Skip to content

A Will Eternal 105

บทที่ 105 เหล่าสัตว์แหกคุก!

ป๋ายเสี่ยวฉุนมองก้อนหินที่ลอยมาเต็มกลางอากาศ ตกใจจนใจสั่น รีบวิ่งปรื๋อกลับเข้าไปในถ้ำ ค่ายกลของถ้ำเคลื่อนไหว สกัดกั้นก้อนหินนับหมื่นเอาไว้ได้ ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าม่อย รู้ว่าตัวเองทำให้ทุกคนโกรธเคือง แต่เขาเองก็รู้สึกไม่เป็นธรรมเช่นกัน เขาไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ

“ข้ารับรอง ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ข้าแน่ใจมากๆ เลย!” เขารีบเอ่ยปากออกไป

รอจนทุกคนด้านนอกระบายโทสะจนหมดสิ้น ป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ในถ้ำชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูด ทุกคนถึงได้จากไปพร้อมความโกรธเคืองที่ยังหลงเหลืออยู่

ป๋ายเสี่ยวฉุนทอดถอนใจติดต่อกัน จัดการกับเศษก้อนหินที่ถูกขว้างมายังถ้ำแล้วจึงกลับเข้าไปในห้องหลอมยาอีกครั้ง นั่งอยู่ในนั้น สายตาฉายแววครุ่นคิด ย้อนนึกถึงภาพที่ตัวเองสัมผัสได้ก่อนหน้า เนิ่นนานถึงได้กัดฟัน เอาเตาหลอมเตาสุดท้ายออกมาอย่างระมัดระวัง ค่อยๆ หลอมยาวิเศษโดยอิงตามการวิเคราะห์ของเขา

จุดสำคัญอยู่ที่การส่งผลกระทบต่อกันและกันของพืชหญ้าแต่ละชนิด หลายวันต่อมา เมื่อกลิ่นหอมของยาลอยโชย ป๋ายเสี่ยวฉุนก็น้ำตาคลอ คำรามเสียงดังอย่างฮึกเหิมหนึ่งเสียง ในที่สุดเขาก็พิชิตปัญหาร้ายแรงที่ทำให้เตาหลอมยาระเบิดได้สำเร็จ อีกทั้งยังเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของการส่งผลกระทบต่อกันและกันในข้างต้นอีกด้วย

“เชี่ยวชาญการหลอมยาวิเศษขั้นที่สาม คาดว่าจะสำเร็จได้ในไม่ช้านี้!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคึกคักมีชีวิตชีวา หลังจากวันนั้นมาก็จมจ่อมอยู่กับการหลอมยาจนลืมตัวเองอีกครั้ง

ไม่นาน ลูกศิษย์ของเขาเซียงอวิ๋นไม่ได้ยินเสียงกัมปนาทจากเตาระเบิดอีกก็ค่อยๆ วางใจลง ชีวิตของเขาเซียงอวิ๋นคล้ายว่าจะกลับเข้าสู่ความสงบสุขดังเดิมอีกครั้ง

แต่…ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับพบว่า แม้ว่าตัวเองจะแก้ไขปัญหาเรื่องเตาหลอมได้แล้ว แต่ตอนที่หลอมยาวิเศษระดับสาม อัตราความสำเร็จกลับยังไม่สูงเช่นเคย อีกทั้งยังมักจะหลอมได้ยาแปลกประหลาดออกมามากมายด้วย

เผชิญหน้ากับยาประหลาดเหล่านี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้เพิกเฉยอย่างที่เคยทำก่อนหน้านี้ แต่เขารู้สึกว่ายาทุกเม็ดล้วนแฝงไว้ด้วยความลับอันยิ่งใหญ่ ไม่แน่ว่าในนี้อาจจะมียาวิเศษที่มหัศจรรย์อย่างยากระสันซ่านก็เป็นได้

