Skip to content

A Will Eternal 796

บทที่ 796 บุกฆ่าตระกูลโจว

“โจวอู่เต้า!” ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนสาดแสงเย็นเยียบถึงขีดสุดจนห้องลับที่เขาอยู่ถึงขั้นมีเกล็ดน้ำแข็งกาะไปทั่วด้านเหมือนกลายมาเป็นอุโมงค์น้ำแข็ง

สำหรับเรื่องการหายตัวไปของป๋ายฮ่าว แม้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะไม่เข้าใจสาเหตุที่แน่ชัดนัก แต่ตอนนี้เมื่อตรวจสอบจนได้ข้อมูลมาเจ็ดแปดส่วน เขาจึงรู้ว่าบุรพาจารย์ท่านนั้นของตระกูลเมี่ยวหลินเอ๋อร์ที่เป็นอาจารย์หลอมวิญญาณขั้นสีดำระดับสูงสุดคิดจะเอาวิญญาณป๋ายฮ่าวไปหลอมไฟ!

ทว่าด้วยกริ่งเกรงในตัวตนของตน ดังนั้นจึงร่วมมือกับสิบสามตระกูล และไม่รู้ว่าใช้วิธีการใดถึงไปพูดชักจูงราชาเก้านรกภูมิได้ นั่นถึงเป็นเหตุให้เมื่อหนึ่งเดือนก่อนเกิดการลักพาตัวอย่างเงียบเชียบโดยที่เทพไม่รู้ผีไม่เห็น!

และหลังจากนั้นเขายังไปซ่อนตัวอยู่ในตระกูลหนึ่งโดยที่คนนอกแทบไม่รับรู้ เพราะอย่างไรซะโจวอู่เต้าผู้นี้ก็คือหนึ่งในบรรดาพระยาสวรรค์มากมายของนครจักรพรรดิขุยที่ไม่นับว่าแข็งแกร่งที่สุด แต่ก็ไม่อ่อนแอที่สุดด้วย ศักยภาพของเขาอยู่ในระดับปานกลาง อีกทั้งคนผู้นี้ยังไม่ช่างพูด แล้วก็ไม่ถนัดในการผูกมิตรกับผู้อื่น เวลาปกติมักจะอยู่อย่างเงียบขรึม

ต่อให้เป็นตอนอยู่ในราชสำนัก เวลาส่วนใหญ่เขาก็เลือกที่จะเงียบงันไม่ออกความเห็น ต่อให้จำต้องเปิดปากก็มักจะคล้อยตามกับเสียงของคนส่วนใหญ่ การไม่แสดงตัวของคนผู้นี้จึงทำให้คนส่วนใหญ่หลงลืมเขาไปโดยไม่รู้ตัว

แม้แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก่อนหน้านี้ก็ยังไม่รู้จักโจวอู่เต้าผู้นี้มากนัก

หากไม่เพราะโองการประทานคุณแด่ประชาครั้งนี้เกี่ยวพันไปทั่วทั้งแดนทุรกันดาร ทำให้บุตรอนุภรรยาคนหนึ่งในตระกูลโจวแอบส่งข้อความมาให้เขาอย่างลับๆ ไม่ว่าอย่างไรป๋ายเสี่ยวฉุนก็คงคาดไม่ถึงว่า ป๋ายฮ่าวจะถูกจับตัวไปไว้ในตระกูลของโจวอู่เต้า!

