บทที่ 136 จากครั้งนี้ห่างหลายปี
ในจดหมายมีเพียงถ้อยคำไม่กี่คำเท่านั้น หลานเยี่ยบอกมู่หลีว่าเขาทำของบางอย่างหายไป จะต้องไปตามกลับมา รอจนหาเจอแล้ว เขาย่อมกลับมาเอง
“คนโกหก ทั้งๆ ที่พูดเองว่าไม่ให้ข้าจากเจ้าไป แต่เจ้ากลับจากข้าไปก่อน” มู่หลีถือจดหมายพลางหัวเราะออกมา หัวเราะจนน้ำตาไหล
จดหมายในมือกลายเป็นเศษฝุ่น มู่หลีตัดสินใจออกไปตามหาหลานเยี่ย ปฏิกิริยาของหลานเยี่ยกลางดึกเมื่อวานนี้ทำให้เขาพอจะเดาได้บ้างว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น หลานเฟิง ทำไมเจ้ายังปรากฏตัวออกมาอีก เจ้าช่างน่ารำคาญเสียจริง
มู่หลีเตรียมออกเดินทาง แต่ประตูกลับถูกคนขวางเอาไว้ ต่อให้คนคนนั้นหันหลังให้มู่หลี เพราะแสงอาทิตย์ทำให้ทั้งร่างตกเป็นเงาดำ มู่หลีเองก็มองออกว่าเป็นใคร ต่อให้แหลกสลายกลายเป็นเถ้าที่ถูกโปรยเขาเองก็จำได้
“จะออกไปข้างนอกหรือ”
“เจ้าไม่ต้องยุ่ง”
“เมื่อวานนี้ยังดื่มเหล้ากับข้า วันนี้กลับดึงหน้าไม่รู้จักกันอย่างนั้นหรือ” ชิวลั่วยืนอยู่หน้าประตูขวางทางมู่หลีเอาไว้
“พวกเจ้าวางแผนไว้อย่างนั้นหรือ”
“เจ้าก็รู้หมดแล้วไม่ใช่หรืออย่างไร”
“เจ้าสมควรตาย” ใช่แล้ว เจ้าสมควรตาย หากไม่ใช่ว่าเจ้าเรียกข้าไป หลานเยี่ยก็จะไม่ไปพบหลานเฟิง ถ้าไม่ใช่เจ้าเรียกข้าไป หลานเยี่ยก็จะไม่รู้ความจริง และยิ่งไม่จากเขาไปไหน
“หากข้าสมควรตาย ข้าหวังว่าจะตายด้วยน้ำมือเจ้า”
มู่หลีฟังจบจู่ๆ ก็หยิบกระบี่ที่อยู่บนโต๊ะขึ้นค้ำเอาไว้บนคอของชิวลั่ว
“ข้าออกแรงสักนิดเดียวชีวิตเจ้าก็จะลงไปในนรกแล้ว ดังนั้นถอยออกไป เรื่องก่อนหน้านี้ข้าจะไม่เอาเรื่องเจ้า”
“เรื่องก่อนหน้านี้? เรื่องอะไรก่อนหน้านี้? ที่ข้าให้เจ้าเปลี่ยนแปลงอี่จือชู่ หรือที่ข้าปล่อยให้หลานเยี่ยหนีไป?”
