Skip to content

ใต้ม่านรัตติกาล 153

บทที่ 153 หัวหน้า

“หล่านเย่ว์…” หลานเยี่ยพึมพำขึ้นมาสองคำ

“หลานเฟิง พวกเราไปตอนนี้เลย อวี่มั่ว พวกเจ้าไปหรือไม่”

“พวกข้าไม่ไปก็แล้วกัน จนถึงตอนนี้พวกจ้ายังไม่ได้กินข้าวเลย หิวจะตายแล้ว พวกเจ้าไปกันเองเถิด”

หลานเยี่ยเหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมา ไม่ได้ไล่ถามต่อ ออกเดินทางไปหล่านเย่ว์พร้อมหลานเฟิง แต่เดินไปได้ครึ่งทางหลานเยี่ยก็หาทางต่อไม่พบ หันกลับมามองดูหลานเฟิง

มองท่าทีของหลานเยี่ยพลันคิดถึงคำพูดของอวี่มั่วขึ้นมาในทันใด หลานเฟิงกระแอมออกมาสองทีด้วยความขัดเขิน ไม่ได้มองใบหน้าของหลานเยี่ยต่อ

“ตามข้ามาเถิด” ได้ยินหลานเฟิงพูดเช่นนี้ หลานเยี่ยก็เดินตามไปติดๆ

คนที่นิสัยโอหังก่อนหน้านี้ ตอนนี้กลับน่ารักถึงเพียงนี้ หลานเฟิงคิดอยู่ในใจ กิริยาการกระทำเมื่อครู่นี้ช่างเติมเต็มความอยากปกป้องของเขามากนัก เมื่อทั้งสองคนมาถึงหล่านเย่ว์ ยังไม่ทันให้หลานเยี่ยได้ชูป้ายคำสั่งออกมา ทหารเฝ้ายามหน้าประตูก็ปล่อยให้พวกเขาเข้าไป

“ยินดีต้อนรับท่านหัวหน้ากลับสู่หล่านเย่ว์” ทุกกิริยาการกระทำส่งผลให้หลานเยี่ยตกใจเป็นอย่างมาก เกิดอะไรขึ้น ข้าควรพูดอะไร หลานเยี่ยคิดอยู่สามวินาทีถึงจะได้สติกลับมา

เขาไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น เชิดหน้าแสร้งสงบนิ่งเดินเข้าไป พอเข้าไปในหล่านเย่ว์ หลานเยี่ยก็เดินไปยังห้องที่เหมือนโถงประชุมอย่างไม่รู้ตัว เดินไปถึงหน้าประตูหลานเยี่ยถึงรู้สึกตัว

“พวกเราควรไปที่ใด” หลานเยี่ยหันกลับมาถามหลานเฟิง

“ถึงแล้ว” หลานเยี่ยมองโถงประชุม ใช่แล้ว เพิ่งกลับมาก็ควรต้องฟังสถานการณ์ของหล่านเย่ว์เสียหน่อย เปิดประตูโถงประชุมออก หลังจากคนที่เฝ้ายามเห็นหลานเยี่ยกลับมาก็ทำความเคารพอย่างนอบน้อม แล้วจึงไปเรียกคนมา

ไม่นานบุคคลชั้นสูงของหล่านเย่ว์ทั้งหมดก็มาถึง หลานเยี่ยนั่งอยู่ด้านบน ผู้คนด้านล่างนั่งอยู่สองฝั่ง หลานเฟิงนั่งอยู่ตรงมุมห้องมุมหนึ่ง

“ท่านหัวหน้า ท่านกลับมาแล้ว”

“ท่านหัวหน้าก่อนหน้านี้ไปที่ใดหรือ หาท่านไม่พบเลย”

“ท่านหัวหน้าระยะนี้สบายดีหรือไม่” ผู้คนด้านล่างต่างคนต่างพูด แย่งกันถามหลานเยี่ย หลานเยี่ยหัวแทบจะระเบิดออกมา

“เงียบก่อนๆ ข้าไม่ใช่ว่ากลับมาดีๆ แล้วหรือ ไม่ได้มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น อย่าได้เป็นห่วง ข้าสบายดี ข้าอยากฟังทุกคนพูดว่าช่วงสองสามเดือนมานี้หล่านเย่ว์เป็นเช่นไร อ้อไม่ พูดตั้งแต่ต้น ตั้งแต่ก่อตั้งหล่านเย่ว์ ไม่เจอกันนาน รู้สึกรำลึกถึงอยู่บ้าง”

หลานเยี่ยใช้วิธีที่ค่อนข้างรวดเร็วในการทำความเข้าใจเรื่องหล่านเย่ว์ หลานเฟิงมองดูเขานิ่งๆ อยู่มุมหนึ่ง ยังคงฉลาดเฉลียว เขาอดคิดถึงคำพูดของอวี่มั่วไม่ได้

“ตอนนั้นข้าน้อยร่อนเร่ตามถนน ถ้าไม่ใช่ท่านหัวหน้า เกรงว่าตอนนี่คงสิ้นชีวิตไปแล้ว ในตอนนั้นท่านหัวหน้าเห็นว่าเมืองหลวงมีผู้คนร่อนเร่อยู่ตามถนนมากมาย รู้สึกอดคิดสงสารไม่ได้ถึงได้ก่อตั้งหล่านเย่ว์ขึ้น หลังจากหล่านเย่ว์ก่อตั้งแล้ว ท่านหัวหน้าก็มาช่วยเหลือคนเหล่านี้ด้วยตนเองทุกวัน บุญคุณของท่านหัวหน้าไม่อาจตอบแทน ทำได้เพียงแค่ถ่ายทอดต่อไปเป็นรุ่นๆ ทำให้ผู้คนที่มาเพิ่มมากขึ้นได้มีชีวิตกินข้าว มีชีวิตทำเรื่องต่างๆ” ผู้ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งพูดด้วยสภาพน้ำตานองหน้า นี่ต้องน่าเวทนามากเพียงใดถึงทำให้ลูกผู้ชายคนหนึ่งร้องไห้หนักเช่นนี้

หลานเยี่ยฟังแล้วก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ นี่ทำไมถึงกลายเป็นสรรเสริญเทิดทูนเขาไปได้ เหมือนกับเขาอยากฟังความซาบซึ้งใจที่ผู้อื่นมีต่อตนเองไปเสียอย่างนั้น

“หลังจากนั้นคุณชายอวี่มั่วก็ตั้งร้านค้าจำนวนหนึ่งให้พวกเรา นี่ถึงทำให้พวกเราได้ใช้ชีวิตที่ดีขึ้น ภายในหล่านเย่ว์ก็มีก่อนจัดการกับผืนดิน ทำให้พวกเราพอใจในสิ่งที่ตนเองต้องการได้ด้วยตนเอง คนที่วิทยายุทธ์ดีก็ไปข้างนอกรับใช้ผู้อื่น เป็นเช่นนี้ วันเวลาที่ล่วงผ่านไปแต่ละวันหล่านเย่ว์ถึงได้ค่อยๆ พัฒนาให้เห็นเป็นภาพที่เจริญเช่นนี้ คิดถึงช่วงเวลาเหล่านี้ก็รู้สึกซึ้งใจนัก”

หลานเยี่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป คิ้วขมวดมุ่น เขาพอจะรู้แล้วว่าเรื่องที่ตนทำในอดีตดีมากเพียงใด

“หยุดๆๆ พูดเรื่องช่วงเวลาที่ข้าไม่อยู่ว่าหล่านเย่ว์เป็นเช่นไรเถิด”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version