Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 701

ตอนที่ 701 องครักษ์เสื้อแพรไม่ใช่บอกว่าลงมือก็ลงมือ

อีกฝ่ายหากชกหมัดออกมา อีกฝ่ายก็ย่อมใช้ไม้พลองแทงเข้าที่เอว อีกฝ่ายกลับถอย ไม่เช่นนั้นคงได้ถูกตีหมอบกับพื้นไปแล้ว

เข้ารับการฝึกไม่นาน แต่เติ้งตี้ตั้งใจฝึก กอปรกับเดิมฝีมือก็ไม่เลว เห็นคุณชายซุนออกหมัดมา ไม้พลองก็แทงเข้าใส่ทันที

วันนั้นเจอกับขโมย หัวขโมยนั่นชักมีดสั้นออกมา ถูกเติ้งตี้ตีหลุดมือไปจนจับกุมได้ จะกลัวอะไรกับพวกหาเรื่องหน้าหอคณิกาพวกนี้ แต่เติ้งตี้วิเคราะห์ผิดแล้ว คุณชายซุนออกหมัดชกมาเห็นไม้พลองเขาแทงสวน ก็ถึงกลับเอี้ยวหลบก่อนจะพุ่งเข้าใส่อีกจังหวะ

เติ้งตี้ตกใจ ไม้พลองในมือพลิกเปลี่ยนเป็นกวาดแนวราบแทนและออกหมัดซ้ายตาม คุณชายซุนคิดไม่ถึงว่าทหารองครักษ์เสื้อแพรผู้นี้จะเคลื่อนไหวว่องไวเพียงนี้ หลบไม้พลองได้ แต่ไม่อาจหลับหมัดซ้ายที่สวนมาได้

โดนเข้าเต็มหน้า เติ้งตี้เองก็ถูกหมัดคุณชายซุนเข้าที่หน้าอกอย่างแรง เติ้งตี้เซไปหลายก้าว หายใจไม่ออกไปชั่วขณะ ล้มลงนั่งกับพื้น ก่อนจะกุมหน้าอกไอไม่หยุด

จมูกคุณชายซุนผู้นั้นก็ถูกต่อยจนเลือดไหลออกมา ที่จริงแล้วเป็นเติ้งตี้เสียเปรียบกว่า แต่คนนอกมองมาแล้วคิดว่าคุณชายซุนสภาพแย่กว่า

คุณชายซุนลูบจมูกไปก็เห็นเลือดเต็มมือ โมโหอย่างมาก ร้องตะโกนด่าขึ้น

“มารดาเจ้าสิ ทหารตัวเล็กๆ กล้าลงมือกับข้าหรือ?”

เสียงด่าไม่หยุด เดินเข้ามายกเท้ากระทืบ แรงกระทืบโหดเหี้ยมไม่เบา กระทืบใส่ท้องน้อยของเติ้งตี้เต็มแรง ด้วยแรงของเขา เกรงว่าการกระทืบใส่นี้อาจทำให้ถึงตายได้

ดีที่เหล่าจางข้างๆ เคลื่อนไหวเร็ว ก้มลงดึงเติ้งตี้ถอยหลัง คุณชายซุนกลับเตะได้แค่ขาเติ้งตี้ เติ้งตี้เจ็บจนร้องดังออกมา เหล่าจางลุกขึ้นชักดาบออกมา หันไปตวาดใส่คุณชายซุนผู้นั้นว่า

“กองลาดตระเวนองครักษ์เสื้อแพรปฏิบัติหน้าที่ เจ้ากล้าลงไม้ลงมือเจ้าหน้าที่ทางการ หากรู้ผิดก็ให้ยอมมอบตัวกลับไปที่ทำการกับข้า ไม่เช่นนั้น”

เห็นดาบปักวสันต์ สีหน้าคุณชายซุนก็ยิ่งโมโหหนัก ชายอารักขาที่ยืนอยู่บนขั้นบันไดหน้าประตูก็ควักของสิ่งหนึ่งจากอกเสื้อปาใส่

เหล่าจางไม่ทันระวัง ร้อง ‘โอ้ย’ ขึ้น มือซ้ายกุมข้อมือ ข้อมือปรากฏรอยม่วงช้ำ คุณชายซุนก้าวเข้ามาอีกสองก้าว อัดไปสองหมัด ทำเอาเหล่าจางหมอบลงกับพื้น คุณชายซุนหมัดหนัก ยังลงมือไม่ทันตั้งตัว เหล่าจางจมูกเลือดไหลย้อย กุมปากนั่งแปะลงกับพื้น

“มารดามันสิ มาเที่ยวผู้หญิงที่นี่ต้องมามีเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ เมืองหลวงนี่คนชั้นสูงมาก เจ้าสองคนสถานะเท่าเมล็ดงากลับทำตัวน่าบัดซบเช่นนี้ ไม่อยากมีชีวิตยืนยาวใช่ไหม?”

