Skip to content

A World Worth Protecting 127

บทที่ 127 เจ้าชั่วหลิน คิดจะลองดีกับข้ารึ

ทั่วทั้งบริเวณตกอยู่ในความเงียบ เสียงระคายหูทำให้ฝูงชนตะลึงงันไป เริ่มมีเสียงสูดหายใจให้ได้ยิน จากนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้นยกใหญ่ราวกับลมแรงพัดผ่านพื้นที่ก่อตัวเป็นมรสุมยักษ์

“นั่น…นั่นมันอะไร วัตถุเวทหุ่นเชิดเหรอ”

“เสียงนั่น ฟ้าดิน ช่างแสลงหูเสียจริง! ข้าขนลุกไปหมดแล้ว!”

“สามารถสร้างหุ่นเชิดแบบนี้ได้ ช่างเก่งกาจเสียจริง!”

สิ่งที่หวังเป่าเล่อพูดก่อนหน้าดังก้องอยู่ในหูฝูงชนที่กำลังจับตาดูอยู่ สร้างความแตกตื่นให้กับทุกคน

“จริงหรือนี่ ไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือแต่งหรอกนะ แต่หลินเทียนหาวไปทำอะไรจน  เจ้าหุ่นเชิดจูกังเฉียงเสียสติกัน! สามวันสามคืนเชียวหรือ ปีศาจชัดๆ!”

“ดูหน้าเจ้าจูกังเฉียงสิ ถึงจะดูขวยเขินแต่ก็ดูเศร้าโศก…ท่าเดินก็ดูแปลกๆ    เหมือนจะเจ็บสักที่ ข้าว่าต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังแน่ๆ น่าสนใจ! ช่างน่าสนใจจริงๆ!”

ได้ฟังบทสนทนาของผู้คนรอบกาย หวังเป่าเล่อก็ได้ข้อมูลบางอย่างด้วยเช่นกัน เขาตระหนักว่าทุกคนต่างเป็นยอดฝีมือก็จริง แต่ทุกคนก็ไม่ได้เป็นมิตรกันสักเท่าไหร่

หลินเทียนหาวตัวสั่นเทิ้ม ตาเบิกโตราวกับจะถลนออกมาขณะมองเจ้ากล้าม     สุดหื่นกามตรงหน้าที่กำลังวิ่งอ้าแขนตรงมา อีกทั้งยังส่งเสียงครางกวนใจ เขาหัวตื้อ  คิดอะไรไม่ออก สมบัติเวทมีดบินตรงหน้าสั่นคลอนและร่วงหล่นลงพื้นไป

“ไสหัวไป! อย่าเข้ามาใกล้ข้า!”

ชายหนุ่มตื่นตกใจหนักจากประสบการณ์ชวนขนลุกที่เขาไม่เคยประสบพบเจอมาก่อนในชีวิต หลินเทียนหาวก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณ ลมหายใจเริ่มถี่รัว รู้สึกว่าภาพตรงหน้ามืดมัวไปหมดจากความพิลึกพิลั่นนี้

จูกังเฉียงนั่นว่องไวมาก ทันทีที่หลินเทียนหาวก้าวถอยหลัง มันก็เข้าประชิดตัวได้ทันที ส่งเสียงครางดังขึ้นขณะอ้าแขนกว้างกอดรัดชายตรงหน้าไว้แน่น

หลินเทียนหาวตกใจจนขนลุกชันหลังจากโดนกอด เริ่มเสียสติไปในทันใด ขณะที่ชายหนุ่มปัดป่ายมือไปมา วัตถุเวทในกระเป๋าคลังเวทก็กระเด็นออกพุ่งใส่ตัวจูกังเฉียง

พลันเกิดเสียงดังสนั่น จูกังเฉียงสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง ก่อนโดนผลักกระเด็นออกไปในทันที ร่างของเจ้าหุ่นเชิดได้รับบาดเจ็บรุนแรงหลังจากที่ล้มกระแทกพื้น หวังเป่าเล่อรีบเข้าไปพยุงจูกังเฉียงขึ้นขณะที่มันพยายามลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ชายหนุ่มตีหน้าเศร้าในทันใด ก่อนจะหันไปถลึงตาใส่หลินเทียนหาว

