Skip to content

A Will Eternal 787

บทที่ 787 แผนอำมหิตจากบุตรภรรยาน้อย

เมื่อคำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุนดังจบ ดวงตาของทุกคนที่อยู่ในตำหนักเทียนซือต่างก็แน่วนิ่ง พระยาสวรรค์หกคนนั้นให้หวาดผวาอยู่ในใจ เพราะในความรู้สึกของพวกเขา ป๋ายเสี่ยวฉุนคือคนอำมหิตอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ต่อให้เกือบจะกลายเป็นพยัคฆ์ที่ไร้เขี้ยวเล็บ แต่ก็ยังคงทำให้พวกเขาหวาดหวั่นได้อยู่ดี

สีหน้าของเฉินฮ่าวซงและเจ้าพระยาสวรรค์หนวดงามมองไม่ออกว่ายินดีหรือโกรธเคือง แต่หัวใจกลับเต้นรัวเร็วขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

ต้าเทียนซือเบนหน้ามามองที่ป๋ายเสี่ยวฉุนอีกครั้ง

เขาไม่รู้สึกละอายใจแม้แต่น้อยกับความคิดที่ตนจะโยนอีกฝ่ายทิ้งไปราวตัวหมากที่ไร้ค่า สำหรับเขาแล้ว ต่อให้ป๋ายเสี่ยวฉุนไร้คุณค่าใดๆ ทว่าในความเป็นจริงแล้วไม่ว่าจะเป็นตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่าย หรือความสำคัญที่เขาได้รับจักรพรรดิหมิง ทั้งยังมีความสัมพันธ์กับราชาผียักษ์ ทุกอย่างก็ล้วนมากพอจะทำให้เขาหาจุดที่จะเพิ่มมูลค่าของอีกฝ่ายได้อีกครั้ง

ยิ่งยามนี้เมื่ออีกฝ่ายเปิดปากพูดด้วยประโยคนี้ นี่จึงทำให้ต้าเทียนซือพลันบังเกิดความสนใจ เขาลืมไม่ลงว่าตอนนั้นป๋ายเสี่ยวฉุนก็พูดถึงแผนการแรกที่เกิดขึ้นในวันพิธีเซ่นไหว้บรรพชนที่นี่เช่นกัน!

“ต้าเทียนซือ ข้าน้อยมีแผนการหนึ่ง แต่จะให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องรับฟังไม่ได้”

ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้ามองต้าเทียนซือแล้วเอ่ยเสียงทุ้มหนัก

ต้าเทียนซือคลี่ยิ้ม ก่อนจะโบกมือหนึ่งครั้ง พระยาสวรรค์หกคนนั้นยังไม่ทันตั้งตัว ร่างก็พลันพร่าเลือนแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย เมื่อปรากฏตัวก็มาอยู่นอกพระราชวังแล้ว

แต่ละคนมองหน้ากันด้วยสีหน้าไม่น่ามอง ก่อนจะแค่นเสียงไม่พอใจ

“ก็แค่วางมาดใหญ่โตเพื่อตบตาผู้คนเท่านั้น ดูท่าแล้วเจ้าป๋ายฮ่าวผู้นี้คงไม่ยอมถอดใจง่ายๆ!”

“หึ ดิ้นรนก่อนตาย ยิ่งเขาทำแบบนี้ ก็ยิ่งซวยมากเท่านั้น!”

ขณะที่คนทั้งหกกำลังเอ่ยแขวะเสียงเย็น ในตำหนักเทียนซือ ต้าเทียนซือสีหน้าเป็นปกติ ยังคงเอ่ยเสียงเนิบช้าดังเดิม

“เจ้าพูดได้แล้ว”

ในตำหนักเทียนซือเวลานี้นอกจากป๋ายเสี่ยวฉุนและต้าเทียนซือแล้วก็เหลือแค่เฉินฮ่าวซงและเจ้าพระยาสวรรค์หนวดงามเท่านั้น คนทั้งสองยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น สายตาจ้องมองมาที่ป๋ายเสี่ยวฉุน

ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นประกายน้อยๆ เมื่อเห็นว่าต้าเทียนซือยังให้คนทั้งสองนี้อยู่ต่อ ในใจเขาก็กระตุกวาบ ยามนี้เข้าใจอย่างแจ่มชัดแล้วว่าคนทั้งสองต้องเป็นคนสนิทที่รู้ใจของต้าเทียนซือแน่นอน

“นึกไม่ถึงว่าเฉินฮ่าวซงผู้นี้จะเป็นคนสนิทของต้าเทียนซือ…”

ป๋ายเสี่ยวฉุนขมวดคิ้วน้อยๆ หลังจากย้อนนึกไปถึงเรื่องราวบางอย่างของเฉินฮ่าวซง เขาก็ยังรู้สึกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างจะผิดปกติ แต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์มาใคร่ครวญ หลังจากสูดลมหายใจเข้าเบาๆ หนึ่งครั้ง เขาก็มองต้าเทียนซือแล้วเอ่ยเนิบข้า

“คำพูดเมื่อครู่นี้ของเจ้าพระยาสวรรค์เฉิน ข้าน้อยไม่เห็นด้วย!!” เมื่อคำพูดนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุนดังออกมา ดวงตาทั้งคู่ของต้าเทียนซือก็เปล่งประกายวาบ ดวงตาของเฉินฮ่าวซงและเจ้าพระยาสวรรค์หนวดงามก็เพิ่มความคมกริบขึ้นหลายส่วน

“ตามการสืบทอดของราชวงศ์เรา พระยาสวรรค์ทั้งหมดหนึ่งร้อยแปดคน เจ้าพระยาสวรรค์สิบคน สี่ราชาสวรรค์…นี่คือตำแหน่งที่ถูกกำหนดมาแน่นอนแล้ว ซึ่งถูกกุมอยู่ในมือของตระกูลหนึ่งร้อยกว่าตระกูล สืบทอดกันรุ่นต่อรุ่น หากพระยาสวรรค์รุ่นก่อนเสียชีวิต

นอกเสียจากถูกฆ่าล้างตระกูล หรือเจอกับสถานการณ์ใดที่สุดโต่ง หาไม่แล้วจะไม่มีทางให้คนนอกเลื่อนขั้นมารับตำแหน่งได้เด็ดขาด แต่ต้องเลือกจากลูกหลานสายตรงในตระกูลของตัวเองให้เป็นพระยาสวรรค์รุ่นต่อไป!” น้ำเสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนเย็นชา แสงสีเลือดในดวงตาแฝงเร้นไว้ด้วยความอำมหิต เขาในเวลานี้ได้ทุ่มสุดตัวแล้ว เขาไม่รู้ว่าใครลักพาตัวป๋ายฮ่าวไป เป้าหมายที่เขาสงสัยก็คือทุกคน!

“ต่อให้ในเวลาสั้นๆ นั้นตบะผู้สืบทอดของตระกูลจะยังฝึกได้ไม่ถึงขั้นที่กำหนด ทว่าก็ยังคงต้องรักษาตำแหน่งนั้นเอาไว้ รอจนกระทั่งผู้สืบทอดของตระกูลจะมีตบะได้ตามมาตรฐาน!” ป๋ายเสี่ยวฉุนพูดต่ออย่างไม่มีหยุดพัก

“ดังนั้นพระยาสวรรค์ของทุกตระกูลจึงมักจะเลือกตัวผู้สืบทอดมาไว้ตั้งแต่แรก แล้วให้การปลูกฝังเป็นพิเศษเพื่อเตรียมให้เป็นผู้รับช่วงต่อแทนตน!”