คุณชายซุนก้าวเข้าไปกระทืบพลางด่าไม่หยุด ทำเอาเติ้งตี้กับเพื่อนทหารตัวงอเป็นกุ้งแห้ง ชายฉกรรจ์เข้ามาเตือนสองสามคำ คุณชายซุนจึงได้ถ่มน้ำลายใส่ไปสองทีก่อนจะก้าวกลับไปบนขั้นบันได จับตัวแม่นางชุ่ยหงที่กำลังยืนอึ้งอยู่เอาไว้ อีกมือสะบัดมือแม่ของชุ่ยหงทิ้ง ขึ้นม้าจากไปอย่างลอยนวล

คนที่มามุงดูบนถนนไม่กล้าเข้าไปดู องครักษ์เสื้อแพรลาดตระเวนน่าเกรงขามได้ไม่กี่วัน ก็ถูกคนจัดการเช่นนี้เอง อย่างไรพวกชนชั้นสูงก็ยังคงไม่อาจล่วงเกิน

หญิงคณิกาสูงวัยมองคุณชายซุนขี่ม้าจากไป ก็ไม่สนใจใบหน้าบวมช้ำของตน ล้มแปะลงกับพื้นร้องไห้โฮดังทันที

หญิงสาวในหอที่แอบอยู่ก็ออกมาปลอบใจกันยกใหญ่

เติ้งตี้กับเพื่อนทหารที่นอกอยู่กับพื้นไม่มีคนสนใจ เติ้งตี้ควักนกหวีดขึ้นมาด้วยมือสั่นเทา ก่อนจะเป่าออกไปหลายที แต่เพราะบาดเจ็บหนัก แม้แต่ลมเป่าก็ยากจะเปล่งออกมา ไหนเลยจะเป่านกหวีดได้

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ได้ยินเสียงนกหวัดดังขึ้น……

************

โจวหลินปิ่งกับทหารติดตามสองสามนาน กำลังลงจากหลังม้าที่หน้าที่ทำการสำนักองครักษ์เสื้อแพร โยนแส้ทิ้งถามขึ้น

“ใต้เท้าหวัง อยู่ห้องทำงาน?”

ทหารหน้าประตูรีบเข้ามารับไปกล่าวว่า

“ใต้เท้าหวัง อยู่ห้องทำงาน แต่เช้านี้มาเหมือนไม่ค่อยสดชื่น นัยน์ตาตาแดงก่ำ ดูท่าแล้วเมื่อคืนนอนไม่พอ”

โจวหลินปิ่งควักเงินมอบให้ไป ไม่สนใจทหารที่ยิ้มร่าเอ่ยขอบคุณ ก้าวเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว

ถึงหน้าห้องทำงานหวังทง ให้คนเข้าไปรายงาน ด้านในก็ตะโกนรับให้เข้าไปได้ โจวหลินปิ่งได้ยินเสียงฝีเท้าด้านหลัง เห็นนายกองร้อยจากสำนักรักษาความสงบวิ่งมา โจวหลินปิ่งทักทายถามขึ้น

“มารายงานเรื่ององครักษ์เสื้อแพรจากกองลาดตระเวนที่ถูกจัดการ?”

นายกองร้อยผู้นั้นอึ้งไป พยักหน้าทันที โจวหลินปิ่งกล่าวว่า

“เข้าไปด้วยกัน ข้าก็มารายงานเรื่องนี้เหมือนกัน”

พอเข้าไปในห้องทำงานหวังทง ในห้องแสงสว่างมาก เห็นหวังทงนั่งอยู่หลังโต๊ะหนังสือ โจวหลินปิ่งอึ้งไป เหมือนกับทหารหน้าประตูบอก หวังทงดูท่าทางอิดโรย มองดีๆ เส้นเลือดในตาแดงก่ำ ดูท่านอนหลับไม่สนิท หรือว่าเมื่อคืนเด็กหนุ่มเที่ยวดึกไป

โจวหลินปิ่งก็ปฏิเสธการวิเคราะห์ของตนเองทันที คนอื่นก็แล้วไป หากหวังทงเป็นเด็กหนุ่มที่รู้จักเก็บท่าที ทุกวันทำแต่งานไม่มีเวลา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องไปเที่ยวหาความสำราญ

คิดก็ส่วนคิด หากโจวหลินปิ่งก็เข้าไปคำนับ กล่าวนอบน้อมว่า

“พลทหารกองลาดตระเวนถูกคนจัดการจนบาดเจ็บที่เขตบูรพาตอนลาดตระเวน เพราะพบเหตุบุตรหลานชนชั้นสูงฉุดคร่าหญิงชาวบ้าน เข้าไปขัดขวาง จึงถูกคนพูดนั้นจัดการ พอจัดการคนของเราน่วมก็จากไปอย่างลอยนวล”

หวังทงคิ้วกระตุก สีหน้าเผยรอยยิ้มเยียบเย็น ถามขึ้น

“บุตรหลานชนชั้นสูงที่ไหนกันกล้าทำเรื่องไม่ดูตามาตาเรือเช่นนี้ได้……อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ พลทหารผู้นั้นจัดการไปตามระเบียบปฏิบัติหรือไม่? มีพยานหรือไม่?”

