บทที่ 132 เลือดที่กลับคืนสู่รากเหง้าแห่งบรรพบุรุษ
มองเงาร่างของสุนัขใหญ่สีดำที่ห่างออกไปไกล ป๋ายเสี่ยวฉุนขบคิดอะไรขึ้นมาได้ เมื่อครู่นี้เขาเองก็สังเกตดูอยู่เช่นกัน เห็นว่าร่างกายของสุนัขใหญ่สีดำผอมลงไปหลายรอบตัว ภาพที่เห็นได้อย่างชัดเจนนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าใจการให้กำเนิดชีวิตของดอกกำเนิดสัตว์ได้ในระดับหนึ่ง และก็ไพล่คิดไปถึงกลิ่นหอมตอนที่ดอกไม้บาน
“ในดอกกำเนิดสัตว์นี้มีกลิ่นอายที่กระตุ้นให้เกิดภาพมายาดำรงอยู่ สิ่งนี้ได้ดึงเอาเลือดที่จะกลับคืนสู่รากเหง้าของบรรพบุรุษออกมาขณะที่สัตว์แต่ละตัวเลือดลมพลุ่งพล่านที่สุดตอนอยู่ในดินแดนมายา เพื่อใช้สำหรับหล่อเลี้ยงให้เกิดเป็นชีวิต ดังนั้นเจ้าหมาดำตัวใหญ่ถึงได้ค่อยๆ ผอมลง…อีกทั้งเมื่อสัตว์แตกต่างกัน ภาพมายาที่ทำให้เลือดลมของพวกมันพลุ่งพล่านก็ไม่เหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เป้าหมายก็ล้วนเพื่อให้สัตว์พวกนี้สูญเสียพลังในการต่อต้านตอนที่อยู่ในภาพมายาที่ต่างกัน
ไม่เสียแรงที่เป็นเมล็ดพันธุ์กำเนิดสัตว์ซึ่งแทบจะหายสาบสูญไปแล้ว…หากพูดถึงในบางระดับ การดำรงอยู่ของมันเหนือล้ำกว่าสัตว์ร้ายทุกตัว!” ใจป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นสะท้าน ค่อยๆ เข้าใจชัดแจ้ง
ก็เหมือนกับเวลาที่ยุงดูดเอาเลือดแล้วทำให้เกิดอาการชา ขณะที่ดอกกำเนิดสัตว์นี้ดูดเอาเลือดที่จะกลับคืนสู่รากเหง้าของบรรพบุรุษก็จะแผ่ความสุขออกมา
เวลาผ่านไปแต่ละวัน เจ็ดวันต่อมา ป๋ายเสี่ยวฉุนเห็นว่าระยะเวลาออกดอกของดอกกำเนิดสัตว์นั้นผ่านไปไม่น้อยแล้ว หากยังไม่มีสัตว์ร้ายที่คุณลักษณะยอดเยี่ยมกว่านี้ถูกดูดเอาเลือดแห่งชีวิตซึ่งจะกลับคืนสู่รากเหง้าของบรรพบุรุษก็จะเป็นการสิ้นเปลืองเมล็ดพันธุ์กำเนิดสัตว์ที่ล้ำค่ามากเมล็ดนี้ไป
ป๋ายเสี่ยวฉุนนึกถึงคำใส่ร้ายป้ายสีที่ลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือมีต่อตนเองขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้นจึงกัดฟันกรอด กลางดึกของคืนนี้ เดือนมืดดับลมพัดแรง เขาย่องออกไปจากหอร้อยสัตว์ด้วยความเงียบกริบ
“แม้ว่าจะไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้มานานมากแล้ว แม้ว่าด้วยฐานะของข้า การทำเรื่องแบบนี้ช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก…แต่ข้าก็ไม่มีทางเลือกแล้วนี่นา” นัยน์ตาป๋ายเสี่ยวฉุนเปล่งประกายเฉียบคม ลอยไปลอยมาอยู่บนชายฝั่งทิศเหนือ ตรงดิ่งไปยังที่พักแห่งหนึ่ง ความเร็วของเขานั้นเร็วเกินไป วินาทีที่เหยียบย่างเข้าไปนั้น ในที่พักแห่งนี้มีเพียงแค่นกยูงงดงามอยู่เพียงตัวเดียวซึ่งเวลานี้กำลังพักผ่อน ยังไม่ทันสัมผัสได้ถึงวิกฤตที่อยู่รอบกายก็ถูกมือข้างหนึ่งคว้าหมับเข้าที่ลำคอ
