№ 649 ขโมยกิน
ได้ยินเช่นนี้ กวนสีหลิ่นตกใจเล็กน้อย เพิ่งเข้าสำนักศึกษาก็ออกไปทำภารกิจแล้ว?
เขารู้ว่าภายในสำนักศึกษานี้มีหลายอย่างต้องการคะแนนคุณงามความดี แต่นางคงไม่ค่อยต้องการของพวกนี้กระมัง? ถึงแม้ต้องการก็ไม่น่ารีบร้อนเพียงนี้?
ชะงักไปสักพัก เขาถามว่า “เช่นนั้นนางบอกหรือเปล่าว่าไปที่ไหน ทำไมต้องหนึ่งเดือน?”
“ไม่ได้บอก” มันนอนไม่ขยับ ไม่สนใจเขาอีก
เห็นเช่นนี้กวนสีหลิ่นจึงไม่ถามอะไรมาก อยู่ในสำนักศึกษาปกติก็ไม่ต้องเป็นห่วงความปลอดภัยของนาง เดิมแค่อยากคุยด้วยเสียหน่อย ตอนนี้กลับต้องรออีกหนึ่งเดือน
“เช่นนั้นข้าไปละ นางกลับมาเจ้าก็บอกนางด้วยว่าข้ามาหา และเข้าเรียนที่สำนักพลังวิญญาณ รอมีเวลาข้าจะเข้ามาหานางอีก” หลังจากทิ้งคำพูดไว้เขาก็หมุนตัวจากไป ก่อนหน้านี้รีบมาหานางจึงไม่ได้สังเกตอะไรมาก ยามนี้เพิ่งเห็นว่าที่พักนางห่างไกลมากทีเดียว
ไม่เพียงแค่นี้ ตั้งแต่เข้าเดินเข้าสำนักยาเซียนนี้มาก็ไม่เจอนักเรียนในสำนักเลย ซ้ำยังตามหาผู้ดูแลซุนคนนั้นอย่างยากเย็น เทียบกับความคึกคักมีชีวิตชีวาในสำนักพลังเร้นลับพวกเขา ที่นี่ช่างเหมือนกับสถานที่ที่ถูกลืมเลยจริงๆ
เวลาเดียวกันนี้ เฟิ่งจิ่วที่มุ่งไปยังเทือกเขาหมื่นอสูรอยู่เพียงลำพัง ขณะกำลังเตรียมจะข้ามภูเขาไป กลิ่นหอมเนื้อก็ลอยมาตามสายลมหนาว และหยุดฝีเท้าเธอไว้เสียดื้อๆ
“หอมมาก!” ดวงตาเธอเป็นประกาย กลืนน้ำลายลงคอ
ของกินสองวันนี้คือพวกขนมอบในห้วงมิติ แม้แต่น้ำแกงเธอยังไม่ได้กิน ยามนี้ได้กลิ่นหอมเช่นนี้ รู้สึกเพียงว่าน้ำลายไหล จึงไปตามกลิ่นหอมนั้นทันที
เมื่อเธอตามกลิ่นหอมนั้นไป เห็นนอกเรือนแห่งหนึ่งแขวนแผ่นป้ายไม้ไว้และเขียนว่า ‘ห้องครัวสำคัญ ไม่มีกิจห้ามเข้า’ ก็กลืนน้ำลายอย่างอดไม่อยู่
นี่คือสถานที่ทำอาหารให้เหล่าอาจารย์สำนักศึกษาโดยเฉพาะ!
เธอได้กลิ่นหอมนั้น ท้องก็ร้องโครกครากขึ้นมา เดิมทียังไม่รู้สึกหิว ตอนนี้กลับหิวอย่างมาก
เธอเก็บกลิ่นอายพลางชะโงกหน้ามองเล็กน้อย เห็นแต่ภายในห้องครัวกว้างขวางมีแค่คนสองคนกำลังยุ่งวุ่น เหมือนว่าสองคนนั้นจะเป็นพ่อครัว ทุกเรื่องล้วนต้องผ่านมือทั้งสอง แต่ด้านนอกห้องครัวกลับมีลูกมือสิบกว่าคนคอยส่งผักและเนื้อที่เตรียมไว้ไปด้านใน เห็นกับข้าวแต่ละอย่างที่ทอดเสร็จวางเรียงไว้บนโต๊ะในห้องครัว ในที่สุดเธอก็วนไปด้านหลังห้องครัวอย่างทนไม่ไหว แล้วสบโอกาสที่ไม่มีคนสังเกตลอบกระโจนเข้าไปจากทางหน้าต่างและหลบอยู่ใต้โต๊ะ
เธอแอบชะโงกหัวออกมามองรอบๆ เห็นพ่อครัวสองคนนั้นไม่ได้สังเกตทางนี้เลย ซ้ำลูกมือด้านนอกยังมองไม่เห็นตรงนี้ ดังนั้นมือหนึ่งจึงยื่นออกไปสำรวจบนโต๊ะเงียบๆ จากนั้นยกไก่ย่างตัวหนึ่งบนโต๊ะยัดเข้าห้วงมิติไปทั้งจาน
ฝีเท้าย่องขยับไปเล็กน้อย เปิดฝาหม้อตุ๋นใบใหญ่เบาๆ เห็นพ่อครัวสองคนกำลังพูดคุยกัน เธอจึงรีบคว้าหม้อใบข้างๆ ที่ใส่นกพิราบลงไปได้ตัวหนึ่งมา หลังจากเติมน้ำแกงกับเนื้อจนเต็มก็ซ่อนไว้ในห้วงมิติ
เมื่อเห็นน้ำแกงตุ๋นที่เหลือไม่ถึงครึ่ง เธอก็คิดไปคิดมา ก่อนจะตักน้ำจากข้างๆ เทลงไปด้วย อืม แล้วตุ๋นต่อไปอีก แม้รสชาติจะอ่อนลงไปบ้างก็เป็นน้ำแกงเหมือนกัน
“คุณชายโม่เฉินที่มาใหม่ท่านนั้นจะกินอาหารยังเลือก ตอนเที่ยงส่งอาหารเข้าไปสิบสองอย่างก็ส่งกลับมาแทบจะไม่ได้แตะเลย เจ้าสำนักยังกำชับพวกเราว่าต้องทำอย่างละเอียด คำพูดนี้ทำตามไม่ง่ายเลยจริงๆ!”
“ไม่เป็นไรหรอก แกงนกพิราบวิญญาณแปดขุมทรัพย์หม้อที่ตุ๋นวันนี้ต้องทำให้เขาพอใจแน่นอน พวกเราตุ๋นมาตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ เจ้าลองดมกลิ่นซิ ฝาหม้อปิดไว้ได้กลิ่นกลิ่นหอมนั้นยาก”
…………………………….