Skip to content

A Will Eternal 782

บทที่ 782 หลอมไฟสิบแปดสี

แม้ว่าอาจารย์หลอมวิญญาณชั้นดินของตระกูลนางจะเสียชีวิตไปแล้ว ทว่าชื่อเสียงของเขายิ่งใหญ่ระบือไกล อีกทั้งยังขาดแค่ครึ่งก้าวก็สามารถเลื่อนขั้นเป็นชั้นฟ้าได้ ก่อนตายหลอมอาวุธทางสายเลือดชิ้นหนึ่งให้กับตระกูลได้สำเร็จ ส่งผ่านการสืบทอดไฟสิบแปดสีรวมไปถึงตำรับไฟสิบเก้าสี คนนอกมิอาจแตะต้อง หากพวกเขาไม่ยินยอม ต่อให้เป็นครึ่งเทพก็ยังยากจะฝืนบังคับช่วงชิงเอาไปได้

ดังนั้นถึงแม้จะสิ้นชีพไปนานแล้ว ทว่าตระกูลของพวกนางก็ยังอาศัยใบบุญของเขา จนถึงทุกวันนี้ก็ยังนับเป็นตระกูลที่มีเกียรติ ต่อให้ตกต่ำ รากฐานของตระกูลก็ยังคงอยู่ อีกทั้งตอนนี้ปู่ของนางยังเป็นอาจารย์หลอมวิญญาณสีดำขั้นสูงสุดเช่นกัน

เขาคิดอยากจะฝ่าขั้นสีดำเลื่อนสู่ชั้นดินอยู่ทุกเวลานาที เพื่อสร้างเกียรติอันรุ่งโรจน์ตามรอยบรรพบุรุษ และหากเขากลายเป็นชั้นดินได้สำเร็จก็ย่อมสร้างความครึกโครมไปทั้งแดนทุรกันดาร อยู่เหนือพระยาสวรรค์และเจ้าพระยาสวรรค์ทุกคน แม้แต่ต้าเทียนซือก็ยังต้องมีมารยาทกับเขาถึงสามส่วน

เพียงแต่ว่าวิธีการเลื่อนขั้นเป็นอาจารย์หลอมวิญญาณชั้นดินที่ตระกูลของเขาทิ้งเอาไว้ค่อนข้างจะพิเศษ นั่นคือจำเป็นต้องตามหาวิญญาณที่มีสติปัญญา อีกทั้งยังต้องมีสติปัญญาเลิศล้ำมาทำเป็นวัตถุดิบหลัก บวกกับวิธีการอื่นๆ ถึงจะหลอมออกมาเป็นเชื้อเพลิงได้! ซึ่งวิชาการฝึกตนของตระกูลเมี่ยวหลินเอ๋อร์จะทำให้สัมผัสได้ถึงคลื่นของวิญญาณชนิดนี้ในระดับที่ต่างกันออกไป

หากหลอมเชื้อเพลิงได้สำเร็จก็สามารถอาศัยไฟสิบแปดสีนี้มาเลื่อนขั้นเป็นชั้นดิน!

เพียงแต่วิญญาณประเภทนี้หายากมาก แม้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาพวกเขาจะมีการสร้างขึ้นมาเองบางส่วน แต่ก็ล้วนไม่สมบูรณ์แบบ ไม่สอดคล้องกับมาตรฐาน จึงไม่เคยทำสำเร็จ

จนกระทั่งวิญญาณป๋ายฮ่าวดึงดูดความสนใจจากเมี่ยวหลินเอ๋อร์ นางจึงนำเรื่องนี้มาบอกแก่ปู่ของตน เมื่อผ่านการพิสูจน์อย่างระมัดระวัง สุดท้ายจึงแน่ใจว่าวิญญาณป๋ายฮ่าวก็คือวิญญาณแห่งเชื้อเพลิงอันสมบูรณ์แบบที่พวกเขาตามหามานาน!