“หลินเทียนหาว สภาพเจ้าจูกังเฉียงก็แสนน่าเวทนาอยู่แล้ว เจ้ายังจะทำร้ายมันอีกหรือ มันผิดอะไรที่ดีใจที่ได้เจอเจ้า หวังอยากจะกอดแสดงความยินดีที่ได้         หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง”

เสียงอึกทึกจากฝูงชนดังขึ้นอีกครั้ง แต่ละคนโหมกระพือเรื่องให้น่าสนใจขึ้นไปอีก พวกเขาคิดว่าสิ่งที่หวังเป่าเล่อกล่าวหาหลินเทียนหาวนั้นดูไม่ค่อยมีมูลเท่าไหร่ บางคนพอจะจับความได้ว่าหวังเป่าเล่อพูดถึงอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเกาะมหาปราชญ์ชั้นรองก่อนหน้านี้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้รู้จักหลินเทียนหาวเป็นการส่วนตัว แค่เพียงมีอะไรที่ทำให้ชีวิตไร้รสชาติของพวกเขามีสีสันยิ่งขึ้น พวกเขาก็พร้อมให้ความสนใจ

ถึงแม้จะสลับหวังเป่าเล่อไปเป็นผู้ถูกกล่าวหา พวกเขาก็คงมีอาการเหมือนเดิม   ยิ่งเหตุการณ์เบื้องหน้ามีเรื่องวัตถุเวทมาข้องเกี่ยวด้วยแล้ว ทุกคนก็ยิ่งตื่นเต้นขึ้นไปอีก บางคนถึงกับร้องขึ้นด้วยเสียงชั่วร้าย

“หลินเทียนหาว นี่มันชักจะไปกันใหญ่แล้ว บอกมาเถอะว่าเจ้าไปทำอะไรจูกังเฉียง    กันแน่ มันถึงมีสภาพเช่นนั้น!”

“ฮ่าๆ หลินเทียนหาว อย่าอายไปเลย บอกพวกเรามาเถิด!”

หลินเทียนหาวตาแดงก่ำด้วยความโกรธ เรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้นั้น เกินกว่าที่   เขาจะรับไหว ก่อนหน้านี้เขายังพอทำใจเย็นได้บ้าง แต่หวังเป่าเล่อกลับสร้างเรื่อง    ทำให้ฝูงชนต่างแตกตื่นเป็นการใหญ่ ชายหนุ่มรู้ดีว่าไม่มีใครรู้ความจริงเบื้องหลังเหตุการณ์นี้ แม้ว่าพวกเขาจะทราบความจริงก็คงกลบข่าวฉาวนี้ไม่ได้อยู่ดี

พอคิดว่าในหัวผู้คนทั่วทั้งสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์จะมีแต่ภาพเขาและจูกังเฉียงกอดกัน ชายหนุ่มก็เริ่มคลุ้มคลั่ง ภายในสั่นเทิ้มยิ่งกว่าตอนหวังเป่าเล่อจู่โจมเสียอีก

“หวังเป่าเล่อ ข้าจะฆ่าเจ้า!” หลินเทียนหาวเลือดขึ้นหน้า ร้องคำรามลั่น ก่อนจะกระโจนขึ้นฟ้าพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อ

หวังเป่าเล่อหลับตาหัวเราะกับตัวเอง เขาเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ไม่มีทางปล่อยศัตรู  ไปง่ายๆ ถ้าไม่ได้แก้แค้น หากหลินเทียนหาวขึ้นมายังเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงแล้วทำตัวดีกว่านี้ ชายหนุ่มคงจะปล่อยคู่อริคนนี้ไป แต่เจ้านั่นกลับบังอาจมายั่วยุให้มีน้ำโห หวังเป่าเล่อจึงตัดสินใจจะแก้เผ็ดให้สมกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำ

หวังเป่าเล่ออยากจะทรมานทั้งร่างกายและจิตใจของหลินเทียนหาว อีกทั้งยังอยากทำลายชื่อเสียงของอีกฝ่ายให้ย่อยยับ จนแม้จะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถ   ลบภาพลักษณ์นี้ในหัวผู้คนได้

เขามองหลินเทียนหาวที่กำลังพุ่งเข้ามาราวกับคนบ้า นัยน์ตาของชายหนุ่ม      ฉายแสงวาบ ก่อนจะกำหมัดเตรียมตอบโต้ ด้ายวิญญาณเริ่มแผ่ไปทั่วร่าง             เมล็ดดูดกลืนเริ่มตื่นตัว

