บทที่ 113 เกิดเรื่องใหญ่แล้ว…
ยาวิเศษระดับสามเม็ดนี้ยังให้ความรู้สึกขมุกขมัวบางอย่าง แม้แต่คุณสมบัติก็ยังน่าตื่นตะลึง ถึงขนาดที่ไม่ใช่สิ่งของระดับล่าง แต่กลายมาเป็นสิ่งของระดับกลาง ป๋ายเสี่ยวฉุนตะลึงระคนดีใจ รีบสะกดความกลัดกลุ้มที่มีต่อกระต่ายลงไปทันที หยิบยาเม็ดนี้มาไว้ในมือ
ยิ่งมองก็ยิ่งตื่นเต้น สุดท้ายแล้วป๋ายเสี่ยวฉุนจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกายวิบวับ
“นี่คือยาวิเศษที่สามารถเปลี่ยนชะตาของหุบเขาหมื่นอสรพิษได้…ยาวิเศษเม็ดเดียวก็สามารถทำให้งูทุกตัวที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้…หุบปาก!” ป๋ายเสี่ยวฉุนหัวเราะอย่างจองหอง แต่พอนึกถึงกระต่ายตัวนั้นขึ้นมาอีกครั้ง ในใจก็ให้สั่นไหว ขณะที่กำลังลังเลก็ได้ยินเสียงขู่ฟ่อๆ บาดหูจากพวกงูที่อยู่นอกค่ายกลเหล่านั้น และยังมีเสียงกระแทกปึงปังที่ดังมาจากบนค่ายกลอีกด้วย
“หนวกหู!” ป๋ายเสี่ยวฉุนถลึงตา ตัดสินใจเด็ดขาด เอาหม้อกระดองเต่าออกมาทันที เขาถึงขั้นจะเอายาเม็ดนี้มาหลอมพลังจิต…แถมยังไม่ใช่แค่สองครั้ง แต่เป็นเอาหางวิเศษที่เหลือไม่เยอะออกมาหลอมพลังจิตสามครั้ง
แสงสีเงินเปล่งประกาย หลังจากหลอมพลังจิตไปแล้วสามครั้ง สิ่งเจือปนของยานี้ลดลงไปอย่างรวดเร็ว พลันเปลี่ยนจากสิ่งของระดับล่างกลายมาเป็นสิ่งของระดับเยี่ยม!
ป๋ายเสี่ยวฉุนถือยาออกมาจากห้องหิน ยืนอยู่กลางค่ายกล มองงูจำนวนไม่ถ้วนเหล่านั้นพ่นเมือกพิษมายังตนเอง แล้วก็มองภาพเงาดำที่เคลื่อนไหวไปมา ภาพที่ค่ายกลถูกกระแทกโจมตีอย่างต่อเนื่อง
“เมื่อครึ่งปีก่อน นายท่านป๋ายของเจ้าเคยบอกไว้ว่าจะให้พวกเจ้าได้รู้ความร้ายกาจของข้า จำเอาไว้ ทั้งหมดนี้พวกเจ้าเป็นคนบังคับข้าเอง!” มือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนโบกสะบัดอย่างแรง ยาเม็ดนี้พลันบินออกไปจากค่ายกลอย่างรวดเร็ว ไปตกอยู่ท่ามกลางฝูงงู
ป๋ายเสี่ยวฉุนจงใจเพิ่มเลือดของตัวเองหยดหนึ่งลงไปในยาเม็ดนี้ด้วย ทำให้พอยาเม็ดนี้เพิ่งจะร่วงลงพื้นก็ทำให้งูจำนวนไม่ถ้วนพุ่งถลาเข้าหาอย่างรวดเร็ว แย่งชิงกันกลืนกินยาเม็ดนี้ ไม่นานงูตามัวตัวหนึ่งที่มีพลังเทียบเคียงรวมลมปราณขั้นสี่ก็กลืนยาเม็ดนี้เข้าไปโดยตรง ร่างของมันสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง แม้แต่ดวงตาทั้งคู่ก็ยังเปล่งประกายแปลกประหลาดออกมา
ป๋ายเสี่ยวฉุนมองดูด้วยความตื่นเต้น แต่เวลานี้เอง อยู่ๆ งูเทพโลหิตพลังรวมลมปราณขั้นแปดตัวหนึ่งก็เลื้อยพุ่งเข้ามาอย่างอันธพาล บุกตะลุยงูทุกตัวที่อยู่รอบด้านจนงูจำนวนไม่น้อยหน้าตาบู้บี้ จากนั้นงูเทพโลหิตตัวนี้ก็กลืนกินงูตามัวตัวนั้นลงไป
ป๋ายเสี่ยวฉุนตาเหลือก รีบมองไปที่งูเทพโลหิตตัวนั้น งูตัวนี้มองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยดวงตาเย็นชา แล้วจึงเลื้อยจากไปช้าๆ ขึ้นไปขดตัวอยู่บนหินก้อนหนึ่งที่อยู่ห่างไกลออกไป