“จำเป็นต้องทดลองทีละเม็ด ดูว่ายาพวกนี้มีประโยชน์อะไร…” ป๋ายเสี่ยวฉุนพึมพำด้วยท่าทางเอาจริงเอาจัง ออกจากถ้ำไปทันที ลงไปยังตลาดตีนเขา ซื้อสัตว์เล็กสัตว์น้อยกลับมาเยอะมาก และยังใช้คะแนนคุณความดีแลกบางส่วนมาจากสำนักด้วย

เอามาเลี้ยงไว้ในถ้ำ เริ่มทำการทดลองโดยใช้สัตว์เป็นครั้งที่สองในชีวิตของเขา ทั้งยังเต็มไปด้วยความคาดหวัง เขาหยิบเอาแผ่นหยกว่างเปล่าแผ่นหนึ่งออกมา เตรียมไว้บันทึกไปทีละอัน

เมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก หยิบเอากระต่ายตัวหนึ่งออกมา แล้วจึงเลือกยาสีดำเม็ดหนึ่งในบรรดายาประหลาดมากมายของตัวเองออกมาโยนให้กระต่าย

กระต่ายตัวนั้นดมอยู่แปบหนึ่งก็กลืนเข้าไปในคำเดียว พอกินเสร็จร่างก็พลันสั่นไหว สองขาเหยียดออก แล้วก็ล้มลงไปดังพลั่ก แน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน

“ตายแล้วรึ?” ป๋ายเสี่ยวฉุนเบิกตากว้าง รีบเดินเข้าไปตรวจสอบถึงได้ผ่อนลมหายใจ กระต่ายตัวนี้ไม่ได้ตาย แต่เป็นเพราะฤทธิ์ของยาแรงเกินไป พลังวิญญาณขึ้นสมองจึงทำให้สลบไป

จนกระทั่งผ่านไปสองชั่วยามกระต่ายตัวนี้ถึงได้ฟื้นขึ้นมา ขาทั้งสองข้างของมันเหยียดตรง ยืนขึ้นราวกับคน จ้องเขม็งมาที่ป๋ายเสี่ยวฉุน

ป๋ายเสี่ยวฉุนร้องเอ๊ะเบาๆ หนึ่งที แต่ที่ตามมาติดๆ คือกระต่ายตัวนี้ก็ร้องเอ๊ะเบาๆ หนึ่งครั้งเหมือนกัน ป๋ายเสี่ยวฉุนตกใจสะดุ้งโหยง

“เจ้าพูดได้?”

“เจ้าพูดได้?” กระต่ายก็ทำท่าทางตกใจสะดุ้งโหยงเช่นกัน เริ่มพูดเลียนแบบ

ป๋ายเสี่ยวฉุนฮึกเหิมโดยพลัน เดินวนไปมารอบๆ กระต่าย กระต่ายตัวนั้นก็ฮึกเหิมเช่นกัน เดินวนไปมารอบกายป๋ายเสี่ยวฉุน หนึ่งคนหนึ่งกระต่าย สร้างภาพแปลกประหลาดให้เกิดขึ้นในถ้ำแห่งนี้

จนถึงท้ายที่สุด ป๋ายเสี่ยวฉุนก็หัวเราะร่าขึ้นมาเสียงดัง

“ฮ่าๆ ยานี่ไม่เลวเลย ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนร้ายกาจเสียจริง แม้แต่กระต่ายก็ยังพูดได้”

กระต่ายก็หัวเราะร่าเสียงดัง พูดประโยคเดียวกันออกมา ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกพิกล จึงเปิดห้องหินหนึ่งห้องออก โยนกระต่ายตัวนี้เข้าไปไว้ข้างในเสียเลย

“ก็ดี ในเมื่อเจ้ามีสติปัญญา ต่อไปหากฝึกบำเพ็ญตบะสำเร็จ อย่าลืมมาตอบแทนบุญคุณข้าด้วยล่ะ ขังไว้ในนี้ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวข้าค่อยพาพวกเจ้าไปปล่อยไว้นอกสำนักทีหลัง”

