บทที่ 835 เหตุผล
ชั่วขณะที่มือขวาของคนเฝ้าสุสานกดลงไปก็เหมือนว่าไม่มีคลื่นมรสุมใดๆ พัดกระหน่ำขึ้นมา ทว่าโลกทั้งใบกลับพลันนิ่งสงบในบัดดล
ก้อนเมฆบนนภากาศไม่ซัดตลบอีกต่อไป พื้นดินหยุดการปริแตก ส่วนพายุหมุนที่พัดตะลุยอยู่รอบกายของคนเฝ้าสุสานก็พลันหยุดนิ่ง พอพายุจางหาย วิญญาณที่อยู่ข้างในไม่ได้ทะยานตัวขึ้นฟ้าด้วยความเจ็บแค้นอีกต่อไป แต่ก้มลงกราบกรานคนเฝ้าสุสาน และพริบตาเดียววิญญาณพยาบาทที่เบียดเสียดกันเต็มฟ้าดินก็พากันคุกเข่าคำนับอย่างพร้อมเพรียงกัน
ภาพเหตุการณ์นี้เขย่าคลอนจิตใจของทุกคนที่พบเห็น ยิ่งใบหน้าของเด็กสาวคนนั้นบัดนี้ก็ได้แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ อย่างเห็นได้ชัด เมื่อใบหน้าของนางแตกเป็นเศษเสี้ยว วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนที่ก่อตัวเป็นใบหน้านั้นก็แตกฮือออกมาแล้วก้มลงหมอบกราบเช่นกัน
จนกระทั่งท้ายที่สุด บนท้องฟ้าถึงพลันปรากฏเป็นแม่น้ำอเวจีขนาดใหญ่ยักษ์เส้นหนึ่ง แม่น้ำอเวจีนี้มีลูกคลื่นซัดสาดม้วนตลบไม่หยุด และวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ตรงนี้ก็ลอยตัวขึ้นฟ้า ไหลบ่าเข้าหาแม่น้ำอเวจีดั่งดวงดาวดารดาษที่กลับคืนสู่ตำแหน่ง
ขณะเดียวกันเมื่อใบหน้าของเด็กหญิงแตกออก เมื่อลมพายุที่มีนางเป็นจุดศูนย์กลางจางหาย เลือดสดสีม่วงกลุ่มนั้นจึงค่อยๆ เผยตัวขึ้นมาบนท้องฟ้า ในกลุ่มเลือดมีใบหน้าของเด็กหญิงปูดนูนขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาของนางที่มองไปยังคนเฝ้าสุสานเผยประกายประหลาด ทันใดนั้นนางก็ร่ายใช้เวทลับบรรพกาลที่ต้าเทียนซือพูดถึงซึ่งทำให้จิตวิญญาณของครึ่งเทพผู้ยิ่งใหญ่ห้าคน…ไม่มั่นคงอีกครั้ง!
“จักรพรรดิหมิง ในที่สุดเจ้าก็ปรากฏตัวเสียที!!
ข้ารู้อยู่แล้วว่าบนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนมีร่องรอยของตัวหมากที่เจ้าทิ้งเอาไว้ สะกดรอยตามเขาก็ต้องหาเจ้าเจอแน่นอน!!”
คลื่นเสียงพลันดังก้องไปทั้งท้องฟ้า ไม่ได้แผ่กระจายไปพันลี้อย่างก่อนหน้านี้ แต่เกาะตัวอยู่ด้วยกันและโจมตีใส่คนเฝ้าสุสานเพียงคนเดียว ขณะเดียวกันถ้อยความในคำพูดของเด็กหญิงก็ทำให้จิตวิญญาณของทุกคนที่อยู่รอบด้านสั่นคลอนกันขึ้นมาอีกครั้ง หลายคนตกตะลึงอย่างหนัก
ต้องรู้ว่าถึงแม้ก่อนหน้านี้เด็กหญิงจะเปิดโปงตัวตนของป๋ายเสี่ยวฉุนไปแล้ว ทว่าในช่วงวิกฤตคับขันเช่นนั้น ทุกคนจึงไม่ทันมีเวลาให้ใคร่ครวญมากนัก ทว่าเวลานี้เมื่อจักรพรรดิหมิงผู้เป็นดั่งทวยเทพแห่งแดนทุรกันดารเยื้องกรายมาเยือน คนจำนวนมากจึงคลายใจลงได้ พอตอนนี้มาได้ยินอีกครั้ง สายตาของแต่ละคนจึงหันขวับมารวมตัวกันที่ป๋ายเสี่ยวฉุนทันที
“ป๋ายเสี่ยวฉุน!!”
