บทที่ 711 เสี่ยวฉุนอารมณ์เดือด
ป๋ายเสี่ยวฉุนร้อนใจคิดไม่ตก หากมอบตัวเฉินม่านเหยาออกไปก็เท่ากับเอาชีวิตน้อยๆ ไปไว้ในกำมือของผู้อื่น แม้ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อใจเฉินม่านเหยา แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย ทำให้เขาไม่กล้าเชื่อใจอีกฝ่าย
หรือถึงขั้นพูดได้ว่า เขาเชื่อใจป๋ายฮ่าว แต่สำหรับเฉินม่านเหยาแล้ว เขาไม่มั่นใจเลยสักนิดเดียว!
ยามนี้เสียงคำรามเดือดดาลของราชาผียักษ์ดังก้องห้องลับ ขณะเดียวกันเขาก็สัมผัสได้ถึงไอความเย็นที่มาจากร่างของอีกฝ่ายซึ่งในนั้นแฝงเร้นปราณสังหารเอาไว้ด้วย
ทั้งหมดนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนนึกถึงสายตาลึกล้ำเหนือผู้ใดและประโยคคำถามที่ราชาผียักษ์ถามตนหลังจากที่ตบะของเขาฟื้นคืนและในมือถือวิญญาณคนฟ้าธาตุทองเอาไว้
“บอกเหตุผลดีๆ สักข้อที่ข้าไม่ควรฆ่าเจ้ามาสิ!”
ตอนนั้นประโยคนี้ทำเอาป๋ายเสี่ยวฉุนตกใจจนแทบขวัญกระเจิง เวลานี้มองราชาผียักษ์เขาก็อดนึกถึงเรื่องทั้งหมดในวันนั้นขึ้นมาไม่ได้
นึกถึงภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่ตนยอมเสี่ยงตายเพื่อช่วยเหลือราชาผียักษ์ แล้วก็นึกถึงเรื่องในกาหลอมวิญญาณที่หากไม่เพราะความแข็งแกร่งของก่อกำเนิดวิถีฟ้าของตน หาไม่แล้ว ขณะที่แสงของตราผนึกนั้นดูดซับตบะของเขาไป เขาย่อมไม่สามารถหนีการไล่ฆ่าของคนนับร้อยได้พ้น และป่านนี้ก็คงตายไปนานแล้ว
ทั้งหมดทั้งมวลนี้เดิมทีก็สั่งสมอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจป๋ายเสี่ยวฉุนมาเนิ่นนาน ตอนนี้มาเจอไอสังหารและการใช้ไอความเย็นข่มขู่ของราชาผียักษ์ ท่ามกลางความตึงเครียดที่ไม่รู้ว่าควรจะส่งตัวเฉินม่านเหยาออกไปดีหรือไม่
เขาก็ให้รู้สึกเหมือนตัวเองถูกบีบอยู่ตรงกลาง เบื้องหน้ามีหมาป่า ด้านหลังมีเสือ จนในที่สุดก็ระงับอารมณ์บ้าคลั่งไม่อยู่อีกต่อไป ดวงตาของเขาจึงเริ่มแดงก่ำ
“เจ้าคิดจะสังหารข้า? คิดจะลงมือกับข้างั้นรึ?”
ป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ลมหายใจหอบหนัก จ้องราชาผียักษ์เขม็ง หากเปลี่ยนมาเป็นช่วงเวลาอื่น ป๋ายเสี่ยวฉุนต้องยอมลงให้อย่างแน่นอน ทว่าตอนนี้เขาไม่อยากเป็นฝ่ายยอม!
เมื่อความไม่ยอมแพ้ที่ออกมาจากส่วนลึกในจิตใจ บวกกับทุกเรื่องหลังจากที่ได้รู้จักกับราชาผียักษ์ลอยขึ้นมาในสมอง เรื่องราวมากมายที่สั่งสมตกตะกอนรวมกัน ลมหายใจเขาจึงเริ่มไม่มั่นคง ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำราวกระต่ายที่เดือดดาล หน้าผากก็ยิ่งมีเส้นเอ็นปูดโปน ระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างร้าวรานราวคนจะขาดใจ
“ราชาผียักษ์ ไหนเจ้าลองพูดอีกทีสิ แม่งเอ๊ย นี่เจ้าถึงกับจะฆ่าข้าเชียวเหรอ!!”