หากไม่เพราะตัวตนของป๋ายเสี่ยวฉุน เกรงว่าตระกูลของเมี่ยวหลินเอ๋อร์คงลงมือแย่งชิงมานานแล้ว ทว่าเนื่องจากป๋ายเสี่ยวฉุนเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน กลายมาเป็นผู้ตรวจการ ชื่อเสียงและอำนาจทะยานสู่ฟากฟ้ามาตลอดทาง พวกเขาเลยไม่กล้าไปมีเรื่องด้วย กลัวว่าจะเป็นการทิ้งเบาะแสเอาไว้ จึงได้แต่ข่มกลั้นความต้องการกันมาโดยตลอด

จนกระทั่งวันนี้…พวกเขามองเห็นโอกาส แต่ก็ยังกริ่งเกรงในตัวป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่บ้าง กระนั้นความปรารถนาในการเลื่อนขั้นเป็นชั้นดินทำให้ท่านปู่ของนางตัดสินใจได้ในที่สุด เขาส่งของขวัญชิ้นใหญ่ไปให้สิบสามตระกูลในนครจักรพรรดิขุยอย่างไม่เสียดายค่าตอบแทน อีกทั้งหลังจากเสร็จเรื่องยังสาบานรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะถึงของขวัญชิ้นใหญ่ หวังร่วมมือกันประหนึ่งพันธมิตร เป้าหมายก็คือจับเป็นวิญญาณป๋ายฮ่าวโดยที่เทพไม่รู้ผีไม่เห็น ไม่ทิ้งเบาะแสใดๆ …มีแค่สำเร็จห้ามล้มเหลว!

เมี่ยวหลินเอ๋อร์คิดมาถึงตรงนี้ ความมั่นใจก็ยิ่งทบทวี

ไม่นานนัก เงามายาลึกลับสิบสามร่างที่อยู่รอบด้านก็มองประเมินกันไปมา เมื่อได้ความเห็นที่ตรงกัน ต่างคนก็ต่างทิ้งคำสาบานไว้ในแผ่นกระดูก ยืนยันการร่วมมือเป็นพันธมิตร

“ดีมาก ครั้งหน้าเมื่อวิญญาณนั่นปรากฏตัวก็คือเวลาลงมือของพวกเรา!”

เมี่ยวหลินเอ๋อร์คลี่ยิ้มสดใส กุมมือคารวะทุกคน เมื่อเงยหน้าขึ้นนางก็เอ่ยพร้อมรอยยิ้มแช่มชื่น

“เมื่อเรื่องสำเร็จ ตามที่ท่านปู่ของข้ากำชับมา เพื่อป้องกันไม่ให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ตระกูลของข้าได้คิดถึงผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด

ดังนั้นท่านปู่จึงจะกระจายตัวคนในตระกูลให้ไปอยู่ตามตระกูลของผู้อาวุโสทุกท่าน ภายในสามเดือน ท่านผู้อาวุโสต้องหลอมไฟสำเร็จแน่นอน!”

“เมี่ยวหลินเอ๋อร์ขอลาไปก่อน” กล่าวจบเมี่ยวหลินเอ๋อร์ก็ค้อมตัวลงต่ำ หมุนกายพาเรือนร่างที่เย้ายวนใจคนออกไปจากห้องลับ อันที่จริงนางเองก็รู้สึกว่าท่านปู่ระวังตัวเกินไป ขนาดกระจายตัวคนแล้ว นางก็ยังไม่รู้ว่าท่านปู่ของตัวเองจะไปซ่อนตัวอยู่ในตระกูลไหน และสิบสามตระกูลนี้คือใครกันแน่ นางเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

“แต่ในเมื่อท่านปู่มั่นใจ คิดดูแล้วนี่ก็คงเป็นวิธีที่ใช้กำราบไม่ให้สิบสามตระกูลนี้หันมาแว้งกัด” เมี่ยวหลินเอ๋อร์เดาใจท่านปู่ของตัวเองไม่ออก แต่ก็ยังรู้สึกว่าจะอย่างไรป๋ายเสี่ยวฉุนก็ถูกกำหนดมาให้เป็นพระอาทิตย์ที่ต้องตกจากฟ้า นางไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวอะไรเขาอีก

พริบตาเดียวเวลาก็ล่วงผ่านไปแล้วครึ่งเดือน

การหลอมไฟสิบแปดสีของป๋ายเสี่ยวฉุนพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้อยู่ห่างจากจุดที่จะสำเร็จเพียงแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น!

