№ 877 ชื่อเสียงยาบำรุงโฉม
เฟิ่งจิ่วได้ยินคำพูดนี้ก็ตะลึงเล็กน้อย “ทำไมข้าไม่รู้เลย?”
เรื่องที่ตนเองยังไม่รู้ นึกไม่ถึงว่าจะมีคนลือกันออกมาเสียเนิ่นๆ? ใครรู้ว่าเธอจะมาเข้าร่วมงานสมัชชาวิเคราะห์ยาเซียน? แม้เธอมาถึงที่นี่ แต่ก็ไม่คิดจะใช้ตัวตนภูตหมอมาออกหน้า ยามนี้ไม่นึกเลยว่าจะมีข่าวลือออกไป ว่าภูตหมอจะมาเข้าร่วม?
“ดังนั้นแทนที่จะบอกว่าทุกคนมางานสมัชชาวิเคราะห์ยาเซียน ไม่สู้บอกว่ามาหาภูตหมอยังดีกว่า โดยเฉพาะหลังจากยาบำรุงโฉมเม็ดหนึ่งที่ภูตหมอนำออกมาล่าสุดถูกประมูลออกไปด้วยราคาเทียมฟ้าในตลาดมืดแคว้นเหินเวหา แต่ละกลุ่มอำนาจยิ่งมีความสนใจต่อภูตหมอมากขึ้น”
เธอได้ยินคำพูดนี้ ก็ยิ้มอย่างกลั้นไม่อยู่ “แม้แต่ยาบำรุงโฉมยังรู้? สุดท้ายยาบำรุงโฉมนั้นใครประมูลได้เล่า?”
“เป็นองค์หญิงท่านหนึ่งในราชวงศ์แคว้นระดับหนึ่ง หลังประมูลได้ก็ถวายให้พระสนมแม่นาง ว่ากันว่านางสนมท่านนั้นเดิมทีถูกทอดทิ้งไม่ได้รับความโปรดปราน แต่หลังกินยาบำรุงโฉมเม็ดนั้นรูปลักษณ์ก็ฟื้นคืนเฉกเช่นหญิงสาวงามเพริศพริ้งน่าเย้ายวน โดนเด่นไร้คนเทียบ ซ้ำยังได้รับความโปรดปรานจากผู้ครองแคว้นอีกครั้ง ดังนั้นตอนนี้ผู้หญิงแคว้นต่างๆ จึงจับจ้องยาบำรุงโฉม บางคนสอบถามเบาะแสภูตหมอไปทั่ว ตามมาหาถึงตลาดมืด แต่ข้อมูลภูตหมอตลาดมืดยังเก็บเป็นความลับไว้อย่างยิ่ง”
“ไม่นึกว่ายาบำรุงโฉมจะถูกประมูลในแคว้นระดับหก หัวหน้าตลาดมืดนั้นมีฝีมือทำให้คนแคว้นระดับหนึ่งยังได้รับข่าว ซ้ำยังสร้างชื่อเสียง ผลตอบรับนี้ไม่เลวเลยจริงๆ” เธอยิ้มเอ่ย คิดว่าที่นี่ไม่ใช่สถานที่พูดคุย คิดจะไปจ่ายค่าน้ำชา แล้วกลับโรงเตี๊ยมพร้อมพวกเขาก่อนค่อยว่ากัน
“คุณชาย ไม่ต้องจ่ายเงินแล้ว พอแล้วๆ” สามีภรรยาร้านแผงลอยเห็นเฟิ่งจิ่วจะล้วงเงิน ก็รีบร้อนห้ามไว้
เฟิ่งจิ่วยิ้ม พร้อมโยนเหรียญเงินเหรียญหนึ่งออกไป “นี่เป็นค่าน้ำชา เก็บไว้เถอะ!” สิ้นเสียงถึงจะพาพวกเขากลับไป
หลังกลับถึงโรงเตี๊ยม สองคนบอกข้อมูลที่สอบถามกลับมาทั้งหมดกับนาง สุดท้ายเหลิ่งหวาก็เอ่ยว่า “นายท่าน คนคนนั้นที่จองห้องคงเป็นคุณชายโม่เฉิน ตอนพวกเราถามข่าวกลับมาก็ผ่านโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่ง จึงได้ยินเฒ่าแก่เอ่ยถึงพอดีขอรับ”
“อืม เช่นนั้นคงเป็นเขานั่นแหละ เขาเป็นคนบอกข้าเรื่องงานสมัชชาวิเคราะห์ยาเซียนที่นี่ ตอนนั้นข้าไม่รับคำเชิญร่วมทางกับเขา คิดแล้วเขายังเดาได้ว่าข้าจะมา”
เธอยิ้มๆ รู้สึกว่าโม่เฉินคนนี้แปลกมากจริงๆ เพราะคำพูดไม่กี่ประโยคนั้นจึงดูแลเธอเป็นพิเศษ? แต่รู้สึกว่าตอนที่เขาพูดอะไรพวกนั้นยังบอกไม่ชัดเจน คงจะยังเก็บงำไว้ เหมือนว่ายังมีอะไรที่เธอไม่รู้
เหลิ่งหวาอดไม่ได้ที่จะถาม “นายท่าน ถึงเวลางานสมัชชาวิเคราะห์ยาเซียนท่านจะเข้าร่วมด้วยตัวตนไหนขอรับ?”
“ใช้ตัวตนเฟิ่งจิ่วเป็นพอ ส่วนตัวตนภูตหมอ เหอะๆ ให้พวกเขาตั้งตารอไปเถอะ!”
แววตาเธอพุ่งพล่าน นัยน์ตาแอบฉายประกาย สั่งทั้งสองไว้ว่า “ก่อนงานสมัชชาวิเคราะห์ยาเซียน พวกเจ้าพยายามออกไปไหนน้อยๆ หน่อย ฝึกบำเพ็ญในห้องให้มากเถอะ! ที่นี่คนมากเกินไป เกิดเรื่องง่ายนัก”
“ขอรับ/เจ้าค่ะ”
สองคนขานรับ พวกเขาซื้อของที่จำเป็นต้องใช้ไว้อย่างเหมาะสมแล้ว ช่วงนี้จริงๆ ก็ไม่ต้องออกไปทำอะไร หนำซ้ำวันนี้ออกไปสอบถามเสียทั่ว บนว่าคนแคว้นอื่นมีมากมายจริงๆ คนพวกนั้นที่มาจากแคว้นระดับหนึ่งกับสองอยู่ที่นี่แทบจะหยิ่งยโสเสียจนไม่มีใครกล้ายุ่ง ไม่ทันไรก็สั่งสอนคนมีทุกหนทุกแห่งเลย
“ก๊อกๆ ก๊อกๆ”
ยามนี้นอกประตูห้องมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เมื่อสามคนในห้องได้ยินเสียงนั้นก็มองหน้ากัน เฟิ่งจิ่วให้สัญญาณ เหลิ่งหวาจึงเดินเข้ามาสอบถามยังตรงด้านในประตู
“ใครน่ะ?”
………………………….