“พระยาสวรรค์เป็นเช่นนี้ เจ้าพระยาสวรรค์ก็ยิ่งเป็นแบบเดียวกัน แม้แต่ราชาสวรรค์สี่คนก็ยังไม่มีข้อยกเว้น!” ป๋ายเสี่ยวฉุนกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว ต้าเทียนซือทำท่าตั้งใจรับฟัง เห็นได้ชัดว่าสนใจคำพูดประโยคถัดไปของเขาอย่างมาก

ส่วนเฉินฮ่าวซงและเจ้าพระยาสวรรค์หนวดงามสองคนกลับขมวดคิ้ว ลำพังแค่ฟังประโยคพวกนี้ พวกเขายังไม่ค่อยเข้าใจแน่ชัดน่าว่าป๋ายเสี่ยวฉุนต้องการจะพูดถึงเรื่องอะไร

“และธรรมเนียมเช่นนี้ของราชวงศ์เราก็ทำให้ตระกูลหนึ่งร้อยกว่าตระกูลนี้คงอยู่ยาวนานไม่มีวันล่มสลาย ยิ่งนานวันก็ยิ่งแข็งแกร่งรุ่งเรือง ขณะเดียวกันทรัพย์สินที่สะสมมาได้อาจไม่ถึงกับมีค่าควรเมือง ทว่ากลับน่าตะลึงมากไม่ต่างกัน!”

“ทรัพย์สินพวกนี้ก็คือรากฐาน คือความมั่นใจ เป็นดั่งต้นกำเนิดแห่งหายนะ หากไม่มีเหตุไม่คาดฝันก็ยังพอว่า แต่หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นเมื่อไหร่ พวกเขาก็สามารถพลิกตัวระเบิดตัวเอง ก่อตั้งขึ้นเป็นประเทศหนึ่งได้ทีเดียว!”

“หรืออาจถึงขั้นที่ว่าหากวันหนึ่งราชวงศ์จักรพรรดิขุยเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ร้อยกว่าตระกูลนี้ก็สามารถกลายมาเป็นเจ้าผู้ครองนคร รากฐานของพวกเขาลึกล้ำเกินไป ความมั่นใจของพวกเขามีมากเกินไป!” ป๋ายเสี่ยวฉุนสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง เอ่ยด้วยเสียงอันดัง น้ำเสียงรัวเร็ว พลังอำนาจน่าครั่นคร้าม

“หุบปาก พูดจาเหลวไหล!” เฉินฮ่าวซงพลันกระจ่างแจ้งจึงเอ่ยสวนทันควัน ความเย็นชาในดวงตายิ่งมีมาก

“พระยาสวรรค์ก็ดี เจ้าพระยาสวรรค์ก็ช่าง เว้นจากสี่ราชาสวรรค์แล้ว ไม่ว่าตระกูลของผู้ใดก็ล้วนสิ้นเปลืองทรัพยากรปริมาณมหาศาลเพื่อปลูกฝังคนในตระกูล เพื่อให้คนในตระกูลรักษาพลังการต่อสู้ที่มากพอไว้ได้ ทุกอย่างนี้…ไม่ใช่เพื่อตั้งตนผงาดขึ้นมาอย่างที่เจ้าว่า แต่เพื่อสร้างรากฐานให้กับราชวงศ์จักรพรรดิขุยของเรา!”

“เพื่อรักษารากฐานให้คงอยู่ เพื่อเพิ่มพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่ละตระกูลต้องสิ้นเปลืองเท่าไหร่ มีหรือที่คนอย่างเจ้าจะรู้ได้!” เสียงของเฉินฮ่าวซงเข้มงวด ในสายตาของเขา คำพูดประโยคนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุนนับว่าอันตรายอย่างยิ่ง

“ข้าน่ะหรือไม่รู้?” ป๋ายเสี่ยวฉุนตัดบทคำพูดของเฉินฮ่าวซงในฉับพลัน แม้ว่าเขาจะกลัวตาย แม้ว่าเขาจะขี้ขลาด แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้อีกแล้ว

“ตลอดทั้งราชวงศ์จักรพรรดิขุย เกรงว่าคนที่รู้มากกว่าข้าคงมีไม่มากนัก เจ้าพระยาสวรรค์เฉิน เจ้าเคยค้นบ้านยึดทรัพย์มาก่อนหรือไม่? เจ้ารู้หรือไม่ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา ข้าผู้แซ่ป๋ายไปยึดทรัพย์มาแล้วกี่ตระกูล?”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลังจากการยึดทรัพย์ ข้าได้เห็นสมบัติมากน้อยแค่ไหน ได้เห็นรากฐานที่ลึกล้ำเท่าไหร่?”