ที่เป็นเช่นนี้ นอกจากการเผาผลาญทรัพยากรอย่างบ้าคลั่งแล้ว

ยังเป็นเพราะป๋ายเสี่ยวฉุนเริ่มหลอมจากไฟสิบห้าสี ทั้งยังเดินตามเส้นทางตำรับการหลอมไฟที่ป๋ายฮ่าวสร้างขึ้น สามารถพูดได้ว่าตำรับไฟสิบแปดสีตอนนี้ได้รับสืบทอดมาจากสายเดียวกัน ดังนั้นการทำความเข้าใจจึงง่ายดายกว่าเดิมเยอะมาก

และยังมีอีกอย่างที่สำคัญที่สุดก็คือตอนนั้นที่เขาประลองกับซุนอี้ฝานสองคน เขาเคยหลอมไฟสิบแปดสีสำเร็จเสี้ยวหนึ่ง ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนย่นระยะเวลาได้มาก ห่างจากความสำเร็จในช่วงท้ายเพียงแค่เอื้อมเท่านั้น!

“การทดลองหลอมครั้งนี้ ข้ามีความมั่นใจมากพอว่าต้องสำเร็จ!” ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนแฝงเร้นไว้ด้วยความฮึกเหิม เส้นผมของเขาปลิวสยายยุ่งเหยิง

หลายเดือนมานี้เขาแทบไม่หลับไม่นอน ตอนนี้เส้นเลือดฝอยจึงขึ้นเต็มด้วยตาทั้งสองข้าง นัยน์ตาเผยความตื่นเต้นออกมาในที่สุด

“แล้วก็จำเป็นต้องทำให้สำเร็จ การเผาผลาญนี้สิ้นเปลืองมากเกินไป ตอนนี้ข้าใช้ต้นทุนตัวเองหมดเกลี้ยงแล้ว…นับรวมกับครั้งนี้ด้วย อย่างมากก็ทดลองหลอมได้อีกแค่สองครั้ง…” ในช่วงเวลาที่ป๋ายเสี่ยวฉุนหลอมไฟ ทั้งวิญญาณป๋ายฮ่าวและโจวอีซิงต่างก็ยุ่งกันมาก พวกเขาต้องคอยเอาวัตถุจำนวนไม่น้อยในถุงเก็บของของป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างเช่นพวกยาวิญญาณมาแลกเปลี่ยนเป็นวิญญาณอยู่หลายคราว ตอนนี้พวกเขาออกไปข้างนอกกันอีกครั้ง และกำลังช่วยป๋ายเสี่ยวฉุนแลกยาวิญญาณชุดสุดท้ายเพื่อประคับประคองให้เขาสามารถหลอมไฟได้ใหม่อีกครั้งหากทำล้มเหลว

คิดมาถึงตรงนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็สูดลมหายใจอย่างแรงหนึ่งครั้ง เขาหลับตาทั้งคู่ลง รวบรวมสมาธิ พักใหญ่ก็พลันลืมตาโพลง ทันใดนั้นเขาก็ตบลงไปบนถุงเก็บของ ไฟสิบเจ็ดสีสิบกองที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ก็บินออกมา

เมื่อมันบินออกมา ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันยกมือทั้งคู่ขึ้น เปลี่ยนท่ามุทราต่อเนื่อง จิตวิญญาณทั้งหมดจมจ่อมอยู่กับไฟสิบเจ็ดสีสิบกองนั้น ก่อนจะทำให้ไฟสิบเจ็ดสีสิบกองค่อยๆ ผสานรวมเข้าหากัน