นกยูงตัวนี้เพิ่งจะคิดขัดขืน ร่างก็ถูกพลังมหาศาลกระชากขึ้นไป มิอาจส่งเสียงร้องใดๆ ออกไปได้ ร่างอ่อนระทวยไม่สามารถดิ้นรนได้อีก ทำได้เพียงปล่อยให้ป๋ายเสี่ยวฉุนหิ้วตัวจากไปด้วยความรวดเร็ว
ป๋ายเสี่ยวฉุนมองซ้ายมองขวา ระแวดระวังเป็นอย่างยิ่ง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครเห็นก็พุ่งไปยังสถานที่ถัดไป ไม่นานในมือของเขานอกจากนกยูงแล้ว ยังมีงูหลามสีเขียวเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งตัว ยังไม่สิ้นสุด เขายังคงเดินหน้าต่อไป
จนกระทั่งครึ่งชั่วยามต่อมา ตอนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับเข้ามาในหอร้อยสัตว์หลังจากวุ่นวายมาทั้งคืนแล้ว มือซ้ายของเขาหิ้วนกยูงหนึ่งตัว มือขวาจับเสือดาวรัตติกาลตัวหนึ่งเอาไว้ เข่าหนีบลิงขาวหนึ่งตัว บนร่างพันไว้ด้วยงูหลามสีเขียวอีกหนึ่งตัว กลับเข้ามาข้างในด้วยความตื่นเต้น
“เก็บเกี่ยวได้เยอะเลย!” ป๋ายเสี่ยวฉุนครึ้มอกครึ้มใจ เขารู้ว่าเวลามีจำกัด ดังนั้นหลังจากที่จับสัตว์รบพวกนี้มัดไว้ที่หลังหอเรือนแล้วจึงรีบโยนนกยูงเข้าไปในดอกกำเนิดสัตว์ก่อนทันที
เห็นว่าดอกกำเนิดสัตว์กลืนนกยูงลงไป ป๋ายเสี่ยวฉุนรออยู่ด้านข้างด้วยความตื่นเต้น ไม่นานนักนกยูงก็ถูกคายออกมา นัยน์ตาของมันไม่ใช่ความเคลิบเคลิ้ม แต่เป็นการจมจ่อมอยู่ท่ามกลางความทรงจำที่งดงาม เห็นได้ชัดว่าเขตมายาที่มันเข้าไปนั้นต่างไปจากสัตว์ตัวอื่น ยังไม่ทันที่มันจะตั้งตัวได้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็รีบเข้าไปคว้าจับมันเอาไว้แล้วโยนงูหลามสีเขียวเข้าไป จากนั้นก็หิ้วนกยูงเอากลับไปคืนยังที่พักของเจ้านายมันอย่างรวดเร็ว
คราวนี้นกยูงไม่ร้องและก็ไม่ต่อต้าน ถึงขั้นที่ว่าตอนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจะกลับมันยังเข้ามาเสียดสีเพื่อประจบเอาใจป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยซ้ำ นัยน์ตาของมันเผยแววคาดหวัง คล้ายว่าต้องการให้ป๋ายเสี่ยวฉุนพามันไปอีกครั้ง
“ถูกดึงเอาเลือดซึ่งจะกลับคืนสู่รากเหง้าของบรรพบุรุษออกไป แม้ว่าจะไม่เป็นอันตราย แต่หากมากไปจะไม่เป็นผลดีต่อเจ้า อย่าดื้อ ใช่แล้ว…ห้ามบอกเจ้านายเจ้านะ” ป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ยปากเสียงเบาอย่างจริงจัง แล้วจึงจากไปไกลทันที
คืนนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนทรมานอย่างยิ่ง หลังจากส่งงูหลามสีเขียวกลับไป ส่งลิงขาวกลับไป ส่งเสือดาวรัตติกาลกลับไป ฟ้าก็สว่างรำไรแล้ว ต่อให้เป็นเขาเองก็ยังรู้สึกเหนื่อยมาก พอนึกถึงสัตว์รบพวกนั้นที่สุดท้ายแล้วทุกตัวล้วนเผยความอาลัยอาวรณ์และลุ่มหลง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ให้รู้สึกว่าตัวเองได้ทำเรื่องอันดีงาม
โดยเฉพาะเห็นความแข็งแกร่งของดอกกำเนิดสัตว์ เขาก็ยิ่งพอใจ
“กระทำเรื่องหนึ่ง ทำให้สัตว์รบพอใจ ดอกกำเนิดสัตว์พอใจ ข้าเองก็พอใจ นี่หมายความว่าข้าได้ทำเรื่องดีงามอย่างแท้จริง!” วันนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนมีความสุขมาก เมื่อสีของรัตติกาลเยื้องกรายมาถึงอีกครั้ง เขาก็ยืนรับลม เชิดคางขึ้นแล้วออกไปข้างนอกต่อ
ทำเช่นนี้ติดต่อกันหลายวัน เขาเกิดความคุ้นเคยนานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นลูกศิษย์ฝ่ายในหรือลูกศิษย์ฝ่ายนอกล้วนคือเป้าหมายของเขา ทุกคืนมากสุดคือเลือกสัตว์มาสี่ตัว หากมากเกินไปกว่านี้ ก่อนฟ้าสว่างเขาจะเอากลับไปส่งไม่ทัน
ท่ามกลางความระมัดระวังของป๋ายเสี่ยวฉุน อีกทั้งตบะของเขายังลึกล้ำ แถมยังรวดเร็วอย่างยิ่ง หลายวันมานี้จึงไม่มีปัญหาใดๆ เกิดขึ้น มีเพียงตอนกลางวันเท่านั้นที่หลังจากสัตว์รบทุกตัวซึ่งแอบถูกเอาไปอุทิศตัวอย่างลับๆ แต่ละตัวพอมองเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนก็จะร่าเริงขึ้นมาทันควัน อยากจะเข้าไปประจบประแจง
เจ้านายของพวกมันเบิกตากว้างอ้าปากค้าง มองสัตว์รบของตัวเองที่ก่อนหน้านี้ยังไม่เป็นมิตรกับป๋ายเสี่ยวฉุน แต่ตอนนี้กลับถึงขั้นจะเข้าไปประจบก็พากันแปลกใจ พอสื่อสารกับสัตว์รบของตัวเองกลับไม่มีสัตว์รบตัวไหนตอบกลับมาสักตัว
จนกระทั่งผ่านไปครึ่งเดือน ป๋ายเสี่ยวฉุนมองดอกกำเนิดสัตว์ของตัวเองที่ได้รับเลือดซึ่งจะกลับคืนสู่รากเหง้าของบรรพบุรุษอย่างต่อเนื่องตามแผนการที่วางเอาไว้ด้วยความภาคภูมิใจ สัตว์รบที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาก็มีพัฒนาการไปอย่างมั่นคง ดังนั้นกลางดึกของทุกคืนเขาจึงทุ่มเทพลังอย่างสุดความสามารถ
กลางดึกคืนนี้ เมฆทะมึนปกคลุมแสงสว่างของดวงจันทร์เอาไว้ รอบด้านมืดสนิท ในมือของป๋ายเสี่ยวฉุนถือเม่นเอาไว้หนึ่งตัว บนบ่าแบกวัวไว้อีกตัว หลังจากกำราบพวกมันจนไม่สามารถเปล่งเสียงร้องออกมาได้แล้วก็ย่องเข้าไปใกล้ที่พักอีกแห่งหนึ่งด้วยความเงียบกริบ
