Skip to content

A Will Eternal 1200

บทที่ 1200 วิญญาณวัตถุน้อยขี้สงสัย

ความมั่นใจของป๋ายเสี่ยวฉุนเปี่ยมล้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หลายเดือนต่อมา เขาประมือกับทาสบุพกาลอีกหลายครั้ง คุ้นชินกับการร่ายใช้หมัดผู้บงการมิดับสูญมากขึ้นเรื่อยๆ และอานุภาพของหมัดนี้ก็เพิ่มพูนขึ้นเช่นกัน

นี่คือเวทคาถาที่สามารถเขย่าคลอนบุพกาลได้มากที่สุดในบรรดาวิชาอภินิหารทั้งหมดที่เขามีอยู่ในมือ เว้นจากเขตแดนธารา!

พยับเมฆอึมครึมอันเป็นดั่งโชคร้ายที่บดบังล้วนแหลกสลายไปหมดหลังจากปล่อยหมัดผู้บงการมิดับสูญ ในช่วงเวลาหลังจากนี้ แสงแห่งความโชคดีก็ได้มาเยือนป๋ายเสี่ยวฉุน

เพราะในที่สุด…เถี่ยตั้นก็ฟื้นตื่น!

เมื่อเถี่ยตั้นลืมตาตื่นขึ้นมา ป๋ายเสี่ยวฉุนก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากในเจดีย์เป็นตายทันที เขาตื่นเต้น พลันขยับตัวบินไปอยู่นอกเจดีย์แล้วกวาดอำนาจจิตทำมุทราชี้ไป

ทันใดนั้นแสงสีดำเส้นหนึ่งก็บินออกมาจากในเจดีย์เป็นตาย หลังจากวนเวียนอยู่กลางอากาศครบรอบหนึ่งก็คล้ายจะสัมผัสได้ถึงปราณของป๋ายเสี่ยวฉุน แสงสีดำนี้จึงตรงดิ่งเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม

ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่หลบเลี่ยง ใบหน้าแย้มยิ้ม ทั้งยังเดินขึ้นหน้าไปอีกหลายก้าว ก่อนจะกางแขนทั้งสองออกกว้าง ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ พริบตาเดียวแสงสีดำนั้นก็ขยับเข้ามาใกล้แล้วกลายร่างเป็นเถี่ยตั้น

ดวงตาของมันก็มีความตื่นเต้นและปิติยินดีอยู่เช่นกัน พอเผยกายก็กระโจนโถมสู่ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน ปากก็ร้องครางหงิงๆ ซ้ำยังแลบลิ้นออกมาเลียใบหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนไม่หยุด

ป๋ายเสี่ยวฉุนหัวเราะร่า โอบกอดเถี่ยตั้นไว้แนบแน่น ตอนนี้เถี่ยตั้นตัวโตมากแล้ว ต่อให้จะไม่ได้จำแลงร่างก็สูงพอๆ กับคนคนหนึ่ง รูปร่างกำยำบึกบึน โดยเฉพาะตบะของมันที่ฝ่าทะลุคนฟ้ากลายมาเป็นครึ่งเทพโดยไม่รู้ตัวแล้ว!

ปราณของครึ่งเทพ ประกอบกับเรือนกายที่ใหญ่โตแข็งแกร่ง มากพอจะทำให้คนนอกทุกคนที่ได้พบเห็นใจสั่นสะท้าน โดยเฉพาะเปลวเพลิงสีดำใต้ฝ่าเท้าทั้งสี่ ฟันแหลมคมเรียงเป็นระเบียบในปากที่หากมองปราดๆ จะดูดุร้ายอย่างยิ่ง ทว่าในสายตาของป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว เถี่ยตั้นยังคงน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนตอนที่มันยังเล็กไปตลอดกาล

“เถี่ยตั้น!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตะโกนเรียกด้วยน้ำเสียงเบิกบาน

เถี่ยตั้นร้องคำรามตอบรับทันที ด้วยความดีใจจึงม้วนตัวกลิ้งตลบไปมาแล้วผุดลุกขึ้นยืนมองป๋ายเสี่ยวฉุน ก่อนจะม้วนตลบตีลังกาอีกครั้ง บางครั้งยังทะยานขึ้นไปกลางอากาศ บินวนไปรอบด้านด้วยความร่าเริง

