังพองฟู จึงยิ้มกล่าวว่า
“เจ้าทำงานได้ไม่เลว”
วาจาชมเชยนี้ทำให้โหววั่นไฉรีบก้มคำนับ กล่าวว่า
“ล้วนเป็นงานของข้าน้อย ขอบคุณใต้เท้าที่ชมเชย ครั้งก่อนใต้เท้าให้ข้าน้อยไปสืบข่าวหัวหน้าใหญ่ กล่าวกับใต้เท้าไม่ปิดบัง คนพวกนี้ส่วนใหญ่ล้วนมีโรงบ้านอยู่นอกเมือง ในเมืองไม่มี อย่างไรก็มีสายอยู่มาก หากไม่ระวังก็หากเผยฐานะแท้จริง……”
ที่เรียกว่า หัวหน้าใหญ่ ก็คือ พวกที่เป็นหัวหน้าในวงการนักเลงที่มีอิทธิพล มีแต่คนนำเงินมามอบให้ถึงที่ ก็พวกโจรนำของมาขายให้ นอกจากเงินทอง ยังมีของโจรที่ตนเองขายไม่ได้ราคาและอาจเปิดเผยสถานะตน ก็ต้องหาวิธี ย่อมต้องหาขาใหญ่หรือผู้มีลู่ทางกว้างขวางมาออกหน้าจัดการ
สามารถมีเงินพอรับซื้อของโจรระดับนี้ และยังมีช่องทางขายออกไปได้และไม่ต้องกังวลทางการมาสืบความ ก็คงมีแค่พวกหัวหน้าใหญ่ในวงการนักเลงแต่ละพื้นที่เท่านั้น
ตอนนี้อู๋ต้า อู๋เอ้อร์สองพี่น้องทำงานให้หวังทง ตอนนั้นก็ยังเคยเป็นหัวหน้าใหญ่ในวงการนักเลงประจำพื้นที่ซานตงเช่นกัน
ในเมืองหลวง ขุนนางบุ๋นมากมาย ชนชั้นสูงมากมาย ทางการมากมาย ล้วนย่อมเกี่ยวพันกับพวกนี้ โรงบ้านหลายแห่งนอกเมืองหลวง หรือโรงบ้านของบรรดาขันทีในวัง ก็ล้วนมีเรื่องเช่นนี้
ได้ยินโหววั่นไฉเล่ามา ก็เป็นดังคาดของหวังทง เห็นสีหน้าหวังทงนิ่ง ได้แต่พยักหน้า โหววั่นไฉก็เริ่มร้อนใจ ลังเลไปมา ก่อนจะกล่าวว่า
“ใต้เท้า ข้าน้อยมีข่าวหนึ่ง ไม่รู้ว่าได้หรือไม่ ดังนั้นจึงไม่กล้ารายงาน”
“หืม? เจ้าว่ามาซิ?”
“บ้านบัณฑิตหลี่ถนนจวี้เป่าในเขตปัจจิม พ่อตาเปิดร้านจำนำ ใต้เท้าก็รู้ กิจการของเครือญาติบัณฑิต เจ้าหน้าที่ทางการไม่อาจแตะต้อง แต่เมื่อก่อนข้าน้อยมีสหายไปปฏิบัติหน้าที่ที่เมืองเป่าติ้ง รู้มาคดีหนึ่ง บังเอิญว่าตอนกลับมาไปยังร้านจำนำของพ่อตาบัณฑิตหลี่ ถึงกับเห็นของตามที่ระบุในคดีนั้น ของพวกนั้นว่ากันว่าพิเศษมาก มีเพียงที่นั่นมี”
ร้านจำนำเป็นร้านค้าสินค้าเก่า ของที่เอามาจำนำถึงเวลาไม่มาไถ่ถอนออกไปก็ย่อมนำออกขายทิ้ง บัณฑิตระดับจวี่เหรินในเมืองหลวงสถานะไม่เท่าไร แต่อย่างไรก็เรียกว่ามีตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ทางการไม่กล้าหาเรื่อง มองสีหน้าหวังทงเหมือนสนใจ โหววั่นไฉก็รีบกล่าวว่า
“บัณฑิตผู้นี้เมื่อก่อนก็ฐานะปกติ แต่พอพ่อตาเปิดร้านจำนำเข้าก็ค่อย ๆ ร่ำรวยขึ้นมา ซื้อที่นอกเมืองได้ไม่น้อย ยังแต่งภรรยาคนที่สาม และยังไถ่ตัวแม่นางในหอคณิกาคนดังมาเลี้ยงดูที่นอกจวน พ่อตาเดิมก็เป็นคนสถานะธรรมดา”
หากเป็นกิจการพ่อต้า บัณฑิตจวี่เหรินเช่นนี้ย่อมไม่อาจมีเงินทองใช้สุรุ่ยสุร่ายเช่นนี้ ดูท่าแล้วเป็นดังที่โหววั่นไฉเล่ามา ในเรื่องนี้ย่อมมีเรื่องไม่อาจเปิดเผยซ่อนอยู่
หวังทงยิ้มพยักหน้า กล่าวชมว่า
“เจ้าทำได้ไม่เลว เรื่องนี้เจ้าจับตาดูไว้ แต่ไม่ต้องกล่าวกับผู้ใด และไม่ต้องจับตาดูแน่นหนามากไปจนรู้ตัวได้”
“ข้าน้อยจะทำอย่างระวัง!”
โหววั่นไฉสีหน้ายินดีอย่างยินก่อนออกไป หยางซือเฉินอยากจะพูดแต่ก็ไม่พูด สถานะหวังทงตอนนี้ไปจับตาดูพวกบัณฑิตจวี่เหรินทำเรื่องสกปรก เกรงว่าเหมือนเอามีดสังหารไก่ไปสังหารวัวโดยแท้ ไม่ควรค่า ตอนนี้การเคลื่อนไหวชายแดนและราชสำนักสำคัญกว่า เป็นเรื่องที่ควรใส่ใจ กำลังครุ่นคิดอยู่ว่าควรเตือนไหมอยู่นั้นก็ได้ยินหวังทงกล่าวว่า
“ตามสื่อชีมา!”