ขั้นตอนนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนทำมาแล้วหลายครั้งจนเชี่ยวชาญ ไม่นานด้านหน้าของเขา ไฟสิบเจ็ดสีสิบกองนั้นก็กลืนเข้าด้วยกันช้าๆ แล้วกลายมาเป็นทะเลเพลิงผืนใหญ่

ทะเลเพลิงผืนนี้มีอุณหภูมิความร้อนสูงที่น่าตะลึง แต่กลับเหมือนมีเขตปราการบางอย่างล้อมวน แม้ว่าจะแผ่ขยายออกมา แต่กลับมีขอบเขตแค่ร้อยจั้ง ไม่ได้แผ่ออกมามากกว่านั้นแม้แต่เสี้ยวเดียว

นี่คือทักษะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนบรรลุหลังจากผ่านประสบการณ์การหลอมมาหลายครั้ง เป็นการทำให้ถึงขีดจำกัดตั้งแต่ช่วงแรกเริ่ม!

“ตอนนี้ก็สามารถบีบอัดได้แล้ว…” ป๋ายเสี่ยวฉุนจ้องนิ่งตาไม่กะพริบ ตบะแผ่ออก อำนาจจิตก็อบอวล ลืมเลือนทุกสิ่ง ใช้แรงกายแรงใจทั้งหมดมาบีบอัดทะเลเพลิงไฟสิบเจ็ดสีที่อยู่ข้างหน้า

ตูมๆๆ!

เสียงกัมปนาทดังก้อง พื้นที่ปิดด่านสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทะเลเพลิงไฟสิบเจ็ดสีสิบกองนี้เมื่ออยู่ภายใต้ความพยายามของป๋ายเสี่ยวฉุนจึงกำลังหดย่ออย่างมั่นคง เปลี่ยนจากร้อยจั้งมาเป็นเก้าสิบจั้ง จากนั้นก็แปดสิบจั้ง เจ็ดสิบจั้ง หกสิบจั้ง…

ยังดำเนินต่อไป!

หน้าผากของป๋ายเสี่ยวฉุนมีเหงื่อผุดพราย ลมหายใจของเขาก็หอบหนักตามไปด้วย ทว่ามือทั้งคู่ของเขา คลื่นอำนาจจิตของเขากลับไม่ยุ่งเหยิงแม้แต่น้อย ยังคงควบคุมทะเลเพลิงได้อย่างมั่นคง จนกระทั่งมันหดเล็กลงมาเหลือห้าสิบจั้ง สี่สิบจั้ง สามสิบจั้ง…

“ก่อนหน้านี้มีหลายครั้งที่ล้มเหลวอยู่ตรงขั้นนี้…” ป๋ายเสี่ยวฉุนรวบรวมสมาธิมากกว่าเดิม และในที่สุดทะเลเพลิงนั้นก็หดจากสามสิบจั้งมาเป็นยี่สิบจั้ง!

ยังไม่สิ้นสุด สิบห้าจั้ง สิบจั้ง ห้าจั้ง!!

ทะเลเพลิงไฟสิบเจ็ดสีตลอดทั้งผืนถูกบดอัดจนถึงขอบเขตห้าจั้ง เปลวเพลิงที่อยู่ในนั้นปานประหนึ่งจักรพรรดิทรราชผู้โหดเหี้ยมที่กำลังร้องคำรามคล้ายไม่พอใจที่ถูกพันธนาการ ดิ้นรนหมายจะสลัดให้หลุด ทำให้เปลวเพลิงไหวระริก

แต่ไม่ว่าทะเลเพลิงนี้จะระเบิดปะทุอย่างไรก็มิอาจหลุดพ้นขอบเขตห้าจั้งนั้นมาได้ พลังอำนาจที่ระเบิดออกค่อยๆ ถูกเก็บเข้ามา ข้างในมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่น่าตื่นตะลึงเกิดขึ้น ไม่นานอุณหภูมิของเปลวเพลิงนั้นก็พลันไต่ทะยานขึ้นสูง ไฟสิบเจ็ดสีที่อยู่ภายในเกิดการเปลี่ยนแปลงตัดสลับกันไม่หยุดยั้ง

