บทที่ 152 พูดไม่ออก
ความทรงจำจะรื้อฟื้นหรือไม่ หลานเยี่ยยังคงสับสน แต่การฟื้นฟูพลังกระแสวิญญาณ หลานเยี่ยนั้นดีใจเป็นอย่างมาก เท่าที่รู้กระแสวิญญาณของเขาเก่งกาจเลยทีเดียว
“อยากซิ ย่อมอยาก”
“เอ่อ พลังกระแสวิญญาณฟื้นฟูแล้ว ความทรงจำก็อาจได้รับการฟื้นฟูด้วย หรืออาจจะไม่ สถานการณ์เช่นเจ้าข้าเคยเห็นมาในตำราการแพทย์ ส่วนเรื่องความทรงจำจะกลับมาหรือไม่นั้นแตกต่างไปในแต่ละบุคคล ไม่แน่นอน” เทียนซีพูดออกมาอย่างติดขัด ทำให้หลานเยี่ยร้อนใจเป็นอย่างมาก
“เจ้าก็พูดมาซิว่าวิธีเช่นไร”
“ข้า… พูดไม่ออก…” เขาพูดไม่ออกจริงๆ คนหน้าบางเช่นเทียนซี
“ถือว่าข้าขอร้องเจ้า พูดออกมาเถิด” หลานเยี่ยพุ่งเข้าไป จับมือเทียนซีเอาไว้ พูดขอร้องเขาไม่หยุด
ไม่นานอวี่มั่วลงมา เห็นหลานเยี่ยจับมือเทียนซีไว้น้ำโหก็พุ่งขึ้นมาในทันใด “เจ้าทำอะไร ปล่อยมือเดี๋ยวนี้”
หลานเยี่ยชักมือกลับ มองไปยังเทียนซีด้วยความขัดใจอย่างมาก เทียนซีผ่อนลมหายใจยาว ถามหลานเยี่ยคำถามหนึ่ง
“หลานเยี่ย เจ้ายังบริสุทธิ์อยู่ใช่หรือไม่” คราวนี้เป็นหลานเยี่ยที่หน้าแดงขึ้นมา
“ถ้ายึดตามความทรงจำตอนนี้แล้วก็ใช่”
“ใช่” หลานเฟิงที่อยู่ข้างๆ พูดออกมาในทันใด ทำให้อวี่มั่วยิ่งออกอาการหยอกเย้ามากขึ้น
“เจ้าใช่ไม่ได้เลย หลานเยี่ยโตเท่าไรแล้ว อีกสองวันก็จะยี่สิบแล้วกระมัง ยังคงบริสุทธิ์อยู่ ไม่ได้ ไม่ได้ หลานเฟิงเจ้าต้องสู้เข้า” อวี่มั่วพูดว่ากล่าวหลานเยี่ยและหลานเฟิงด้วยน้ำเสียงของคนที่เคยประสบมาแล้ว
“นี่เกี่ยวข้องอะไรกับการรื้อฟื้นความทรงจำของข้าหรือ” หลานเยี่ยรับอวี่มั่วไม่ไหว รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาในทันใด
“จุดของกระแสวิญญาณเจ้าก็คือ… ก็คือ สิ่งนั้นเจ้าเข้าใจใช่หรือไม่ ก็คือ… เจ้าเข้าใจ” จนถึงสุดท้ายเทียนซีก็ไม่พูดออกมา
“ก็คือทำกับหลานเฟิง ก็เท่านั้น”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นหลานเฟิง” เทียนซีมองเขาอย่างตื่นตกใจ
“ต้องเป็นคนที่ใจรักเท่านั้น หรือจะบอกว่าอิงแอบในอ้อมอกของผู้อื่น จำได้ว่านายน้อยนั่นชอบหลานเฟิงมาก การที่ผนึกพลังกระแสวิญญาณและความทรงจำของหลานเยี่ยเช่นนี้ ต้องพูดเลยว่าโหดเหี้ยมเสียจริง”
ได้ยินอวี่มั่วพูดเช่นนี้ ในใจของหลานเยี่ยกลับรู้สึกไม่สบายใจ อะไรที่เรียกว่าชอบมาก อะไรที่เรียกว่าคนที่ใจรัก เขาไม่มีเสียหน่อย!
ที่จริงแล้วหลังจากได้ยินเทียนซีและอวี่มั่วพูดจบ หลานเฟิงก็ตกใจไปอยู่ครู่ใหญ่ จำต้องยอมรับว่าเขายังมีความคาดหวังอยู่เล็กน้อย
“ตอนนี้ปัญหาคือ หลานเยี่ยเจ้าคิดดีแล้วหรือไม่ หรือพูดให้ถูกก็คือเชื่อหรือไม่ หากยอมรับความทรงจำช่วงนั้นเจ้าก็ต้องแบกรับความรับผิดชอบและหน้าที่เหล่านั้นขึ้นมาอีกครั้ง แน่นอนว่าบางทีความทรงจำเจ้าอาจไม่รื้อฟื้นกลับมา”
แม้อวี่มั่วจะพูดเช่นนี้ หลานเยี่ยก็ยังสับสน เขากำลังสงสัย ก่อนนี้ตนเองรักหลานเฟิงมากเช่นนั้นเชียวหรือ หากว่าใช่ การที่ตนเองยังสับสนต่อการรื้อฟื้นความทรงจำเป็นเพราะเหตุใด หรือว่ามีอะไรที่ยังไม่อาจยอมรับได้เช่นนั้นหรือ
ก่อนนี้ภายในเรื่องเล่าของหลานเฟิง หลานเฟิงบอกว่าตนเองเป็นตัวต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด ตนเองก็เคยพูดว่าไม่อาจให้อภัยเขา แต่เวลาผ่านมานานเช่นนี้สุดท้ายก็สั่นคลอน บางทีอาจเป็นเพราะว่าความผูกพันที่ตนเองมีต่อทุกคนในตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นที่ลึกซึ้งที่สุดกระมัง
หลานเยี่ยคนเดิมแท้จริงแล้วมีความรู้สึกต่อคนเหล่านี้เช่นไรกันแน่
หลานเยี่ยครุ่นคิดอยู่ตลอด แต่จู่ๆ ก็ถูกอวี่มั่วขัดจังหวะ
“นี่คือป้ายคำสั่งของหล่านเย่ว์ เจ้ามีเวลาก็ไปดูเสียหน่อย ไม่ได้ไปนานแล้ว คงจะคิดถึงเจ้ากันหมดแล้ว”
หลานเยี่ยรับป้ายคำสั่งมา เหลือบมองหลานเฟิงทีหนึ่ง หลังจากที่มาถึงเมืองหลวงหลานเฟิงน้อยครั้งที่จะพูด ดูท่าอยากให้ตนเองตัดสินใจเรื่องทั้งหมด ค้นหาความทรงจำที่เป็นของตนด้วยตนเอง