โยนกระต่ายไปแล้วป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย เริ่มทำการทดลองครั้งต่อไป คราวนี้เขาเลือกลิงตัวหนึ่ง เลือกยาสีเหลืองหนึ่งเม็ดมาโยนให้ลิงกิน แรกเริ่มเจ้าลิงตัวนั้นแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น แต่ภายหลังพอมองอย่างละเอียดก็คว้าหมับ เล็มไปเล็มมาอยู่บนริมฝีปาก เศษเล็กเศษน้อยร่วงลงมาไม่น้อย แต่ก็กินเข้าไปเสียเป็นส่วนใหญ่

หลังจากกินเสร็จ เจ้าลิงไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร เพียงแต่คล้ายว่ามีลมหนาวระลอกหนึ่งพัดผ่าน แล้วก็หายไปอย่างรวดเร็ว ป๋ายเสี่ยวฉุนจับลิงมาจัดท่าจัดทางอย่างสงสัยใคร่รู้ เจ้าลิงตัวนี้เหมือนจะเซ่อไป ทำได้เพียงเหม่อลอย หลังจากป๋ายเสี่ยวฉุนแน่ใจแล้วว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ถอนหายใจ โยนเจ้าลิงตัวนี้ไปไว้ในห้องหิน

หลายวันต่อมา ป๋ายเสี่ยวฉุนยังคงทำการทดลองอย่างต่อเนื่อง กระต่ายกลุ่มหนึ่งหลังจากกินยาของเขาแล้ว ดวงตาก็ยิ่งแดงก่ำ คำรามเสียงต่ำ แต่ละตัวกระโดดขึ้นมาคล้ายจะเข้าไปกัดป๋ายเสี่ยวฉุน

ป๋ายเสี่ยวฉุนแปลกใจ บันทึกไปพลางโยนกระต่ายเหล่านี้เข้าไปไว้ในห้องหิน มองพวกมันกัดกระชากกันไปมา แต่กลับไม่มีเลือดไหล

และยังมีเป็ดอีกหลายตัวที่ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนซื้อกลับมา พอป้อนยาให้ เป็ดกลุ่มนี้พลันตัวสั่นสะท้าน ปีกของแต่ละตัวขยายขนาดใหญ่ขึ้นมาเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด แล้วก็เริ่มบินไปมาอยู่ในถ้ำ อีกทั้งแต่ละตัวยังเผยสีหน้าที่มองแล้วให้ความรู้สึกสง่างาม ป๋ายเสี่ยวฉุนที่มองดูอยู่เบิกตากว้างอ้าปากค้าง ยิ่งรู้สึกสนใจยาแปลกประหลาดของตัวเองมากขึ้น

เวลาผันผ่าน ครึ่งเดือนผ่านไป ช่วงเวลานี้ป๋ายเสี่ยวฉุนได้ทำการจดบันทึกการทดลองยาของเขาไปทีละเม็ด และในถ้ำของเขายังก็มีเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งดังลอยออกมาอย่างต่อเนื่องด้วย

หลายวันต่อมา หลังจากที่ไก่บ้านธรรมดาถูกป้อนยาเข้าไป ร่างกายก็พองขยายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ขนาดแทบจะใกล้เคียงกับช้าง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งเข้าใจความมหัศจรรย์ของวิถีโอสถได้อย่างลึกล้ำมากขึ้น จิตใจสะท้านสั่นไหว หยิบเอายาประหลาดออกมาทดลองต่อ

ไม่นานในห้องหินที่เขาขังสัตว์เล็กสัตว์น้อยเหล่านี้เอาไว้ มีคางคกที่มีดวงตามากมายเต็มร่างปรากฏออกมาหนึ่งกลุ่ม คากคงพวกนี้ส่งเสียงร้องอยู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่ร้องดวงตาที่มีอยู่ทั่วร่างก็จะกะพริบหนึ่งครั้ง

