บทที่ 414 คุยโวต่อไปเถิด
การใช้เพียงลางสังหรณ์อย่างเดียวคงไม่เพียงพอต่อการยืนยันว่าหวังเป่าเล่อใช่บุตรแห่งความมืดหรือไม่ ชายในชุดคลุมสีดำต้องสละพลังชีวิตส่วนหนึ่งจาก แก่นวิญญาณเพื่อไปกวนแก่นแท้ของอีกฝ่ายจึงจะรู้ได้ หากแก่นแท้นั้นไม่สะทกสะท้าน ก็จะยืนยันได้แน่นอนว่าหวังเป่าเล่อไม่ใช่บุตรแห่งความมืด!
ชายในชุดคลุมสีดำไม่ได้วางแผนจะใช้พลังชีวิตของตนเข้าแลก เพราะเขาไม่เชื่อว่า หวังเป่าเล่อคือบุตรแห่งความมืดมาตั้งแต่ต้น สำนักแห่งความมืดนั้นล่มสลายไป นานแสนนาน จนกลายเป็นเพียงเรื่องเล่า และหลงเหลือสัญลักษณ์เพียงไม่กี่อย่างที่ บ่งบอกว่าสำนักนั้นเคยมีตัวตนอยู่บนโลกนี้มาก่อน
การปรากฏตัวของใครบางคนที่อาจเป็นบุตรแห่งความมืดทำให้ ชายในชุดคลุม สีดำรู้สึกกังขา นั่นเพราะ…กระทั่งในยุครุ่งเรืองของสำนักแห่งความมืด ก็มีผู้คนเพียงหยิบมือเท่านั้นที่มีความสามารถพอจะเป็นบุตรแห่งความมืดได้
ชายในชุดคลุมสีดำไม่ได้มียศสูงพอที่จะรู้เงื่อนไขสำหรับผู้ที่จะมาเป็นบุตรแห่งความมืด แต่ลึกๆ ในความทรงจำของเขายังคงหลงเหลือความกลัวและ ความสยดสยองที่สำนักแห่งความมืดได้ก่อเอาไว้ในอดีต เขาไม่สามารถลืมวันเวลา ที่ตนไม่อาจบรรลุเป็นวิญญาณวุธ จนต้องตัวสั่นงันงกอยู่ตรงหน้าผู้ที่เป็นเพียง ศิษย์ธรรมดาของสำนักแห่งความมืด
นับถึงตอนนี้เวลาได้ล่วงเลยมานานแล้ว ชายในชุดคลุมสีดำจำศีลและตื่นขึ้นมา วนเวียนอยู่อย่างนั้นกระทั่งความทรงจำของเขาพร่าเลือนในเวลาที่พยายามนึกถึงอดีต ทว่าความหวาดเกรงที่เขามีต่อสำนักแห่งความมืดไม่ได้จางหายไปด้วยไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักเท่าใดก็ตาม
ในความเป็นจริงแล้ว อาจกล่าวได้ว่า…สำนักแห่งความมืดเป็นดังที่คุมขังกายเขา ส่วนบุตรแห่งความมืดนั้นคือ เจ้านายของเขานั่นเอง!
บุตรแห่งความมืดไม่ว่าจะคนใดสามารถควบคุมเขาได้อย่างง่ายดาย ชายในชุดคลุม สีดำไม่มีวิธีจะตอบโต้ เขาไม่สามารถทัดทานเจ้านายตนได้ ข้อจำกัดนี้คือบาดแผล จากอดีต เป็นกฎที่หยั่งรากลึกอยู่ภายในแก่นชีวิตของเขามาแต่ครั้งอดีตกาล
เขาไม่สามารถตอบโต้ ไม่สามารถแตะต้องได้เสียด้วยซ้ำ นี่คือโชคชะตาที่เขา ต้องเผชิญ!
ด้วยเหตุนี้ ชายในชุดคลุมสีดำจึงไม่อยากเชื่อและไม่ต้องการเชื่อว่ายังมี บุตรแห่งความมืดหลงเหลืออยู่ในโลกใบนี้อีก!
แต่การชำระล้างวงแหวนปราณดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ชายในชุดคลุมสีดำยังรู้สึกได้ถึงการสร้างวัตถุเวทจำนวนมากด้วยเช่นกัน แม้จะคิดว่าเป็นไปไม่ได้ เขาก็ยังรู้สึก ชั่งใจกับเหตุการณ์นี้ ชายในชุดคลุมสีดำรู้ดีว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นหากบุตรแห่งความมืดปรากฏขึ้นอีกครั้ง เขายอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ เป็นเหตุให้ต้องมาที่นี่ มาเพื่อสละส่วนหนึ่งของชีวิตเพื่อหาความจริงและสงบจิตใจอันว้าวุ่นนี้
เขาจึงมายืนชี้นิ้วใส่หวังเป่าเล่ออยู่นี่เอง!
