Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 80

ตอนที่ 80 หน้าประตูจวนนายกองร้อยในปีที่ 5 แห่งรัชสมัยว่านลี่

“ลุงเถียน ท่านดูหนุ่มกว่าปีที่แล้วอีก!”

พอประตูหน้าเปิดออก ลุงเถียนถือไม้กวาดและอุปกรณ์เดินออกมาช้าๆ หวังทงก็เอ่ยหยอกล้อเสียงดัง รีบเข้าไปรับของในมือมา

วันที่ 18 เดือนหนึ่งวันนี้ลานฝึกเตรียมการพร้อมเสร็จสรรพแล้ว แต่เปิดตอนไหนนั้นยังต้องรอแจ้งจากในวัง หวังทงตอนนี้ก็เป็นนักเรียนคนหนึ่งของลานฝึก

นอกจากนี้ สถานะอย่างเป็นทางการของเขาก็คือนายกองธงใหญ่องครักษ์เสื้อแพร วันที่ 18 เดือนหนึ่งนับว่าเป็นวันที่กลับคืนสู่ปกติ แน่นอนว่าต้องมารายงานตัว

แม้ว่าได้รับการดูแลจากบรรดาผู้มากบารมี แต่หวังทงก็ไม่รู้สึกว่าตนเองไม่ได้เป็นคนใหญ่คนโตอะไร ยังคงรักษาความอ่อนน้อมนุ่มนวลของตนเช่นนี้เอาไว้อยู่เสมอ

ตื่นแต่เช้ามาช่วยงานลุงเถียนเหมือนกับเมื่อปีที่แล้ว พอเห็นหวังทงมาด้วยท่าทีดังเดิม ลุงเถียงก็ประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด ตามมาด้วยเสียงหัวเราะ

“เจ้าหนู ช่วงปีใหม่สิบกว่าวันนี้โผล่หน้ามาหน่อย ข้ายังอยากเลี้ยงสุราเจ้า”

“ลุงเถียนเอ่ยเลี้ยง ไหนเลยจะกล้ารับ รอไว้เชิญลุงเถียนไปหอเลิศรส ตอนนี้ที่นั่นมีพ่อครัวสองคนทำอาหารได้รสไม่เลว จะเป็นเพื่อนดื่มกับลุงสักสองสามจอก”

พูดไปก็ลงมือกวาดไป ลุงเถียนก็ตามราดน้ำไป เพราะอากาศหนาวน้ำที่สาดไปก็จับตัวเป็นน้ำแข็งได้ง่าย ดังนั้นจึงสาดได้ไม่มาก ต่อมาก็เดินตามคุยกับหวังทง หวังทงก็กวาดพื้นไปเรื่อยๆ

“เห็นลุงเถียนยังคงทำตัวกับข้าเหมือนเดิม ข้าก็ดีใจ”

“จะให้ทำตัวกับเจ้ายังไง คุกเข่าโขกคำนับหรือไง เรื่องของเจ้า ไม่เพียงแต่ข้าไม่อยากรู้ แม้แต่ลูกชายไร้สามารถของข้า ข้าเองก็ไม่รู้เท่าไร ข้าแค่บอกไปว่า เจ้ามีหูตากว้างไกลไม่น้อย ต้องมีมารยาทกับเจ้าสักหน่อย”

ชั่วขณะนั้นเอง หวังทงพบว่าตื่นเช้ามาช่วยลุงเถียนกวาดพื้น เป็นช่วงเวลาที่ตนเองผ่อนคลายสบายใจที่สุด…

การรายงานตัวเหมือนปกติ หน้าประตูนายกองร้อยเถียนมีคนมากขึ้นเรื่อยๆ หวังทงก็ยังคงหาที่ยืนในมุมว่างหน้าประตูเหมือนเช่นปกติ

เมื่อองครักษ์เสื้อแพรทุกคนมาถึงก็จะเข้ามาทักทายคารวะ แม้ว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของหวังทง แต่หวังทงตอนนี้เป็นนายกองธงใหญ่ประจำถนนทักษิณ เป็นรองของใต้เท้านายกองร้อย

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเคลื่อนย้ายกำลังครั้งนั้นที่เป็นการทำลายธรรมเนียมปฏิบัติขององครักษ์เสื้อแพรลง ถึงกับสามารถย้ายนายกองธงเล็กจากถนนหนิวหลันที่ห่างกันหลายท้องที่มาสังกัดตนเองได้ ไม่รู้ว่าเบื้องหลังเจ้าหนุ่มนี่จะมีสายสัมพันธ์กับผู้ใด ถึงได้มีความสามารถเพียงนี้ได้

