บทที่ 156 การสารภาพรักที่ลึกซึ้ง
“จำได้ว่าครั้งที่แล้วตอนมาพร้อมมู่หลี เห็นร่องรอยว่ามีคนมา น่าจะเป็นเจ้ากระมัง” หลานเยี่ยยังคงลูบเจ้ากระต่ายน้อยเล่น
“ใช่ ตอนนั้นเกิดเหตุบางอย่างขึ้น มาที่นี่โดยมิได้ตั้งใจ และเป็นตอนนั้นที่ข้าพบว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่”
“พูดเรื่องในอดีตตอนที่พวกเรามาว่าเป็นภาพเช่นใดได้หรือไม่”
“ในอดีตหรือ ก็เป็นเช่นนั้นกระมัง” หลานเฟิงมองหลานเยี่ยแล้วพูดประโยคเช่นนี้ออกมา
“เจ้าคิดจะพูดหรือไม่”
“รอเจ้ารื้อฟื้นความทรงจำแล้วก็รู้เอง”
“รื้อฟื้นความทรงจำ… จู่ๆ ข้าก็คิดอยากฟื้นความทรงจำเสียแล้ว”
“จะไม่เสียใจภายหลังหรือ” หลานเฟิงถามขึ้น
“ไม่รู้เช่นกัน”
“จะฆ่าข้าหรือไม่”
“ไม่”
“จะเกลียดข้าหรือไม่”
“อาจจะกระมัง”
หลังจากถามคำถามสองสามข้อ หลานเฟิงก็ไม่พูดอะไรอีก จู่ๆ หลานเยี่ยกลับยื่นมือไปหาเขา ยืนอยู่เบื้องหน้าเขาอย่างจริงใจ หลานเฟิงไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก
“หลานเฟิง เจ้ายินยอมสละสถานะองครักษ์ของข้าหรือไม่ ต่อให้รื้อฟื้นความทรงจำกลับมา ต่อให้หลังจากนี้ข้าอาจเกลียดเจ้า แต่ในตอนนี้ ในเวลานี้ ไม่สนใจอนาคต”
“เหตุใดเล่า”
“เพราะใจข้าชื่นชอบเจ้า” มือของหลานเยี่ยยังยื่นออกไป การสารภาพรักที่ตรงไปตรงมาทำให้หลานเฟิงยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีวันที่หลานเยี่ยสารภาพรักเขาก่อน
สายลมกระแสหนึ่งพัดผ่าน หลานเฟิงจับมือหลานเยี่ยช้าๆ มือทั้งสองคู่กุมเข้าหากันแน่น หัวใจทั้งสองดวงก็ถูกลากให้มาเจ้ามาใกล้อย่างลึกซึ้ง ใบหน้าของหลานเยี่ยมีรอยยิ้มประดับ
หลานเฟิงออกแรงดึงหลานเยี่ยเข้าหาตัว หลานเยี่ยยังไม่ทันได้ตั้งตัว มือข้างหนึ่งยังจับมือของหลานเฟิงอยู่ มืออีกข้างจับคอเสื้อที่อยู่ตรงแผ่นอกของหลานเฟิง เงยหน้าสบตาขึ้นมองหลานเฟิง ลมหายใจของหลานเยี่ยเริ่มไม่สงบ
หลานเฟิงเขยิบหน้าเข้าใกล้ช้าๆ หลานเยี่ยหลับตาลง ทั้งสองคนกอดกันแน่น หัวใจทั้งสองดวงก็แนบชิดสนิทกันอย่างใกล้ชิด หลังจากจุมพิตหนึ่งผ่านไป หลานเฟิงปล่อยหลานเยี่ยออก แต่ยังคงหอมใบหน้าของหลานเยี่ยอย่างยังไม่หายอยาก
“พรุ่งนี้เจ้าก็จะอายุยี่สิบปีแล้ว อยู่กับข้าตลอดไปได้หรือไม่ ปล่อยวางตนเองมอบให้ข้าได้หรือไม่ รักข้าตลอดไปได้หรือไม่ ต่อให้ความทรงจำกลับมาก็ดี หรือจะเกลียดข้าก็ดี อย่าได้ลืมข้าอีก”
หลานเฟิงกอดหลานเยี่ย หลานเยี่ยวางศีรษะลงบนไหล่หลานเฟิง สัมผัสได้ว่าหลานเฟิงตัวสั่น หลานเยี่ยกอดเขาไว้แน่น
“ไม่มีทาง ข้าไม่มีทางจากเจ้าไปไหนอีก ไม่มีทาง อย่าเป็นกังวลเลย ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าตลอดไป” หลานเยี่ยพูดปลอบประโลมหลานเฟิง
ทั้งสองคนเข้ามาภายในหอเฟิงเยี่ย ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากแต่ก่อน แม้หลานเยี่ยจะมาพร้อมกับมู่หลีอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยไปยุ่งกับภายใน
เตียงหนึ่งหลัง โต๊ะน้ำชาหนึ่งตัว เตาไฟหนึ่งอัน หนังสือจำนวนหนึว่า ข้าวของเครื่องใช้ขนาดเล็กน้อยชิ้น รวมกันกลายเป็นทั้งหมดของหอเฟิงเยี่ย แม้จะเล็กแต่ข้าวของล้วนครบถ้วนอย่างมาก
“ดูท่าหากในอนาคตพวกเราอาศัยอยู่ที่นี่ ข้าจะต้องหัดเรียนทำอาหารบ้างแล้ว” หลานเฟิงพูดกับหลานเยี่ย เขาคิดถึงเรื่องกลางดึกคืนนั้นที่หลานเยี่ยและมู่หลีกินปลาด้วยกัน
“ขอแค่ขนมอบสับปะรดก็พอแล้ว”
“ยังคงเลือกกินเหมือนเดิม หลังจากนี้จะทำให้เจ้ากินทุกวัน”
“ดี”
“พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของเจ้าแล้ว อยากได้อะไรหรือไม่”
“อยากได้ ความทรงจำของข้า” จู่ๆ หลานเฟิงก็เดินเข้าไปใกล้หลานเยี่ย ค้อมตัวลง บังคับให้หลานเยี่ยเดินไปประชิดผนัง
“เจ้าทำอะไร”
“รอคืนวันพรุ่งนี้ ข้าจะพยายามทำให้เจ้าฟื้นฟูความทรงจำ” หลานเยี่ยหน้าแดงก่ำในฉับพลัน แต่จู่ๆ ก็มีท่าทีต้องทำให้ถึงที่สุด หลับตาลง ก้าวขึ้นไปจูบหลานเฟิงไว้ ความพยายามอะไรนั่นพรุ่งนี้ค่อยว่ากันก็แล้วกัน