การชี้นั้นดูเป็นกริยาธรรมดา และไม่ได้ดึงดูดความสนใจจากบรรดาผู้ฝึกตน ขั้นกำเนิดแก่นใน ทว่าการกระทำนี้เป็นการเชื่อมต่อสวรรค์และพื้นดิน สื่อสารกับดวงดาวและสร้างคลื่นพลังประหลาดขึ้นมา นิ้วที่ชี้อยู่ของชายในชุดคลุมสีดำดูราว กับว่าได้ทะลุผ่านอากาศ กำแพง และทุกสิ่งที่ขวางหน้าเพื่อมุ่งตรงไปยังห้องลับที่ หวังเป่าเล่อนั่งอยู่!
คลื่นพลังดังกล่าวพลันท่วมท้นอยู่ภายในห้องลับ มันหนาแน่นไปด้วยปราณมืด ผสมปนเปด้วยพลังชีวิตของชายในชุดคลุมสีดำ คลื่นพลังนั้นมาปรากฏอยู่ต่อหน้า หวังเป่าเล่อ ก่อนจะแปรสภาพไปเป็นรอยฉีกรูปร่างคล้ายปากขนาดใหญ่ที่ไม่มีใครมองเห็น ปากนี้เป็นภาพมายา มันกำลังจะกลืนหวังเป่าเล่อผู้ที่หลับตาทำสมาธิและชำระล้างวงแหวนปราณลงไปทั้งตัว!
ตอนที่ปากนั้นกำลังจะเขมือบชายหนุ่มลงไปนั้นเอง หวังเป่าเล่อก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เขาจึงลืมตาขึ้นอย่างปุบปับ แม้คนอื่นๆ จะมองไม่เห็นปากนั้น แต่หวังเป่าเล่อเห็นมันได้อย่างชัดแจ้ง ม่านตาของชายหนุ่มหดเล็ก หัวใจเต้นกระตุก ก่อนที่หวังเป่าเล่อจะทันได้ทำอะไร เปลวไฟสีดำในร่างของเขาก็หลุดจากพันธนาการและปะทุขึ้นมาภายในกาย!
ราวกับว่าเปลวไฟสีดำสัมผัสได้ถึงความกระด้างกระเดื่องของผู้ใต้บังคับบัญชา มันจึงแผดเผาเพื่อแสดงพลังและแสนยานุภาพออกมา!
ประกายแสงน่าสะพรึงกลัวฉายสะท้อนอยู่ในดวงตาของหวังเป่าเล่อ ลูกตาดำของเขาในตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยเปลวไฟสีดำไปหมดสิ้น ความเยือกเย็นอันยากจะอธิบาย พุ่งทะยานขึ้นมาในบัดดล ทำให้ทั้งห้องลับบัดนี้ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง เปลวไฟสีดำปะทุออกมาจากกายของหวังเป่าเล่อพร้อมกับความเยือกเย็นนั้น มันประสาน เข้าด้วยกันและขยายตัวออกไปเป็นวงกว้าง!
ภายในห้องลับห่างไกลสายตาของผู้คน เปลวไฟสีดำสูงทะมึนขณะนี้ปกคลุมร่างของหวังเป่าเล่อเอาไว้จนหมด รัศมีความทรงอำนาจแผ่ออกมาจากกายของเขา ชายหนุ่มในตอนนี้ดูราวกับเป็นกำแพงที่ไม่มีวันพังทลาย ปากขนาดเขื่องนั้นบิดเบี้ยวอยู่ข้างๆ เปลวไฟสีดำ ก่อนจะส่งเสียงร้องด้วยความทรมาน
ปากนั้นดูราวกับเป็นคนธรรมดาที่กลืนกินเปลวไฟเข้าไป ไม่ช้ามันก็ละลายหายไป ทุกสิ่งเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ปากขนาดเขื่องที่สร้างขึ้นจากพลังชีวิตของชายในชุดคลุม สีดำถูกเผาเป็นตอตะโก มันพยายามถอยหนี แต่เปลวไฟสีดำก็ไล่ตามอย่างไม่ลดละ ราวกับว่าต้องการลงโทษให้สมกับความผิดที่มันได้กระทำ!
ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั้นเอง ปากยักษ์ที่หมดหนทางหนีก็สลายตัวไปเองด้วยความหวาดกลัว ทำให้รอดเงื้อมมืดของเปลวไฟสีดำไปได้อย่างหวุดหวิด!
