№ 234 ติดกับเสียเอง!
“เหอะๆ มีๆๆ ข้าจะหยิบมาให้คุณชายดูนะขอรับ”
เจ้าของร้านยิ้มตอบรับ หยิบกระถางสามขาใบเล็กจากด้านในตู้หน้าร้านมาจัดวางไว้ตรงหน้าเฟิ่งจิ่ว “เชิญคุณชายดู นี่คือกระถางปรุงยาที่เป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับเก้า เหมาะสำหรับผู้ฝึกตนที่เพิ่งเริ่มเรียนปรุงยาเป็นที่สุด”
เฟิ่งจิ่วหยิบกระถางสามขาที่ดูเหมือนเตาเครื่องหอมใบนั้นขึ้นมาดู ถามว่า “ของเล่นพรรค์นี้ใช้ปรุงยาได้ด้วยรึ?”
ได้ยินคำพูดนี้ เจ้าของร้านก็อึ้งไป รอยยิ้มบนใบหน้าแข็งทื่อเล็กน้อย มองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง พูดยิ้มๆ ว่า “คุณชาย นี่เป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับเก้า ขอแค่ปล่อยพลังวิญญาณเข้าไปก็สามารถใช้การได้ หลังปล่อยพลังเข้าไปกระถางเล็กๆ นี้จะใหญ่ขึ้น สามารถปรุงยาได้แน่นอนขอรับ”
“ระดับเก้า? เหมือนจะเป็นระดับต่ำสุดรึเปล่า? มีที่ดีกว่านี้หน่อยหรือไม่?”
“คุณชายลองดูชิ้นนี้ นี่เป็นเตาปรุงยาระดับเจ็ด ชิ้นนี้เป็นผลงานของปรมาจารย์ยอดนักหลอม ไม่ว่ารูปลักษณ์หรือคุณภาพล้วนเป็นสินค้าชั้นดี ยังมีชิ้นนี้อีก นี่คือกระถางมังกรคู่ เป็นเตาปรุงยาระดับหก และเป็นผลงานระดับยอดปรมาจารย์เช่นกัน คุณชายลองดูได้ว่าชอบชิ้นไหน”
เจ้าของร้านหยิบเตาปรุงยาใบเล็กๆ สองสามใบขึ้นมาวาง เสนอให้เฟิ่งจิ่วเลือก
เธอหยิบเตาปรุงยาใบนั้นขึ้นมาดู ถามว่า “ระดับหกนี่ราคาเท่าไหร่รึ?”
“เหอะๆ ชิ้นนี้เป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับหก ราคาอยู่ที่แปดหมื่นแปดพันแปดร้อยแปดสิบแปดทอง หากคุณชายต้องการอย่างใจจริง ข้าก็ปัดเศษให้ได้ เหลือแค่แปดหมื่นแปดพันแปดร้อยแปดสิบทองขอรับ”
“แพงถึงเพียงนี้เชียว?”
เฟิ่งจิ่วมองเจ้าของร้านด้วยความตกตะลึง “เตาเครื่องหอมเล็กๆ เช่นนี้ราคาแปดหมื่นแปดพันแปดร้อยแปดสิบทอง? นี่มันขูดรีดกันชัดๆ!”
เจ้าของร้านได้ยินก็กระตุกมุมปาก “คุณชาย นี่ไม่ใช่เตาเครื่องหอม เป็นเตาปรุงยา และเป็นอุปกรณ์วิญญาณ ทองแปดหมื่นแปดพันแปดร้อยซื้อเตาปรุงยาระดับหกหนึ่งชิ้น ราคานี้ถือว่ายุติธรรมมากแล้วขอรับ”
เฟิ่งจิ่วส่ายหน้า “แพงเกินไป ข้าซื้อไม่ไหวหรอก! ก้อนเงินร้อยก้อนถึงจะเท่าหนึ่งทอง ราคาแปดหมื่นกว่าทองนี้ ต้องนับเป็นกี่ก้อนเงิน? ของชิ้นนี้ช่างผลาญเงินเหลือเกิน”
อันที่จริง เขาเห็นคุณชายชุดแดงผู้นี้ท่าทางไม่ธรรมดา หน้าตาเช่นคุณชายผู้สง่างามสูงศักดิ์ เดิมนึกว่าเป็นลูกชายวงศ์ตระกูลชนชั้นสูงที่ไม่เคยขาดเงิน ใครจะรู้…
เฟิ่งจิ่วหันสายตาไป เอ่ยถามทั้งหรี่ดวงตายิ้ม “เจ้าของร้าน ที่นี่เจ้ามีตำราหลอมอุปกรณ์ขายหรือไม่?”
ของชิ้นนี้แพงถึงเพียงนี้ หากหลอมเองได้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องประหยัดเงินไปหนึ่งก้อน ตัวเองยังสามารถใช้การหลอมอุปกรณ์มาหาเงินได้อีกด้วย คิดๆ แล้วก็ไม่เลวเลย
เจ้าของร้านผงะไปสักพัก หลังมองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง ถึงจะกล่าวว่า “มีคนมาวางขายไว้ที่นี่เล่มหนึ่ง ราคาแค่หนึ่งร้อยทอง ท่านลองดูหน่อยเถอะ!” เขาหยิบตำราเก่าๆ เล่มหนึ่งออกจากตู้ยื่นมาข้างหน้า
เฟิ่งจิ่วรับมาพลิกอ่านคร่าวๆ พักหนึ่ง เห็นด้านในทุกหน้าล้วนมีการจดบันทึก จึงมองที่เจ้าของร้าน
“เก่าขนาดนี้ก็หนึ่งร้อยทองรึ? ห้าสิบทองแล้วกัน ข้าซื้อ!”
เจ้าของร้านมุมปากกระตุก บอกว่า
“ข้าว่าคุณชาย ท่านตัดราคาโหดร้ายเกินไปแล้วกระมัง? พอเอ่ยปากก็ตัดลงครึ่งราคา จะให้พวกข้าทำมาหากินเช่นไรเล่า? เช่นนี้เถอะ! หากท่านต้องการจริงๆ เอาไปแปดสิบทองละกัน ไม่ถึงแปดสิบข้าก็ไม่ขายแล้ว”
ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วแย้มยิ้ม ล้วงเงินออกมาซื้ออย่างเต็มใจ หลังเก็บตำราเล่มนั้นขึ้นมา ก็หันตัวเดินออกไป
ทว่า เพิ่งออกจากร้านมาก็เห็นเงาร่างอันคุ้นเคย เมื่อพบเงาร่างนั้น ดวงตาเธอเป็นประกาย เผยรอยยิ้มวิ่งเข้าไปหาคนคนนั้น ขณะเดียวกันก็ตะโกนยกเสียง
“ท่านอา!”
เมื่อหลิงโม่หานที่กำลังเดินหันหลังให้เฟิ่งจิ่วอยู่บนถนนใหญ่ได้ยินเสียงนี้ ดวงตาที่หรี่ลงก็ฉายประกาย มุมปากยกยิ้มขึ้นน้อยๆ อย่างไม่อาจสังเกตเห็นได้…
………………………………….