“ห๊า? จะลงมือกับข้าด้วย?” ป๋ายเสี่ยวฉุนถลึงตาที่แดงก่ำ แผดเสียงคำรามเกรี้ยวกราด
“ราชาผียักษ์ ชีวิตของเจ้าข้าเป็นคนช่วยเอาไว้!! ตอนนั้นเพื่อช่วยเจ้า ข้าผู้อาวุโสเกือบเอาชีวิตไม่รอด บาดเจ็บสาหัส!!”
“แต่เจ้าล่ะ เจ้าเอาแต่หยั่งเชิง หยั่งเชิง หยั่งเชิงข้าไม่แล้วไม่เลิก ต่อให้ตบะจะฟื้นคืนมาแล้วก็ยังจะหยั่งเชิงข้า ข้าผู้อาวุโสเกือบจะตายอยู่แล้ว เจ้าถึงเพิ่งลงมือ นี่ยังไม่เท่าไหร่ แต่พอเจ้าลงมือเสร็จ เจ้ายังจะหยั่งเชิงข้าอีก! ต้องให้ข้าตายไปก่อนใช่ไหม เจ้าถึงจะเลิกหยั่งเชิง!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคลั่งไปแล้ว เสียงของเขาดังสนั่นจนห้องลับสะเทือน
ราชาผียักษ์เองก็อึ้งงันไปกับการระเบิดอารมณ์อย่างกะทันหันของป๋ายเสี่ยวฉุน เดิมทีเขาแค่คิดจะข่มขู่อีกฝ่าย แต่กลับนึกไม่ถึงว่าป๋ายฮ่าวที่แต่ไรมาตนแค่ข่มขู่ก็ยอมอ่อนข้อให้ มาวันนี้กลับมีอารมณ์โต้ตอบรุนแรงขนาดนี้
“บังอาจ!” ราชาผียักษ์เองก็โมโหเหมือนกัน พลานุภาพสยบบนร่างของเขาระเบิดออกอีกครั้ง มองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสายตากรุ่นโกรธ
“บังอาจ? ข้าไม่บังอาจหรอก แต่วันนี้ข้าจะลองบังอาจดูสักครั้ง!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนสีหน้าดุดัน เสียงก็ยิ่งดังลั่น
“นับตั้งแต่ที่พวกเรากลับมา มองดูเหมือนน้องชายอย่างข้ามีหน้ามีตาไร้ที่สิ้นสุด แต่ความเป็นจริงเล่า ข้าต้องทำอะไรเพื่อเจ้ามากมายแค่ไหน! ข้าไปรีดไถสามตระกูลใหญ่ เอาของที่ดีที่สุดมอบให้เจ้า รูปปั้นหยกวิเศษนั่น ข้ารู้ว่าเจ้าจะฝึกตนเลยรีบนำไปส่งให้ทันที แต่คนนอกไม่คิดเช่นนี้ พวกเขาล้วนคิดว่าข้าฮุบเอาไว้คนเดียว คนที่รอให้ข้าทำผิดพลาดแล้วหมายจะเหยียบข้าให้จมดิน หมายจะเอาชีวิตข้ามีมากนักล่ะ!”
“ความกังวลนี้ ข้าเคยพูดให้เจ้าฟังไหม!!” เสียงคำรามของป๋ายเสี่ยวฉุนดังราวฟ้าผ่า หน้าอกของราชาผียักษ์กระเพื่อมขึ้นๆ ลงๆ หมายจะตวาดกลับไป ทว่าพอได้ยินคำพูดเหล่านี้ของป๋ายเสี่ยฉุน เขากลับพูดอะไรไม่ออก ครั้งนั้นที่ป๋ายเสี่ยวฉุนทำเรื่องนี้ เขาได้รับผลประโยชน์อย่างมาก แล้วก็ไม่เคยคิดจริงๆ ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะกดดันมากน้อยแค่ไหน
“เจ้าถูกใจฮูหยินเฉิน ข้าก็ทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวนางมาให้เจ้า เจ้าราชาผียักษ์ต้องรักษาชื่อเสียง ข้าป๋ายฮ่าวเป็นเพียงแค่บุคคลตัวเล็กๆ บาปนี้ข้ารับไว้ให้ ตอนนี้คนข้างนอกล้วนพูดกันว่าข้าป๋ายฮ่าวอำมหิตไร้ปราณี ทั้งยังเป็นคนจิตวิปริต ไม่เพียงแต่ไปแย่งเมียของคนอื่นมา ยังฆ่าสามีของนางด้วย ยามข้าเดินอยู่ในเมือง ผู้คนล้วนไม่กล้าให้เมียเขามาปรากฏกายอยู่ต่อหน้าข้า กลัวข้าจะถูกใจ คนที่เกลียดข้ามีมากนักล่ะ!”
