Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 702

ตอนที่ 702 อาศัยอำนาจรังแกผู้อื่น มาทำคดีถึงที่

ทหารม้า 20 กว่าวิ่งอยู่บนถนนในเมืองหลวง ไม่นานก็มาถึงหน้าถนนหน้าประตูจวนของหนิงซีป๋อซุนต้าอิง ซุนต้าอิงได้รับการแต่งตั้งในเดือนสาม เดือนสี่ก็มาเมืองหลวง การเคลื่อนไหวนี้เร็วกว่ากองกำลังไปเมืองต้าถงเสียอีก

ขุนนางใหญ่ในพื้นที่ แม่ทัพชายแดนล้วนมีจวนของตนในเมืองหลวง ใช้เป็นสถานที่ติดต่อไปมาหาสู่เพื่อตำแหน่ง จวนซุนต้าอิงในเมืองหลวงที่เป็นจวนพระราชทาน จวนหนิงซีป๋อกำลังก่อสร้างอยู่ ตอนนี้จึงยังคงอยู่ที่เดิม ที่นี่แม้ว่าไม่ได้ทำจากทองคำอันใด แต่ก็มีลักษณะแบบจวนคหบดีใหญ่

พวกหวังทงมาถึงหน้าประตู แม้ว่าหน้าประตูจวนตระกูลซุนกวาดพื้นสะอาดแล้ว พอม้ามาย่ำ แม้ไม่ทำให้ฝุ่นตลบ หากก็ยังพัดพาลมแรงมา อย่างไรก็ทำให้มีฝุ่นลอยตามมา

“เจ้าพวกบัดซบ เจ้าคิดว่านี่หน้าประตูผู้ใด ถึงกับกล้าเหิมเกริมเช่นนี้”

เห็นชัดว่าบนหลังม้าคือผู้ใด ทหารเฝ้าประตูก็ด่าเสียงดัง หวังทงโดดลงจากหลังม้า ด้านหลังก็มีคนมาดึงม้าไปผูกที่หน้าประตูในจุดพักม้า หวังทงเดินก้าวเข้าไปหน้าทหารเฝ้าประตูท่าทางนิ่งๆ ก่อนจะสะบัดแส้ม้าฟาดใส่ ทหารผู้นั้นเห็นการแต่งกายของหวังทงก็รู้ว่าไม่ได้การแล้ว พอแส้ฟาดใส่ ไม่กล้าหลบ หากหลับตารับแส้ฟาดไปหนึ่งที

‘เพี๊ยะ’ ดังแสบหู ใบหน้ามีรอยเลือด หวังทงหันไปกล่าวกับทหารติดตามมาว่า

“พวกเจ้าบางคนเคยไปชายแดน บางคนไม่เคยไป ต้องรู้ว่าพื้นที่ชายแดน แม่ทัพชายแดนมีอำนาจสูงสุด ไม่มีผู้ใดกล้าหาเรื่องใส่ตัว แม้แต่ทหารในสังกัดยังวางอำนาจเหิมเกริม”

หวังทงพูดไปก็เดินไปด้วย นำคนทั้งหมดเดินเข้าจวนไป ทหารอารักขาจวนด้านในประตูไม่สนใจเพื่อนทหารที่โดนแส้ฟาดไป รีบไปขวางประตูไว้ ทหารท่าทางมีอายุผู้หนึ่งกล่าวว่า

“ใต้เท้าท่านนี้ รบกวนคอยที่นี่ก่อน ข้าจะเข้าไปรายงานท่านป๋อ!”

วาจากล่าวได้มีศิลปะ ทั้งเกรงใจ ทั้งแสดงสถานะหนิงซีป๋อของซุนต้าอิง หวังทงยิ้มเยียบเย็น ตวัดแส้ฟาดไปด้านหน้า ไล่คนด้านหน้าให้ถอยห่าง กล่าวว่า

“ระเบียบจวนข้าก็รู้ จะเข้าไปรอที่โถงหน้า ไปเรียนใต้เท้าว่า องครักษ์เสื้อแพรหวังทงขอพบ”

ทหารในจวนซุนต้าอิงแม้ว่าวางอำนาจเหิมเกริม แต่ก็พอรู้งานอยู่บ้าง การแต่งกายหวังทง ปฏิบัติงานไม่เกรงกลัวผู้ใดเช่นนี้ ตอนเอ่ยชื่อตนออกมาไม่บอกตำแหน่ง ก็รู้ว่าผู้ที่มานี้ไม่ธรรมดา หันไปถลึงตาใส่ทหารตนเองด่าไป ก่อนจะหันหลังวิ่งเข้าไปในจวน

เขากลับไปรายงาน ทหารที่เหลือก็มีท่าทีไม่ให้หวังทงเดินเข้าไปต่อ อย่างไรก็เป็นหน้าตาของจวน ทว่าสถานการณ์ตอนนี้ก็ช่างน่าขัน หวังทงเดินหน้าต่อ สองคนด้านหน้าก็ก้มคำนับขอให้หวังทงรอก่อน คนที่เหลือก็เข้าขวางทหารหวังทง

“มารดาเจ้าสิ ใต้เท้าเราบอกว่าไปรอที่โถงหน้า เจ้ายังขวางทำบ้าอะไร!”

