№ 639 ทำไมถึงไม่มา?
ผู้ดูแลซุนเอ่ยพลางยื่นชุดสีฟ้าของสำนักยาเซียนสองชุดให้เฟิ่งจิ่ว บอกว่า “สำนักศึกษามีข้อกำหนดไว้ นักเรียนอยู่ในสำนักศึกษาต้องสวมเครื่องแบบสำนัก เครื่องแบบแต่ละสำนักสีจะไม่เหมือนกัน ของสำนักเราเป็นชุดสีฟ้า”
“ขอรับ ข้าทราบแล้ว” เฟิ่งจิ่วรับชุดสีฟ้าสองชุดนั้นมา
ผู้ดูแลซุนให้เธอตรวจดูกฎสำนักยาเซียนในป้ายหยก กำชับอะไรอีกหน่อยถึงจะออกไป
เธอเก็บชุดสีฟ้าสองชุดเข้าห้วงมิติ เข้าอาศรมหยิบป้ายหยกออกมาแล้วแทรกดวงจิตเข้าไปตรวจดู หลังจำกฎสำนักด้านในได้ขึ้นใจ ก็รู้ว่านักเรียนใหม่เข้าสำนักในวันต่อไปต้องไปรับเมล็ดพันธุ์สมุนไพรถุงเล็กที่สำนักยาเซียน และฟังอาจารย์สั่งสอนชี้แนะ
สำหรับเรื่องนี้ เธอค่อนข้างเฝ้ารออยู่บ้าง ยามนี้เก็บกวาดอาศรมเสียใหม่ คิดว่าอาศรมแห่งนี้ก็ไม่เลวเลย สิ่งของต่างๆ ครบครัน แม้แต่อาบน้ำยังไม่ต้องยกน้ำ แค่กดหัวเปิดปิดบนกำแพงก็มีน้ำร้อนใช้
เธออาบน้ำเปลี่ยนมาสวมชุดสีฟ้าของสำนักยาเซียน เมื่อชุดสีฟ้าอยู่บนร่าง ถึงพบว่าบนเสื้อผ้ามีกลิ่นอายพลังวิญญาณจางๆ ซ้ำยังมีผลป้องกันด้วย
จุดเดียวที่รู้สึกไม่ดีคือ สำนักศึกษาเตรียมให้แค่อาหารของเหล่าอาจารย์ ส่วนพวกผู้เล่าเรียนต้องจัดการเอง ข้อนี้ไม่ค่อยดีเลยจริงๆ
โชคดีที่ตรงเชิงเขาสำนักยาเซียนมีร้านค้า สิ่งของบางอย่างยังหาซื้อได้
ดังนั้นเธอจึงออกไปซื้อของต่างๆ ที่ต้องใช้กลับมา วุ่นวายมาตลอดจนถึงเย็นจึงไม่มีเวลาออกไปสอบถามว่าพี่ชายเธอมาหรือยัง
“เดิมทีนึกว่าเข้าสำนักศึกษาเดียวกันจะเจอหน้ากันบ่อยๆ ใครจะรู้ว่าเข้ามาในนี้กลับมีระยะห่างเท่าภูเขาใหญ่สองสามลูกขวางกั้นไว้ แค่อยากรู้ข่าวคราวอะไรบ้างหรือจะหาคนยังยากเลย!”
เธอนอนทอดถอนใจอยู่ในห้องนอนพลางลูบท้องที่เริ่มหิว หลังนึกได้ว่าห้วงมิติยังมีของกินจึงหยิบออกมาเติมท้องให้อิ่ม และรีบพักผ่อนแต่หัวค่ำ รอรวมพลนักเรียนใหม่สำนักยาเซียนวันพรุ่งนี้
ขณะที่เฟิ่งจิ่วหลับอยู่ในอาศรม ยามนี้รองเจ้าสำนักที่รออยู่ในสนามสอบประเมินสำนักพลังวิญญาณมาเต็มๆ ตลอดทั้งวันกลับถลึงตา จับจ้องอาจารย์คนที่มาส่งรายชื่อนักเรียนสำนักยาเซียนซึ่งรับเข้ามาให้แก่เขา
“ทำไมถึงไม่มี? หรือพวกเจ้าคัดเขาออก? เป็นไปไม่ได้! เขามีป้ายสำนักศึกษาหมอกดารา ไม่ต้องประเมินก็เข้าสำนักศึกษาหมอกดาราได้เลย หรือว่าเขาไม่มา?” พูดถึงท้ายสุด เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นพึมพำเบาๆ กับตนเอง
อาจารย์คนนั้นเช็ดๆ เหงื่อ บอกว่า “ท่านรองเจ้าสำนัก นักเรียนคนนั้นไปที่สำนักพลังเร้นลับหรือไม่ขอรับ ท่านไม่ไปถามทางสำนักพลังเร้นลับเสียหน่อยเล่า?”
รองเจ้าสำนักได้ยินก็พยักหน้า “มีเหตุผล ไม่แน่ว่าเขาอาจจะวิ่งไปสำนักพลังเร้นลับ เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะไปดูสักหน่อย” เขาสะบัดแขนเสื้อ หมุนตัวเดินออกจากสำนักพลังวิญญาณ และแปลงกายเป็นลำแสงพุ่งไปยังทิศทางที่ตั้งสำนักพลังเร้นลับ
อาจารย์คนนั้นเห็นว่าเขาไปแล้ว จึงถอนหายใจเบาๆ ทันที แอบคิดว่า ‘นักเรียนที่ชื่อเฟิ่งจิ่วคนนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่? ไม่นึกว่ารองเจ้าสำนักจะบอกว่าในมือเขามีป้ายสำนักศึกษาหมอกดาราไว้ในครอบครอง?’
ภายในสำนักพลังเร้นลับ คนที่ลงชื่อสอบประเมินมีมากมาย ยามนี้ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง จึงมีนักเรียนเจ็ดแปดคนที่ยังไม่ได้ลงชื่อประเมิน ยามนี้อาจารย์ด้านหน้าที่รับผิดชอบการประเมินกวาดมองคนพวกนั้นแล้ว ก็จัดการข้อมูลที่ลงชื่อไว้บนโต๊ะ แล้วเอ่ยปากว่า “การลงชื่อประเมินในวันนี้จบลงเพียงเท่านี้ พวกเจ้าที่ยังไม่ได้ลงชื่ออีกสามปีค่อยมาแล้วกัน!”
“อะไรนะ? เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร พวกเราต่อแถวตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้”
“เลยเวลาประเมินแล้ว” อาจารย์คนนั้นเอ่ยด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ เก็บข้อมูลจะจากไป ทว่าฝีเท้าถูกนักเรียนผู้แข็งแรงบึกบึนขวางเอาไว้
…………………