“ปรมาจารย์ป๋าย คือป๋ายเสี่ยวฉุน?!” ผู้ฝึกวิญญาณของนครผียักษ์ที่เหลืออยู่รอบด้านต่างก็ตะลึงลานกันอย่างหนัก เวลานี้ทุกคนอ้าปากกว้างตาค้างไปหมดแล้ว…
“ป๋ายเสี่ยวฉุน…” เฉินฮ่าวซงและเจ้าพระยาสวรรค์ทั้งหลายต่างก็มีสีหน้าปั้นยาก กวาดสายตาผ่านมาที่ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน
ราชาเก้านรกภูมิ ราชาชิงชัยและราชาเทพจุติต่างก็อึ้งตะลึง เหลือบมองป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่หลายที
มีเพียงต้าเทียนซือและราชาผียักษ์เท่านั้นที่สีหน้าเป็นปกติ ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้พวกเขาแปลกใจเท่าไหร่นัก…แต่ความซับซ้อนของสตรีธุลีแดงในเวลานี้กลับมากจนเกินบรรยาย
ก่อนหน้านี้นางก็พอจะเดาคำตอบได้แล้ว แต่นางกลับไม่ยินดีครุ่นคิดให้ลึกซึ้ง เวลานี้พอได้ยินเด็กหญิงเปิดโปงถึงสองครั้งติดต่อกัน ลมหายใจของนางก็เปลี่ยนมาเป็นถี่รัว ยิ่งคิดถึงเรื่องที่บิดาถึงขั้นยกนางให้แต่งงานกับป๋ายเสี่ยวฉุน…นางก็รู้สึกว่าโลกใบนี้เหมือนจะพลิกคว่ำคะมำหงายไปแล้ว
เผชิญหน้ากับสายตาของคนมากมาย ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ใจหายวาบ แต่กลับไม่สามารถขัดขวางอะไรได้ ได้แต่กะพริบตาปริบๆ จากนั้นก็ทำท่ามึนงงไม่เข้าใจ แถมยังมองซ้ายมองขวาเหมือนกำลังหาว่าคนไหนคือป๋ายเสี่ยวฉุน…นี่ยิ่งทำให้สีหน้าของทุกคนเหยเกเข้าไปใหญ่
ขณะเดียวกัน ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ไม่มีเวลาให้ใคร่ครวญว่าคนอื่นๆ จะคิดอย่างไร เพราะบัดนี้ในที่สุดเขาก็ได้เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเด็กหญิงคนนี้ถึงเกาะติดตนไม่ยอมปล่อย…นั่นก็เพราะนางต้องการตามหาจักรพรรดิหมิงโดยอาศัยตัวเขา
“มิน่าเล่า…” ป๋ายเสี่ยวฉุนใจสั่น สำหรับเรื่องที่จักรพรรดิหมิงกลายมาเป็นคนเฝ้าสุสานนี้ แม้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะรู้สึกตกใจอยู่บ้าง แต่พอคิดอย่างละเอียด สรุปรวมความลึกลับของคนเฝ้าสุสาน ทุกอย่างก็กลายเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลดีแล้ว
“ร่องรอยของตัวหมากที่นางพูดถึง หรือว่าเป็นเรื่องที่ท่านปู่คนเฝ้าสุสานเคยช่วยข้าไว้ตอนอยู่เทือกเขาลั่วเฉิน?”
และขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนแสร้งทำเป็นไขสืออยู่นั้น เสียงผีของเด็กหญิงก็ระเบิดออกมาอย่างเต็มกำลัง อานุภาพนั้นมากมหาศาลจนทำให้ท้องฟ้าระหว่างเด็กหญิงกับคนเฝ้าสุสานพังถล่มทลาย คนเฝ้าสุสานถอนหายใจเบาๆ หนึ่งที มือขวาที่ยกขึ้นตวัดลงด้านล่าง ทันใดนั้นท้องฟ้าที่พังลงมาก็กลายมาเป็นหลุมดำขนาดใหญ่ยักษ์ และหลุมดำนี้ก็แตกออกทีละชั้นเช่นกัน เหมือนกับว่าต้องการฉีกกระชากโลกใบนี้ให้แหลกลาญ ยังดีที่ตอนราชาผียักษ์ร่ายใช้พระอาทิตย์สีดำก่อนหน้านี้เคยมีตาข่ายใหญ่ยักษ์ที่เหมือนจะปิดผนึกโลกปรากฏขึ้นมาก่อน และตอนนี้มันก็จำแลงออกมาอีกครั้ง จึงทำให้พลังที่สามารถพังโลกให้วอดวายถูกกำราบเอาไว้อย่างแน่นหนา!