แน่นอนว่าโจวอู่เต้าผู้นี้ก็คือหนึ่งในสิบสามตระกูล ทว่าเบาะแสที่ป๋ายเสี่ยวฉุนได้รับมากลับขาดหายไปตรงนี้ แท้จริงแล้วอีกสิบสองตระกูลที่เหลือคือใคร ตอนนี้เขายังมิอาจรู้ได้

แต่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญเร่งด่วน ตลอดหนึ่งเดือนมานี้แรงกายแรงใจทั้งหมดของเขาล้วนถูกวางไว้บนเรื่องของป๋ายฮ่าว แน่นอนว่าย่อมมีจุดที่เขาเน้นให้ความสำคัญเป็นพิเศษ

และในที่สุดเวลานี้เขาก็มั่นใจแล้ว อีกทั้งป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่คิดจะรายงานเรื่องนี้ให้ต้าเทียนซือรับทราบ

เพราะเรื่องนี้สำคัญกับป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างถึงที่สุด เขาไม่ยินยอมให้เกิดปัญหาแทรกซ้อนที่ไม่จำเป็นเด็ดขาด และหากนำเรื่องนี้ไปบอกต้าเทียนซือ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าต้าเทียนซือจะอนุญาตหรือไม่ อีกทั้งหากมีความเป็นไปได้เพียงเสี้ยวเดียว…ที่ข่าวนี้จะเล็ดรอดออกไปเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น ถ้าเช่นนั้นหากป๋ายเสี่ยวฉุนคิดจะตามหาป๋ายฮ่าวอีกครั้ง ระดับความยากนั้นจะมากยิ่งกว่าตอนนี้เข้าไปอีก

เรื่องนี้เขามิอาจเดิมพันได้!

ป๋ายเสี่ยวฉุนลุกผลุงขึ้นยืน ปราณดุร้ายบนร่างดุเดือดรุนแรง ความบ้าคลั่งที่สะกดกลั้นในใจมาหนึ่งเดือน วันนี้เขาจะปลดปล่อยมันออกมา เขาจะฆ่าคนแล้ว!

ชั่วขณะที่เขาลุกขึ้นยืน ป๋ายเสี่ยวฉุนก็หยิบเอาแผ่นหยกส่งข้อความเสียงออกมาสั่งความโจวอีซิงอย่างไร้ซึ่งความลังเลใด ก่อนจะเดินออกมาหนึ่งก้าวมาปรากฏตัวอยู่กลางอากาศเหนือจวนตรวจการ สะบัดปลายแขนเสื้อเป็นวงกว้างหนึ่งครั้ง หลังจากแผ่อำนาจจิตออกไป เขาก็ร่ายความเร็วสูงสุดทะยานไปยังที่ตั้งของตระกูลโจวอู่เต้า

ขณะเดียวกันเสียงตูมตามสนั่นหวั่นไหวก็ทยอยกันดังกึกก้องขึ้นในจวนตรวจการ ก่อนที่เงาร่างหลายเส้นของศพหุ่นเชิดจะทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ไม่ใช่ห้าพันนาย แต่แค่สี่พัน!

ศพหุ่นเชิดอีกหนึ่งพัน ป๋ายเสี่ยวฉุนมอบให้กับโจวอีซิงไปไว้ใช้จัดการเรื่องอื่น!

ยามนี้ศพหุ่นเชิดสี่พันนายติดตามไปด้านหลังป๋ายเสี่ยวฉุน รุ้งยาวแต่ละเส้นเหล่านั้น รวมไปถึงน้ำวนสีดำที่เกิดจากปราณดุร้ายทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี ลมและเมฆพัดปั่นป่วน คนในนครจักรพรรดิขุยทั้งหมดที่จับตามองป๋ายเสี่ยวฉุนต่างก็พากันใจสั่น

ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่สนใจว่าใครจะมองมาด้วยสายตาเช่นไร เขาในเวลานี้ดวงตาแดงก่ำอย่างมิอาจปกปิดได้อีกต่อไป ในสายตาคนนอกที่มองไป ดวงตาทั้งคู่ของเขาแดงราวกับกลายมาเป็นทะเลเลือด และไอสังหารของเขาก็เข้มข้นจนถึงขีดสุด

ปราณดุดันกร้าวแกร่งยิ่งระเบิดออกจากร่างเขาอย่างต่อเนื่อง ไม่นานเขาก็เหมือนกลายร่างมาเป็นเทพมารที่พาศพหุ่นเชิดสี่พันนายแหวกฟ้าผ่าดินตะบึงไปเบื้องหน้า!

