№ 301 สะบัดเสื้อจากไปด้วยความโกรธ!
ได้ยินเช่นนี้ แววตาเฉียบคมของมู่หรงป๋อก็กวาดมองนางอย่างเย็นชา หันไปมองเฟิ่งเซียวตะโกนเสียงเข้ม “เฟิ่งเซียว!”
เสียงเรียกเฟิ่งเซียวนี้แอบแฝงไปด้วยแรงกดดันของผู้แข็งแกร่งและท่าทีอย่างผู้เหนือกว่า แทบทันทีที่เสียงเปล่งออกมากลิ่นอายพลังเร้นลับที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าก็พลุ่งพล่ายอยู่ภายในห้องโถงใหญ่ทำให้อึดอัดอย่างมาก เฟิ่งเซียวที่พยายามเก็บกดลดการแสดงตัวต้องเดินออกมาอย่างหลบเลี่ยงไม่ได้ในที่สุด
“กระหม่อมอยู่พะยะค่ะ”
มู่หรงป๋อไม่อาจโมโหใส่ผู้เฒ่าเฟิ่งเพราะนั่นเป็นท่านผู้เฒ่าของจวน ต่อให้เป็นถึงผู้ครองแคว้นก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งสอนบรรพชนที่ต้องให้เกียรติกัน เพราะผู้เฒ่าเฟิ่งเป็นคนเฒ่าคนแก่รุ่นราวคราวพ่อ แม้จะโกรธก็พาลใส่เขาไม่ได้
ส่วนเฟิ่งชิงเกอเป็นแค่ลูกสาวเฟิ่งเซียว คุณหนูใหญ่แห่งจวนตระกูลเฟิ่ง ข้อแรกนางไม่ใช่ข้าราชสำนัก สองก็ไม่ใช่ลูกสะใภ้ ประกอบกับยังเป็นผู้น้อย แทนที่จะโกรธนางไปซักถามเฟิ่งเซียวตรงๆ ยังดีกว่า
เขามองค้อนเฟิ่งเซียวที่คารวะด้วยความเคารพ ก่อนจะปริปากถามกันตรงๆ “สายฟ้าสามสายนี้เกิดขึ้นได้ยังไง?”
“คือว่า…”
เฟิ่งเซียวเงยหน้ามองมู่หรงป๋อตรงตำแหน่งอาวุโส ส่ายหัวด้วยสีหน้าไม่รู้เรื่อง “กระหม่อมก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นพะยะค่ะ”
เขาไม่รู้เรื่องจริงๆ ตอนได้ยินเสียงฟ้าร้องก็วิ่งออกมาจากในเรือน ได้ยินคำสั่งท่านผู้เฒ่า ไหนเลยจะรู้ว่าฟ้าผ่านั้นเกิดขึ้นได้ยังไงกันแน่?
แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องของตระกูลเขา หนำซ้ำยังเกี่ยวข้องกับลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนอย่างไม่อาจเลี่ยง ด้วยเหตุนี้ ต่อให้รู้เรื่องก็ต้องบอกว่าไม่รู้
มู่หรงป๋อที่เดิมทีมีความโกรธเคืองอยู่ในท้องได้ยินคำพูดนี้ ก็นำถ้วยชาในมือวางลงบนโต๊ะอย่างแรงทันที ลุกยืนขึ้นโดยไม่พูดอะไรเลยสักนิดก่อนจะสะบัดแขนเสื้อจากไปทั้งใบหน้าดำคร่ำเครียด
การกระทำปุบปับของเขาทำให้สามคนในห้องโถงแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แค่มองส่งเขาออกไป
“ชิงเกอ เกิดอะไรขึ้น? ลูกทำอะไรอยู่ในห้องนั้นกันแน่? ทำไมถึงล่อสายฟ้ามาได้?” เฟิ่งเซียวเอ่ยถาม ในใจคาดเดาไว้บ้างรางๆ แต่ไม่กล้ามั่นใจ
การที่สามารถล่อสายฟ้ามาได้ไม่มีอะไรมากไปกว่าสามสถานการณ์นี้ หนึ่งคือสวรรค์ประทานสมบัติพิศวง สองคือการบรรลุขั้นวรยุทธ์ สามคือการหลอมกลั่นของล้ำค่า แต่สำหรับเขาสามเรื่องนี้ล้วนน่าเหลือเชื่ออยู่บ้าง ด้วยเหตุนี้ในใจจึงมีแต่ความงุนงง
“เหลิ่งซวง เฝ้าประตูโถงไว้อย่าให้ใครเข้าใกล้” เฟิ่งจิ่วออกคำสั่ง
“เจ้าค่ะ” เหลิ่งซวงด้านนอกขานรับ คอยเฝ้าอยู่บริเวณทางเข้า
เห็นแช่นนี้ในใจเฟิ่งเซียวก็ตึงเครียดขึ้นมาโดยฉับพลัน มองไปหาลูกสาวที่ใบหน้าผุดรอยยิ้มอิ่มเอมใจ เพียงรู้สึกว่าความคิดหนึ่งในใจจะได้รับการยืนยันจึงประหม่าและตื่นเต้นนิดหน่อย
“ท่านปู่ ท่านพ่อ พวกท่านนั่งลงเถอะ” เธอให้สัญญาณแล้วลากเฟิ่งเซียวที่นิ่งไปเล็กน้อยมานั่งบนที่นั่ง ส่วนตัวเองก็ย้ายเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งตรงกลางระหว่างสองท่าน ถึงจะหยิบขวดใบหนึ่งออกมาจากห้วงมิติเทยาอายุวัฒนะด้านในลงบนฝ่ามือ
“พวกท่านดูสิ นี่คือยานำโชค ลวดลายห้าสาย มันล่อสายฟ้าสามสายนั่นมาเจ้าค่ะ”
ท่านผู้เฒ่าใช้ชีวิตมาอายุปูนนี้ เป็นครั้งแรกที่เห็นยาอายุวัฒนะที่มีลายห้าสายเช่นนี้ หนำซ้ำหลานสาวยังเป็นคนกลั่นปรุงออกมา ตอนนี้เพียงรู้สึกว่าเลือดทั่วร่างกำลังเดือดพล่าน ตื่นเต้นเสียจนสีหน้าแดงก่ำสองมือสั่นเทาเล็กน้อย
“ดีๆๆ! แม่หนูเฟิ่ง หลานทำให้ปู่ภูมิใจนัก!”
เทียบกับท่านผู้เฒ่าที่ยังพูดออกมาได้ เฟิ่งเซียวกลับนิ่งอึ้ง สับสนไปหมด สองดวงตาเบิกกว้างโต เพียงรู้สึกว่าเลือดลมทั้งหมดล้วนพุ่งขึ้นหัว เวลาต่อมาร่างกายจึงตื่นเต้นเกินไปเสียจนหมดสติลง
เฟิ่งจิ่วอุทานอย่างตกตะลึง “ท่านพ่อ?”
…………………………………………