“ข้าจะบอกเจ้าอย่างชัดเจน ข้าผู้แซ่ป๋ายค้นบ้านยึดทรัพย์ตระกูลพระยาสวรรค์ทั้งหมดสิบแปดตระกูล!!

ข้ายังบอกเจ้าได้ด้วยว่าไม่ว่าตระกูลพระยาสวรรค์คนใดก็ตามที่ถูกข้าค้นทรัพย์ออกมา สมบัติเหล่านั้นล้วนมากมายจนเรียกได้ว่าสะท้านฟ้าสะเทือนดิน!”

“ตระกูลหลี่ซุกซ่อนยาวิญญาณไว้ทั้งหมดหนึ่งพันล้านเม็ด มีลานวิญญาณทั้งหมดสองร้อยเจ็ดสิบเก้าแห่ง ทั้งยังมีค่ายกลขนาดใหญ่ที่ไม่ได้เปิดใช้อีกนับพันหลัง ส่วนตระกูลเฉินนั้นก็ยิ่งน่าตะลึง ลำพังเพียงยาวิญญาณก็มีเกือบสองพันล้านกว่าเม็ด เกือบถึงสามส่วนของค่าใช้จ่ายทางการทหารที่เจ้าพระยาสวรรค์เฉินเสนอไปเมื่อครู่นี้!”

“ต้องมีคนในตระกูลมากน้อยเท่าไหร่ถึงจะใช้มันได้หมด? ข้ายังบอกเจ้าได้อีกว่าพระยาสวรรค์ซุนเต้าที่ถูกข้าค้นบ้านเป็นครั้งที่สาม ในตระกูลเขามีทาสรับใช้ส่วนตัวนับล้านคน วัสดุในการสร้างค่ายกลมีหลายแสนชุด นอกจากนี้ตระกูลกงซุนก็ยิ่งมีวิญญาณสายฟ้าสิบล้านลูก หากทั้งหมดนั้นระเบิดออกมา นครจักรพรรดิขุยก็ต้องพังทลายไปเกือบครึ่ง!”

“ตระกูลของพระยาสวรรค์คนเดียวก็สามารถทำได้ขนาดนี้ นั่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตระกูลเจ้าพระยาสวรรค์เลย! สำหรับเรื่องนี้ ไม่ใช่ข้าที่ควรหุบปาก แต่เป็นเจ้าต่างหากที่ต้อง…หยุดพูด!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามกลับเสียงดังก้องไปทั้งตำหนัก

เฉินฮ่าวซงหอบหายใจจนหน้าอกกระเพื่อม จ้องป๋ายเสี่ยวฉุนเขม็ง จู่ๆ ก็ไม่รู้ว่าควรจะตอกกลับเช่นไร ส่วนต้าเทียนซือนั้นไม่เอ่ยคำใด เพียงแต่ว่าตอนที่มองมายังป๋ายเสี่ยวฉุน สายตาของเขากลับยิ่งเป็นประกายมากขึ้นเรื่อยๆ

“ป๋ายฮ่าว ต่อให้ตระกูลของพระยาสวรรค์พวกนี้มีรากฐานลึกล้ำจริง แต่ที่ราชวงศ์จักรพรรดิขุยแข็งแกร่งได้ถึงขนาดที่แม้แต่เทียนจุนก็ยังยากจะรุกรานเข้ามา ทุกอย่างก็ล้วนเป็นเพราะประชาชนของพวกเราแข็งแกร่ง และเมื่อผู้สืบทอดของพวกเรามีทรัพยากรเช่นนี้ คนแต่ละรุ่นถึงได้รักษาความรุ่งโรจน์ของราชวงศ์จักรพรรดิขุยเอาไว้ได้ ทำให้พระยาสวรรค์มีหนึ่งร้อยแปดคนตลอดมา เจ้าพระยาสวรรค์ก็มีสิบท่าน ราชาสวรรค์ก็ยิ่งเป็นเช่นนี้!”