คำทักทายของทุกคน หวังทงล้วนประสานมือยิ้มตอบรับ เขามองเห็นความไม่เป็นธรรมชาติในสายตาของทุกคน ปีนี้หวังทงอายุเพียง 14 ปี เด็กที่ยังไม่โตเช่นนี้กลับมาเป็นหัวหน้าพวกเขา ยังต้องมาคอยคำนับด้วยท่าทางนอบน้อมเช่นนี้ ไม่ว่าเป็นใครก็คงรู้สึกไม่สบายใจนัก

จางซื่อเฉียง ซุนต้าไห่ หลี่เหวินหย่วน ทั้งสามทยอยมาตามลำดับ นอกจากซุนต้าไห่ที่พาลูกน้องมาด้วยแล้ว ที่เหลือล้วนมาคนเดียว

อาจเพราะพวกเขาเป็นอีกพวกของกองร้อย หรือเพราะมาจากองอื่น ต่างจากคนที่อยู่รอบๆ พวกเขาจึงได้มายืนข้างหวังทง คนรอบๆ ก็ไม่ได้เข้ามาทักทาย จึงแบ่งออกเป็นสองข้างโดยปริยาย

ไม่ได้เจอนายกองธงใหญ่หลิวซินหย่งมานาน เขายังคงขี่ม้ามา นายกองธงเล็กเจ้ากั๋วต้งตามมาด้านหลัง บรรดาองครักษ์เสื้อแพรที่มาถึงก่อนแล้วควรต้องประสานมือคารวะ

หากแต่ครั้งนี้มีแต่คนรอบนอกที่ทักทาย องครักษ์เสื้อแพรที่อยู่ด้านในจะคารวะก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองมาทางหวังทง

หลิวซินหย่งรู้สึกได้อย่างรวดเร็วว่าไม่ปกติ เขาเห็นหวังทงอย่างเร็ว เจ้ากั๋วต้งที่อยู่ด้านหลังก็ไม่มีร่องรอยบาดเจ็บแล้ว แต่พอเห็นหวังทงก็ยังคงหัวหดตัวลีบไม่ทันรู้ตัว หลิวซินหย่งแม้ว่าไม่พูดอะไร แต่สายตาที่มองมาก็ยังคงไม่ประสงค์ดี

หวังทงจ้องมองตอบอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อยเช่นกัน ตอนนี้ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องหวาดกลัวหลิวซินหย่ง

แม้หวังทงจะยืนที่พื้น หลิวซินหย่งอยู่บนหลังม้า แต่เมื่อสายตาปะทะกัน กลับเป็นหลิวซินหย่งที่ต้องหลบตาก่อน เพราะเขารู้สึกว่าอีกฝ่ายเหมือนกับกำลังมองข่มตนอยู่

ตามธรรมเนียมเมื่อก่อน เมื่อหลิวซินหย่งมา นายกองร้อยเถียนก็จะรีบเปิดประตูออกมา แต่วันนี้รออยู่นานแล้ว นานกว่าปกติไปเกือบครึ่งชั่วยามก็ไม่มีใครออกมา องครักษ์เสื้อแพรที่รออยู่เริ่มร้อนใจเล็กน้อย พากันกระซิบวิพากษ์วิจารณ์

ไม่มีใครคาดว่านายกองร้อยเถียนจะขี่ม้ากลับมาจากข้างนอก พอเห็นนายกองร้อยผู้นี้สีหน้าซีดเซียว เส้นเลือดในดวงตาแดงก่ำ หรือเขาอยู่ข้างนอกมาตลอดทั้งคืน…

นายกองร้อยเถียนลงจากม้าด้วยท่าทางเหน็ดเหนื่อย ยืนกวาดตามองบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่บนแท่นบันไดหน้าประตูตามความเคยชิน พอเห็นหวังทงก็ตกตะลึง รีบกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า

“นายกองหวัง ท่านก็มาหรือ”

ดูเหมือนเป็นการทักทายไปอย่างนั้น แต่บรรดาองครักษ์เสื้อแพรร้อยกว่านายด้านล่างก็หันไปมองหวังทงทันที นาย กองร้อยเป็นผู้มีอำนาจเช่นนี้ วันนี้กลับไม่ถือตัวกล่าวทักทายนายกองธงใหญ่ด้วยตัวเอง เจ้าเด็กที่ยังไม่โตนี่มีเบื้องหลังระดับใดกันแน่ เลื่อนตำแหน่งเร็วไม่ว่า หัวหน้ากลับเกรงใจเช่นนี้อีก