“แมวดำตามรกต…” สายตาของป๋ายเสี่ยวฉุนฉายแววประหลาดใจ เขายังคงระลึกถึงสัตว์รบตัวนี้ตลอดเวลา เวลานี้หลังจากเข้าไปใกล้และกำลังจะลงมือ ทันใดนั้นในลานที่พักอันมืดมิด มีดวงตาสีมรกตคู่หนึ่งเบิกโพลงขึ้นมา อีกทั้งยังส่งเสียงคำรามต่ำ เสียงแมวร้องนี้จึงดังแหวกความเงียบสงัดยามค่ำคืนออกไป
“ระวังตัวขนาดนี้เชียว!” ป๋ายเสี่ยวฉุนอึ้งตะลึง เจ้าแมวตัวนี้ร้องเสียงดังไปทั่วบริเวณ คนไม่น้อยจึงตกใจตื่น ป๋ายเสี่ยวฉุนรีบถอยหลังกรูด แต่เวลานี้เอง เจ้าแมวดำตามรกตตัวนั้นพลันพุ่งออกมา ตรงดิ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน คล้ายต้องการขัดขวางไม่ให้เขาหนีไปได้
โดยเฉพาะในดวงตาของมันยังคล้ายดวงตาของคนที่เผยแววดูหมิ่นออกมาด้วย
ป๋ายเสี่ยวฉุนโมโหหนัก หากเปลี่ยนเป็นเวลาอื่น จัดการแมวตัวนี้ถือเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับเขา แต่ตอนนี้หากถูกจับได้เขาตายแน่ ท่ามกลางความร้อนรนกังวลใจปีกเบื้องหลังกระพือขึ้นหนึ่งที เร่งความเร็วทั้งหมดที่มีหนีไปไกลก่อนที่คนรอบด้านจะปรากฏตัว
เสียงแมวร้องนั้นมีพลังทะลุทะลวง ป๋ายเสี่ยวฉุนหนีหัวซุกหัวซุนมาตลอดทาง หลบเลี่ยงลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือที่ปรากฏตัวออกมา กว่าจะหนีออกมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ขณะที่กำลังเดินบนทางเล็กๆ กลับไปยังหอร้อยสัตว์ เขาก็กัดฟันกรอดฮึ่มฮั่มให้กับแมวดำตัวนั้น
“ต้องหาวิธีให้ได้ แมวดำตัวนั้นระวังตัวเกินไปแล้ว” ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังปวดหัว พลันสีหน้าก็กระตุก ร่างกายหลบออกไปเร็วจี๋ เงาดำร่างหนึ่งพุ่งผ่านมาข้างกายของเขา และยังมีเสียงฟันกระทบกันดังกร้วมลอยมาให้ได้ยิน
“เจ้าอีกแล้ว!!” ก่อนหน้านี้ป๋ายเสี่ยวฉุนก็โมโหเป็นทุนอยู่แล้ว เวลานี้เห็นเงาดำร่างนี้ซึ่งก็คือสุนัขใหญ่สีดำตัวนั้นจึงยิ่งเดือดดาลเข้าไปใหญ่
การลอบโจมตีสองครั้งของเจ้าสุนัขก่อนหน้านี้ล้วนต้องหนีไปทันทีเมื่อทำไม่สำเร็จ ทว่าตอนนี้กลับไม่จากไป แต่กลับพุ่งเข้าใส่อีกครั้งพร้อมความบ้าคลั่ง ดุร้าย และที่มากกว่าคือความอาฆาตแค้น
หากมันหนีไป ด้วยคุณสมบัติที่ปราดเปรียวทั้งยังเป็นสัตว์รัตติกาล ในด้านความเร็วมันจะรวดเร็วอย่างถึงที่สุด ป๋ายเสี่ยวฉุนจำเป็นต้องใช้กำลังทั้งหมด ทั้งยังต้องใช้เวลาพักหนึ่งถึงจะสามารถจับมันได้ แต่ตอนนี้มันไม่หนี จึงถูกป๋ายเสี่ยวฉุนกำราบได้อย่างรวดเร็ว