ป๋ายเสี่ยวฉุนตื่นเต้นเล็กน้อย รอคอยอย่างใจเย็น เมื่อหนึ่งก้านธูปหมดไป ร่างของงูเทพโลหิตตัวนั้นพลันสั่นสะท้าน ทำท่าคล้ายต้องการอ้าปากร้อง แต่เห็นได้ชัดว่าขณะที่มันอ้าปาก ในปากของมันกลับมีสสารเหนียวข้นจำนวนไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมา ดึงยืดเป็นเส้นใยมากมายติดอยู่ในปากของมัน ทำให้การอ้าปากของมันเป็นไปอย่างยากลำบาก
พอป๋ายเสี่ยวฉุนเห็นว่าได้ผลจึงตะลึงระคนตื่นเต้นทันที รอให้สรรพคุณข้อที่สองของยาวิเศษออกฤทธิ์
เวลาผ่านไปอีกหนึ่งก้านธูป สสารเหนียวข้นในปากของงูเทพโลหิตตัวนั้นยิ่งมากขึ้น ทำให้มันอ้าปากไม่ได้อีกต่อไป ดวงตาของมันปูดโปนขึ้นมา ดวงตาที่เดิมทีเย็นชา เวลานี้เมื่อปูดโปนขึ้นจึงไม่ต่างอะไรกับตาของปลาทอง นัยน์ตาเผยความงงงัน มันในสภาพนี้มองดูแล้วไม่ดุร้ายอย่างที่เคย แต่กลับเริ่มดูน่ารักขึ้นมาเล็กน้อย…
ไม่นานเสียงปุ๋งๆ ก็ดังออกมาจากในร่างของงูเทพโลหิตตัวนี้ ด้านหลังของมันดันปล่อยลมจำนวนไม่น้อยออกมาเหมือนกำลังผายลม ลมเหล่านี้ล้วนเป็นสีชมพู รวมตัวกันอย่างหนาแน่นกลายเป็นกลุ่มหมอกควัน กระจายไปรอบด้านในชั่วพริบตา
เสียงปุ๋งๆ ดังอย่างต่อเนื่อง ลมที่งูเทพโลหิตตัวนั้นระบายออกมาคล้ายว่าจะไม่มีวันสิ้นสุด ท่ามกลางความตื่นเต้นฮึกเหิมของป๋ายเสี่ยวฉุน งูเทพโลหิตตัวนี้ผายลมติดต่อกันถึงหนึ่งวันเต็ม
นอกจากในค่ายกลแล้ว ตลอดทั้งในถ้ำล้วนตลบอบอวลไปด้วยควันสีชมพู หลังจากที่งูตัวอื่นสูดดมควันเหล่านี้เข้าไป ไม่นานในปากของงูพวกนั้นก็มีสสารเหนียวข้นหลั่งออกมา ดวงตาปูดโปน แล้วก็เริ่มผายลมตามมา
ท้ายที่สุดแล้วเสียงปุ๋งๆ นี้ก็ดังอยู่ในถ้ำอย่างต่อเนื่องราวกับเสียงฟ้าร้อง เมื่อควันกระจายออกไป ไม่นานงูทุกตัวที่อยู่ในถ้ำก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน
แม้แต่สายตาในส่วนลึกสุดที่ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกหวาดกลัวนั้น วินาทีนี้ก็ยังคลายลงไปด้วย และตามมาด้วยเสียงปุ๋งๆ ที่ดังดุเดือดยิ่งกว่าเดิม
หลายวันต่อมา เมื่อหมอกควันสลายไปหมด ป๋ายเสี่ยวฉุนยืนมองออกไปจากในค่ายกล ตลอดทั้งถ้ำเงียบสงัด ไม่มีเสียงขู่ฟ่อๆ ไม่มีเมือกพิษ งูทุกตัวล้วนปิดปากสนิท ดวงตาที่ปูดโปนฉายแววงงงัน
ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้าหัวเราะร่าอยู่ในค่ายกล เนิ่นนานถึงได้เชิดหน้าอย่างลำพองใจ เผยท่าทางของยอดฝีมือผู้เหงาหงอยที่กำลังกลัดกลุ้มออกมา สะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง
“ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนแค่ดีดนิ้ว งูทุกตัวของหุบเขาหมื่นอสรพิษก็ปิดปากหมด ยาวิเศษเม็ดนี้มีความหมายในการเป็นที่ระลึก ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนขอตั้งชื่อให้ว่า…ยาหุบปาก!”
ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยมาดของยอดฝีมือผู้เงียบเหงา เดินออกมาจากค่ายกล เตร็ดเตร่อยู่ท่ามกลางฝูงงู มองงูแต่ละตัวรอบด้านที่มีท่าทางน่ารัก ในใจของเขาหัวเราะร่าเบิกบาน แต่ขณะที่ความรู้สึกยอดฝีมือของเขากำลังดุเดือดนั้นเอง อยู่ๆ งูก้าวเดียวตัวหนึ่งที่อยู่ห่างจากเขาไม่ไกล เวลานี้ตลอดทั้งร่างของมันพลันมีแสงสีแดง คล้ายว่าอุณหภูมิของร่างกำลังพุ่งสูงผิดปกติ ทั้งยังเลื้อยระรานไปทั่วทิศด้วยความงุ่นง่านถึงขีดสุด
เมื่อถูกปิดปาก งูก้าวเดียวตัวนี้ไม่สามารถเปล่งเสียงร้องออกมาได้จึงยิ่งพลุ่งพล่าน กระแทกชนไปมาคล้ายว่าร่างกายของมันไม่รู้จักความเจ็บปวด ไม่นานสภาพก็ยับเยิน แต่ก็ยังคงพุ่งกระแทกต่อไป
ป๋ายเสี่ยวฉุนตกใจ คิดจะเข้าไปขัดขวาง แต่กลับพบว่างูก้าวเดียวตัวนั้นราวกับกำลังคลุ้มคลั่ง มันยังคงพุ่งกระแทกอย่างต่อเนื่อง ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าถอดสี แต่ไม่นานเขาก็ค้นพบอย่างน่าขนพองสยองเกล้าว่า ในเวลานี้งูทุกตัวพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ความร้อนแผ่กระจายออกมาจากตลอดร่าง ชักกระตุกพุ่งชนไปทั่วสี่ทิศ ติดต่อกันไปเป็นทอดๆ
โดยเฉพาะงูเทพโลหิตที่กลืนยาลงไปตัวนั้น ร่างกายก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด สะบัดร่างอย่างแรงหนึ่งครั้งก็เริ่มพุ่งกระแทกเช่นกัน
ในจุดลึกของถ้ำแห่งนี้ เวลานี้ก็ยิ่งมีเสียงดังครั่นครืนลอยออกมา ตามมาด้วยความงุ่นง่านของงูทุกตัวที่อยู่ในถ้ำ แต่ละตัวชักกระตุกราวกับเป็นบ้า ทั้งยังมีอีกหลายตัวที่ดีดตัวขึ้นมากระแทกกับผนังถ้ำ
ป๋ายเสี่ยวฉุนตาเหลือก รีบถอยกรูดกลับเข้าไปในค่ายกล แต่วินาทีที่เขาเข้าไปในค่ายกลนั้นเอง งูจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่รอบด้าน มีเกินครึ่งที่พุ่งเข้ากระแทกค่ายกล ขณะที่ค่ายกลส่ายไหว ป๋ายเสี่ยวฉุนเห็นงูที่กำลังบ้าคลั่งเหล่านั้น หนังหัวก็ให้ชาหนึบ
“แย่แล้วๆ งูพวกนี้เป็นบ้ากันไปแล้ว ถ้ายังกระแทกแบบนี้ต่อไปต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเครียด ความตั้งใจเดิมของเขาคือให้งูพวกนี้หุบปาก แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเกิดผลข้างเคียงเช่นนี้ขึ้นมา พอนึกถึงว่าหากหลี่ชิงโหวรู้ว่างูพวกนี้อยู่ในสภาพเช่นนี้ต้องเดือดเป็นฟืนเป็นไฟอย่างแน่นอน ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ใจสั่นขึ้นมาทันควัน
