ตอนที่ 755 กองกำลังหู่เวย
“ยกทวนราบ ตั้งแผงสกัด!!!”
เสียงตะโกนดังของหัวหน้านายทหาร พลทวนยาวกองกำลังหู่เวยด้านหน้าห้าแถวก็ตะโกนรับพร้อมเพรียงกัน แถวที่หนึ่งก้าวขึ้นหน้าหนึ่งก้าวยืนร่างเอนไปด้านหน้าเล็กน้อย ทวนยาวเอนลง ปลายทวนทิ่มลงพื้นดิน พลทวนยาวแถวที่สองยกทวนยาวแนวระนาบ ทวนยาวแถวสามชี้ทวนขึ้น แถวสี่เองมุมขึ้นไปอีก แถวหน้าก็เช่นกัน
สั่งการเสร็จ แถวพลทวนยาวก็เปลี่ยนรูปเป็นเหมือนป่าหนามเหล็กที่สร้างจากคมอาวุธ พลทวนยาวกำลังเปลี่ยนรูปขบวน พลปืนไฟด้านข้างพลทวนยาวสองข้างก็เรียงแถวใหม่อีกครั้ง ทุกคนเร่งบรรจุกระสุนปืน
บนสนามรบมีคนส่งเสียงร้องโหยหวนดัง นี่เป็นพวกทหารราบศัตรูชาวฮั่นที่เพิ่งบาดเจ็บเมื่อครู่แล้วไปขวางทางทหารม้านอกด่าน จึงเป็นเหมือนสิ่งกีดขวางที่ต้องบดทับข้ามไป
ทหารม้าพวกนอกด่านไม่สนใจอันใดทะยานม้าข้ามไป ใช้อาวุธในมือสังหารทิ้ง เพื่อให้ม้าตนเองวิ่งได้เร็วขึ้นอีก
ครั้งนี้พวกนอกด่านส่งกำลังทหารม้าชุดใหญ่มา ถึงกับทหารม้าเก่งกล้าสังกัดข่านอันต๋าร่วมด้วย สถานการณ์บุกขึ้นหน้าอย่างห้าวหาญนี้ พวกเขาไม่เชื่อว่าหากไร้ทหารราบจะหนีได้พ้น อย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้ก็หนีไม่พ้น
มองไปยังทัพที่ส่งแสงวิบวับแยงตาแล้ว ก็รู้สึกว่าก็แค่ละครหลอกเด็ก หากบุกไปถึงหน้าได้ พวกมันก็ย่อมแตกกระเจิง ถึงตอนนั้นจะต้องลอกชุดเกราะพวกมันมาให้หมด
เมื่อครู่ทหารม้าที่ไล่ต้อนชาวฮั่นมาคิดจะกะระยะยิงธนู อย่างไรตรงหน้านี้ก็ไม่มีปืนไฟมาขวางทาง แต่พอผ่อนแรงม้าคิดจะยิงธนู ก็พบว่าถูกปืนไฟสองข้างของพลทวนยาวยิงตายไปแล้ว
ไม่มีทางเลือกอื่น ได้แต่บุกเข้าไป อย่างไรพลปืนไฟยังเตรียมตัวอยู่ สองข้างยิงออกมา ย่อมมีระยะยิงโดน หากบุกเข้าไปตรงหน้าได้ ก็สามารถทะลายค่ายพลทวนยาวทหารหมิงได้
ทุกคนกำลังเร่งทะยานม้ามา ซากศพตรงหน้า ทำให้ความเร็วม้ายากจะเร่งขึ้นอีก เสียงกลองด้านหลังเร่งเร้ารุนแรง หากช้าลง ก็จะถูกเพื่อนด้านหลังที่ตามมาฟันตาย หรือไม่ก็ร่วงจากม้า ถูกม้าเหยียบตาย
เสียงปืนไฟน่าตายนั่นดังอีกแล้ว มีคนร่วงจากหลังม้าไม่หยุด แต่การบาดเจ็บนี้เทียบกับโดนระยะตรงก็เรียกได้ว่าไม่เท่าไรนัก อย่างไรก็ยังมีโอกาสบุกขึ้นหน้าได้
ระยะ 30 ก้าว ทหารหมิงตรงหน้ายังคงนิ่ง 20 ก้าว ทหารหมิงตรงหน้ายังคงนิ่ง ใบหน้าที่ปิดด้วยหมวกเกราะไปครึ่งหนึ่งเย็นชายิ่ง เห็นได้ถึงสายตาเย็นชาทะลุออกมา