“วันนี้ยังขาดสัตว์อยู่พอดี งั้นก็เอาเจ้าแทนนี่แหละ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนกล่าวแค้นเคือง หิ้วสุนัขใหญ่สีดำที่ดิ้นรนขัดขืนไม่หยุดกลับเข้าไปในลานที่พัก เขาให้วัวดุร้ายและเม่นเข้าไปก่อน สุดท้ายถึงได้โยนเจ้าสุนัขที่ยังคงดิ้นรนอย่างดุร้ายตัวนั้นเข้าไปในดอกกำเนิดสัตว์
เมื่อเขาเอาวัวและเม่นไปส่งและกลับเข้ามาอีกครั้ง เวลาหนึ่งวันนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็แสดงความโหด เตรียมสร้างบทเรียนยากจะลืมเลือนมอบให้กับเจ้าสุนัขตัวนี้ จึงโยนมันเข้าไปอุทิศตัวติดต่อกันถึงสิบห้าครั้ง
สุดท้ายสุนัขใหญ่สีดำตัวนี้หายใจรวยริน ถึงได้ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนโยนออกไปข้างนอกอย่างอำมหิต
“คราวหน้าหากเจ้ากล้าลอบโจมตีอีก ข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นซากหมา!” ป๋ายเสี่ยวฉุนพูดอย่างเกรี้ยวกราด สุนัขใหญ่สีดำตัวนั้นฝืนลุกขึ้นยืน รีบมุดเข้าไปในผืนป่า รอจนป๋ายเสี่ยวฉุนมองไม่เห็นแล้ว มันหมอบอยู่ในที่มืด แลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปาก นัยน์ตาเผยความเคลิบเคลิ้มอย่างลึกซึ้ง
ผ่านไปอีกหลายวัน ป๋ายเสี่ยวฉุนยังคงลงมือกลางดึกเช่นเคย เพียงแต่ว่าการระแวดระวังตัวของแมวดำตามรกตตัวนั้นทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนปวดหัวเป็นอย่างมาก คิดจะบังคับลงมือด้วย กลับพบว่าแมวดำตัวนี้ดันเข้าไปหลบอยู่ในห้องของเจ้านายไม่ยอมออกมา
ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนจนใจอย่างยิ่ง แม้จะไม่อยากยอมแพ้ แต่ก็ทำได้แค่ปล่อยไป เลือกเอาสัตว์ตัวอื่นมาแทน ทว่าในใจก็นึกถึงตลอดเวลา กลางดึกของคืนนี้หลังจากที่เขาส่งคางคกตัวหนึ่งกลับไปยังที่พักของเจ้านายมันแล้ว ตอนกลับมาพลันต้องชะงักฝีเท้า เงาดำร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาข้างกายเขาทันที เสียงกร้วมที่คุ้นเคยดังลอยมาอีกครั้ง
ยังคงเป็นสุนัขใหญ่สีดำตัวนั้น มันยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความมีชีวิตชีวา คราวนี้ยังคงไม่หนีไปเช่นเดิม แต่แยกเขี้ยวแสดงให้เห็นถึงความดุร้าย ทั้งยังทำท่าเหมือนจะบุกเข้ามาอีกครั้ง