หากคนของสำนักธาราเทพอยู่ที่นี่แล้วเห็นท่าทางเช่นนี้ของเถี่ยตั้นต้องปากอ้าตาค้างไปตามๆ กันแน่นอน นั่นก็เพราะหลังจากที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจากไป ความรู้สึกที่เถี่ยตั้นมอบให้คนอื่นเสมอมาคือความเผด็จการที่แฝงไว้ด้วยความดุร้าย แม้จะพิทักษ์สำนักธาราเทพอย่างซื่อสัตย์ภักดี ทว่ากลับวางตัวเงียบขรึม ถึงขั้นที่พอลูกศิษย์หน้าใหม่มาเห็นเข้ายังต้องตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว

แต่ว่าตอนนี้…มันเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง หลังจากบินวนเวียนพลางร้องคำรามใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยความดีใจก็ถือโอกาสย่อร่างหดเล็กลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายพอมีขนาดเท่าฝ่ามือก็ตรงเข้าไปงับขากางเกงของป๋ายเสี่ยวฉุนเอาไว้ แล้วพอป๋ายเสี่ยวฉุนเดินลากพาไปด้วยกัน มันก็ทำท่าดื่มด่ำอย่างมีความสุข

ป๋ายเสี่ยวฉุนเห็นมันเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งชื่นใจ

“ไป เถี่ยตั้น พ่อจะพาเจ้าไปเดินเล่นในนี้ ต่อไปที่นี่ก็คือบ้านของพวกเราพ่อลูกแล้ว” ป๋ายเสี่ยวฉุนพาเถี่ยตั้นเดินอยู่บนโลกหน้าพัดและทั่วทุกมุมในพัดวิเศษด้วยความฮึกเหิม

สำหรับทุกอย่างในนี้ เถี่ยตั้นแสดงความอยากรู้อยากเห็นไปหมด ตลอดทางที่เดินผ่านมามันก็คอยจ้องสังเกตมองประเมินอยู่เป็นระยะ จนกระทั่งย้อนกลับมาที่เดิม เถี่ยตั้นก็พลันหมุนกายและทะยานตรงไปยังความว่างเปล่าด้านหลังที่ไม่มีอะไรอยู่

แทบจะชั่วขณะเดียวกันกับที่มันกระโจนเข้าไป เสียงกรีดร้องก็ดังออกมาจากพื้นที่ว่างเปล่านั่นทันที ก่อนที่วิญญาณวัตถุน้อยซึ่งมีสายตาเหลือเชื่อจะเผยตัวออกมาแล้วเบี่ยงหลบอย่างรวดเร็ว มันชี้หน้าเถี่ยตั้นพลางหันไปร้องอุทานเสียงหลงใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน

“มันมองเห็นข้า?”

“เถี่ยตั้น ไอ้หมอนี่ชื่อ ป๋ายเสี่ยวชือ เจ้าจับตามองมันไว้ให้ดี เจ้านี่ค่อนข้างจะเกเร” ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร เพราะแต่ไรไหนมาเถี่ยตั้นก็มักจะมีอะไรที่มหัศจรรย์เสมอๆ อยู่แล้ว ดังนั้นเขาในเวลานี้จึงลำพองใจอย่างยิ่งยวด

ได้ยินคำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุน วิญญาณวัตถุน้อยก็กรีดร้องขึ้นมาทันใด

“ป๋ายเสี่ยวฉุน เจ้าเคยบอกว่าให้ข้าเปลี่ยนชื่อได้แล้ว!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะร่า เวลานี้เขาอารมณ์ดีก็เลยพูดยั่วแหย่อีกฝ่ายอยู่หลายคำ แล้วเตรียมจะพาเถี่ยตั้นไปเดินเล่นต่อ ทว่าเวลานี้เอง จู่ๆ เจดีย์เป็นตายก็มีริ้วคลื่นแผ่ออกมาอีกครั้ง

คลื่นนี้ไม่ใช่แค่เส้นเดียว แต่มากถึงสี่เส้น!

คลื่นสองเส้นในนั้นป๋ายเสี่ยวฉุนจำได้ในชั่วพริบตา นั่นคือซ่งจวินหว่านกับโจวจื่อโม่ ทว่าอีกสองเส้น…เขาก็ไม่รู้สึกแปลกหน้า เพราะหลายปีมานี้เขามักจะกวาดอำนาจจิตไปตรวจสอบดูซ่งจวินหว่านกับโจวจื่อโม่อยู่เสมอ จึงย่อมต้องคุ้นเคยกับปราณของเลือดเนื้อเชื้อไขตัวเองในท้องของพวกนางเป็นอย่างดี!