10 ก้าว ทัพทวนยาวทหารหมิงยังคงนิ่งไม่ขยับ ด้านหน้าเป็นแผงหนามเหล็กส่องประกายระยับเข้าตา ขนเข้าไป เกราะหนังบนตัวย่อมไม่อาจป้องกันทวนยาวแทงใส่ได้ แต่ตอนนี้คิดจะหยุดม้าก็ไม่ทันแล้ว
ม้าไม่ใช่สิ่งไร้ชีวิต มันมีชีวิตและก็มีความกลัว ใช้อาวุธมีคมมาวางตรงหน้าย่อมส่งผลต่อปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณ แม้ว่าถูกแส้ฟาดให้ทะยานขึ้นหน้า แต่สัญชาตญาณก็ย่อมทำให้ม้าเริ่มลน
ม้าบางตัวไม่สนใจการควบคุม ยกตัวขึ้นทันที และการที่วิ่งมาอย่างแรงทำให้ม้าพลิกคว่ำ มีบางตัวพยายามหันหัวกลับ แต่ก็ย่อมไม่อาจทำได้ จึงล้มลงกองกับพื้นแทน มีทหารม้าบางนายพยายามใช้ขอแทงม้าเข้าที่ท้อง ความเจ็บจะทำให้ม้าไม่สนใจทวนยาวที่แทงจ่อตรงหน้า
ทวนยาวหนักแน่นดุจขุนเขา แหลมคมดุจหินโสโครกริมทะเล ยับยั้งการบุกรุนแรงได้ทุกทาง หนาวจากทวนยาวแทงทะลุม้า ทหารม้าบนหลังม้าพยายามบังคับม้าไม่ให้พลิกคว่ำ มีบางคนปะทะแรงร่วงลงพื้น คนด้านหลังมาเหยียบข้ามไปทันที
ยามนี้โหดร้ายกับปืนไฟยิงเมื่อครู่เสียอีก ระยะห่างสองฝ่ายมาปะชิดกันแบบถึงตัวแล้ว ทวนยาวแทงใส่ร่าง ส่งเสียงร้องโหยหวนเจ็บปวดจากใจ ทหารม้าพวกนอกด่านยิงธนู โยนขวานในมือทิ้ง แต่ก็ไม่อาจทำอันใดพลทวนยาวหมิงในชุดเกราะได้
ทหารหมิงส่งเสียงร้องตะโกนดัง ค้นหาช่องว่างสักที่ แทงทวนยาวในมือออกไป แทงไม่หยุด แถวค่อยๆ หลวมลง ค่อยๆ แทงออกไป หัวหน้านายทหารใช้ทวนและขวานในมือแทงฟันใส่ ทหารม้าพวกนอกด่านถูกฟันถูกเกี่ยวร่วงจากหลังม้า จากนั้นก็ถูกรุมแทงตาย
ปืนไฟสองปีกในที่สุดก็เริ่มระดมยิงออกไป ยิงไปยังทหารม้าที่บุกเข้ามาทางด้านหน้าพลทวนยาว ยิงไม่หยุด ก็ไม่อาจขวางพวกทหารม้าบุกได้ทั้งหมด แต่ก็ทำให้ทหารม้าบุกได้ต่อเนื่องนัก การไม่อาจบุกต่อเนื่องก็ไม่อาจกดดันพลทวนยาวได้
พลปืนใหญ่กำลังสาละวน ทหารติดตามหวังทงกับทัพม้าที่เก่งกล้าเริ่มลงสู่สนามรบ ในการรบแบบตัวต่อตัว พวกเขาเก่งกล้าว่า พลปืนไฟและพลทวนยาวมาก พวกบุกตรงหน้ามุ่งไปทางพลทวนยาว ดังนั้นทหารติดตามหวังทงจึงสามารถเข้าขวางทางได้
หวังทงถือดาบพัวเตาขี่ม้ามองไปยังรอบๆ ทางปีกขวาของกองกำลังหู่เวยเห็นทหารม้าพวกนอกด่านวกกลับมา หลังจากบุกด้านหน้าราวคลื่นกระแทกฝั่ง ก็เห็นทหารม้าชุดใหญ่ออกมา ทหารถ่ายทอดคำสั่งรีบรุดมาหาหวังทง
ทางเมืองจี้โจวต้องการทัพม้าไปช่วยเพิ่ม พวกนอกด่านกดดันทัพเมืองจี้โจว ไม่น้อยไปกว่าทางกองกำลังหู่เวย ทัพเมืองจี้โจวไม่กล้าปล่อยทหารตนเองออกไปรบ เกรงว่าจะถูกทหารม้านอกด่านตีพ่าย ใช้การใดไม่ได้มาก ทหารบนหอสังเกตการณ์รายงานว่าเห็นในค่ายรถศึกมีทหารราบสองกองมารวมตัวกัน คาดว่าจะใช้วิธีการแบบหวังทง