มู่หลีควบคุมไม่อยู่ มือสั่นทันใดนั้นบนคอของชิวลั่วก็ปรากฏรอยแผลรอยหนึ่งขึ้นมา เลือดค่อยๆ ไหลออกมา แต่ชิวลั่วกลับไม่รู้สึกแม้แต่น้อย
“ข้าคิดว่าข้าควรทำตามสัญญา ข้าเลยกลับมาหาเจ้า เพราะข้ารู้ว่าเจ้าไม่มีทางไปหาข้า ดังนั้นข้าถึงมา เจ้าไม่คิดว่าพวกเราอยู่ด้วยกันถึงจะเหมาะสมที่สุดอย่างนั้นหรือ”
มู่หลีมองรอยแผลบนคอของเขา ชักกระบี่เก็บกลับมา
“ไม่รู้สึกอย่างมาก”
“ข้ากลับคิดว่าพวกเราเหมาะสมกันดี เพราะหน้าของพวกเราหนาเหมือนกันไม่ใช่อย่างนั้นหรือ สำหรับหลานเยี่ย เขาและหลานเฟิงถึงเป็นคู่กัน คนหนึ่งเย็นชาคนหนึ่งร้อนแรง ไม่ใช่ว่าพอดีกันอย่างนั้นหรือ”
“…”
“เจ้าเองก็ไม่ต้องรู้สึกละอายใจ ข้าอยู่ที่หอไป๋ฮวามาตั้งนานขนาดนั้น เจ้าเองก็ไม่สนใจข้า อธิบายได้ว่าเจ้าไม่ได้รังเกียจข้าขนาดนั้น ไม่ใช่อย่างนั้นหรือ”
“ข้าเพียงแต่ขี้เกียจยุ่งกับเจ้า”
“เช่นนั้นเหตุใดตอนนี้ถึงขี้เกียจยุ่งกับข้าเล่า ประตูนี้แม้จะเป็นบ้านเจ้า แต่เจ้าให้ข้าออกไปไม่ใช่ว่าเจ้ากำลังยุ่งกับข้าอย่างนั้นหรือ อีกอย่างหากเจ้าอยู่กับข้า นี่ก็เป็นประตูบ้านของเรา ถึงตอนนั้นเจ้าจะต้องยินยอมยุ่งกับข้าอย่างเป็นแน่”
ได้ยินเหตุผลมั่วซั่วของชิวลั่ว มู่หลีก็โกรธจนไม่รู้จะระบายที่ใด ยกมือขึ้นมาต่อสู้กับเขา แต่ไม่คิดว่าฝีมือจะสู้ไม่ได้ ไม่นานมู่หลีก็ถูกชิวลั่วจับแขนทั้งสองข้าง กดเอาไว้บนเตียง
“ปล่อยข้า” มู่หลีดิ้นหนี
ชิวลั่วนิ่งงันไปอย่างยากจะพบ มู่หลีหันกลับมามองเขา บาดแผลบนคอของชิวลั่วนั้นเลือดไหลน้อยลงแล้ว แต่รอยเลือดยังคงไหลซึมหายลงไปในเสื้อผ้าบริเวณที่มองไม่เห็น
“อาหลี ข้าเคยพูดไว้ ข้าไม่อยากใช้วิธีของนายน้อยปฏิบัติกับเจ้า ดังนั้นเจ้าจะให้โอกาสกับข้าอีกครั้งได้หรือไม่” ชิวลั่วน้อยครั้งที่จะจริงจัง แต่กลับจริงจังจนทำให้มู่หลีโมโห
“เช่นนั้นทำไมเจ้าถึงไม่ทำให้ข้าและหลานเยี่ยสมหวัง ให้หลานเยี่ยใช้ชีวิตอย่างไม่รู้อะไรเช่นนี้ไปตลอด ถือว่าเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ อย่างน้อยก็ไม่เจ็บปวดและเศร้าโศกมากเพียงนั้น”
“หลานเยี่ยมีหน้าที่ของเขา จะช้าจะเร็วก็ต้องเผชิญหน้า นี่เป็นสิ่งที่เรียกว่าลิขิตสวรรค์ เจ้าอย่าได้ขัดขวางเขา ก่อนที่จะทำผิดครั้งใหญ่ เวลาหนึ่งเดือนนี้สำหรับเจ้าถือว่ามากพอแล้ว ปล่อยวางเถิด ไปกับข้า”
มู่หลีไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ไม่ดิ้นหนีอีก