№ 731 พบชายปลิ้นปล้อนกลางถนน
เช้าตรู่วันต่อมา เนี่ยเถิงที่เปลี่ยนมาสวมชุดนักเรียนมายังยอดเขาสำนักยาเซียนภายใต้การนำทางของนักเรียนคนหนึ่ง
เขาไม่ได้เดินเข้าไปใกล้ แค่มองอยู่ไกลๆ อากาศในป่าเขายามเช้าหอมสดชื่น ใบไม้พลิ้วไหวเบาๆ ท่ามกลางสายลม นกน้อยที่หยุดลงบนกิ่งไม้กระโดดโลดเต้นอย่างเริงร่าพร้อมขานร้องเจื้อยแจ้ว
อาศรมนั้นเงียบเชียบ ไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าอาศรมมีหมีดำตัวใหญ่นั่งเฝ้า และยังมีม้าประหลาดนอนส่ายหางอยู่บนพื้นหญ้า
ยามเห็นม้าขาวที่แสนคุ้นเคยตัวนั้น ม่านตาเขาหดลงเล็กน้อย หัวใจสั่นไหว
เป็นนางจริงๆ!
แม้ไม่เห็นคน แต่ม้าชื่อเหล่าไป๋ตัวนั้นอยู่ตรงนั้น นางต้องอยู่ที่นี่แน่นอน
เดิมนึกว่าจะไม่ได้เจอกันอีก กลับนึกไม่ถึงว่าเมื่อพบอีกครั้งจะอยู่ในสำนักศึกษาเดียวกัน ซ้ำยังกลายเป็นนักเรียนสำนักศึกษาเดียวกับนาง ยามนี้หัวใจที่เดียวดายของเขาเหมือนมีชีวิตชีวา เริ่มเต้นขึ้นมาอีกครั้ง
เขาไม่ได้อยู่นานนัก หลังจากมั่นใจก็หมุนตัวจากไป
เขาไปได้ไม่นานมากนัก เฟิ่งจิ่วในอาศรมถอดชุดสีฟ้าเปลี่ยนมาสวมชุดคลุมสีแดง หลังจากกำชับสามสัตว์อสูรให้อยู่เฝ้าอาศรม ก็มุ่งหน้าไปยังสำนักพลังเร้นลับและสำนักพลังวิญญาณ คิดจะไปตามพี่ชายกับเยี่ยจิงออกจากสำนักศึกษาไปเดินเล่นด้วยกัน
ทว่าเมื่อมาถึงสำนักพลังเร้นลับ กลับได้รู้ว่าพี่ชายไปเรียนการต่อสู้กับนักเรียนสำนักพลังเร้นลับแล้ว เธอจึงมาเรือนของเยี่ยจิงที่สำนักพลังวิญญาณ
“เฟิ่งจิ่ว? เจ้ามาได้อย่างไร?” เยี่ยจิงประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นนาง
เธอขยิบตาไปทางเยี่ยจิง เอ่ยว่า “ข้ามาถามว่าเจ้าจะไปเดินเล่นในเมืองกับข้าหรือไม่?” ระหว่างพูดก็โยนๆ ป้ายคำสั่งในมือเล่น
เยี่ยจิงแปลกใจอยู่บ้าง “เจ้าได้ป้ายคำสั่งจากเจ้าสำนักมาหรือ?”
“เจ้าสำนักมอบให้ข้า จะไปหรือเปล่า?”
“ไปสิ ไปแน่นอน” นางยิ้มเอ่ย “เจ้ารอข้าสักครู่ ข้าจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” กล่าวจบก็เข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ทั้งสองมาถึงภายในเมืองซิงอวิ๋น ด้วยรูปโฉมโดดเด่นบุคลิกสง่างาม แค่ปรากฏตัวก็ดึงดูดสายตาคนสัญจรไปมาไม่น้อย แม้ภายในเมืองนี้จะรวบรวมผู้โดดเด่นจากแต่ละที่ไว้ แต่หน้าตาท่าทางของทั้งสองก็ยังทำให้เป็นดั่งกระเรียนในฝูงไก่ สะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง
“หาที่กินอาหารก่อนค่อยเดินเล่นเถอะ” เฟิ่งจิ่วกล่าว สิ่งที่นึกถึงในทีแรกไม่ใช่อย่างอื่น แต่เป็นอาหารรสเลิศ
“ข้าค่อนข้างคุ้นเคยภายในเมือง ข้าจะพาเจ้าไปแล้วกัน! มีแต่อาหารดั้งเดิมที่สุดของที่นี่ทั้งนั้น” เยี่ยจิงพูดพลางพาเฟิ่งจิ่วข้ามถนนใหญ่ไปยังอีกตรอกหนึ่ง
เมื่อผ่านตรอกไป มีชายวัยกลางคนร่างผอมสูงเดินสวนมาด้านหน้า สวมชุดผ้าแพรหรูหรา เดินไปพลางมองแผงลอยที่วางเรียงรายบนพื้นตรอกไปพลาง เมื่อเห็นสองคนเบื้องหน้า ดวงตาพลันเป็นประกาย สายตาหยุดมองบนร่างเยี่ยจิงในชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนนุ่มนวลน่าหลงใหล
แม้เป็นตรอกแต่ก็ไม่เล็ก หากตัดที่วางแผงลอยบนพื้นสองฝั่งไป ตรงกลางยังเดินเรียงหน้ากระดานได้ประมาณสามคน เยี่ยจิงกับเฟิ่งจิ่วสองคนเดินไปพลางพูดคุยกัน
สายตาเฟิ่งจิ่วสนใจแผงลอยพวกนั้นบนพื้น เห็นว่าสิ่งที่วางขายบนแผง นอกจากของเล็กๆ น้อยๆ ยังมีพวกสมุนไพรด้วย
เยี่ยจิงแม้มองไปเบื้องหน้า ยังสังเกตเห็นสายตาจากชายวัยกลางคนร่างผอมสูงคนนั้น แต่ว่าไม่ได้สนใจ เมื่อเดินไปเผชิญหน้ากันก็เอี้ยวตัวผ่าน ขยับก้าวไปทางเฟิ่งจิ่วเล็กน้อยเพื่อหลบเลี่ยงชายวัยกลางคน
ทว่าสองคนที่เดิมไม่น่าชนกัน ขณะนางเบี่ยงตัวผ่าน ชายวัยกลางคนกลับยกแขนขึ้นเอี้ยวกายเล็กน้อยจะชนหน้าอกนางด้วยท่าทางเหมือนไม่ได้ตั้งใจ
เยี่ยจิงเห็นเช่นนี้ก็รีบเอนตัวไปทางเฟิ่งจิ่วเพื่อหลบมือที่เฉียดผ่านมา นางโกรธเคืองเล็กน้อย หันกลับไปมองคนคนนั้นอย่างเกรี้ยวกราด
……………………