หวังทงรีบประสานมือคารวะตอบความปรารถนาดีของนายกองร้อยเถียน เห็นหวังทงตอบรับอย่างเกรงใจเช่นนี้ นาย กองร้อยเถียนก็พยักหน้ารับ เขารู้สึกสบายใจลงเปาะหนึ่ง เดิมเพราะบิดาตนเห็นความสามารถหวังทง ต่อมาเพราะเคยทำงานรับใช้ในจวนอำมาตย์จางมาก่อน บิดาทราบข่าวสารฉับไวจึงได้มาบอกตนเองว่าหวังทงมีเบื้องหลังยิ่งใหญ่ ล่วงเกินไม่ได้

การโยกย้ายนายกองธงเล็กจากถนนหนิวหลันมาก็ยิ่งเป็นเครื่องพิสูจน์เรื่องนี้ ผู้ใต้บังคับบัญชามีเบื้องลึกที่ไม่รู้ชัด เบื้องหลังก็ล่วงเกินไม่ได้เช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไรนัก

นายกองร้อยเถียนมีท่าทีเคารพและวางตัวมีระยะห่าง ที่ผ่านมารู้จักกันมาไม่มาก ในใจก็กังวลว่าหวังทงจะวางตัวอวดเบ่งคิดว่าตัวเองมีอำนาจหรือไม่ พวกอายุน้อยเก็บอาการไว้ไม่อยู่มักจะเป็นเหมือนกันทั้งนั้น แต่ท่าทางอ่อนน้อมนุ่มนวลของหวังทงทำให้เขาไม่ระแวงเรื่องนี้ รู้สึกวางใจลง

ฉากเมื่อครู่ทำเอาสีหน้านายกองหลิวซินหย่งยิ่งย่ำแย่ลง นายกองร้อยเถียนยืนอยู่บนขั้นบันไดกำลังจะกล่าว แต่เพราะเหน็ดเหนื่อยจนเกินจะทนไหวจึงยกมือขยี้ตา

“ใต้เท้าเถียน ในเมื่อตอนนี้นายกองหวังรับภารกิจกวาดล้างจับกุม ภาระงานมากมาย เรื่องงานประจำการบนถนนทักษิณนั้นก็ไม่ใช่งานในหน้าที่ เช่นนั้นก็มอบให้ผู้อื่นไปทำ!”

ผู้ที่ชิงพูดก่อนก็คือหลิวซินหย่ง พอเขาพูดออกมา องครักษ์เสื้อแพรที่ได้ยินก็พากันออกเสียงเห็นด้วย อย่างไรถนนทักษิณเส้นนั้นก็เป็นเนื้อก้อนใหญ่ของกองร้อย หากหวังทงคายออกมา ทุกคนก็ล้วนมีโอกาสได้แบ่งสรรกัน ผลประโยชน์อยู่เบื้องหน้าใครเล่าจะปฏิเสธ

“ไม่ให้!”

หวังทงตอบเสียงเย็นเยียบ เสียงอื้ออึงในลานพลันเงียบลงทันที ใครก็ไม่คาดว่าเด็กน้อยยังไม่โตผู้นี้จะปฏิเสธได้อย่างเด็ดขาดเช่นนี้

“นายกองหวัง ตั้งแต่เจ้ามาประจำการบนถนนทักษิณ เงินที่นำส่งก็มากกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า ได้ข่าวว่าร้านค้าบนถนนทักษิณล้วนหวาดกลัวเจ้า พวกเราพี่น้องคนกันเอง บอกตามตรง นายกองหวังอมเอาไว้ไม่น้อยกระมัง!”

หลิวซินหย่งกล่าวพลางยิ้มกริ่ม เจ้ากั๋วต้งที่อยู่ด้านข้างก็รีบเสริมขึ้นว่า

“ใต้เท้าหลิวพูดถูก ตอนข้าน้อยประจำการบนถนนทักษิณ เงินที่เก็บได้ทุกเดือนยังต่างจากหวังทงมาก นับถือจริงๆ”

คนหนึ่งร้องคนหนึ่งรับ สายตาที่ทุกคนมองหวังทงเริ่มเปลี่ยนไป หวังทงเก็บเงินส่วยได้มากขึ้น ลดช่องทางการแอบเม้มไว้ไม่น้อย เห็นชัดว่าทุกคนได้แบ่งกันมากขึ้น แต่ในใจทุกคนก็เช่นเดียวกัน แบ่งให้ทุกคนเยอะแล้ว บางครั้งก็ไม่แน่ว่าจะรู้สึกขอบคุณ กลับทำให้ทุกคนคิดไปว่าเก็บได้มากกว่าจึงได้ใจกว้างเพียงนี้