ทันใดนั้น แรงกดดันมหาศาลที่ไม่มีใครต้านทานได้ก็เข้าปกคลุม ราวกับมือยักษ์    ที่มองไม่เห็นก่อตัวขึ้นจากยอดเขากึ่งกลางเทือกเขาทั้งสี่แห่งตำแหน่งอาวุธเวทเข้า   กดพื้นที่บริเวณนั้นสะกดปราณวิญญาณทั้งมวลให้หยุดนิ่ง

เสียงโกรธเกรี้ยวดังก้องตามมา

“หวังเป่าเล่อ เจ้าคิดว่าที่นี่คือ สนามเด็กเล่นเหรอ กล้าดีอย่างไร!”

เสียงดังลั่นทำให้หวังเป่าเล่อสั่นไปทั่วร่าง หายใจติดขัด หน้าเสียในทันที        หลินเทียนหาวก็ตัวสั่นเช่นเดียวกัน เขาหยุดชะงักห่างจากหวังเป่าเล่อสามสิบฟุต พยายามหยุดร่างที่สั่นเทิ้มของตน

แม้แต่ฝูงชนรอบๆ ก็ได้รับผลกระทบจากแรงกดดันนี้เช่นกัน สีหน้าพวกเขาเปลี่ยนไป แต่ก็ไม่ได้พยายามต้านแรงกดดันนั้น ทุกคนต่างโค้งคำนับ

“คารวะ ท่านเจ้าตำหนัก!”

ขณะที่ทุกคนกำลังแสดงความเคารพ ลำแสงสายรุ้งยาวก็พาดผ่านขึ้นบนผืนฟ้า เจ้าสำนักในชุดม่วงเหยียบกระบี่เหาะเหินสีเขียวลอยมาภายในลำแสงสายรุ้งนั้น        สีหน้าของเขาดูโกรธจัด มองไปทางหวังเป่าเล่อด้วยสายตาเย็นชา

สีหน้าหวังเป่าเล่อหม่นลงทันที เมื่อเห็นท่าทีและได้ยินคำพูดของเจ้าตำหนัก ทราบทันทีว่าเจ้าตำหนักมองว่าทั้งหมดเป็นความผิดของเขา แต่จากที่ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติเจ้าพนักงานระดับสูงมาอย่างดี จึงไม่ได้แสดงสีหน้าผิดหวังใดๆ ออกไป ชายหนุ่มมีท่าทีนอบน้อมดังเช่นคนรอบข้าง อีกทั้งยังรีบก้าวออกมาข้างหน้า        อย่างรวดเร็วเมื่อเห็นลำแสงสายรุ้งปรากฏ

หวังเป่าเล่อก้าวออกมาข้างหน้าเพื่อแสดงให้เจ้าตำหนักเห็นถึงความเคารพของเขา เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีต่อเจ้าตำหนักเอาไว้ แม้ว่าจะต้องเขยิบเข้าไปประชิดตัวหลินเทียนหาว แต่หวังเป่าเล่อก็ไม่ได้ใส่ใจ รีบกุมกำปั้นทักทายเจ้าตำหนักที่อยู่       บนฟ้าทันที

“โปรดอย่าถือโทษโกรธข้าเลยท่านเจ้าตำหนัก ศิษย์ผู้นี้รู้ดีว่าได้ทำอะไรผิดไป” หวังเป่าเล่อรีบเก็บหุ่นเชิด แต่เมื่อแตะที่ตัวหุ่น มันก็ส่งเสียงครางกวนใจดังขึ้นกว่าเดิม ก่อนมันจะหันไปมองหลินเทียนหาว แสดงความใคร่อยากกอดรัดมากกว่าเดิม

ราวกับราดน้ำมันใส่กองเพลิง หลินเทียนหาวนั้นทะนงในศักดิ์ศรีและมองว่าตนอยู่เหนือผู้อื่น เรื่องราวในวันนี้ช่างหนักหนาเสียจนทำให้เขาคุมสติตัวเองไม่อยู่ ความแค้นในใจที่พยายามกดไว้พลันปะทุขึ้นในทันใด ถ้าหวังเป่าเล่ออยู่ห่างออกไป  สักสิบเมตร เขาคงจะยั้งใจได้อยู่ แต่ปัญหาคือศัตรูคู่อาฆาตดันมาอยู่ใกล้แค่เอื้อม