“จะคลอดแล้วหรือ?” ป๋ายเสี่ยวฉุนตะลึง รีบกวาดอำนาจจิตมองไปพลางบินไปหยุดอยู่ตรงเจดีย์เป็นตาย ตอนที่เขาขยับเข้ามาใกล้ ประตูใหญ่ของเจดีย์เป็นตายก็เปิดออก ซ่งจวินหว่านกับโจวจื่อโม่ที่มีสีหน้างงงันค่อยๆ เดินประคองหน้าท้องออกมาอย่างระมัดระวัง

พอมองเห็นป๋ายเสี่ยวฉุน หญิงสาวทั้งสองก็ตะลึงงันไปทันที

“เสี่ยวฉุน!”

“ป๋ายเสี่ยวฉุน!” ท่ามกลางเสียงร้องอุทานตกใจของซ่งจวินหว่านกับโจวจื่อโม่ ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็มองออกว่าหญิงสาวทั้งสองไม่ได้จะคลอด แต่เป็นเพราะว่าเมื่อพวกนางฟื้นตื่น เลือดเนื้อเชื้อไขของตนที่อยู่ในท้องพวกนางจึงมีอาการลิงโลดผิดปกติ

เพียงแต่ว่าเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกได้ไม่นาน ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เริ่มร้อนตัว เพราะเขารู้สึกว่าจู่ๆ ตนต้องมาเผชิญหน้ากับหญิงทั้งสองพร้อมกัน ซ้ำทั้งสองยังอุ้มท้องลูกของตน เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร จึงกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะกระแอมแล้วถามหยั่งเชิงไปหนึ่งประโยค

“เอ่อ…พวกเจ้าสบายดีหรือ?”

“สบายดีกะผีเจ้าน่ะสิ!!” เดิมทีซ่งจวินหว่านก็พื้นอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว

พอเห็นป๋ายเสี่ยวฉุน แม้ว่าดวงตาจะมีน้ำตาเอ่อคลอ ทว่าความยากลำบากและความคิดถึงตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็ยังผุดขึ้นมาในใจอย่างห้ามไม่ได้ เวลานี้จึงวาดขาออกไปเตะอีกฝ่ายโดยไม่สนใจหน้าท้องของตัวเอง

โจวจื่อโม่ที่อยู่ข้างกัน ในอดีตสตรีธุลีแดงก็เป็นคนที่เจ้าอารมณ์ไม่น้อย ยิ่งนึกถึงความสัมพันธ์อันคลุมเครือระหว่างตนกับป๋ายเสี่ยวฉุน บวกกับวิกฤตความเป็นความตายหลายครั้งที่พบเจอตลอดหลายปีที่อุ้มท้องมา ดวงตาของนางก็ฉายแสงคมกริบ ปรี่ขึ้นหน้าเตรียมจะฟาดป๋ายเสี่ยวฉุนเช่นกัน

ป๋ายเสี่ยวฉุนร้องโอดครวญอยู่ในใจ นี่คือเรื่องที่ก่อนหน้านี้เขาคิดไม่ถึงมาก่อน เวลานี้จึงไม่รู้ว่าควรจะจัดการอย่างไร หากเปลี่ยนมาเป็นเมื่อก่อนเขายังกล้าข่มพวกนางอยู่บ้าง ทว่าตอนนี้คู่บำเพ็ญเพียรทั้งสองของเขาต่างก็ตั้งท้อง เขาจะกล้าลงมือได้อย่างไร และต่อให้หลบเลี่ยงก็เกรงว่าอารมณ์ร้ายๆ ของหญิงสาวทั้งสองคงไม่หายไปได้ง่ายๆ

“เอาเถอะๆ ตีก็ตีไปเถอะ จะอย่างไรซะที่นี่ก็ไม่มีคนอื่น…ไม่มีใครรู้” ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าม่อยคอตก ยกมือทั้งสองข้างขึ้นสูงอย่างยอมจำนนโดยไม่มีลังเล