ยังมีเสืออีกตัวหนึ่งที่ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนซื้อมาด้วยการจ่ายหินวิเศษ หลังจากกินยาเข้าไปแล้ว พลันมีศีรษะผุดขึ้นมาแปดหัว เมื่อรวมกับศีรษะที่มีอยู่ก่อนหน้าจึงกลายมาเป็นเสือเก้าหัว ทุกครั้งที่คำรามดุดัน ทั้งเก้าหัวจะคำรามพร้อมกัน น่าเกรงขามอย่างมาก

และยังมีนกธรรมดาอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเป็นพิเศษ แต่กลับถ่ายท้องไม่หยุด…

เวลาค่อยๆ ผ่านไป ป๋ายเสี่ยวฉุนทดลองอย่างไม่หยุดพัก มีท่าทางราวกับว่าต้องการหาสรรพคุณทั้งหมดของยาประหลาดออกมาให้ได้ และยังมีลิงอีกกลุ่มหนึ่งที่พอกินยาของเขาไปแล้วก็พากันเป็นโรคลมบ้าหมูทั้งหมด ชักกระตุกอย่างต่อเนื่อง

และแมวอีกกลุ่มที่เรออยู่ทุกวัน เสียงดังราวฟ้าผ่า ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนแปลกใจอย่างถึงที่สุด เขาไม่รู้ว่าตัวเองหลอมยาประหลาดอะไรออกมากันแน่ ที่เหลือเชื่อที่สุดก็คือมีห่านใหญ่อยู่กลุ่มหนึ่งซึ่งพอกินยาเข้าไปแล้ว ดวงตากลายเป็นสีขาว มองดูแล้วน่าหวาดกลัวยิ่งนัก แต่กลับซื่อสัตย์อย่างยิ่ง ไม่ต่างไปจากสุนัข เป็นฝ่ายคอยเฝ้าถ้ำให้กับป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยตัวเอง

ถึงท้ายที่สุด ป๋ายเสี่ยวฉุนยังเอาปลาในบ่อน้ำพุมาทดลองด้วย ปลากลุ่มนั้นคลุ้มคลั่ง กระโดดแย่งชิงกัน แต่ละตัวดันมีขางอกออกมา เดินไปเดินมาอยู่ในถ้ำของป๋ายเสี่ยวฉุน

ป๋ายเสี่ยวฉุนมองปลาเหล่านี้อย่างตกตะลึงเล็กน้อย และโยนทั้งหมดเข้าไปไว้ในห้องหิน ในห้องหินของเขาเวลานี้ได้กลายเป็นโลกของสัตว์ประหลาดไปแล้ว

ในนี้ ลิงตัวหนึ่งนั่งเท้าคางเหม่อลอยอยู่บนที่สูงราวกับกำลังครุ่นคิด ลิงกลุ่มหนึ่งชักกระตุกเป็นลมบ้าหมูอยู่ด้านล่าง กระต่ายตาแดงกลุ่มหนึ่งกำลังตีกับไก่ที่ตัวโตเท่าช้าง…

ด้านข้างคือคางคกกลุ่มที่ดวงตาจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังมองความครึกครื้น และยังมีกระต่ายอีกตัวหนึ่งยืนอยู่ด้านข้างเลียนแบบท่าทางต่างๆ ชี้มือชี้ไม้อยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังคอยเปล่งเสียง”เอ๊ะ?””เจ้าพูดได้?””ฮ่าๆ ยานี่ไม่เลวเลย ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนร้ายกาจเสียจริง แม้แต่กระต่ายก็ยังพูดได้” สามประโยคนี้อยู่เรื่อยๆ

กลางอากาศ เป็ดกลุ่มหนึ่งบินไปมาอย่างสง่างาม นกกลุ่มหนึ่งก็โบยบินอยู่เช่นกัน ขี้นกร่วงปุๆ ลงมาไม่หยุด…บนพื้น ทั้งตัวของเสือเก้าหัวมีแต่ขี้นก ร้องคำรามดุดันตลอดเวลา ข้างกายคือปลามีขากลุ่มหนึ่งวิ่งวนไปมา เบื้องหลังปลาเหล่านั้นคือแมวหลายตัวที่กำลังเรอ คอยวิ่งไล่จับปลา…