ได้ยินคนหนึ่งด่าขึ้น ตามมาด้วยเสียงร้องเจ็บปวด มีคนหนึ่งล้มแปะลงกับพื้น เมื่อครู่ทหารหวังทงกับทหารจวนตระกูลซุนปะทะกันเล็กน้อย คนที่ติดตามหวังทงมานานจะรู้ธรรมเนียมดีว่าควรทำมากน้อยเพียงใด มีเพียงหานกังที่อารมณ์ยังบุ่มบ่ามเหมือนเดิม

สองฝ่ายปะทะกันครู่หนึ่ง ก็เริ่มรำคาญ ตีคนตรงหน้าล้มไปทันที หานกังรูปร่างสูงใหญ่ ยังมีฝีมือพอตัว พอลงมือคนตรงหน้าก็เสียเปรียบ ล้มลงกับพื้นทันที

คนหนึ่งล้มลง สองฝ่ายพอเข้าประตูมาก็เริ่มปะทะอารมณ์ใส่กัน คนที่ขวางหน้าหวังทงเริ่มมีสีหน้าลำบากใจ แต่ไม่กล้าเข้ามาขวางอีก หนึ่งในนั้นหันไปตะโกนขึ้นว่า

“ใต้เท้าทุกท่าน นายท่านเราเป็นหนิงซีป๋อที่ฝ่าบาททรงพระราชทานให้ ทำการใดในเมืองหลวงควรจะรู้หนักเบาบ้าง!”

วาจานี้ที่จริงแล้วไม่ได้พูดกับพวกหวังทง หากพูดกับทหารตนเอง พวกตนเป็นคนหนิงซีป๋อ ไม่จำเป็นต้องระมัดระวังอันใดนัก

“โอ๊ย เจ้ากล้าลงมือจริงหรือนี่!”

เฉินต้าเหอร้องดัง ยามนี้หวังทงถอยมาก้าวหนึ่ง ทหาร 22 คนเริ่มลงมือก่อนแล้ว พริบตาเดียวก็เรียงเป็นสองแถวเป็นการตั้งค่ายกลห่านป่า กันหวังทงไว้หลังสุด

เมื่อครู่คนจวนตระกูลซุนลงมือกับเฉินต้าเหอ เฉินต้าเหอไม่ได้ล้มลง หากถอยหลังค่อยๆ ก้าว คนผู้นั้นถูกเฉินต้าเหอคว้าตัวไว้ได้ ปลายแถวสุดอย่างถานต้าหู่กับถานเอ้อร์หู่ก็เข้าไปยืนในกลางค่ายกลห่านป่า เห็นคนถูกคุมตัวได้ก็รีบพุ่งเข้าไป สองคนลงมือต่อหนึ่งคน คนผู้นั้นจะรับไหวได้อย่างไร โดนอัดที่ท้องไปหมัดหนึ่ง ก่อนจะถูกปล่อยตัวให้ล้มลง

คนรอบนอกเห็นคนตนเองถูกลากตัวเข้าไปอัด ก็เริ่มร้อนใจ รีบพุ่งเข้ามาหมายช่วยเหลือ แต่การตั้งค่ายกลห่านป่านั้นเป็นการส่งกำลังหนุนกัน รักษาการแน่นหนา สองปีกห่านป่าไม่ต้องลงมือใส่ผู้ใดแค่ลากตัวเข้ามา ขอเพียงค่ายกลไม่แตก หากทหารจวนตระกูลซุนเข้าใกล้ ก็จะถูกลากเข้าไปกลางวง กลางค่ายกลห่านป่ามีสามคนรออยู่ ลงมือล้มทันที

ค่ายกลห่านป่าเคลื่อนไปด้านหน้า ทหารจวนตระกูลซุนเริ่มแตกตื่น ไม่อาจทำลายค่ายกลได้ มองเห็นว่ากำลังจะผ่านเรือนชั้นสองเข้าไปแล้ว ก็รวบรวมคนมามากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังไม่อาจขวางทางคนของหวังทงก้าวเดินเข้าไปได้ ด้านหลังค่ายกลห่านป่ามีทหารนอนร้องเจ็บปวดอยู่ 10 กว่าคน สองฝ่ายลงมือกันจริงๆ แล้ว ในที่สุดก็มีคนทนไม่ไหว ได้ยินเคร้ง มีคนชักดาบออกมาแล้ว