“ข้าเพียงแต่เก็บตามที่กำหนดไว้ เพียงแต่หักเก็บไว้เองน้อยหน่อยเท่านั้น”

“แค่ล้อเล่นเท่านั้น นายกองหวังอย่าได้โกรธ แต่ทุกคนล้วนต้องกินต้องใช้ ในเมื่อท่านเลือกงานกวาดล้างจับกุม ก็ส่งงานประจำการคืนออกมาเถอะ พี่น้องมากมายเช่นนี้ ใช่ว่าทุกคนจะร่ำรวยเหมือนอย่างท่านที่ได้เพิ่มตลอด”

วาจาแต่ละประโยคล้วนบีบคั้น แต่ใบหน้ายังคงยิ้มแย้ม หวังทงขี้เกียจกล่าวให้มากความ ยังคงตอบไปประโยคเดียวสั้นๆ ว่า

“ไม่ให้!”

บรรยากาศเริ่มไม่ดี องครักษ์เสื้อแพรบางคนเริ่มด่าต่อว่า ทุกคนเป็นผู้ชายหยาบกระด้าง เมื่อเสียเปรียบก็ไม่เคยต้องทนอดกลั้นมาก่อน เสียงก่นด่าหยาบคายดังขึ้นเรื่อยๆ

ซุนต้าไห่กับหลี่เหวินหย่วนสบตากัน ต่างพากันเอามือกุมดาบไว้ ซุนต้าไห่ป้องกันอยู่รอบนอก

“ทุกคนหุบปากให้หมด!!”

พอได้ยินนายกองร้อยเถียนตวาดเสียงดังด้วยความโมโห ทุกคนก็เงียบทันที นายกองร้อยเถียนนวดขมับกล่าวว่า

“เมื่อวานนายกองระดับนายกองร้อยองครักษ์เสื้อแพรขึ้นไปไปประชุมกันที่สำนักองครักษ์เสื้อแพร ผู้บัญชาการหลิวกำชับลงมาว่า ให้ทุกกองร้อยกองพันในเมืองหลวงเข้มงวดให้มากกว่าเดิม อย่าได้มีเหตุไม่สงบ อย่าได้มีคดีร้ายแรง กำชับมาที่กองพันนายกองพันโจวหลินปิ่งเป็นพิเศษ นายพันโจวก็ได้กำชับกองร้อยเราลงมาอีกที พวกเจ้าช่วงนี้จะต้องเข้มงวดกวดขันให้มาก จับตาดูให้ดี พวกเจ้าเข้าใจไหม?”

“ข้าน้อยเข้าใจขอรับ!!”

สำนักองครักษ์เสื้อแพรพากันส่งเสียงตอบรับพร้อมเพรียง ผู้บัญชาการสั่งการลงมา ย่อมไม่อาจรอช้า นายกองร้อยเถียนกล่าวจบหันไปทางหลิวซินหย่งกล่าวว่า

“นายกองหลิว เมื่อคืนได้ปรึกษากันมาทั้งคืนได้มาข่าวหนึ่ง ท่านรู้หรือไม่?”

ใต้เท้านายกองร้อยมีข่าวบอกกล่าวข้า หลิวซินหย่งรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันที เห็นว่าเป็นคนกันเอง เขยิบเข้าไปฟังใกล้ๆ นายกองร้อยเถียนหรงหาวกลับกล่าวเสียงดังกังวานว่า

“เมื่อคืนขันทีหูต้าเฉวียนประจำสำนักดูแลพระราชฐานผูกคอจบชีวิตตนเอง สำนักบูรพามีคำสั่งให้องครักษ์เสื้อแพรเราสืบคดีนี้ ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องถูกสอบอย่างละเอียด…หลิวซินหย่ง หูต้าเฉวียนเป็นบิดาบุญธรรมเจ้าใช่ไหม?”

น้ำเสียงเรียบๆ แต่กลับทำให้หลิวซินหย่งสีหน้าย่ำแย่ราวกับบิดาแท้ๆ จากไป องครักษ์เสื้อแพรที่เดิมอยู่รอบกายเขาก็พากันกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง

“กลับไปบ้านพักผ่อนก่อนเถอะ งานของเจ้าก็มอบให้นายกองหวังไปดูแล ซินหย่งเจ้าก็ไม่ต้องกังวลอะไรไป เรื่องกระจ่างชัด ทุกคนก็ยังเป็นพี่น้องกัน”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version