แล้วก็เป็นเช่นนี้ ภายใต้หมัดต่อยเท้าเตะของสองหญิง

เสียงร้องโอดโอยของป๋ายเสี่ยวฉุนจึงดังขึ้นเป็นระยะ ขณะเดียวกันเขาก็คอยกวาดอำนาจจิตไปสังเกตคลื่นอารมณ์ของทั้งสองหญิงอยู่ตลอดเวลา และเวลานี้เขาก็พลันรู้สึกว่าตบะเทียนจุนนี่ก็ไม่เลวเลยจริงๆ เพราะมันทำให้เขาสามารถจับคลื่นอารมณ์ความคิดของโจวจื่อโม่และซ่งจวินหว่านได้อย่างแม่นยำ รอจนเขาสัมผัสได้ว่าความโมโหโกรธาของสองหญิงลดลงไปบ้างแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนก็รีบยกสองมือขึ้นโอบกอดพวกนางพร้อมๆ กันแล้วพาบินทะยานไปยังถ้ำข้างยอดเขาบนหน้าพัดที่ป๋ายเสี่ยวฉุนขุดไว้อยู่อาศัยตลอดหลายปีที่ผ่านมา

“ปล่อยข้านะ!” ซ่งจวินหว่านถลึงตาใส่

“ป๋ายเสี่ยวฉุน เจ้าอย่าได้กำเริบเสิบสานเกินไปนัก!” โจวจื่อโม่เองก็ขมวดคิ้วพูดเสียงเย็น

“หุบปากทั้งคู่นั่นแหละ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนหันไปถลึงตาใส่หญิงสาวทั้งสอง ไม่รอให้พวกนางกล่าวต่อก็พาดิ่งเข้าไปในถ้ำ…

เถี่ยตั้นที่อยู่ห่างไปไกลมองภาพเหตุการณ์นี้ด้วยท่าทางระมัดระวัง วิญญาณวัตถุน้อยเองก็จำแลงร่างขึ้นมาข้างกายมัน ก่อนจะหันมาถามเถี่ยตั้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้

“พี่ชาย เจ้าว่าพวกเขาทำอะไรกันน่ะ? ทำไมถึงได้ตีกันขึ้นมาได้ แถมนายท่านยังมีตบะเป็นถึงเทียนจุนช่วงท้าย แต่ทำไมถึงสู้พวกนางไม่ได้ล่ะ?”

เถี่ยตั้นเหล่ตามองวิญญาณวัตถุน้อย ทำเสียงฟึดฟัดขึ้นจมูกอยู่สองสามที สายตามีแววดูหมิ่นและเย้ยหยัน ราวกับรู้สึกว่าแค่เรื่องแบบนี้วิญญาณวัตถุน้อยยังไม่เข้าใจ ตนล่ะไม่อยากจะคบค้าสมาคมด้วยเลย!

“สู้ไม่ได้ก็ยังพอว่า แต่ทำไมถึงยังพาเข้าไปในถ้ำ? หรือว่าพวกเขาจะไปฝึกตนกัน?” วิญญาณวัตถุน้อยเกาหัวแกรกๆ ยิ่งอยากรู้เข้าไปใหญ่

“ไม่ได้ ข้าต้องไปดูให้รู้” มันสงสัยจริงๆ ยิ่งพอได้ยินเสียงประหลาดดังออกมาจากในถ้ำ มันก็ยิ่งอดไม่ไหว เตรียมจะปรี่ไปดูให้รู้แน่ชัด ทว่ากลับถูกเถี่ยตั้นขัดขวางเอาไว้ทันควัน

เพียงแต่ว่าเมื่อความสงสัยเกิดขึ้นในใจของวิญญาณวัตถุน้อยเสียแล้ว ซ้ำยังอยู่บนพัดวิเศษเล่มนี้ ต่อให้เป็นเถี่ยตั้นก็ขวางไว้ไม่ได้ พริบตาเดียววิญญาณวัตถุน้อยก็เบี่ยงตัวหลบแล้ววูบหายเข้าไปในถ้ำ…

เถี่ยตั้นที่อยู่ห่างไปไกลส่ายหน้า สายตาฉายแววเห็นใจ

แล้วก็เป็นดังคาด ไม่นาน…เสียงร้องคำรามของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ดังออกมา ตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนของวิญญาณวัตถุน้อย ก่อนที่ร่างของมันจะบินออกมาจากในถ้ำพลางร้องตะโกนเสียงดังอย่างน้อยใจ….

“นายท่าน ข้าช่วยท่านอยู่นะ พวกเจ้าตีกันอยู่จริงๆ ด้วย!!”

“หุบปาก!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ในถ้ำเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ เพราะว่าเมื่อครู่นี้ที่วิญญาณวัตถุน้อยโผล่มากะทันหัน ทำเอาเขาตกใจสะดุ้งโหยง…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version