บทที่ 211 จบบริบูรณ์
“โอ๊ยยย” ภายในห้องมีสตรีนางหนึ่งตะโกนร้องด้วยความเจ็บปวด ด้านนอกห้องมีหลายคนเดินกลับไปกลับมาและบางคนที่แข็งทื่อเป็นท่อนไม้
หลังจากพวกเขาแต่งงานได้สามเดือนอวิ๋นหรูก็ตั้งครรภ์ บัดนี้กำลังให้กำเนิดด้วยความลำบาก ผู้คนทั้งหลายที่ตอนนั้นได้จัดงานแต่งพร้อมกัน วันนี้ที่มาถึงมีอวี่มั่ว เทียนซี มู่หลีและชิวลั่วพวกเขาที่เป็นคนรุ่นหลังสองสามคน
“หลานเยี่ยเจ้าอย่าเดินอีกเลยดีหรือไม่ เดินไปมาจนข้าปวดหัวแล้ว เหตุใดจึงร้อนใจกว่าลูกเจ้าเองอีก” อวี่มั่วอยากให้หลานเยี่ยหยุดเดินไปมาเสียที
“ใช่แล้ว เจ้าดูซิว่าหลานเม่ยยังไม่ร้อนใจเท่าเจ้าเลย” หลานเม่ยที่อยู่อีกฝั่งนั่งแข็งทื่อเป็นท่อนไม้อยู่บนเก้าอี้ หลานเยี่ยประหลาดใจเล็กน้อย เดินไปจิ้มหลานเม่ยทีหนึ่ง
คิดไม่ถึงว่าเจ้าคนนี้จะล้มลงไปโดยไม่มีลางสังหรณ์มาก่อน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า” หลานเยี่ยหัวเราะอย่างหนัก เสียงหัวเราะดังของหลานเยี่ยถึงทำให้หลานเม่ยถูกดึงกลับมาสู่ความเป็นจริง หลานเม่ยรีบปีนขึ้นมาจากพื้น ปัดเศษฝุ่นเศษดินบนตัว
“ใครบอกว่าเขาไม่ตื่นเต้น เจ้าดูซิว่าเขาตื่นเต้นกว่าข้าเสียอีก ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า” หลานเยี่ยหัวเราะจนสำลัก หลานเฟิงเดินเข้าตบหลังเขา ในที่สุดหลานเยี่ยก็สงบลง
ตอนที่หลานเม่ยสีหน้าร้อนรน ร้อนใจอย่างไม่มีที่เปรียบ ภายในห้องก็มีเสียงเด็กทารกร้องดังออกมา หลานเม่ยรีบเดินไปที่ประตูห้อง หมอตำแยเปิดประตูให้หลานเม่ยเข้าไป ด้านนอกลมแรง ไม่เหมาะที่จะอุ้มเด็กออกมา
หลานเม่ยเข้าไปแล้ว คนที่เหลือรออยู่ข้างนอก รอไม่นานหลานเม่ยก็เปิดประตูออกมาให้พวกเขาเข้าไป
ผู้ชายร่างใหญ่หลายคนล้อมรอบเด็กทารกคนหนึ่งเอาไว้ หลานเม่ยดูมือไม้พันกันอย่างเห็นได้ชัด
“เป็นคุณชายนี่!” เทียนซีเอ่ยปาก มองดูแล้วชอบเด็กมากยิ่งนัก
“ท่านประมุข ท่านตั้งชื่อให้เถิด” หลานเม่ยพูดกับหลานเยี่ย
“ห๋า ให้ข้าตั้งหรือ เจ้าตั้งเองเถิด ข้าตั้งแล้วรู้สึกเกรงใจจัง” เป็นครั้งแรกที่หลานเยี่ยแสดงท่าทำอะไรไม่ถูกออกมา มองหลานเฟิงขอความช่วยเหลือ
“รอพวกเรามีลูกคนที่สอง ค่อยตั้ง ท่านประมุขไม่ต้องถ่อมตนไป” หลานเม่ยเอ่ยเร่งหลานเยี่ย
“เช่นนั้นก็ช่างเถิด ข้าคิดเสียหน่อย” หลานเยี่ยเอ่ยปาก คิดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“เช่นนั้นก็ชื่อว่าหลานจิ่นเหอก็แล้วกัน ใต้หล้าที่สงบสุขรุ่งเรือง เด็กรุ่นใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว” หลานเยี่ยเอ่ยวิเคราะห์
“ดี เรียกว่าจิ่นเหอแล้วกัน”
เดินผ่านไปมา ไปมาหาสู่ วันเวลาผ่านไปเรื่อยทุกวัน คนครองคู่ใหม่หลายคู่เช่นพวกเขาเองก็มักจะคิดถึงเรื่องวันเวลาที่ไม่สงบสุขในตอนนั้น
ไม่สนรสชาติของชีวิต ไม่สนการฟันฝ่าขวากหนาม สถานการณ์ในใต้หล้ารักษาสภาพความเป็นหนึ่งเดียวไว้ ไม่มีแล้วซึ่งการแย่งชิง ไม่มีแล้วซึ่งความเจ็บปวด ต่อให้นี่เป็นใต้หล้าที่อยู่ในอุดมคติ หลานเยี่ยเองก็เชื่อว่าใต้หล้าที่เขารู้จักนั้นก็เป็นเช่นนี้
ตอนที่พวกเขาเข้าสู่วัยชรา ไม่ได้วิ่งวนไปทั่วใต้หล้าอีก หลานเฟิงและหลานเยี่ยกลับไปยังหอเฟิงเยี่ย หลานเยี่ยนั่งอยู่บนเก้าอี้ ในมืออุ้มลูกกระต่ายที่เพิ่งคลอดออกมา
หลานเฟิงอยู่ภายในห้องเตรียมทำอาหาร
อากาศแจ่มใสอย่างมาก แสงอาทิตย์ส่องสว่าง มีบางครั้งที่ยังคงรำพันถึงตนเองยามอายุน้อยวัยใส ชีวิตยามแก่เฒ่าที่หลานเยี่ยเคยคาดฝันในตอนนั้น ตอนนี้ก็ได้กลายเป็นความจริงแล้ว สิ่งที่งดงามที่สุดก็ไม่อาจสู้สิ่งนี้ได้
“ท่านพ่อบุญธรรม พวกข้ามาแล้ว” หลานจิ่นเหอนำลูกของตนเองมาหาหลานเยี่ยและหลานเฟิง
“มาแล้ว เสี่ยวจิ้งชูเองก็มาด้วย ให้ปู่อุ้มหน่อยซิ ตาเฒ่า อาหารเตรียมพร้อมหรือยัง”
“พร้อมแล้ว รีบเข้ามากินเร็วเข้า” หลานเฟิงออกมาพูดกับพวกเขา
“ไป ไปกินข้าวกัน”
ลมฝนทำให้พวกเขามีร่องรอยของลมฝน พวกเขาเองก็มีผมขาว มีรอยย่น แต่จิตใจที่รักอีกฝ่ายอย่างลึกล้ำกลับไม่เปลี่ยนแปลง
=จบบริบูรณ์=
ขอให้คนที่มีความรักบนโลกนี้ได้ครองคู่สมหวัง