พอได้ยินเสียงเช่นนี้ ก็เงียบกริบไปทั่วบริเวณ คนของหวังทงก็กระชับด้ามดาบแน่น เตรียมลงมือ สีหน้าหวังทงมีรอยยิ้มเยียบเย็น ก้าวเดินไปยังหน้าแถวกล่าวว่า

“องครักษ์เสื้อแพรมาทำคดี คนจวนหนิงซีป๋อกล้าสังหารเจ้าหน้าที่ทางการหรือ? ก็ดี ให้ข้าดูความสามารถทหารเมืองต้าถงหน่อยเป็นไร……”

เมื่อครู่บอกว่ามาขอพบ เมื่อกี้เปลี่ยนเป็นการทำคดี เดิมสถานการณ์กำลังคับขันก็เริ่มกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแล้ว ได้ยินเสียงฝีเท่าเร่งมาจากด้านใน พ่อบ้านคนหนึ่งวิ่งออกมาอย่างเร็ว พอเห็นสภาพตรงหน้า สีหน้าก็ย่ำแย่ หันไปตวาดด่าว่า

“เจ้าพวกลูกหมา นายท่านกำลังรอพบแขกอยู่ที่โถงรับแขก แต่เหตุใดรออย่างไรก็ไม่มาสักที พวกเจ้าทำอันใดกันอยู่”

ได้ยินพ่อบ้านตะโกนดัง ทหารจวนตระกูลซุนก็สบตากัน ยิ่งไม่กล้าลงมือ พ่อบ้านผู้นั้นวิ่งมาถึงด้านหน้าก็ได้ยินเสียงชักดาบ เขายิ่งโมโห จึงได้มาขวางหน้าทหารตน ตบหน้าไปสองที หันไปบอกคนข้างกายว่า

“สมองถูกสุราดองไปหรือไง? หาเรื่องให้จวนเราหรือไง? พวกบัดซบเอ๊ย ไสหัวไป ไสหัวไปให้หมด!!”

พ่อบ้านผู้นั้นทำเป็นมองไม่เห็นคนที่นอนอยู่กับพื้นสิบกว่าคนนั้น เดินไปหน้าหวังทงคำนับแล้วฉีกยิ้มกล่าวว่า

“ใต้เท้าหวัง พวกข้าน้อยอยู่ชายแดนจนชิน ไม่รู้ธรรมเนียมหนักเบา ล่วงเกินนายท่าน ขอท่านได้โปรดอภัยด้วย นายท่านเรากำลังอยู่เรือนด้านใน เชิญ เชิญ!!”

พูดได้น่าฟัง และยังไว้หน้าทั้งสองฝ่าย หวังทงพยักหน้ามองพ่อบ้านยิ้มกล่าวว่า

“เจ้าเป็นคนเก่าแก่ในจวนนี้หรือ?”

พ่อบ้านอึ้งไปก่อนจะยิ้มตอบว่า

“ใต้เท้าสายตาแหลมคม ข้าน้อยทำหน้าที่เฝ้าจวนเมืองหลวง ให้นายท่านมาตลอด ตอนนี้นายท่านได้ตำแหน่งโหว เรื่องในนี้ก็ล้วนเป็นข้าน้อยจัดการ”

หวังทงเดินเข้าไปด้านใน กล่าวน้ำเสียงนิ่งว่า

“เจ้ารู้การหนักเบาดี ห้ามภัยให้จวนนายเจ้าได้ทัน ข้ากำลังอยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่สักหน่อย”

วาจานี้กล่าวออกมา ทำเอาพ่อบ้านอึ้งไป ได้สติทันที ตกใจจนเหงื่อเย็นท่วมหลัง ไม่สนใจนำทางให้หวังทงต่อ หันไปตะโกนเรียกมาคนหนึ่ง เขาเองกลับวิ่งเข้าไปด้านใน รีบไปแจ้งข่าวแก่นายตน

จวนล้วนมีสร้างอย่างมีระเบียบแบบแผน หวังทงย่อมรู้ว่าโถงหน้าอยู่ที่ใด เข้าประตูจวนมา ก็เห็นหนิงซีป๋อซุนต้าอิงกำลังรออยู่หน้าประตู นี่เป็นการพบกันครั้งแรก พอเห็นการแต่งการ ท่าทางแล้ว ก็รู้ว่าใช่แน่แล้ว