ป๋ายเสี่ยวฉุนร้อนรน รีบกลับเข้ามาในห้องหิน เปิดเตาหลอม หยิบเอาพืชหญ้าจำนวนมากออกมา เขาต้องการหลอมยาเพื่อไปแก้ไข เวลานี้ไม่มีความลำพองใจอย่างก่อนหน้านี้อีกต่อไป กลับกลายมาเป็นหน้าม่อยคอตก อกสั่นขวัญแขวน หลายวันต่อมา ดวงตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย พุ่งถลาออกมานอกห้องหินด้วยสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง
ในมือเขาถือยาไว้สามเม็ด นี่คือยาแก้ที่เขาใช้เวลาทุกวินาทีตลอดสามวันสามคืนโดยไม่พักผ่อนเพื่อหลอมมันออกมา ตามความคิดของเขามันจะช่วยบรรเทาความพลุ่งพล่านของงูพวกนี้ลงได้ชั่วครู่ เพื่อซื้อเวลาให้มากพอที่เขาจะได้หลอมยาเพื่อแก้ไขทุกอย่างนี้ได้อย่างสมบูรณ์
เพิ่งเดินออกมาจากห้องหิน ป๋ายเสี่ยวฉุนก็อึ้งตะลึงไปกับภาพเบื้องหน้าทันที งูทุกตัวเวลานี้ล้วนบ้าคลั่งกันไปหมด พุ่งกระแทกอย่างต่อเนื่อง ผนังหินรอบด้านเกิดหลุมบ่อจำนวนไม่ถ้วน และยังมีงูอีกมากที่ยังคงพุ่งกระแทกต่อไปแม้ว่าสภาพจะยับเยินเต็มที
ป๋ายเสี่ยวฉุนใกล้จะร้องไห้อยู่รอมร่อ รีบโยนยาออกไปทันที ยาสามเม็ดนี้ระเบิดดังโพละกลางอากาศ กลายเป็นหมอกควันกระจายไปทั่วด้าน งูทุกตัวที่ถูกปกคลุมไปด้วยไอหมอกนิ่งสงบขึ้นมาในพริบตา ไม่พลุ่งพล่านอีกต่อไป ถึงขั้นยังเห็นได้ชัดว่าร่างกายของพวกมันกลับคืนสู่สภาพปกติอย่างรวดเร็ว…
หลายวันต่อมา งูตลอดทั้งถ้ำไม่พลุ่งพล่านอีก เมื่อพวกมันกลับคืนสู่สภาพปกติที่เงียบสงบแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนถึงได้คลายใจ
“ทำเอานายท่านป๋ายของเจ้าตกใจแทบแย่ นึกว่าจะเกิดเรื่องใหญ่เสียแล้ว หึๆ ด้วยความรู้วิถีโอสถของนายท่านป๋าย เรื่องแค่นี้จิ๊บจ๊อยมาก!” ป๋ายเสี่ยวฉุนลำพองใจ ขณะที่กำลังจะไปหลอมยาเพื่อใช้ในการแก้ไขต่อ ฝีเท้าของเขาพลันชะงักกึก กลืนน้ำลายลงคอหนึ่งอึก มองไปยังงูตัวหนึ่งที่ห่างไปไม่ไกลด้วยความยากลำบาก
นั่นคืองูตามัวตัวหนึ่ง หลังจากที่มันหายดีแล้ว ในร่างกายพลันระเบิดกลิ่นอายที่น่าตกตะลึงระลอกหนึ่งออกมา กลิ่นอายนี้แข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด ไม่ใช่คลื่นของตบะ แต่เป็นพลังของกล้ามเนื้ออย่างเดียว แค่มันขยับร่างน้อยๆ หินใหญ่ก้อนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างก็ถูกเบียดจนแตกระเบิดออกมาทันที
ภาพนี้ทำให้หนังตาของป๋ายเสี่ยวฉุนกระตุก ในถ้ำนี้มีงูตามัวอยู่ไม่น้อย แม้ว่าเมือกพิษจะน่าตะลึง แต่ร่างกายกลับอ่อนแอ ไม่มีทางมีพละกำลังมากมายเช่นนี้ได้ แต่ภาพที่เห็นอยู่ตอนนี้กลับเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นต่อหน้าป๋ายเสี่ยวฉุน
ลมหายใจป๋ายเสี่ยวฉุนถี่กระชั้น หันพรวดไปมองงูตัวอื่น ไม่นานหน้าผากของเขาก็มีเหงื่อเย็นผุดซึมออกมา ร้องเสียงหลง
“เป็นไปได้ยังไง!!”