พลังอำนาจนั้นกร้าวแกร่งจนสั่นคลอนไปแปดทิศ ความเร็วของป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็เร็วมากขึ้นเรื่อยๆ ความร้อนใจ ความโทษตัวเอง ความลนลาน ความตึงเครียด ความกระวนกระวาย อารมณ์มากมายที่บีบอัดอยู่ในใจเขามานานหนึ่งเดือน บัดนี้ทั้งหมดล้วนแปรเปลี่ยนมาเป็นความบ้าระห่ำ!

น้อยครั้งนักที่ชีวิตนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะบ้าคลั่งกระหายการเข่นฆ่าเฉกเช่นในเวลานี้ นั่นเพราะอีกฝ่ายบีบคั้นเขามากเกินไป มาเหยียบย่ำรังแกถึงบนหัวของเขา อีกทั้งการตามหาตลอดหนึ่งเดือนมานี้ได้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเจอที่พอเป้าหมายมิอาจระงับยับยั้งจิตสังหารไว้ได้อีกแม้แต่เสี้ยวเดียว

ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนยังมีสติดีอยู่ เขาเข้าใจดีว่าการแก้แค้นไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด สิ่งที่สำคัญคือป๋ายฮ่าว

ดังนั้นท่ามกลางเสียงดังกึกก้องที่ศพหุ่นเชิดสี่พันนายติดตามป๋ายเสี่ยวฉุนทะยานผ่านพื้นที่ใหญ่ๆ หลายสิบเขต ชั่วขณะที่มองไกลๆ ไปเห็นเจดีย์พระยาสวรรค์ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ในพื้นที่ที่หกสิบเอ็ด ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันเป็นประกายวาบ

ที่นั่นก็คือตระกูลโจว!

“เจ้าสัมผัสได้หรือไม่ว่าในขอบเขตตระกูลโจวนี้ มีห้องลับไหนที่ซ่อนอาจารย์หลอมวิญญาณขั้นสีดำระดับสูงสุดเอาไว้!” ป๋ายเสี่ยวฉุนกวาดอำนาจจิตมองไป หลังจากไม่รับผลพวงใดๆ กลับมา เขาจึงหันไปส่งข้อความเสียงหาชายฉกรรจ์เกราะเงินที่อยู่ข้างกาย

ชายฉกรรจ์เกราะเงินดวงตาเปล่งแสงวาววับ มองไปยังตระกูลโจวที่ห่างไปไกล และไม่นานก็ส่ายหัวกลับมาให้เขา

“คนผู้นี้น่าจะมีเวทลับบางอย่างที่พิเศษ ป้องกันการตรวจสอบของอำนาจจิต…”

ป๋ายเสี่ยวฉุนหรี่ตาลง ยังคงทะยานไปอย่างต่อเนื่อง พอขยับเข้ามาใกล้ตระกูลโจว เขาก็เปิดปากทันที

“ศพหุ่นเชิดสองพันนายจงปิดผนึกพื้นที่แห่งนี้ให้ข้า ไม่ว่าบนฟ้าหรือใต้ดิน หากไม่ได้รับคำอนุญาตจากข้า ใครก็ห้ามเข้าออก!!” คำพูดนี้ของเขาดังจบ จุดแสงสีแดงในดวงตาของศพหุ่นเชิดสองพันนายพลันเปล่งวาบ ครั้นจึงแยกตัวออกจากกองทัพแล้วเริ่มตรงเข้าไปปิดผนึกพื้นที่เป็นวงกว้างรอบตระกูลโจวในชั่วพริบตา!

กลายมาเป็น…การโอบล้อม!