ที่มันทำเช่นนี้ได้เพราะชายในชุดคลุมสีดำนั้นทรงพลังมาก อีกทั้งเปลวไฟสีดำของ หวังเป่าเล่อก็อยู่เพียงขั้นเริ่มต้นเท่านั้น ไม่เช่นนั้น ต่อให้ชายในชุดคลุมสีดำยอมให้พลังชีวิตของเขากระจายตัวและสลายไป เขาก็คงหลบไม่พ้นการโจมตีของเปลวไฟสีดำอยู่ดี
ทุกสิ่งเกิดขึ้นเร็วมาก ตั้งแต่การปรากฏตัวของชายในชุดคลุมสีดำไปจนถึง การทดสอบ และท้ายที่สุดคือการตอบโต้ของเปลวไฟสีดำ บนท้องฟ้าภายนอก ไม่มีใครมองเห็นชายในชุดคลุมสีดำ ไม่มีใครรู้ว่าเขาทำลายพลังชีวิตส่วนหนึ่ง ของตนเองลงไป สีหน้าของเขาขึ้นสีด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบถอยหนีไปไกล ร่วมสามสิบเมตรอย่างรวดเร็ว ดวงตาที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าขณะนี้แสดงความตื่นกลัวและ ตกตะลึงเป็นที่สุด
“เปลวไฟสีดำ…นี่มัน…เป็นไปไม่ได้!” ชายในชุดคลุมสีดำตะโกนสุดเสียง เปลวไฟที่ไม่มีใครเห็นพวยพุ่งจากที่พักของหวังเป่าเล่อขึ้นไปบนฟ้า ทว่าเขาเห็นมันเต็มสองตา มันคือเปลวไฟสีดำ ที่ปลดปล่อยทั้งความร้อนและความเย็นเยียบ อันหาที่ใดเปรียบไม่ได้ออกมา มันทรงพลังราวกับว่าสามารถสลายวิญญาณและขับเคลื่อนกงล้อของวัฏสงสารให้หมุนวนไปได้ เปลวไฟนี้มีความหมายกับชายใน ชุดคลุมสีดำอย่างยิ่ง มันมีอำนาจควบคุมที่เขาไม่อาจต่อกรด้วยได้!
เมื่อมองเห็นเปลวไฟสีดำ ชายในชุดคลุมสีดำที่จิตใจสั่นไหวอยู่แล้วก็ตัวสั่นงันงก ลมหายใจหอบถี่อย่างหนักเสียจนตัวโยน เขาแทบจะคุมสติสัมปชัญญะเอาไว้ไม่อยู่
เปลวไฟสีดำ ยังมีเปลวไฟสีดำอยู่บนโลกนี้ได้อย่างไร เขา…เขาเป็นบุตรแห่งความมืดจริงๆ! ชายชุดดำตัวสั่นยิ่งกว่าเก่า เขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเองแม้แต่น้อย
สำนักแห่งความมืดล่มสลายไปแล้ว จะยังมีบุตรแห่งความมืดหลงเหลืออยู่ ได้อย่างไรกัน
“บัดซบ!” ชายในชุดคลุมสีดำตะโกนลั่นด้วยความกราดเกรี้ยว เขาไม่อาจควบคุมความกลัวที่กำลังครอบงำร่างกายไว้ได้ เขาไม่ได้คาดคิดว่าเจ้านายคนใหม่จะ ปรากฏตัวขึ้นเร็วเพียงนี้ เขาเพิ่งจะได้รับอิสรภาพมาหมาดๆ ชายในชุดคลุมสีดำไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ได้ ความบ้าคลั่งและจิตสังหารแรงกล้าปรากฏขึ้นในดวงตาของคนผู้นี้
หลังจากนั้นสักพักใหญ่ ชายในชุดคลุมสีดำก็เริ่มใจเย็นลง เขาจ้องมองไปยัง ที่พักของหวังเป่าเล่อตาไม่กะพริบ เขายืนมองเงียบๆ อยู่อย่างนั้นอีกพักใหญ่ ก่อนจะหายตัวไปอย่างช้าๆ
เขาเป็นบุตรแห่งความมืดแล้วอย่างไรกัน…ข้าเข้าใกล้เขาไม่ได้ ข้าทำร้ายเขาไม่ได้เพราะจะเสี่ยงต่อการถูกโต้กลับ…แต่ข้าสามารถโจมตีทางอ้อมและทำให้เขาถึงตายได้!