เห็นแค่เพียงว่างูทุกตัวที่อยู่ในถ้ำแห่งนี้มีพลังกายเพิ่มขึ้นพรวดพราดในพริบตา แม้ว่าจะไม่คลุ้มคลั่งอีกแล้ว แต่แค่พวกมันขยับตัว พื้นดินก็สั่นไหวน้อยๆ ก้อนหินจำนวนไม่ถ้วนล้วนแหลกละเอียด นี่มันใช่งูเสียที่ไหน นี่มันแส้ที่อยู่ในมือของจอมยุทธ์ยอดฝีมือ ซึ่งสามารถทำลายสิ่งกีดขวางทุกอย่างที่อยู่ด้านหน้ามันให้แหลกละเอียดไปได้ชัดๆ
ทุกตัวล้วนกลายเป็นมีพลังอย่างหาที่สิ้นสุดไม่ได้ กล้ามเนื้อแกร่งกร้าว ขณะที่เกิดเสียงดังโครมครามไปทั่วด้าน มีอีกหลายตัวที่เงยหน้าขึ้นมองป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วพุ่งดิ่งเข้ามาหาเขา
เดิมทีค่ายกลสามารถสกัดกั้นเอาไว้ได้ แต่ตอนนี้กลับส่ายไหวอย่างรุนแรง ภายใต้เสียงเปรี๊ยะๆ ถึงขั้นเกิดสัญญาณของการปริแตกขึ้นมา หากค่ายกลแตก ป๋ายเสี่ยวฉุนจินตนาการไม่ออกเลยว่าตัวเองควรจะรับมืออย่างไรหากต้องเผชิญกับงูที่พละกำลังมหาศาลเช่นนี้
โดยเฉพาะในเวลานี้ งูเทพโลหิตที่มีพลังเทียบเคียงกับรวมลมปราณขั้นแปดหลายตัวนั้น แต่ละตัวกล้ามเนื้อมีพลังแข็งแกร่งมากกว่าตัวอื่นอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่กำลังพุ่งกระแทกค่ายกล ในทางสัญจรเส้นหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปพลันมีหัวงูใหญ่ยักษ์เกินจะเปรียบขนาดพอหนึ่งจั้งยื่นออกมา ดวงตาปูดโปนทั้งคู่จ้องเขม็งมาที่ป๋ายเสี่ยวฉุน!
สัตว์ใหญ่ยักษ์ตัวนี้แค่หัวอย่างเดียวก็ใหญ่พอหนึ่งจั้ง สามารถนึกภาพออกได้ว่าร่างของมันต้องยิ่งมโหฬารอย่างแน่นอน ทำเอาป๋ายเสี่ยวฉุนตกใจจนร้องเสียงแหลมออกมาหนึ่งที เขารู้ว่าตัวเองก่อเรื่องเข้าให้แล้ว เวลานี้จึงรีบกลับเข้าไปในห้องหินอย่างรวดเร็ว เปิดเตาหลอมทันที ช่วงชิงเวลาทั้งหมดที่มีเพื่อแก้ไขกู้คืนทุกสิ่ง
———