ระดับป๋อเป็นระดับสูง รองผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรก็แค่ระดับสาม สถานะห่างกันมาก แต่หากพูดถึงอำนาจสั่งการแล้ว เรียกได้ว่ากลับกัน สีหน้าหวังทงเผยรอยยิ้ม ประสานมือก้าวเข้าไปกล่าวว่า

“กล้ารบกวนท่านป๋อออกมารับได้อย่างไร ช่างทำข้าอายุสั้นแล้ว”

“จะกล้าไม่ออกมาได้อย่างไร ใต้เท้าหวังอย่าได้เกรงใจ เชิญเข้านั่งดื่มน้ำชาก่อน”

จากวาจาทหารที่ปะทะกับหวังทง ทำให้อดีตแม่ทัพเมืองต้าถงรู้ว่า แค่เข้ามาแจ้งก่อนเชิญ ใช้เวลาไม่น่าจะมากมายอันใด เป็นหวังทงจงใจก่อเรื่อง ยังลงมือไปหลายคน ยังกล่าววาจาหนักเช่นนี้ เจตนากวนเรื่องชัดเจน หนิงซีป๋อซุนต้าอิงเป็นแม่ทัพใหญ่เมืองต้าถงมานาน ยิ่งใหญ่มาจนเคย ไหนเลยจะทนรับได้ สีหน้าจึงย่ำแย่ยิ่งนัก

ได้ยินซุนต้าอิงเชื้อเชิญ หวังทงก็ไม่เกรงใจ เดินก้าวเข้าไปทันที เข้าไปก็นั่งกางขาสง่าภาคภูมิไม่เกรงใจ แสดงท่าทางให้เห็นว่าไม่ลงให้ ทำให้คนงาและสาวใช้ในห้องต้องพากันอึ้งไป

ซุนต้าอิงหน้าบึ้งนั่งลง กล่าวว่า

“ใต้เท้าหวังต้องการสืบคดี ไม่ทราบว่าคดีอันใดกัน!”

“ซุนหย่งกังฉุดคร่าสตรี ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ข้ามาจับกุมตัวไปดำเนินคดี”

ได้ยินหวังทงกล่าวเช่นนี้ ซุนต้าอิงก็ตาพองโต กล่าวอึ้งๆ ไปว่า

“ใต้เท้าหวังถึงกับถามเรื่องนี้ เรื่องเล็กเช่นนี้เรียกว่าคดีหรือ ยังต้องให้ใต้เท้าหวังเสียเวลามาเองอีกด้วยหรือ!?”

สีหน้าหวังทงยิ่งนิ่งลง ในสายตาซุนต้าอิงนี่เป็นเรื่องไม่เป็นเรื่อง ไม่ใช่คดีอันใด บุตรชายท่านป๋อฉุดคร่าสตรี ทำร้ายเจ้าหน้าที่ หรือว่าควรเป็นเรื่องกัน ช่างไม่เป็นเรื่อง ยังต้องให้หวังทงมาเอง เห็นท่าทางเขาอึ้งไป หวังทงก็ได้แต่กล่าวต่อว่า

“ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ฉุดคร่าสตรี กลางวันแสกๆ มีพยานและหลักฐาน ก็คือคดี รบกวนท่านป๋อมอบตัวคนทำผิดออกมาด้วย!”

“หวังทง เจ้าอย่ารังแกกันให้มากไป ข้ากับเจ้าไม่มีความแค้นต่อกัน……”

“ท่านป๋อ ข้ากับท่านไม่มีความแค้นต่อกัน ทำผิดก็ดำเนินคดี จับคนทำผิดไปลงโทษ ไม่มีความแค้นอันใด ส่งมอบคนทำผิดออกมาเถอะ!!”

ได้ยินหวังทงตอบน้ำเสียงเยียบเย็น ซุนต้าอิงก็ตบโต๊ะอย่างแรง ทหารตระกูลซุนด้านนอกก็โผล่หน้าเข้ามาดู เห็นซุนต้าอิงโมโหตวาดว่า

“ข้าสังหารศัตรูชายแดนสร้างความชอบ ออกรบเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมา อาศัยความดีความชอบจากการรบจึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ป๋อนี้มา มาถึงเมืองหลวงไม่ใช่ให้เจ้ามาหลู่เกียรติเช่นนี้ ไม่ต้องพูดมากแล้ว พรุ่งนี้เจ้ากับข้าไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทด้วยกัน!!”

สีหน้าหวังทงยังคงนิ่ง กล่าวอย่างไม่ยี่หระว่า

“ท่านป๋อกล้าเอ่ยถึงความดีความชอบจากการรบต่อหน้าข้าหรือ ถือสิทธิ์อันใดกล่าวว่าออกรบเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกัน!?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version