ตรงตำแหน่งหน้าประตูยังมีห่านใหญ่หลายตัวยืนมองทุกอย่างด้วยดวงตาเย็นชา ทำท่าทางราวผู้พิทักษ์

ป๋ายเสี่ยวฉุนเหม่อมองห้องนี้ ยาประหลาดของเขาตอนนี้เอามาทดลองแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีอยู่ในถุงเก็บของอีกเยอะ เขาคิดจะทดลองต่อ แต่กลับไม่มีสัตว์เล็กอีกแล้ว

“วิถีโอสถมหัศจรรย์เกินไปแล้ว…” ป๋ายเสี่ยวฉุนพึมพำเสียงเบา พอดึงสายตากลับมาก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะทดลองยาประหลาดทุกเม็ดให้หมด ดังนั้นจึงออกไปจากถ้ำ ลงเขาไปที่ตลาดเพื่อซื้อสัตว์เล็กสัตว์น้อยมาใหม่

แต่พริบตาที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเดินออกไปจากถ้ำนั้นเอง ทันใดนั้นในห้องหิน เป้าหมายที่สองที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเอามาทดลอง ลิงที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ชอบเอาแต่เหม่อลอยทำท่าครุ่นคิดตัวนั้นพลันกลอกดวงตาหนึ่งครั้ง ก้มหน้าลงมองไปยังประตูใหญ่ของห้องหิน นัยน์ตาฉายประกายเฉลียวฉลาดไม่ต่างไปจากคน ขยับร่างหนึ่งทีก็ตรงดิ่งไปที่ประตูห้องหิน ไม่นาน ประตูห้องหินก็…เปิดออก!

ที่ตามมาๆ ติด ภายใต้การแตะต้องของลิงตัวนี้ ประตูใหญ่ของถ้ำป๋ายเสี่ยวฉุนก็…ถูกเปิดออกเช่นกัน!

แสงแดดจากด้านนอกสาดส่องเข้ามา พริบตาเดียวลิงที่ชอบครุ่นคิดตัวนี้ก็ถลาออกไป สัตว์ตัวอื่นๆ อย่างไก่เป็ดปลาแมว เวลานี้อึ้งไปครู่หนึ่ง แผล็บเดียวสัตว์ทั้งหลายที่ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนขังเอาไว้…ก็แหกคุกพุ่งออกไปทั้งหมด

โจวซินฉีกำลังเดินออกมาจากถ้ำพอดี แทบจะทันทีที่นางเพิ่งออกมาจากประตูก็มองเห็นเป็ดกลุ่มหนึ่งบนท้องฟ้าที่เปล่งเสียงร้องแกว๊กๆ บินผ่านไปอย่างสง่างาม โจวซินฉีอึ้งไป มองอย่างละเอียดอยู่หลายที นางคุ้นเคยและจดจำสัตว์วิเศษทั้งห้าบทได้ขึ้นใจนานแล้ว แต่กลับดูไม่ออกว่าเป็ดที่บินอยู่ด้านหน้าเหล่านี้คือตัวอะไรกันแน่

“นี่มันอะไรกัน?” ขณะที่โจวซินฉีพึมพำเสียงเบาด้วยความแปลกใจ พลันก็มองเห็นไก่ที่ตัวเท่าช้างอีกหลายตัวบินทะยานผ่านข้างกายตัวเองไป บนตัวของไก่ยังมีกระต่ายอีกหนึ่งตัวร้องเสียงต่ำอยู่บนนั้น

“เอ๊ะ?”

“เจ้าพูดได้?”

“ฮ่าๆ ยานี่ไม่เลวเลย ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนร้ายกาจเสียจริง แม้แต่กระต่ายก็ยังพูดได้”

โจวซินฉีตาเหลือกถลน ผ่านไปเนิ่นนานก็ยังไม่ได้สติกลับมา เบิกตากว้างอ้าปากค้าง ถึงขั้นรู้สึกว่าตัวเองประสาทหลอนด้วยซ้ำ

———

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version