ความเร็วในการเปลี่ยนแปลงนั้นต่อให้เป็นอำนาจจิตของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังรู้สึกตาลาย มองเห็นได้ไม่ชัดเจน

เขาเพียงแต่รู้สึกได้รำไรว่าท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของไฟสิบเจ็ดสีนี้เหมือนจะมีสีเสี้ยวหนึ่ง…ที่ไม่เหมือนสีอื่นๆ เพิ่มขึ้นมา!!

“ช่วงเวลาคับขันช่วงสุดท้ายแล้ว!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตื่นเต้น เขารู้ดีว่าเวลานี้ก็คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด ตามตำรับการหลอมไฟ หากทะเลเพลิงอยู่ในขอบเขตห้าจั้งก็ล้วนมีความเป็นไปได้ที่จะรวมออกมาเป็นไฟสิบแปดสีได้สำเร็จ และกุญแจสำคัญก็คือในการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วที่ทำให้คนตาลายจนมิอาจบรรยายได้นั้น เขาจำต้องหาสีที่เพิ่มมาหนึ่งสีนั้นให้เจอ!

ชั่วขณะที่หาเจอ ก็ต้องใช้อำนาจจิตทั้งหมดของตนกระแทกโจมตีเข้าไปอย่างแม่นยำห้ามผิดพลาด ทำให้สีที่เพิ่มขึ้นมานั้นขยายใหญ่ แล้วกระตุ้นให้มันกลายมาเป็น…สีที่สิบแปด!

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะสามารถกลายมาเป็นยาวิญญาณสิบแปดสี และนั่นก็นับว่าเสร็จสมบูรณ์แล้ว เพราะแค่บีบรวมทีเดียวมันก็จะกลายมาเป็นไฟสิบแปดสี!

ทว่าโอกาส…มีแค่ครั้งเดียว หากหาผิดสีก็ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เปลวเพลิงจะสลายหายไป

และขอบเขตของไฟนี้ก็จะยิ่งเล็กลงเรื่อยๆ การเปลี่ยนแปลงจะยิ่งช้าลง สะดวกต่อการเลือกของป๋ายเสี่ยวฉุน ขณะเดียวกันเนื่องจากขอบเขตหดเล็กลง พละกำลังที่ใช้ในการควบคุมก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ความเป็นไปได้ที่จะเกิดความไม่มั่นคงยิ่งมีมาก ดังนั้นระดับความล้มเหลวจึงสูงขึ้น!

ก่อนหน้านี้หลายครั้งป๋ายเสี่ยวฉุนมักจะมาล้มเหลวตรงขั้นสุดท้ายนี้เสมอ

“จะล้มเหลวอีกไม่ได้แล้ว…” ป๋ายเสี่ยวฉุนพยายามปรับลมหายใจ จ้องเขม็งไปยังทะเลเพลิงขอบเขตห้าจั้งที่อยู่เบื้องหน้า เพียงแต่ไม่ว่าเขาจะพยายามเช่นไรก็ยังห็นได้อย่างชัดเจนว่า ต่อให้มีชั่วขณะที่หาสีที่เพิ่มมาได้เจอ แต่ยังไม่ทันรอให้เขาหลอมอำนาจจิต มันก็หายไปแล้ว

เมื่อเวลาผันผ่าน พลังกายใจที่ต้องใช้ในการบีบอัดเปลวเพลิงห้าจั้งของเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น

“หดอีก!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตัดสินใจอย่างเฉียบขาด ไม่หาสีที่เพิ่มขึ้นมาอีกต่อไป แต่ให้ทะเลเพลิงห้าจั้งนี้หดเล็กลงอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงอึกทึก ขอบเขตห้าจั้งก็กลายมาเป็นสี่จั้ง การเปลี่ยนแปลงของสีภายในพลันช้าลง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version