ป๋ายเสี่ยวฉุนตาค้างอ้าปากกว้าง ตื่นตะลึงไปกับความดื้อรั้นของเจ้าสุนัขตัวนี้ แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนก็รู้สึกแปลกขึ้นมาตงิดๆ สามครั้งที่ลอบโจมตีก่อนหน้านั้นป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้คิดอะไรมาก ตอนนี้พอมองดูอย่างละเอียด เจ้าสุนัขใหญ่ตัวนี้ยังคงไม่หนีไป ละทิ้งความเร็วทั้งหมดของตัวเอง ถึงกระทั่งที่ว่าการลอบโจมตีเมื่อครู่นี้ยังทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกเหมือนเป็นการกระทำลวกๆ เสียด้วยซ้ำ ทั้งแรงของฟันที่ขบกันก็ยังห่างจากความดุร้ายหลายครั้งก่อนหน้านี้อยู่ไกลโข
“เจ้าจงใจสินะ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนถามด้วยความสงสัย
สุนัขใหญ่สีดำตัวนี้เดิมทีกำลังจะพุ่งออกมา แต่พอได้ยินประโยคนี้ก็ชะงักฝีเท้า หยุดการกระทำลง ตามองป๋ายเสี่ยวฉุน ไม่ได้คำรามใส่ และก็ไม่ได้แยกเขี้ยว ยิ่งไม่ได้พุ่งเข้ามาหา ทำแค่จ้องมองเขม็ง
ป๋ายเสี่ยวฉุนสีหน้าเหยเก ไม่ได้สนใจเจ้าสุนัขตัวนี้ พอห้อตะบึงอ้อมผ่านมันไป เจ้าสุนัขดันตามป๋ายเสี่ยวฉุนมาตลอดทาง จนกลับเข้าไปในหอเรือน เข้าไปในลานด้านหลัง
เพิ่งจะมาถึง หางของเจ้าสุนัขใหญ่ก็กระดิกส่ายอย่างตื่นเต้น พุ่งเข้าหาดอกกำเนิดสัตว์ ถึงขั้น…กระโดดเข้าไปเอง
ป๋ายเสี่ยวฉุนตาเหลือกอ้าปากหวอ สีหน้ายิ่งเหยเกเข้าไปใหญ่ โดยเฉพาะหลังจากที่เขามองเห็นว่าการอุทิศตนสิ้นสุดลง เจ้าสุนัขใหญ่สีดำตัวนี้คลานออกมา ทว่าไม่ยอมกลับไป แต่กระโดดเข้าไปอีกครั้ง ไปๆ มาๆ จนกระทั่งยามสายัณห์ของวันที่สอง เจ้าสุนัขใหญ่ตัวนี้อุทิศตนไปแล้วถึงเจ็ดแปดครั้ง
“นี่…นี่….เลือดแห่งชีวิตที่กลับคืนสู่รากเหง้ามากมายขนาดนั้น เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไร สมควรตายเอ๊ย เจ้าเข้าไปอยู่ในโลกมายาอะไรกัน?” ป๋ายเสี่ยวฉุนสำลักลมหายใจ คว้าเจ้าสุนัขที่ยังจะเข้าไปอุทิศตัวต่อเอาไว้ รีบโยนมันออกมา ขณะที่กำลังจะข่มขู่ ป๋ายเสี่ยวฉุนพลันฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้จึงเปลี่ยนหัวข้อพูดทันที
“ข้ารู้ว่าเจ้าเข้าใจที่ข้าพูด งั้นบอกเจ้าไว้เลย คราวหน้าถ้าอยากมาอีก ไม่ต้องมาลอบโจมตีข้าแล้ว เจ้าไปจับเจ้าแมวดำตามรกตตัวนั้นมา ข้าก็จะอนุญาตให้เจ้าอุทิศตัวได้อีกหนึ่งครั้ง!”
สุนัขใหญ่สีดำที่กำลังจะจากไปด้วยท่าทางกะปลกกะเปลี้ย พอได้ยินคำพูดนี้ก็ชะงักฝีเท้า หันหน้าไปมองป๋ายเสี่ยวฉุน แล้วจึงหมุนตัววิ่งจากไปไกล
กลางดึกของอีกหลายวันต่อมา ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังจะออกไปหาสัตว์ข้างนอก แต่เพิ่งจะเดินออกจากหอเรือนมาได้ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงหมาเห่าที่คุ้นเคยดังลอยมาจากนอกประตู…
———-