“ความไม่เป็นธรรมนี้ ข้าเคยพูดกับเจ้าไหม!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง นี่ไม่ได้เกิดเพราะความหวาดกลัว ตอนนี้เขาเอาจริงแล้ว เพราะความไม่เป็นธรรมนี้สั่งสมมาจากเรื่องแล้วเรื่องเล่าจนมีมากถึงในระดับที่ว่าหากเขาไม่รีบระบายมันออกมา มีหวังร่างของเขาต้องระเบิดแน่ๆ
หลังจากได้ยินประโยคนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุน ไฟโทสะของราชาผียักษ์ก็มอดดับลงไปอีกนิด เริ่มร้อนตัวขึ้นมาบ้าง เขายอมรับว่าป๋ายเสี่ยวฉุนพูดมีเหตุผล เขาสนใจชื่อเสียงของตัวเองจริง และหลังจากเกิดเรื่องนี้ก็ได้ยินคนพูดจาใส่ร้ายป๋ายเสี่ยวฉุนกันไปทั่วบ้านทั่วเมือง
“แล้วก็ยังมีเรื่องผลราชาผีของเจ้าอีก เจ้าบอกว่ามันสำคัญกับเจ้ามาก ทั้งๆ ที่ข้าป๋ายฮ่าวไม่อยากไป แต่เพื่อเจ้าแล้ว สุดท้ายข้าก็ต้องไป แล้วผลล่ะเป็นยังไง ฮ่าๆ ช่างทำให้ข้าตกตะลึงยิ่งนัก ตราผนึกของข้า ความเชื่อใจของข้าล้วนกลายมาเป็นเชือกที่นำพาตัวข้าไปสู่ความตาย เจ้ารู้หรือไม่ว่าชั่วเวลาที่ตราผนึกเส้นนั้นหายไป ตบะของข้าลดหายไปเร็วแค่ไหน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนที่พวกศิษย์แห่งความภาคภูมิใจนับร้อยคนคิดจะสังหารข้า ในใจข้าขมขื่นมากเท่าไหร่ ข้าถูกพี่ชายที่ตัวเองเชื่อใจเล่นงานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดอยู่ในกาหลอมวิญญาณนั่น!”
“ความลำบากนี้ ข้าเคยพูดกับเจ้าไหม!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งพูดยิ่งโมโห โดยเฉพาะเรื่องนี้ที่เป็นเหมือนหนามแหลมทิ่มแทงใจของเขา แม้ว่าเขาจะปลอดภัยและรอดมาได้จากกาหลอมวิญญาณ แต่หากเขาไม่ใช่ก่อกำเนิดวิถีฟ้า เขาก็ต้องตายอย่างมิต้องสงสัย
ทว่าสุดท้ายแล้วผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้กลับมีแค่ราชาผียักษ์คนเดียว!
ราชาผียักษ์ยิ่งเปิดปากพูดอะไรไม่ออกเข้าไปอีก ความโกรธเคืองหายวับไปหมด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขารู้สึกผิดมากที่สุด ยามนี้จึงได้แต่ยิ้มเฝื่อน
“แต่ข้ายังจำได้ที่เจ้าบอกว่าราชาสวรรค์ทั้งสามคนร่วมมือกันเล่นงานเจ้า คิดจะใช้สิ่งนี้มาบีบบังคับเจ้า ดังนั้นต่อให้ในใจข้าจะขมขื่นหรือเจ็บปวดมากแค่ไหน ข้าก็ยังจับตัวศิษย์แห่งความภาคภูมิใจพวกนั้นมาให้เจ้าระบายโทสะ ให้เจ้าใช้สิ่งนี้ย้อนกลับไปเล่นงานพวกเขา แล้วเจ้าล่ะ เจ้ากลับคิดว่าข้ามีเจตนาร้าย?! หากข้ามีเจตนาร้ายจริงๆ ข้าก็แค่สังหารคนพวกนั้นให้แล้วไปสิ ฆ่าคน ข้าเจอปัญหาใหญ่ แต่ปัญหาของเจ้าย่อมใหญ่ยิ่งกว่า!”