เสียงเป่าเขา เสียงกลองดังขึ้นตามจังหวะ พวกนอกด่านยกทัพออกมาไม่หยุด หัวหนานายทหารพวกนอกด่านเริ่มกุมทิศทางการรบในสนามรบได้แล้ว เขาใช้กำลังในมือรบ ไม่เพียงแต่ได้เปรียบแต่ยังใกล้จะล้อมทหารหมิงไว้ได้หมดแล้ว สถานการณ์เริ่มเอนไปทางพวกนอกด่านแล้ว
ในสถานการณ์ยากคาดเดา การติดตั้งเครื่องดีดก้อนหินก็ยังคงดำเนินต่อไป แท่นไม้สูงค่อยๆ เป็นรูปร่าง ไม้กระดกยาวกำลังติดตั้งขึ้นด้านบน เริ่มใช้หนังมัดให้แน่นแล้ว
“แม่ทัพใหญ่ ทัพม้าศัตรูห่างจากค่ายรถศึกเราไม่เกิน 300 ก้าว!”
ด้านหลังมีเสียงตะโกนดัง ค่ายรถศึกมีคำสั่งถ่ายทอดมา หน่วยรักษาความปลอดภัยย่อมชำนาญการใช้ปืนไฟ คนงานในค่ายรถศึกก็สามารถใช้ทวนยาวกับดาบออกต่อสู้ได้ พวกเขาขาดก็แค่ประสบการณ์การรบในสนามจริงเท่านั้น มีค่ายรถศึกช่วยในการรบ พวกเขาย่อมมีแรงกำลังรบได้ หวังทงไม่กังวล
แต่สถานการณ์รบตอนนี้ หวังทงหันไปมองปืนใหญ่ข้างๆ ส่วนใหญ่ปืนใหญ่เริ่มเตรียมงานขั้นตอนสุดท้ายแล้ว หวังทงค่อยๆ ยกมือขึ้น
“ยิง!!”
เสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้หวังทงยกมือค้าง เสียงยิงปืนใหญ่นี้ไม่ใช่ปืนใหญ่ตน แต่เป็นทางเมืองจี้โจว ทางนั้นในที่สุดก็ใช้ปืนใหญ่แล้วหรือ?
“แม่ทัพใหญ่ เมืองจี้โจวยิงปืนใหญ่ไปโดนปืนใหญ่หุยหุยกระบอกหนึ่งพังไป!!
แม้ทหารไม่รายงาน หากหวังทงก็สามารถได้ยินทหารบนหอสังเกตการณ์ร้องตะโกนอย่างดีใจได้ เขาเสียงแหบไปหมดแล้ว แม้ว่าพกน้ำไว้ด้วยก็ตาม
อานุภาพปืนใหญ่ไม่ต้องพูดถึง แต่เสียงนั้นไม่ได้ดังน้อยกว่ากองกำลังหู่เวยเลย เสียงดังพสุธากัมปนาทไม่หยุด ปืนใหญ่ไม่เหมาะกับยิงบนรถศึก ทหารเมืองจี้โจวนำมาทั้งหมดสิบกระบอก
พอสิบเสียงดังสนั่นขึ้น ทหารบนหอสังเกตการณ์มองแล้วผิดหวังมาก เพราะมีเพียงสองกระบอกที่ยิงโดนเป้าหมาย ที่เหลือยังปล่อยให้เครื่องดีดหินนั่นตั้งตระหง่านต่อไป ค่อยๆ ตั้งเสร็จแล้ว
ปืนใหญ่ขนาดนี้ตั้งบนกองดินที่สร้างขึ้นมักไม่แม่น ได้แต่อาศัยความชำนาญในการยิง นี่เป็นปืนใหญ่ทหารหมิงที่มักใช้ในการตีกำแพงเมือง ไม่ค่อยได้ใช้ในการรบตามสนามกว้าง
หลังจากยิงครั้งนี้ แท่นปืนใหญ่ต้องซ่อมขึ้นใหม่ แล้วก็ล้างปากกระบอกปืนใหม่ ต้องใช้เวลามาก ปัญหาคือทางนี้เครื่องดีดก้อนหินเริ่มติดตั้งเสร็จแล้ว ไม่รู้ว่าจะเปิดโอกาสให้ทหารเมืองจี้โจวได้ยิงปืนใหญ่รอบสองหรือไม่?