“ข้าผู้อาวุโสพยายามหลบเลี่ยงครั้งแล้วครั้งเล่า เหตุใดเจ้าถึงยังต้องเซ้าซี้ไม่เลิกรา” คนเฝ้าสุสานส่ายหัว น้ำเสียงแก่ชรามีความอ่อนล้าซ่อนอยู่
“คิดจะให้ตัวข้าเลิกยุ่งเกี่ยวกับเจ้า เจ้าก็จงเปิดประตูโลกใบนี้ ให้ข้า…ไปจากที่นี่!!” คลื่นเสียงยังคงดังสะท้อน ความว่างเปล่ายังคงพังทลาย ทว่าเสียงที่รวมเสียงของคนมากมายกลับยังคงดังออกมาจากปากเด็กหญิง
ดวงตาของนางฉายแววดึงดัน ทั้งยังมีความบ้าคลั่งวาบผ่าน คำพูดประโยคนี้ที่นางเอ่ยกับคนเฝ้าสุสานคือความต้องการแท้จริงของนาง อันที่จริงนางไม่ใช่คนของโลกใบนี้ แต่เป็นเศษซากวิญญาณดวงหนึ่งที่พุ่งเข้ามาอยู่ในโลกใบนี้พร้อมกับกระบี่ที่มาจากนอกโลกเล่มนั้น
เดิมทีนางอยู่ในสภาวะมึนงง ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะฟื้นคืนสติปัญญา ทว่าพอได้กินยาของป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าไปตอนอยู่ในหุบเหวกระบี่อุกกาบาตและถูกกระตุ้นร่างวิญญาณ จึงทำให้สติปัญญาของนางฟื้นคืนก่อนกำหนด และวินาทีนั้น ความทรงจำทั้งหมดของนางก็หวนกลับคืนมา!
ทั้งนางยังสัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดของโลกใบที่ตัวเองอยู่ ดังนั้นจึงต้องการจับตัวป๋ายเสี่ยวฉุนที่ทำให้ตัวเองคืนสติปัญญามาอยู่ข้างกายตามสัญชาตญาณ
ทว่าตอนนั้นแม้ว่าร่างวิญญาณของนางจะไม่ดับสลาย แต่พลังการต่อสู้กลับยังไม่ฟื้นคืนมาเท่าไหร่นัก เป็นเหตุให้ป๋ายเสี่ยวฉุนหนีไปได้ และตอนหลังพอได้ออกมาจากหุบเหวกระบี่อุกกาบาต นางก็ได้เดินทางไปทั่วโลกใบนี้ พอหาประสบการณ์ให้กับตัวเอง และรู้เรื่องราวทุกอย่างบนโลกใบนี้ นางก็เข้าใจว่า…หากคิดจะไปจากที่นี่ หากคิดจะกลับบ้าน ก็มีเพียงให้คนเฝ้าสุสานเปิดประตูโลกใบนี้เท่านั้นถึงจะได้
เพียงแต่ว่านางหาตัวคนเฝ้าสุสานไม่เจอ อีกทั้งพลังการต่อสู้ก็ยังไม่มากพอ ทว่านางหวนนึกถึงป๋ายเสี่ยวฉุนขึ้นมาได้ และสัมผัสได้ว่าบนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนมีร่องรอยที่คนเฝ้าสุสานทิ้งเอาไว้!
นาทีนั้นนางจึงเข้าใจว่า ป๋ายเสี่ยวฉุน…น่าจะเป็นคนที่สำคัญมากสำหรับคนเฝ้าสุสาน ขอแค่ติดตามป๋ายเสี่ยวฉุน นางก็ต้องหาตัวคนเฝ้าสุสานเจอแน่นอน
ดังนั้นถึงมีเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นในภายหลังตามมา…อีกทั้งบางครั้งนางยังลงมือปกป้องป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าเมื่อค่ายกลของสุสานใต้ดินพังทลาย การนำส่งถูกเปิดใช้ เมื่ออุบัติเหตุเกิดขึ้นจึงทำให้นางสูญเสียร่องรอยของป๋ายเสี่ยวฉุนไป!
และนางก็ตามหาอีกฝ่ายอยู่นานมาก แต่ทำยังไงก็หาไม่พบเสียที
สุดท้ายนางถึงได้แสร้งปลอมตัวเป็นป๋ายเสี่ยวฉุน ซึ่งเป้าหมายของนางก็คือ…หากไม่ล่อตัวป๋ายเสี่ยวฉุนออกมา ก็ต้องล่อตัวคนเฝ้าสุสานออกมาแทน!