“ความขมขื่นนี้ ข้าเคยพูดให้เจ้าฟังไหม!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเดือดดาลผิดปกติ น้ำเสียงก็แฝงเร้นไว้ด้วยความสิ้นหวัง ราชาผียักษ์ลังเล มองป๋ายเสี่ยวฉุนที่ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ในสมองก็มีภาพเหตุการณ์ระหว่างพวกเขาสองคนลอยขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
“ราชาผียักษ์ เจ้าว่าหลายปีมานี้ ข้าป๋ายฮ่าวเคยขออะไรจากเจ้าไหม? มีเรื่องไหนบ้างที่ข้าทำผิดต่อเจ้า! เจ้าอย่าพูดเรื่องที่คุกมาร เรื่องนั้นข้าใช้ชีวิตตัวเองชดเชยให้แล้ว แค่นั้นยังไม่พออีกหรือ!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตะโกนดังลั่น ความเจ็บแค้นเศร้าเสียใจก็ยิ่งเข้มข้น
“ทุกวันนี้ขนาดพวกประมุขตระกูลเล็กๆ ยังมีอนุกันทีสามคนสี่คน ข้าก็แค่ต้องการผู้หญิงคนนี้เท่านั้น มันเรื่องใหญ่แค่ไหนกันเชียว แค่ผู้หญิงช่วยคลายเหงาคนหนึ่ง! เจ้ากลับถึงขั้นจะลงมือกับข้า ทั้งยังคิดจะฆ่าข้าด้วย!!” ความเจ็บช้ำในน้ำเสียงของป๋ายเสี่ยวฉุน ต่อให้เป็นราชาผียักษ์เองก็ยังรู้สึกว่าดูเหมือนเรื่องนี้ ตนจะทำเกินไปจริงๆ
หลังจากระบายอารมณ์เสร็จ ป๋ายเสี่ยวฉุนคืนสติขึ้นมาได้ก็พลันเหงื่อแตกพลั่กไปทั้งร่าง ความกระวนกระวายและหวาดหวั่นไม่เป็นสุขที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าไหลบ่าเข้ามาในใจเขา ได้แต่ร้องคร่ำครวญกับตัวเองไม่หยุด เสียใจกับการกระทำของตัวเองอย่างสุดซึ้ง
“จบกันๆ วู่วามเกินไป ควบคุมตัวเองไม่ได้เลย” ในใจป๋ายเสี่ยวฉุนแทบจะแหลกสลายเต็มที แต่พอคิดว่าไหนๆ ก็ทำขนาดนี้แล้วเลยกัดฟันแข็งใจวางท่าเจ็บแค้นเช่นนี้ต่อไป
“ใช่สิ ตอนนี้เจ้าคือหวังเหย่ เจ้าคือครึ่งเทพ ข้าเป็นเพียงบุคคลตัวเล็กๆ สามารถสละทิ้งหรือกำจัดทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ ช่างน่าสมเพชที่ข้าดันโง่เง่าเห็นเจ้าเป็นเหมือนพี่ชายแท้ๆ ของตัวเอง” ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่นอยู่ในใจ ทว่ากลับยังคงพูดด้วยเสียงทุ้มหนัก
เห็นป๋ายเสี่ยวฉุนที่ยืนตัวสั่นอยู่ตรงหน้า ราชาผียักษ์ก็เหงื่อตกเล็กน้อย คำพูดเหล่านี้หากเปลี่ยนมาเป็นคนอื่น เขาต้องแค่นเสียงหยันใส่แน่นอน ทว่าตลอดทั้งฟ้าดินแห่งนี้ คนคนเดียวที่มีสิทธิ์พูดแบบนี้กับเขา และเขายังมิอาจตอกกลับได้ก็คือป๋ายเสี่ยวฉุน
หลังจากที่ใคร่ครวญอย่างละเอียด