วาจาแรกของหวังทงเห็นได้ชัดว่าเริ่มมีอารมณ์โกรธ แต่วาจาที่ตามมากลับเริ่มนิ่ง โจวหลินปิ่งก้มหน้ารายงานว่า

“ตามระเบียบปฏิบัติ แสดงสถานะก่อน จากนั้นก็เข้าไปขวาง แต่ยังไม่ได้ลงมือใส่อีกฝ่าย สองคนก็เสียเปรียบโดนอัดไปก่อนแล้ว โชคดีแค่บาดเจ็บภายนอก ไม่ได้ถึงกระดูกภายใน”

“เป่านกหวีดตามคนมาหรือไม่?”

“ตอนเป่า คนพวกนั้นก็ไปไกลแล้ว”

“เหตุใดไม่ไปจับกุม!? ลงมือองครักษ์เสื้อแพรเรา เราก็อ้างเหตุจับกุมได้ พวกเจ้าทำไมไม่ไปจับ!! ระเบียบปฏิบัติที่ข้าตั้งไว้ลืมแล้วหรือ?”

หวังทงตบโต๊ะอย่างแรง ขึ้นเสียงดัง โจวหลินปิ่งก้มตัวต่ำกว่าเดิม กล่าวขึ้นน้ำเสียงแผ่วยิ่งว่า

“คนของเราก็คิดจะไปจับ แต่ข้าน้อยรั้งไว้ คนที่เกี่ยวข้องดูจะยุ่งยาก ข้าน้อยต้องมาของเชิญใต้เท้าไปจัดการด้วยตนเอง”

“ก็แค่บุตรหลานชนชั้นสูงไม่ใช่หรือ? ดูรู้แล้วว่าเป็นบุตรหลานตระกูลใดแล้วอย่างไรเล่า?”

“เป็นคุณชายซุนหย่งกัง บุตรชายของหนิงซีป๋อคนใหม่ ซุนต้าอิง ซุนต้าอิงเมื่อครึ่งเดือนก่อนเพิ่งเข้าเมืองหลวงมา เขาได้พระราชทานตำแหน่งป๋อ สถานะสูงส่ง ยามนี้ไม่เหมาะ ความดีความชอบเช่นนี้ ในวังกลัวว่าจะเป็นจัดการกับขุนนางผู้มีความชอบ ทำให้คนใต้หล้าเห็นแล้วหวาดระแวง”

โจวหลินปิ่งกล่าวอย่างไม่รีบไม่ร้อน หวังทงพยักหน้า น้ำเสียงผ่อนลงกล่าวว่า

“เจ้าทำได้ไม่เลว คิดเพื่อทหารในพระองค์เรา คิดเพื่อข้า ข้าจะจดจำไว้”

ปฐมฮ่องเต้จูหยวนจาง หมิงไท่จู่สังหารขุนนางผู้สร้างคุณความชอบ ความจริงเป็นอย่างไรไม่สืบความให้กระจ่าง แต่ประชาใต้หล้ารู้สึกไม่ดีต่อราชวงศ์หมิงสักเท่าไร ตั้งแต่สมัยฮ่องเต้จูตี้ หมิงเฉิงจู่มาถึงตอนนี้ จึงระมัดระวังกับการจัดการกับขุนนางผู้สร้างคุณความชอบอย่างมาก เกรงว่าจะมีคนกล่าวถึงเช่นนี้อีก ถึงกับมีขุนนางที่สร้างความชอบแต่เห็นๆ ว่ากระทำผิด กลับไม่ถูกลงโทษในทันที ต้องรอออกไปอีกหลายปี

วันนี้ซุนหย่งกังก่อเรื่องเช่นนี้ หากเป็นเมื่อก่อนองครักษ์เสื้อแพรย่อมไม่ข้องเกี่ยว แม้เจ้าทุกข์จะไปร้องที่ศาลซุ่นเทียนก็ไม่มีคนสนใจ แม่นางที่คว้าตัวจากหอคณิกา เจ้าว่าบริสุทธิ์ผุดผ่อง ผู้ใดจะเชื่อ นับประสาอันใดกับซุนหย่งกังยังมอบเงินให้ไปจริง ความผิดอยู่แค่การลงมือทำร้ายทหารองครักษ์เสื้อแพรเท่านั้น