หลินเทียนหาวร้องคำรามลั่น นัยน์ตาลุกโชติช่วงด้วยไฟแค้น คุมวัตถุเวทมีดบินและวัตถุเวทอื่นๆ เข้าโจมตีหวังเป่าเล่อ

แม้ว่าจะรู้สึกพิกลในใจตอนที่เริ่มจู่โจม แต่ก็สายไปแล้วที่จะหยุดมือ

ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครคาดคิดว่าหลินเทียนหาวจะกล้าทำร้ายคนอื่นต่อหน้าเจ้าตำหนัก!

ทันใดนั้น มีดบินและวัตถุเวทหลายชิ้นก็พุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อ หวังเป่าเล่อแสยะยิ้มภายในใจก่อนจะปั้นหน้าตื่นตกใจและเรียกเครื่องป้องกันต่างๆ ขึ้นมาช่วยปกป้องตนเอง เขาล้มกระแทกพื้นไปไกล เค้นเลือดสดกระอักออกทางปากให้ดูน่าสงสาร     แต่แท้จริงแล้วได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยเพราะร่างกายสุดแข็งแรงของตน   ชายหนุ่มแสร้งทำหน้าเจ็บปวดทรมาน

“ท่านหัวหน้าตำหนัก ข้าทราบดีว่าข้ากระทำการอุกอาจเกินไป แม้ว่าข้าจะบรรลุขั้นรากฐานวิญญาณแปดนิ้วและสร้างความดีความชอบให้กับสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์จากภารกิจหมู่บ้านลมปราณวิญญาณ แต่ข้าก็ไม่เคยคิดว่าเรื่องเหล่านี้จะช่วยให้ข้าได้รับสิทธิพิเศษใดๆ

“ตามกฎสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ ผู้ฝึกตนที่บรรลุระดับปราณด้วย            รากฐานวิญญาณแปดนิ้วจะได้รับถ้ำที่พักและเรือบิน แต่ข้านั้นไม่ได้รับสักอย่าง     หลินเทียนหาวก็บรรลุรากฐานวิญญาณแปดนิ้วเหมือนกันกับข้า แต่กลับได้รับทุกอย่างพร้อมสรรพ ข้าเคารพสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก หากไม่มีสำนักศึกษา             เต๋าศักดิ์สิทธิ์ ข้าก็คงไม่เป็นข้าอย่างทุกวันนี้ ข้าไม่ขุ่นเคืองข้องใจทางสำนักศึกษาเลยแม้แต่น้อย ข้าเข้าใจทุกอย่างดี

“แม้หลินเทียนหาวจะได้ครองถ้ำที่พักถึงสองถ้ำ ชิงของที่ควรจะเป็นของข้าไป   ข้าก็ไม่ได้ขุ่นเคืองใจแต่อย่างใด

“วันนี้ ข้ามาที่นี่เพียงเพราะศิษย์พี่ฝ่ายปกครองตำหนักให้ข้าช่วยมาย้ำเตือน    เรื่องการคืนถ้ำที่พัก เขามอบแผ่นหยกนี่ให้ข้าไว้เป็นเครื่องพิสูจน์! ถ้าท่านเจ้าตำหนักอยากจะลงโทษอันใด ข้าก็พร้อมน้อมรับ”

หวังเป่าเล่อยืนขึ้นอย่างทุลักทุเล ก่อนจะหยิบแผ่นหยกขึ้นมาแสดง ชายหนุ่ม    ยืนก้มหน้า นัยน์ตาเปี่ยมไปด้วยความเศร้าสร้อย

ทั่วทั้งพื้นที่ตกอยู่ในความเงียบ หวังเป่าเล่อมองหลินเทียนหาวที่กำลังหน้าเสีย    ในใจชายหนุ่มเปี่ยมไปด้วยความสุขใจ

เจ้าชั่วหลิน คิดจะลองดีกับข้ารึ ถ้าข้าจัดการเจ้าให้ราบคาบไม่ได้ อย่ามาเรียกข้าว่าหวังเป่าเล่อ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version