ท่ามกลางการล้อมโจมตีนี้ ศพหุ่นเชิดสองพันนายยังร่วมมือกันสร้างเป็นค่ายกล พริบตาเดียวกลางอากาศเหนือตระกูลโจวก็เกิดเป็นหมอกควันสีดำซึ่งกลิ้งซัดตลบ ก่อนที่พลังการผนึกขุมหนึ่งจะถูกร่ายออกมาปกคลุมพื้นที่ทั้งหมดทั่วตระกูลโจว!

ฉับพลันนั้นในตระกูลโจวก็มีเสียงอุทานด้วยความตกใจดังเอ็ดอึงฟังไม่ได้ศัพท์ ยิ่งผู้สืบทอดของตระกูลโจว พระยาสวรรค์น้อยคนนั้นก็ยิ่งทั้งตกใจทั้งเดือดดาล เมื่อเงยหน้าขึ้นมองเขาก็เห็นศพหุ่นเชิดที่โอบล้อมปิดตายตระกูลของตน และห่างออกไปไกลก็คือป๋ายเสี่ยวฉุนที่ปราณเหี้ยมหาญพวยพุ่งเทียมฟ้าซึ่งกำลังพาศพหุ่นเชิดสองพันนายแหวกนภากาศทะยานมาใกล้

พระยาสวรรค์น้อยของตระกูลโจวพลันตัวสั่นเทิ้ม เขาคือคนในจำนวนน้อยนิดของตระกูลที่รู้ว่าปู่ของเมี่ยวหลินเอ๋อร์มาซ่อนตัวอยู่ในตระกูลของตน แล้วยังรู้ด้วยว่าตระกูลตนมีส่วนในการลักพาตัววิญญาณทาสของผู้ตรวจการไป

ดังนั้นขณะที่พระยาสวรรค์น้อยของตระกูลอื่นๆ เดือดดาลไปกับโองการประทานคุณแด่ประชาครั้งนี้ ทางฝ่ายเขาที่ถึงแม้จะเจ็บแค้น แต่ในใจกลับมากด้วยความกระวนกระวาย ต่อให้เขาเผยความเคียดแค้นออกมา แต่นั่นก็เพราะต้องการจะอำพรางความรู้สึกที่แท้จริงมากกว่า

ตอนนี้วินาทีที่มองเห็นป๋ายเสี่ยวฉุน ใบหน้าเขาก็เผือดสีทันใด ขณะเดียวกันในสมองก็ยิ่งมีเสียงดังอื้ออึง เพราะเขามีลางสังหรณ์อย่างรุนแรงว่า…อีกฝ่าย รู้ความจริงแล้ว!!

“เปิดค่ายกล!” เจ้าพระยาสวรรค์น้อยของตระกูลโจวพลันตะเบ็งเสียงออกคำสั่งดังลั่น จากนั้นเขาก็กัดปลายลิ้นพ่นเลือดสดแห่งชะตาชีวิตของเขาออกมาหนึ่งคำ เลือดสดนี้เหมือนจะกุญแจสำคัญในการเปิดใช้ค่ายกล หลังจากที่ถูกพ่นออกมาก็มีแสงสีเลือดเส้นหนึ่งพุ่งพรวดแผ่กระจายไปทั่วทั้งตระกูลโจว พริบตาเดียวก็กลายมาเป็นม่านแสงสีเลือด

และเวลานี้เอง ป๋ายเสี่ยวฉุนที่พาศพหุ่นเชิดสองพันนายมาถึงก็พุ่งเข้าใส่อย่างไม่ออมแรง เขาไม่แม้แต่จะชายตามองม่านแสงสีเลือด ยังคงพาศพหุ่นเชิดสองพันนาย ชนลงไปบนม่านแสง…อย่างจัง!

