№ 727 เจ้าเด็กนั่นหน้าไม่อายเสียจริง
“เจ้าวางใจเถอะ พวกเรารู้แล้ว”
ทั้งสองยิ้มรับรอง ในใจปลงอนิจจังไม่สิ้นสุด แม้บอกว่าภูตหมอช่วยคนตามอารมณ์ แต่ไม่บอกไม่ได้ว่าเขาช่วยชีวิตอาจารย์หลูได้โดยไม่คิดเล็กคิดน้อย ซ้ำยังไม่แก้แค้นเอาคืนกัน จิตใจเช่นนี้ก็มากพอจะทำให้พวกเขาชื่นชมแล้ว
สุดท้ายแม้ทั้งสองไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องรางวัลอีก แต่ยังจำเรื่องนี้ไว้ในใจ พยายามอำนวยความสะดวกให้เขาด้วยวิธีอื่นๆ หลังจากนั่งคุยเล่นกันสักพัก ทั้งสองถึงจะลุกขึ้นบอกลา ก่อนจะไปเหมือนนึกเรื่องอะไรได้ รองเจ้าสำนักจึงหันกลับไป
“เฟิ่งจิ่ว ข้าได้ยินว่าโอวหยางซิวเอ่ยท้าประลองกับเจ้าหรือ?”
“ขอรับ คล้ายว่าจะมีเรื่องนี้” เฟิ่งจิ่วพยักหน้า
เจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักได้ยินคำพูดนี้ มุมปากก็กระตุกเล็กน้อย จากคำพูดเขา ชัดเจนว่าไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เลย แต่ถึงเขาไม่สนใจ โอวหยางซิวคนนั้นไม่แน่ว่าจะไม่สน เดาว่าคงกำลังเตรียมตัวพบกับเขาบนลานประลองวายุเมฆาในอีกสามวันแล้ว!
“อืม เอาเช่นนี้แล้วกัน! หากมีปัญหาอะไรที่แก้ไขไม่ได้ก็เข้ามาหาพวกเรา” ทั้งสองกล่าวจบ ถึงค่อยเหยียบขึ้นกระบี่บินออกไป
รอจนพวกเขาจากไปแล้ว เฟิ่งจิ่วหยิบป้ายคำสั่งอันนั้นที่เจ้าสำนักทิ้งไว้ให้เธอขึ้นมาดู บอกว่าหากมีของสิ่งนี้เธอจะเข้าออกสำนักศึกษาได้ตามใจชอบ หนำซ้ำมีป้ายคำสั่งนี้ในมือยังมีประโยชน์อีกมากมาย
“ได้กำไรจริงๆ ช่วยอาจารย์หลูไม่เพียงห้องครัวจะทำกับข้าวให้ ซ้ำยังได้ของเช่นนี้มาอีก ช่างคุ้มค่าเสียจริงๆ” เธอยิ้มตาหยี เก็บป้ายคำสั่ง แล้วกลับไปฝึกบำเพ็ญภายในอาศรม
เฟิ่งจิ่วไม่ได้เก็บเรื่องท้าประลองมาใส่ใจ ทว่าโอวหยางซิว สามวันผ่านไปเขาในชุดสำนักศึกษาสีขาวมารอบนลานประลองวายุเมฆาตั้งแต่เช้า ด้านล่างมีนักเรียนสำนักพลังวิญญาณและสำนักพลังเร้นลับรวมตัวกันเต็มไปหมด แต่ละคนเต็มไปด้วยความเฝ้ารอคอย
แม้พวกเขาคิดว่าเฟิ่งจิ่วคนนั้นไม่กล้ามาประลองที่นี่ แต่ในใจยังคาดหวังว่าเขาจะมา เช่นนี้พวกเขาจะได้เห็นสภาพที่เขาถูกโอวหยางซิวจัดการ
ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป เหล่านักเรียนที่รอชมการประลองยิ่งมารวมตัวกันมากขึ้น โอวหยางซิวบนลานประลองยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ส่วนเด็กหนุ่มชุดฟ้ากลับไม่เห็นแม้เงา…
“เฟิ่งจิ่วคงไม่ใช่จะไม่มากระมัง?”
“เป็นไปได้ เจ้าเด็กนั่นดูเป็นคนไม่เอาไหน เขาเคยได้ยินความเก่งกาจของศิษย์พี่โอวหยางซิว จะยังกล้ารับคำท้าอีกหรือ?”
“จริงด้วย เดาว่าคงไม่กล้ารับคำท้าและไปซ่อนตัว”
“น่าเสียดาย ข้ายังอยากเห็นเขาโดนศิษย์พี่โอวหยางซิวจัดการนะ!”
นักเรียนคนหนึ่งได้ยินเสียงพูดคุยจากทุกคน ก็กดเสียงเบากล่าวว่า “คำพวกนี้พวกเจ้าคุยกันที่นี่เป็นพอ อย่าให้พวกอาจารย์ได้ยินเชียว มิเช่นนั้นก็เตรียมรับโทษหนัก”
“ทำไมรึ หรือว่าไม่ให้พูด?” อีกคนหนึ่งไม่สนใจเท่าไร
“พวกเจ้ายังไม่ได้ยินหรือ เมื่อเช้านี้อาจารย์หลูฟื้นแล้ว ตอนนี้พวกอาจารย์ยอมรับในทักษะการแพทย์ของเฟิ่งจิ่วอย่างสุดใจ แต่ละคนต่างพูดปกป้องเขา หากพวกเขาได้ยินเราบอกว่าอยากให้เฟิ่งจิ่วโดนเล่นงาน จะไม่จัดการพวกเราได้หรือ?”
“หา? อาจารย์หลูฟื้นแล้วจริงหรือ”
“ใช่! ฟื้นแล้ว เมื่อเช้าเจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักเข้าไปดู”
“นึกไม่ถึงเลย! เจ้านั่นเก่งจริงๆ”
“นั่นสิ เล่ากันว่าวันนั้นหมอสองคนของสำนักศึกษาแค่เป็นผู้ช่วยให้เขา จิ๊ ได้หน้าไปมากโขเลย หมอของสำนักศึกษาที่แม้ตระกูลข้าอยากเชิญยังเชิญไปไม่ได้ กลับไปเป็นผู้ช่วยให้เจ้านั่นเสียนี่”
“นี่ๆๆ ไม่ต้องพูดแล้ว พวกเจ้าดูสิ ศิษย์พี่โอวหยางซิวไปแล้ว” คนหนึ่งด้านล่างพูดขึ้น แล้วสื่อให้คนข้างกายมองคนที่เหยียบกระบี่บินไปยังสำนักยาเซียน
……………………