เมื่อครู่เสียงยิงปืนใหญ่ทำให้พวกนอกด่านล้มตายไป ปืนใหญ่ยิงไปกลางทัพพวกนอกด่าน แต่การสังหารได้ไม่ได้มีผลอันใด ชุลมุนชั่วครู่ก็จะเริ่มกลับมาบุกต่อ เครื่องดีดก้อนหินยังคงเตรียมงานอยู่
เสียงปืนไฟกับปืนใหญ่ระดมยิงด้านหลังหวังทง หวังทงค่อยๆ หันไปดู หรี่ตามมองการบุกของทหารม้าพวกนอกด่านกองนั้นที่ค่อยยกธนูขึ้นน้าว แต่ในระยะยิงนี้ ธนูไม่มีประโยชน์อันใด
พวกเขายิงหน้าค่ายรถศึกนี้ไม่ได้เปรียบอันใด กำลังหลักในค่ายรถยังคงกระหน่ำยิงออกมา คนในค่ายรถที่เฝ้าค่ายรถก็ยังคงเป็นนักรบได้
“แม่ทัพใหญ่ พลปืนใหญ่เตรียมการเรียบร้อย!!”
จางอู่ตะโกนดัง มู่เอินจับตาดูสนามรบเบื้องหน้า นอกรัศมียิงของปืนไฟ ทหารม้าพวกนอกด่านเริ่มเก็บกวาดซากศพ ไม่ใช่เพราะสงสารหรือเมตตาอันใด แต่เพราะเปิดพื้นที่ว่างราบให้ทหารม้าด้านหลัง ทหารม้าชุดใหม่นี้ดูเก่งกล้ากว่าเมื่อครู่มาก ยืนเรียงแถวรบเรียบร้อย เกราะและอาวุธก็ดูดีกว่า
ดูท่าพวกนอกด่านเคลื่อนกำลังหลักของตนออกมาเช่นกันแล้ว ที่พวกนอกด่านจะทำนั้นทุกคงมองเข้าใจแล้ว เครื่องดีดก้อนหินขอเพียงยิงได้ แถวรบก็แตกพ่าย สนามรบย่อมเปลี่ยนเป็นทหารม้าได้เปรียบในการเข้าสังหารทหารราบ คิดได้ไม่เลว แผนดีมาก อย่างน้อยหวังทงยามนี้จึงได้เพิ่งจะรู้ว่าพวกนอกด่านมีอาวุธระยะไกลเช่นนี้ด้วย
หวังทงมองทหารม้าพวกนอกด่านจัดแถวไปพลางกล่าวไปว่า
“ปืนประสุนเก้าชั่งเล็งไปที่ปืนใหญ่หุยหุย ปืนประสุนหกชั่งยิงไปแถวทัพทหารม้าพวกนอกด่าน!!”
สั่งจบ หวังทงก็โบกมือลง มู่เอินรีบรับคำสั่งออกไปเตรียมพร้อม พลปืนใหญ่คว้าเหล็กที่เผาจนแดงฉานจากกระถางไฟออกมา ในตอนนั้นเอง เสียงกลองหนังวัวก็ตีดัง ทหารม้าพวกนอกด่านเริ่มเคลื่อนกำลัง
วิ่งไปตรวจปืนใหญ่แต่ละกระบอกอย่างเร็ว เห็นว่าเตรียมการพร้อมสรรพ มู่เอินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะตะโกนดังลั่น
“ยิง!!”
พลปืนใหญ่ที่ตั้งแต่ก้าวเข้าสู่ทุ่งหญ้าก็เหมือนพวกไร้ประโยชน์ ยามนี้ในที่สุดก็ได้โอกาสยิงให้สะใจเสียที พลปืนใหญ่จุดชนวนทีละกระบอก……
พริบตาเดียว แผ่นดินสะเทือนลั่น เสียงดังราวอสุนีบาต ทุกเสียงถูกกลบมิด!!