“เจ้าไม่ควรใช้หินทุบใบมีดให้แข็งทื่อเพียงเพราะมันแหลมคมเกินไป” ผู้ที่พูดไม่ใช่เฉินฮ่าวซง แต่เป็นเจ้าพระยาสวรรค์หนวดงาม

“แน่นอนว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น!” ป๋ายเสี่ยวฉุนโบกมืออย่างไม่สนใจใยดีเจ้าพระยาสวรรค์ทั้งสองคน เพียงมองไปยังต้าเทียนซือ

“ข้าคิดว่าเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ความยุติธรรมก็คือหลักการที่สำคัญที่สุด ความยุติธรรมถึงจะรักษารากฐานการพัฒนาของราชวงศ์ ความยุติธรรมถึงจะรักษารากฐานในการยืนหยัดของราชวงศ์ไว้ได้!”

“ทำไมในตระกูลเหล่านี้ถึงมีเพียงลูกหลานที่ได้รับความสำคัญจากพระยาสวรรค์เท่านั้นที่ถึงจะได้รับทรัพยากรจำนวนมหาศาล ส่วนลูกหลานคนอื่นๆ กลับเทียบไม่ติด นี่ไม่ยุติธรรมกับลูกหลานคนอื่นๆ ไม่ยุติธรรมกับคนในตระกูลที่เกิดจากอนุภรรยา!

ทำไมหลังจากที่พระยาสวรรค์ตายไปถึงมีเพียงคนที่ถูกเลือกให้เป็นผู้สืบทอดเท่านั้นที่ถึงจะได้รับตำแหน่ง ได้ควบคุมทรัพย์สินของตระกูล นี่ไม่ยุติธรรมกับลูกหลานคนอื่นๆ และลูกหลานที่เกิดจากอนุภรรยา!”

“ดังนั้นข้าแนะนำว่า…ควรจะแบ่งสมบัติของทุกตระกูลอย่างเท่าเทียมกัน…ให้กับลูกหลานทุกคน ไม่ว่าจะใช่สายตรงหรือไม่ ไม่ว่าจะเกิดจากอนุหรือไม่ ทุกคนล้วนมีสิทธิ์ที่จะสืบทอดตำแหน่ง ทุกคนล้วนมีสิทธิ์ที่จะได้ครอบครองสมบัติ!”

“พระยาสวรรค์ เจ้าพระยาสวรรค์ ราชาสวรรค์…สมบัติและทรัพยากรของพวกเขาควรแบ่งให้ลูกหลานทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน!”

“นี่ถึงจะเรียกว่าพระกรุณาธิคุณ นี่ถึงจะเรียกว่าประทานพรแก่ปวงประชา แบบนี้ราชวงศ์ขุยของเราถึงจะได้ยิ่งแข็งแกร่ง ที่ข้าต้องการไม่ใช่แค่ให้มีพระยาสวรรค์หนึ่งร้อยแปดคนเท่านั้น ที่ข้าคาดหวังก็คือจะมีพระยาสวรรค์มากขึ้น มีเจ้าพระยาสวรรค์มากขึ้น!”

“ขณะเดียวกันนี่ก็จะทำให้คนจำนวนนับไม่ถ้วนกู่ก้องสรรเสริญต้าเทียนซือ ซาบซึ้งในพระคุณ ตอบแทนบุณคุณด้วยความจงรักภักดีไปชั่วชีวิต!!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง น้ำเสียงของเขาดังปานประหนึ่งฟ้าผ่าที่ระเบิดครืนครั่นอยู่ข้างหูของต้าเทียนซือ เฉินฮ่าวซงและเจ้าพระยาสวรรค์หนวดงาม!

นี่ก็คือ…แผนอำมหิต

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version