Skip to content

ใต้ม่านรัตติกาล 135

บทที่ 135 เขาและเขา

“ชิวเย่ว์กลับไปยังตระกูลเยี่ย ปฏิบัติต่อชิวอวี้อย่างหมดอาลัยตายอยาก ให้เขาดื่มเหล้าที่เป็นดั่งยาพิษลงไปอย่างไม่คิดสงสารร่างกายที่อ่อนแอ ถามสถานที่ที่หลานเยี่ยอยู่ หลานเยี่ยอยู่ที่จิ่วหลิว

ชิวเย่ว์มาถึงจิ่วหลิวด้วยความเร่งรีบ เจอหลานเยี่ย แต่กลับพบว่าความทรงจำทั้งหมดของหลานเยี่ยถูกแก้ไข ความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับชิวเย่ว์ทั้งหมดถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นอีกคน

เมื่อทั้งสองคนพบหน้ากันอีกครั้งก็กลายเป็นคนแปลกหน้าซึ่งกันและกัน” สองสามประโยคสุดท้าย หลานเฟิงนั้นแทบจะจ้องสบตากับหลานเยี่ยอยู่ตลอด

เรื่องราวถูกถ่ายทอดจนจบ เขาและเขาไม่มีใครทำลายความสงบนี้

สีฟ้าเริ่มมืดลง ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่ทั้งสองคนลืมการร่ำสุรา เหล้าที่อยู่ในแก้วนั้นไร้ซึ่งคลื่นกระทบ แต่ทั้งสองคนไม่ใช่

หลานเยี่ยเหม่อลอย กระแทกแก้วเหล้าจนล้มไป เหล้ากระฉอกหกออกมา เปียกชุ่มชายเสื้อหลานเฟิง หลานเยี่ยถึงได้สติขึ้นมา

“ขอโทษ”

“ทำไมต้องขอโทษ คนที่ควรขอโทษควรเป็นข้า”

“หากเจ้าอยากบอกข้าว่าหลานเยี่ยภายในเรื่องที่เจ้าเล่าคือข้า ขอโทษด้วย ข้ารับไม่ได้ ข้าไม่อาจรับได้ว่าความทรงจำกว่ายี่สิบปีของข้าล้วนเป็นเรื่องจอมปลอม ไม่ได้เป็นของข้า”

“แต่เจ้าไม่อาจปฏิเสธเรื่องกระแสวิญญาณและมุกหลิววั่งไปได้ และไม่อาจปฏิเสธบิดาที่ยังคงสลบไสลอยู่ของเจ้า”

“บิดาของข้าเป็นผู้นำแคว้น ไม่ใช่ประมุขตระกูลหลาน ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว ข้าควรกลับแล้ว ขอบใจเจ้าเรื่องเหล้าในวันนี้ แล้วยังมีเรื่องเล่า” หลานเยี่ยลุกขึ้นแล้วเดินจากไป ท่าทางดูหดหู่อยู่บ้าง

“เสี่ยวเยี่ย” หลานเยี่ยหยุดลง

“แม้ในเรื่องเล่าข้าจะไม่ได้พูดถึงความสัมพันธ์ของหลานเยี่ยที่มีต่อหลานเฟิง แต่เจ้าสัมผัสไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ ทำไมข้าถึงใช้ชื่อว่าชิวเย่ว์แทนที่จะเป็นหลานเฟิงอยู่ตลอด ข้าเพียงแค่อยากให้เจ้าจำขึ้นมาได้ คนคนนั้นชื่อว่าหลานเฟิง ไม่ใช่ชิวเย่ว์ ไม่ใช่มู่หลี และไม่ใช่เยี่ยเหลียง”

“ไม่” หลานเยี่ยปฏิเสธอย่างเด็ดขาด

“เจ้าหันกลับมา มองข้า มองใบหน้านี้ของข้า เจ้าจะไม่รู้สึกเลยสักนิดอย่างนั้นหรือ” หลานเยี่ยหยุดไปครู่หนึ่ง ค่อยๆ หมุนตัวหลับมา

หลานเฟิงฉีกหน้ากากบนใบหน้าออก ใบหน้าอีกหน้าหนึ่งปรากฏขึ้นมา มอบความรู้สึกคุ้นเคยอย่างรุนแรงต่อหลานเยี่ย เขาไม่กล้าจ้องมองหลานเฟิงโดยตรง

“ต่อให้เรื่องที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นข้าเองก็ไม่อาจยกโทษให้เจ้า”

หลานเยี่ยเดินจากไปอย่างไม่หันกลับมามอง เหลือเพียงหลานเฟิงอยู่ผู้เดียว เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ไม่สิ้นหวัง เขาจะต้องจำขึ้นมาได้เป็นแน่ ไม่ว่าชิวอวี้ใช้วิธีอะไรในการเปลี่ยนแปลงความทรงจำของเขา แม้ว่าอาจจะไม่ได้รับการให้อภัย

ตอนที่หลานเยี่ยกลับไปมู่หลียังคงไม่กลับมา ผ่านไปนานมู่หลีถึงจะกลับมาจากข้างนอก เห็นหลานเยี่ยที่เอนตัวนอนอยู่บนเตียง มองอยู่ครู่หนึ่งก็เตรียมกลับห้องไปพักผ่อน

“มู่หลี”

“หือ? ที่จริงแล้วเจ้ายังไม่นอนนี่เอง เมื่อครู่มองเจ้าอยู่นาน ถูกเจ้าจับได้เสียแล้ว” ยังคงเป็นมู่หลีที่มีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

“มู่หลี” หลานเยี่ยเรียกเขาอีกครั้ง ได้ยินถึงความผิดปกติ มู่หลีเดินมาข้างเตียง

“เป็นอะไรไปหรือเสี่ยวเยี่ย” หลานเยี่ยกอดมู่หลีเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ทำให้มู่หลีรู้สึกลนลานอย่างมาก จู่ๆ หลานเยี่ยก็จุมพิตเขาอย่างบ้าคลั่ง มู่หลีตกใจเล็กน้อย แต่ก็ฉวยอำนาจการควบคุมมาไว้ได้

ในช่วงเวลาที่ทั้งสองคนพันพัวกันอยู่นั้น มู่หลีสังเกตเห็นน้ำตาบนหางตาของหลานเยี่ย เขาอยากถามว่าทำไม หลานเยี่ยกลับกุมไหล่ของเขาไว้แน่น ไม่ให้เขาจากไป ตราบจนหลานเยี่ยไม่อาจหายใจได้อีก

“มู่หลี เจ้าจะไม่ทิ้งข้าไปใช่หรือไม่ มู่หลี เจ้าเป็นมู่หลีจริงๆ ใช่หรือไม่” หลานเยี่ยไม่อาจควบคุมอารมณ์ของตนเองได้อีกต่อไป

“ใช่ ข้าจะไม่ทิ้งเจ้าไป และข้าเองก็เป็นมู่หลีตัวจริง เสี่ยวเยี่ยไม่ต้องเป็นกังวล ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นข้าก็จะอยู่เสมอ อย่าร้องไห้”

มู่หลีกล่อมหลานเยี่ยให้เข้านอนถึงได้จากไป อยากไปถามคนที่ส่งไปคุ้มครองหลานเยี่ยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่กลับถูกแจ้งว่าตนเองถูกตีจนสลบไป ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น และอิ้งฮวาเว่ยก็ไม่มีใคร

เช้าวันรุ่งขึ้นมู่หลีมาถึงห้องของหลานเยี่ย แต่กลับพบว่าหลานเยี่ยจากไปแล้ว เหลือเพียงจดหมายฉบับเดียว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version