และการทำร้ายทหารองครักษ์เสื้อแพรหาเอาเรื่องขึ้นมา เกรงว่าคงเป็นความผิดของเติ้งตี้เสียเอง คุณชายซุนลากหญิงออกจากหอคณิกา เจ้าเกี่ยวอันใดด้วย

“นายกองพันโจวกล่าวได้ถูกต้อง แต่ธรรมเนียมปฏิบัติก็ยังคงเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ในเมื่อเราไม่ผิด เช่นนั้นซุนหย่งกังก็ผิด ทำลายธรรมเนียมปฏิบัติเราย่อมต้องลงโทษ หากปล่อยไปเช่นนี้ วันหน้าบุตรชายชนชั้นบรรดาศักดิ์ทั้งหลาย หรือพวกบุตรหลานคหบดีทั้งหลาย พวกเราก็คงไม่อาจจัดการได้ เจ้าออกไปก่อน ให้ทหารบาดเจ็บพักรักษาตัวให้ดี พยานก็เตรียมให้พร้อม อย่าให้ถูกซื้อตัวไปได้”

โจวหลินปิ่งคำนับรับคำ หันหลังออกไป ตอนออกไปได้ยินหวังทงสั่งการว่า

“ตามถานเจียงมา”

**************

“หานกัง ซาตงหนิง ถานต้าหู่ ถานเอ้อร์หู่ เป้าเอ้อร์เสี่ยว ฉีอู่……”

หวังทงเรียกชื่อทีละคน อ่านครบ 20 ชื่อ ก็หยุดไปกล่าวว่า

“ถานเจียงไปตามคนพวกนี้มาให้ครบ เฉินต้าเหอกับหม่าซานเปียวนำมา ข้ารอพวกเขาที่นี่ อีกครึ่งชั่วยามรวมตัว!”

ถานเจียงรับคำสั่งออกไป คนที่หวังทงเรียกชื่อ บางคนอารักขาอยู่ละแวกห้องทำงาน บางคนเข้ารับการฝึกอยู่นอกเมือง ยังมีบางคนอารักขาที่พักอยู่ ต้องไปถ่ายทอดคำสั่งให้ครบ

ขี่ม้าไปกลับ ไม่ต้องใช้เวลาถึงครึ่งชั่วยาม คนพวกนี้ก็มารวมตัวกันอยู่หน้าสำนักองครักษ์เสื้อแพร หวังทงสั่งให้คนยกน้ำมาล้างหน้า เช็ดหน้าเสร็จก็ก้าวออกจากห้องไป

หน้าประตูมีเด็กหนุ่ม 20 คน คนที่อายุมากที่สุดก็อายุน้อยกว่าหวังทงถึงสองปี ตั้งแต่หวังทงคิดสร้างฐานกำลังตนเองขึ้นก็เริ่มต้องเตรียมการให้โอกาสใช้งานคนอายุน้อยพวกนี้ สถานการณ์เช่นนี้ไม่ค่อยได้เห็น กวาดตามองเด็กหนุ่มพวกนี้แล้ว หวังทงรู้สึกสบายใจไม่น้อย หม่าซานเปียวกับเฉินต้าเหอก็รีบรุดมาถึง หวังทงกล่าวว่า

“ตามข้าไปจับกุมคนที่จวนหนิงซีป๋อ!!”

มีบรรดาศักดิ์ก็ล้วนมีเงินทอง ไม่ก็มีกำลังทหาร หรือไม่ก็มีสายสัมพันธ์กับในราชวงศ์ หากแตะต้องเข้า ไม่ระวังก็อาจมีโทษประหารล้างโคตรได้ แต่พอหวังทงกล่าวเช่นนี้ ก็ไม่มีผู้ใดคิดลังเล เห็นหวังทงเคลื่อนม้าออกเดินทาง ทุกคนก็ตามกันไป

ขบวนหวังทงออกไป พวกเจ้าหน้าที่องครักษ์เสื้อแพรที่อยู่ในสำนักก็โผล่หน้าออกมา วิ่งออกมาดูเบื้องหลังหวังทงด้วยอาการอ้าปากค้าง

“นายท่านน้อยผู้นี้คิดนำกำลังไปจับบุตรชายท่านป๋อจริงหรือนี่?”

“เหตุใดจะไม่กล้า ตอนนั้นนายท่านน้อยผู้นี้อยู่เมืองหลวง อย่าว่าแต่ท่านป๋อเลย ท่านโหวก็จัดการมาแล้ว รายสุดท้ายนั่นประไร ท่านโหวถูกกวาดล้างทั้งตระกูล เจ้าคนที่ลงมือยังถูกตัดหัวไปด้วย……

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version