เขาก็รู้สึกว่าเรื่องเป็นอย่างที่ป๋ายเสี่ยวฉุนพูดจริงๆ นับตั้งแต่ที่กลับมา ป๋ายเสี่ยวฉุนซื่อสัตย์ภักดีกับตนมาโดยตลอด อีกทั้งคนผู้นี้ยังมีพรสวรรค์ด้านการหลอมไฟ ทั้งยังใจกล้าละเอียดรอบคอบ คนคนเดียวกลับสร้างความปั่นป่วนให้กับทั้งตระกูล ทั้งยังถึงขั้นกล้าจับตนเป็นตัวประกัน สุดท้ายยังใช้กำลังของคนคนเดียวกำราบศิษย์แห่งความภาคภูมิใจทั้งหมดในแดนทุรกันดาร ความยอดเยี่ยมของเขา ราชาผียักษ์ไม่เคยเห็นจากใครมาก่อน ต่อให้เป็นบุตรสาวของเขาเองที่ถึงแม้ตบะจะสูงล้ำ ทว่าในด้านการจัดการเรื่องราวและสติปัญญากลับเทียบป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้
บุคคลเช่นนี้สามารถจินตนาการได้ว่าขอแค่ไม่ตายก่อนเวลาอันควร วันหน้าเขาต้องโบยบินสู่ฟากฟ้า กลายมาเป็นบุคคลที่น่าครั่นคร้ามได้อย่างแน่นอน และความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างตนกับเขาก็ตัดกันไม่ขาดมาตั้งนานแล้ว ราชาผียักษ์ถอนหายใจหนึ่งครั้ง มองหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วเอ่ยเกลี้ยกล่อมด้วยความหวังดี
“ฮ่าวเอ๋อร์ ในใจของข้ามองเห็นเจ้าเป็นเหมือนลูกชายของตัวเองมานานแล้ว”
“ราชาผียักษ์ ข้าแค่อยากถามเจ้าสักคำ หลังจากที่พวกเรากลับมา ข้าเคยต้องการอะไรบ้าง?” ป๋ายเสี่ยวฉุนพึมพำน้ำเสียงขื่นขม ทว่าในใจกลับผ่อนลมหายใจ รู้ว่าตนผ่านด่านนี้มาได้แล้ว
ราชาผียักษ์เงียบงัน ถูกต้อง ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่เคยเรียกร้องสิ่งใดเป็นพิเศษมาก่อน และตอนนี้เขาก็แค่ต้องการผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น หากไม่พิจารณาถึงภูมิหลังของเฉินม่านเหยา ก็นับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรจริงๆ
ทว่าเฉินม่านเหยาคนนี้เป็นลูกศิษย์ของต้าเทียนซือ ต้าเทียนซือถามมาแล้ว เขาราชาผียักษ์จะไม่สนใจย่อมไม่ได้ ยามนี้จึงคิดไม่ตกเหมือนกัน ผ่านไปพักหนึ่ง ดวงตาทั้งคู่ของเขาก็พลันแน่วนิ่งคล้ายตัดสินใจเด็ดขาดได้ เขามองป๋ายเสี่ยวฉุน ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าความคิดของตนน่าจะเป็นความคิดที่ดีทีเดียว
“ป๋ายฮ่าวดีเลิศขนาดนี้ เอาเถอะ!” ราชาผียักษ์ใคร่ครวญอยู่ในใจ นัยน์ตาฉายแสงประหลาด พอถอนหายใจยาวๆ หนึ่งครั้งก็พลันพูดขึ้นว่า
“ฮ่าวเอ๋อร์ ข้าผู้อาวุโสไม่เคยให้อะไรกับเจ้าจริงๆ แต่ว่าข้าผู้อาวุโสมีลูกสาวอยู่คนหนึ่ง ตบะสูงกว่าเฉินม่านเหยา หรือแม้แต่หน้าตาก็ยังงามล้ำกว่าเฉินม่านเหยาเป็นสิบเท่า เอาอย่างนี้ ข้าจะยกนางให้เจ้าก็แล้วกัน!