№ 348 มีลูกสาวก็เพรียบพร้อมทุกอย่าง!
“ไป! พวกเราออกไปเดินวนรอบๆ กัน” เธอลูบๆ หัวแล้วจูงมันมายังคอกม้าเพื่อสวมเชือกม้า ขณะกำลังจะพาออกไปก็เห็นฉิวฉิวที่นอนอยู่บนภูเขาจำลองปรี่วิ่งมาในอ้อมแขนเธอ
“เจ้าอยากออกไปด้วยรึ?” เธอเลิกคิ้วขึ้นมองเจ้าตัวเล็กที่ขดอยู่ในอ้อมอก
“งั้นก็ได้! แต่บอกไว้ก่อนออกไปข้างนอกอย่าวิ่งซนล่ะ” เธอกำชับพลางลูบเส้นขนฉิวฉิวถึงจะจูงเหล่าไปออกจากประตูใหญ่ ก่อนจะพลิกตัวขึ้นไปใช้สองขากระทุ้งวิ่งไปยังชานเมือง
เพราะเป็นเวลาใกล้ค่ำเฟิ่งจิ่วจึงไม่ได้อยู่ข้างนอกนานนัก หลังวิ่นวนรอบหนึ่งก็กลับมาอาบน้ำแล้วเข้าไปฝึกบำเพ็ญในห้วงมิติจนถึงเช้าตรู่วันต่อมา
หลังล้างหน้าล้างตาเธอมาที่เรือนของท่านพ่อ เมื่อเข้าไปในสวนก็กวาดมองเห็นองครักษ์พวกนั้นยังอยู่กันหมด หลัวอวี่ฉีกยิ้มเอาใจมาทางเธอ เห็นเช่นนี้เธอจึงสั่งกับเหลิ่งซวงด้านหลังแล้วเดินเข้าห้องไป
“นายท่าน” เหลิ่งหวาที่คอยเฝ้าอยู่ด้านในเห็นนางเข้ามาก็คารวะพร้อมขานเรียก
“อืม”
เธอตอบรับ เดินไปในห้องยังข้างเตียงพร้อมเผยรอยยิ้มออกมา “ท่านพ่อ วันนี้รู้สึกอย่างไรบ้างเจ้าคะ?”
“จิตใจยังสู้ดี ตรงอกหายใจยังมีเจ็บอยู่บ้าง” เฟิ่งเซียวบนเตียงร่างกายดูแล้วซูบผอมลงไม่น้อยเพราะการบาดเจ็บครั้งนี้
“ลูกขอดูหน่อยนะเจ้าคะ”
เธอนั่งลงข้างเตียงแก้เสื้อท่อนบนเขาเพื่อตรวจดูบาดแผลตรงหน้าอกแล้วจับชีพจร นานนักถึงจะดึงมือกลับ “บาดแผลตรงอกหนักที่สุด แม้กินยาแต่ยังต้องการเวลาฟื้นฟู รอท่านปู่กลับมาลูกค่อยออกไปป่าเก้าหมอบเพื่อตามหาสมุนไพรสองสามอย่างมาปรุงเป็นยาทาสำหรับท่าน ความเร็วในการรักษาตัวก็จะเร็วขึ้นหน่อย”
“ป่าเก้าหมอบ?”
เฟิ่งเซียวตกใจ ส่ายหน้า “ไม่ได้ สถานที่นั้นอันตรายเกินไป เด็กผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างเจ้าจะไปได้อย่างไร หากขาดสมุนไพรเราซื้อเอาก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยงอันตรายเช่นนั้นเลย”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ลูกเคยไปจึงคุ้นเคยกับที่นั่น หนำซ้ำสมุนไพรอื่นๆ ซื้อได้ แต่มีชนิดหนึ่งที่หาซื้อข้างนอกไม่ได้” สำหรับคนอื่นอาจบอกว่าป่าเก้าหมอบเต็มไปด้วยอันตราย แต่สำหรับเธอสถานที่แห่งนั้นกลับเป็นแหล่งขุมทรัพย์
เธอเก็บหงส์ไฟน้อยมาจากที่นั่น รู้จักพี่ชายผู้ใสซื่อในที่แห่งนั้น และยังมีท่านอาคนนั้นอีก…
นึกถึงคนที่คิดว่าเป็นท่านอามาตลอดคาดไม่ถึงว่าจะเป็นชายที่ภายนอกเย็นชาแต่ถายในอบอุ่นอย่างเจ้าตำหนักยมราช มุมปากเธอก็กระตุก
ตอนแรกริมฝีปากทั้งสองแตะกันโดยไม่ทันระวังสักพักเขาก็เป็นลมไปเสียแล้ว ทว่ามาตอนหลังในแคว้นเหินเวหาเขากลับมีท่าทางแปลกๆ ซ้ำยังมีครั้งหนึ่งที่คิดจะ จะจูบเธอ?
นึกถึงตรงนี้สีหน้าเธอแปลกใจอยู่บ้าง ในหัวใจมีความรู้สึกประหลาดฉายผ่าน
เห็นลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างเตียงเหม่อลอยอย่างชัดเจน เฟิ่งเซียวก็ยิ้มๆ โดยไม่พูดอะไร มองนางเงียบๆ ไปเช่นนั้น ในใจเต็มไปด้วยความภาคภูมิในฐานะผู้เป็นพ่อ
ลูกสาวเขาโดดเด่นที่สุดเสมอมา แต่ไม่รู้ว่าอนาคตผู้ชายแบบไหนกันแน่ที่จะคู่ควรกับนาง?
แม้หวังให้นางได้มีที่พักพิงดีๆ แต่พอคิดว่าลูกสาวที่เลี้ยงดูจนเติบใหญ่มาอย่างยากลำบากจะกลายเป็นของบ้านอื่น ในใจคนเป็นพ่อก็เศร้าโศกเสียจนน้ำตาจะไหล อืม คิดๆ แล้วการหมั้นหมายของนางกับมู่หรงอี้เซวียนยกเลิกไปก็ดี เช่นนี้นางจะได้อยู่ข้างกายเขาอีกสองสามปี
แต่เรื่องที่ผู้ครองแคว้นบอกจะให้ไปเป็นชายาองค์รัชทายาทแคว้นเหินเวหาอะไรนั่นกลับละวางไว้เช่นนี้มาตลอด แม้พวกเขาแสดงท่าทีไม่พอใจแต่ยามนี้ก็ไม่มีทางพูดและไม่รู้ด้วยว่าสุดท้ายจะเป็นเช่นไร คิดๆ แล้วน่ากังวลเสียจริง
……………………….