№ 328 ไม่ทำตามคำสั่ง?
ม้าที่รูปร่างแปลกๆ เช่นนั้นต้องเป็นสัตว์วิญญาณแน่ๆ พวกเขามองระดับและประเภทมันไม่ออก แต่มันกลับไม่กลัวแรงกดดันและไอสังการบรรพชนนักรบของพวกเขาในสถานการณ์เช่นนั้นได้ เชื่อว่าระดับต้องไม่ด้อยแน่นอน
หากได้มาพวกเขาจะต้องทำให้มันเชื่องและกลายเป็นพาหนะสัตว์วิญญาณของพวกเขา ถึงอย่างไรพวกเขาไม่เคยเห็นสัตว์วิญญาณที่ทั้งมีพลังวิญญาณและกำลังต่อสู้เช่นนั้นมาก่อน หลังจากการต่อสู้วันนั้นในใจก็อยากได้มันมาตลอด
ได้คำพูดสองคนนี้ มู่หรงป๋อตะลึงเล็กน้อย “ต้องการม้าตัวนั้น? ตามที่ข้ารู้มา ม้าที่ชื่อเหล่าไป๋ตัวนั้นเฟิ่งชิงเกอเป็นคนพากลับมาตอนออกไปฝึกฝนวิชา หากอยากให้นางมอบให้เกรงว่าจะเป็นไปไม่ได้นัก”
ตั้งแต่การต่อสู้วันนั้นเขาก็รู้ว่าม้าตัวนั้นไม่ธรรมดา ถึงอย่างไรไม่นึกว่าผู้แข็งแกร่งระดับบรรพชนนักรบขั้นสูงสุดสองคนจะถูกสองกีบเท้ามันเตะกระเด็น ลองถามว่าม้าทั่วไปจะมีความสามารถเช่นนี้รึ?
แต่ผู้ครองแคว้นที่สง่างามเช่นเขาต้องไปแย่งชิงม้าตัวหนึ่ง คำพูดนี้ช่างพูดออกมาได้ยากนิดหน่อยจริงๆ
“เฟิ่งเซียวล้มลงจวนตระกูลเฟิ่งเหลือเพียงผู้เฒ่าเฟิ่งกับเฟิ่งชิงเกอ สองคนนี้คนหนึ่งชราคนหนึ่งเด็ก ตาเฒ่าคนนั้นขี้หลงขี้ลืมอยู่บ้าง ซ้ำคนเด็กยังไม่มีพลังอะไรเลย รอผ่านไปหลายๆ วันแม้แต่จวนตระกูลเฟิ่งก็เกรงว่าพวกเขาจะป้องกันไว้ไม่อยู่ แล้วจะรักษาม้าตัวเดียวไว้ได้เช่นไรพะยะค่ะ?”
“ยามนี้หากท่านผู้ครองแคว้นยากจะเอ่ยปาก งั้นก็รอไปอีกสักพักก่อนดีกว่า กระหม่อมรู้สึกว่า หากท่านเอ่ยปากถึงเวลานั้นเฟิ่งชิงเกอจะไม่กล้าไม่ทำตาม ถึงอย่างไรเฟิ่งเซียวล้มลงยามนี้ก็ไม่เหมือนวันก่อนๆ แล้ว”
ได้ยินคำพูดนี้ ใจมู่หรงป๋อสั่นไหวเล็กน้อย เอ่ยยิ้มๆ ว่า “ก็ได้ งั้นประวิงเวลาไปก่อน รอถึงคราที่มีโอกาสเหมาะสมข้าจะต้องนำม้าตัวนั้นมาส่งให้ทั้งสองท่านแน่นอน”
“เช่นนี้ต้องขอขอบพระทัยท่านผู้ครองแคว้นก่อนแล้ว”
สองท่านประสานมือคารวะ บนใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมา
สำหรับพวกเขาเรื่องนี้ไม่ได้ยากเย็นอะไรมากมายเลย เฟิ่งเซียวล้มไป. จวนตระกูลเฟิ่งยังไม่ใช่แพะอ้วนที่รอเชือดอีกรึ? แค่ม้าตัวเดียวเท่านั้นเองถึงเวลาต่อให้นางอยากปกป้องก็เกรงว่าจะทำใม่ได้!
และในเวลาเดียวกันนี้เอง องครักษ์ประจำตระกูลเฟิ่งที่อารักขาภายในเรือนเฟิ่งเซียวนั่งล้อมอยู่ด้วยกัน กลับเอาความคิดไปไว้กับประตูห้องที่ปิดสนิท
“พวกเจ้าว่าผู้นำตระกูลหมดสติไม่ฟื้นจริงหรือไม่?” คนหนึ่งถามขึ้นด้วยความสงสัยนิดหน่อย
“คงใช่ แม้แต่ผู้ครองแคว้นยังพาท่านหมอเข้ามาตรวจดูไม่ใช่หรือ? ยิ่งไปกว่านั้น ได้ยินว่าตอนนั้นผู้นำตระกูลบาดเจ็บหนักอย่างมาก รักษาชีวิตไว้ได้ก็ไม่เลวแล้ว”
“แต่ทำไมข้ารู้สึกไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่? หรือพวกเราจะลองเข้าไปดู?”
คนหนึ่งแนะนำ ในน้ำเสียงมีความอยากรู้อยากลองอยู่บางส่วน
“ข้าแนะนำว่าพวกเจ้าอย่าคิดทำเช่นนี้จะดีกว่า เมื่อครู่นายท่านสั่งไว้แล้ว ไม่มีคำสั่งนางใครก็เข้าไปไม่ได้”
ลัวอวี่ในชุดสีฟ้าสองแขนกอดอกหลังพิงข้างต้นไม้จ้องมองพวกเขา น้ำเสียงเบาลง ยามนี้บนใบหน้าไร้ซึ่งท่าทางหยอกล้อเช่นปกติ
“แต่พวกเราไม่รู้อาการผู้นำตระกูลเช่นนี้ ในใจก็ปล่อยวางไม่ได้หรอกนะ! อีกอย่างฟั่นหลินมีทักษะการแพทย์ที่ไม่เลว ให้เขาช่วยลองดูอาการผู้นำตระกูลก็รู้ได้แล้วไม่ใช่หรือ?”
ฟั่นหลินในชุดสีขาวสุภาพเรียบร้อยครุ่นคิดเล็กน้อย บอกว่า
“จะเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคุณหนูใหญ่กับท่านผู้เฒ่าก็ไม่ดีนัก ข้าคิดว่าปล่อยไปดีกว่า อะไรที่ควรรู้ก็จะให้พวกเรารู้ สิ่งที่ไม่อยากให้รู้พวกเราอย่าไปถามจะดีที่สุด”
คนอื่นๆ ต่างพยักหน้าแสดงท่าทางเห็นด้วย มีเพียงชายหนุ่มผู้อยากรู้อยากลองที่ไม่พอใจเล็กน้อย
“แล้วยังไงเล่า? จะไม่ลองเข้าไปดูรึไง? พวกเจ้าไม่กล้าข้าจะเข้าไปเองก็ได้ ยังไงซะขอแค่พวกเจ้าไม่พูดคุณหนูใหญ่ก็ไม่มีทางรู้หรอกน่า”
……………………