มองไกลๆ ภาพนี้น่าตะลึงอย่างยิ่ง หากมีแค่ศพหุ่นเชิดสองพันนายที่อำมหิตดุร้ายนั้นก็ยังพอว่า แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ด้านหน้ากลับเกรี้ยวกราดกว่าผู้ใด ปราณแห่งความเผด็จการโหดเหี้ยมนั้นเดือดพล่านอยู่บนร่างของเขาไม่ต่างจากภูเขาไฟที่ระเบิดปะทุอย่างกำเริบเสิบสาน

“ตูมๆๆๆ!”

เสียงนั้นดังสนั่นหวั่นไหวจนสะเทือนไปทั้งฟ้าดิน ก่อเกิดเป็นระลอกคลื่นดั่งคลื่นพิโรธที่ซัดครืนๆ ไปทั่วด้าน ทำให้สิ่งปลูกสร้างจำนวนไม่น้อยโยกคลอน

ม่านแสงสีเลือดสั่นไหว บิดเบี้ยวในบัดดล ยืนหยัดอยู่ได้ไม่กี่ชั่วลมหายใจก็แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ เศษชิ้นส่วนปลิวว่อนเข้าใส่ตระกูลโจว

ตระกูลโจวเกิดความโกลาหลกันทันใด เมื่อเศษชิ้นส่วนของม่านแสงพุ่งเข้ามาโจมตี คนในตระกูลจำนวนไม่น้อยถึงกับกระอักเลือดพุ่งเป็นสาย แต่ละคนมีสีหน้าตะลึงลานเหลือเชื่อ ทั้งยังมีคนไม่น้อยที่แผดเสียงคำรามแหบโหยเกรี้ยวกราด

“ป๋ายฮ่าว เจ้าจะทำอะไร!!”

“ตระกูลโจวของพวกเราไม่ได้ละเมิดกฎ แล้วก็ไม่เคยล่วงเกินเจ้า เหตุใดเจ้าถึงทำเช่นนี้!!”

“ป๋ายฮ่าวเจ้าใช้สิทธิ์ในทางมิชอบ ใช้อำนาจส่วนรวมแก้แค้นส่วนตัว เรื่องนี้อีกไม่นานต้าเทียนซือต้องรับรู้ ขุนนางทั้งราชสำนักต้องรับรู้ ตัวเจ้าเองย่อมเอาตัวไม่รอด และต้องตายอย่างมิต้องสงสัย!! สหายร่วมตระกูลทุกท่าน พวกเราจงร่วมมือกัน ขอแค่ต้านทานไว้ได้ชั่วขณะหนึ่ง ย่อมต้องมีคนมาลงโทษเจ้าคนบ้าคลั่งผู้นี้แน่นอน!!” ประโยคสุดท้ายนี้ดังมาจากเสียงคำรามของพระยาสวรรค์น้อยตระกูลโจวคนนั้น เขาพูดพลางถอยกรูดเข้าหาเจดีย์พระยาสวรรค์อย่างรวดเร็ว!

แม้ว่าจะไม่ใช่คนในตระกูลทุกคนที่เห็นด้วยกับคำพูดของพระยาสวรรค์น้อย แต่ก็ยังมีผู้อาวุโสและคนในตระกูลโจวบางส่วนที่ยามนี้พกพาเอาความโกรธเคืองบินกระโจนเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน ขณะเดียวกันก็ยังมีข้ารับใช้ส่วนหนึ่งของตระกูลโจวที่แข็งใจพากันบินเข้าใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างจำใจ

จำนวนนั้นไม่น้อย มากพอพันกว่าคน ทว่าชั่วขณะที่พวกเขาพุ่งทะยานเข้ามา กองทัพศพหุ่นเชิดที่อยู่ด้านหลังป๋ายเสี่ยวฉุนกลับบุกเข้าประหัตประหารอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง ทุกที่ที่ผ่านเลือดหลั่งนองแผ่นดิน เสียงร้องโหยหวนไม่ขาดสายดังเอ็ดอึงไปทั้งฟ้าดิน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version