บทที่ 144 แรกรู้จักเขาเทียนปี้
ทิศทางเบื้องหน้าคือเขาเทียนปี้ แม้หลานเฟิงไม่อยากให้หลานเยี่ยได้พบหน้ากับอวิ๋นหรู แต่เพราะความทรงจำของหลานเยี่ย เขาก็ยังพาหลานเยี่ยไปยังเขาเทียนปี้
เขาเทียนปี้อยู่ในช่วงการก่อสร้างใหม่ เพราะตอนที่หลานเยี่ยถูกจับไปก่อนนี้เขาเทียนปี้เพิ่งถูกวางเพลิงไม่นาน ดังนั้นความทรงจำจึงไม่ได้ลึกล้ำเท่าไรนัก
“ที่นี่คือเขาเทียนปี้หรือ”
“อืม”
“ไม่ค่อยเหมือนกับที่คิดไว้เท่าไรนัก”
“ที่เจ้าคิดไว้เป็นเช่นไร”
“เป็นสถานที่สวยงามเหมือนเขาหลานวั่ง ควรต้องมีผลหมากรากไม้ใหญ่เป็นจำนวนมาก ลูกท้อผลใหญ่ห้อยอยู่บนต้น ทำให้คนน้ำลายสอ ผลมะกอกสีแดงสดทำให้คนไม่อยากละมือทิ้ง” หลานเยี่ยพูดสิ่งที่ตนเองคิดออกมาอย่างไม่ปิดบังแม้แต่น้อย
“ช่างเป็นแมวจอมตะกละเสียจริง ที่นี่ในอดีตสวยงามเหมือนกับเขาหลานวั่งจริง และมีผลหมากรากไม้นานาชนิดจริง เป็นความผิดของข้าที่ชักนำคนตระกูลเยี่ยเข้ามา ให้พวกเขาเผาไหม้เขาเทียนปี้”
หลานเยี่ยไม่ได้พูดอะไร เมื่อมาถึงประตูใหญ่เขาเทียนปี้ ทหารยามทำความเคารพหลานเยี่ยอย่างนอบน้อมเกรงกลัว จากนั้นก็ให้พวกเขาเข้าไป เสมือนสิ่งที่หลานเยี่ยคิดเอาไว้
หลังจากเข้าไปแล้วทั่วทุกบริเวณเป็นกลิ่นของไม้ใหม่ และมีลมหายใจของป่าไม้หญ้าเขียวแอบแฝง กลิ่นหอมเป็นอย่างมาก มีคนกำลังประดับตกแต่งบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้างหลากหลายรูปแบบที่ทำให้หลานเยี่ยทั้งรู้สึกแปลกแยกและมีความคุ้นเคยแอบแฝงนั้นปรากฏขึ้นมาให้เห็นตรงหน้า
“ที่นี่สร้างเหมือนกับในอดีตเลยใช่หรือไม่”
“อืม น่าจะทำเพื่อระลึกถึงประมุขวังคนก่อนกระมัง”
เมื่อเดินตรงไปข้างหน้าอีก มีคนสังเกตเห็นหลานเยี่ยก็เดินเข้ามาทักทายอย่างสนิทสนม หลานเยี่ยส่งยิ้มน้อยๆ เป็นการตอบกลับ เดินไปอีกไม่ไกลก็ปรากฏสิ่งปลูกสร้างที่โดดเด่นต่างจากที่อื่นขึ้นมา
“นี่คือโถงบรรพชนแห่งเขาเทียนปี้ ตอนที่เขาเทียนปี้โดนเผาวอด ประมุขวังได้ปกป้องโถงบรรพชนและเรือนอี้หรงเอาไว้”
“เรือนอี้หรง?”
“อืม ต้องเดินไปข้างหน้าอีกถึงจะเห็น จะเข้าไปดูในโถงบรรพชนหรือไม่ ป้ายวิญญาณของฮูหยินยังคงอยู่ในนั้น”
“ฮูหยิน? มารดาของข้าอย่างนั้นหรือ”
“ใช่”
หลานเยี่ยได้ยินคำตอบก็รีบเข้าไปข้างใน ภายในไม่มีคน มีเพียงป้ายวิญญาณวางเรียงไว้ หลานเยี่ยก้าวขึ้นไปข้างหน้า มองเพียงปราดเดียวก็เห็นป้ายวิญญาณของอวิ๋นหรง
“นี่คือมารดาข้าอย่างนั้นหรือ” หลานเยี่ยหันกลับไปพลางชี้ป้ายวิญญาณของอวิ๋นหรงแล้วถามขึ้น
“ใช่แล้ว”
หลานเยี่ยก้าวขึ้นไป แต่เดิมเขายังมีความคาดหวังคิดว่ามารดาที่ตนจะได้เจอนั้นอย่างแย่สุดก็คือสภาพเช่นหลานชิง แต่คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่เห็นจะเป็นเพียงป้ายวิญญาณที่เย็นเยียบแผ่นหนึ่ง
“ท่านแม่? ท่านคือท่านแม่ของข้าอย่างนั้นหรือ” หลานเยี่ยไม่รู้ว่าตนเป็นอะไร จู่ๆ น้ำตาก็ไหลลงมา เขาไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย มองดูป้ายวิญญาณอย่างนิ่งงันอยู่เช่นนั้น
“หากท่านคือท่านแม่ของข้า ข้าก็ไม่ควรมาพบท่าน สภาพของข้าเช่นนี้คงทำให้ท่านเป็นกังวลกระมัง ข้าขอโทษ ท่านแม่ ข้าจดจำท่าทางของท่านไม่ได้แล้ว ข้าหวังมากเพียงใดว่าตนเองยังมีท่านแม่ที่มีชีวิตอยู่ เหตุใดไม่ว่าจะเป็นความทรงจำหลอกลวง หรือความทรงจำที่แท้จริงล้วนไม่มีท่านแม่ ในชีวิตของข้ามักจะขาดท่านไป”
หลานเฟิงก้าวขึ้นไปข้างหน้า เช็ดน้ำตาให้หลานเยี่ยจนแห้ง หลานเยี่ยมองเขาแต่กลับเกิดความรู้สึกโกรธแค้นขึ้นมา เกิดขึ้นอย่างไร้ซึ่งที่มาที่ไป
“เหตุใดจู่ๆ ข้าก็นึกแค้นเจ้า เหตุใดข้าจึงคิดเช่นนี้ เจ้าทำผิดอะไร เหตุใดข้าถึงแค้นเจ้า เหตุใด ผู้ใดบอกข้าได้หรือไม่ แท้จริงแล้วข้าคือใคร เหตุใดถึงต้องทำเช่นนี้ต่อข้า” หลานเยี่ยร้องไห้ส่งเสียงออกมา ความอัดอั้นที่เก็บเอาไว้มาเป็นเวลานานระเบิดออกมาในทันใด หลานเฟิงก้าวขึ้นไปกอดเขาเอาไว้ ไม่นานกลับถูกผลักออกมา
หลานเฟิงไม่พูดจา มือที่คิดจะยกขึ้นมาสุดท้ายก็ตกแนบลำตัวอีกครั้ง จากนั้นด้านหลังของหลานเยี่ย หลานเฟิงก็ค่อยๆ ผลักกำแพงฝั่งนั้นออก
“เสี่ยวเยี่ย หันกลับมา”