ไม่ว่าข้อไหน ขอแค่นางทำได้ก็นับว่าประสบความสำเร็จ ดังนั้น…ก่อนหน้านี้ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนหนีไป ทั้งๆ ที่นางมีวิธีสังหารเขา แต่นางกลับไม่ลงมือฆ่าอีกฝ่าย นั่นก็เพราะนางต้องการบีบให้คนเฝ้าสุสานเผยตัว!
อีกทั้ง…ที่สำคัญที่สุดก็คือ นางยังมีพันธมิตรอีกคนหนึ่ง!!
คิดมาถึงตรงนี้เด็กหญิงก็หัวเราะคิกทันที ขณะที่เสียงผียังดังกึกก้อง จู่ๆ นางก็อ้าปากออกกว้าง ทันใดนั้นความว่างเปล่าด้านหลังนางพลันบิดเบือน ก่อนที่ศีรษะของผีร้ายขนาดใหญ่ยักษ์จะถูกจำแลงออกมาแล้วตรงเข้าเขมือบกลืนคนเฝ้าสุสาน
ผีร้ายนี้เพิ่งจะปรากฏตัวก็ร่ายใช้พลังการต่อสู้ที่เทียบเคียงได้กับครึ่งเทพทันที ทุกคนที่มองดูอยู่ต่างใจสั่นสะท้าน ยิ่งผู้แข็งแกร่งระดับครึ่งเทพอย่างต้าเทียนซือก็ยิ่งตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี
ทว่าชั่วขณะที่ศีรษะของผีร้ายร้องคำรามเข้ามาหา คนเฝ้าสุสานกลับส่ายหัวน้อยๆ มือขวาที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นแห่งกาลเวลายกขึ้นอย่างเชื่องช้าแล้วยื่นชี้ไปยังศีรษะผีนั้น
ฟ้าดินรอบด้านพลันส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เมื่อเสียงกัมปนาทดังกึกก้อง ความว่างเปล่ารอบกายผีร้ายก็คล้ายจะพังถล่มลงมา พริบตาเดียวพื้นที่ตรงนั้นก็ยุบยวบลงไปราวกับมีปากมายาขนาดใหญ่ยักษ์ที่จำแลงออกมาแล้วอ้ากว้างหมายกลืนกินศีรษะผีร้ายตนนั้น!
และวินาทีที่กำลังจะเขมือบกลืน มือขวาของคนเฝ้าสุสานที่ชี้ไปยังเด็กหญิงก็งอลงน้อยๆ พร้อมกับเสียงแหบเครือที่ดังออกมาจากปากของเขา
“ลม!”
คำง่ายๆ เพียงแค่คำเดียว ทว่าพอออกมาจากปากของคนเฝ้าสุสานกลับเหมือนแฝงเร้นไว้ด้วยกฎเกณฑ์แห่งฟ้าดินปานประหนึ่งพลังแห่งการบังคับ ทันใดนั้นลมระลอกหนึ่งที่เหมือนจะดับทำลายสรรพชีวิตก็พวยพุ่งขึ้นมา!
พลังน่ากลัวที่ซ่อนเร้นอยู่ด้านในนั้นเหนือเกินกว่าครึ่งเทพ ต่อให้เป็นเด็กหญิงก็ยังหน้าเปลี่ยนสี ป๋ายเสี่ยวฉุนที่สัมผัสได้ถึงพลังนั้นก็เบิกตากว้าง หอบหายใจดังเฮือก เขารู้ว่าคนเฝ้าสุสานแข็งแกร่งมาก แต่กลับคาดไม่ถึงว่าจะน่าตะลึงได้ถึงเพียงนี้!!
“จักรพรรดิหมิง…” ป๋ายเสี่ยวฉุนพึมพำอยู่ในใจ
ลมระลอกนั้นเยื้องกรายมาพร้อมกับพลังอำนาจที่ผงาดขึ้นจนทุกคนตั้งตัวกันไม่ทัน สามารถพูดได้ว่าเมื่อคำว่าลมหลุดออกมาจากปากของคนเฝ้าสุสาน ฟ้าดินก็อบอวลไปด้วยลมพายุบ้าคลั่งโหมที่กระหน่ำ
บัดนี้โลกทั้งใบเหมือนกลายมาเป็นโลกแห่งลม น้ำวนแห่งพายุบ้าคลั่งหมุนคว้างอย่างรุนแรงโดยมีคนเฝ้าสุสานเป็นจุดศูนย์กลาง ก่อนจะซัดครั่นครืนด้วยพลังพลิกภูเขาคว่ำมหาสมุทร ตรงเข้าไปบดขยี้เด็กหญิง!