ทันทีที่ชายในชุดคลุมสีดำจากไป ภายในห้องลับในที่พักของหวังเป่าเล่อ เปลวไฟสีดำที่ควบคุมไม่ได้ก็ค่อยๆ เลือนลางและกลับเข้าไปในกายชายหนุ่มดังเดิม หวังเป่าเล่อ ตกตะลึง สีหน้าบูดเบี้ยว ชายหนุ่มรู้ว่าตัวการเบื้องหลังเคล็ดเวทอายุวัฒนะได้ ลอบโจมตีเขาเข้าแล้ว
หวังเป่าเล่อครุ่นคิดอยู่นานแล้วจึงเริ่มชำระวงแหวนปราณต่อไป ในที่สุด เขาก็ชำระวงแหวนปราณสำเร็จในตอนกลางดึกวันเดียวกัน เมื่อจ้องมองไปยัง วงแหวนปราณที่กลับสู่สภาวะปกติ หัวใจของหวังเป่าเล่อก็ค่อยสงบลง
เปลวไฟสีดำของข้าโจมตีโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ดูเหมือนว่ามันสามารถรับมือกับผู้บุกรุกได้…หวังเป่าเล่อครุ่นคิดอย่างหนัก ชายหนุ่มก้มศีรษะลงมองพื้น ลึกลงไปใต้บริเวณที่ เขายืนอยู่คือ สุสานอาวุธเทพใต้ดิน
สำนักแห่งความมืดและวัตถุเวทแห่งความมืด…หวังเป่าเล่อเงียบงันไปชั่วครู่ ชายหนุ่มนิ่งคิดอยู่นานก่อนจะหยิบหน้ากากนิลออกมาและก้าวเข้าไปสู่มิติมายาเพื่อตามหาแม่นางน้อย
ครั้งนี้นางปรากฏตัวออกมา ยังคงสวยงามเช่นเก่า หญิงสาวหันหลังให้หวังเป่าเล่อ ดูเหมือนว่านางกำลังจ้องมองไปยังที่ๆ ไกลออกไป พลางครุ่นคิด
ก่อนที่หวังเป่าเล่อจะได้เอ่ยปากพูด น้ำเสียงเยียบเย็นของนางก็ดังขึ้นมาก่อน
“ศูนย์วิจัยที่เจ้าไปดูมาก่อนหน้านี้น่ะ มีชิ้นส่วน…ของหน้ากากนิลอยู่ในนั้น ชิ้นส่วนนั้นมีตัวตนดั้งเดิมส่วนหนึ่งของข้าอยู่…”
“อ้อ” หวังเป่าเล่อเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นทันทีที่ได้ยิน ชายหนุ่มเปรียบเทียบทั้งสองเข้าด้วยกันและได้ข้อสรุปคล้ายๆ กัน แต่เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อคุยเรื่องนี้ จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
“แม่นางน้อย ผู้ที่ลอบโจมตีข้าก่อนหน้านี้เป็นผู้ใช้วิชาแห่งศาสตร์มืดใช่หรือไม่ และปรมาจารย์เจ้าพูดว่าอาวุธเทพชิ้นนี้เป็นวัตถุเวทแห่งความมืด…แถมเมื่อครู่นี้ เปลวไฟสีดำของข้าจู่ๆ ก็พุ่งออกมาโจมตีราวกับมีชีวิตจิตใจเป็นของตนเอง เจ้าเคยบอกข้าไม่ใช่หรือว่าเราไม่ควรสำแดงเปลวไฟสีดำให้ใครดูง่ายๆ แต่นี่มันกลับ พุ่งออกมาเอง ช่วยอธิบายให้ข้าเข้าใจทีเถิด” ทั้งหมดคือสิ่งที่หวังเป่าเล่อต้องการจะรู้ในตอนนี้
“…” แม่นางน้อย ผู้ซึ่งยังคงหันหลังให้หวังเป่าเล่อตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด แววตาของนางฉาบเคลือบไปด้วยความสงสัยและชั่งใจ นางไม่ได้รับรู้ถึงการจู่โจมใดๆ เลย นางสัมผัสไม่ได้ว่าเปลวไฟสีดำในกายหวังเป่าเล่อปะทุออกมาเอง อย่างไรเสีย นางก็ไม่ใช่คนของสำนักแห่งความมืด!
แต่กระนั้นแม่นางน้อยก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว นางพอปะติดปะต่อเรื่องราวได้คร่าวๆ จากสิ่งที่หวังเป่าเล่อเล่า หญิงสาวรู้สึกขมปร่าด้วยความอิจฉาและฉงนใจพร้อมๆ กัน ก่อนจะคิดกับตนเองว่า เจ้ามาถามข้า แล้วข้าจะไปถามใคร…แต่ถึง อย่างนั้น นางก็ยังต้องรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ แม่นางน้อยนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง นางคิดว่าควรจะมอบหมายงานยากๆ ให้หวังเป่าเล่อ เพื่อให้เขาเลิกมากวนใจนาง เรื่องสำนักแห่งความมืด หาไม่แล้วหากเป็นเช่นนี้ต่อไป ความโป้ปดของนางคงจะถูกเปิดเผยในไม่ช้านี้เป็นแน่…
หญิงสาวเชิดคางขึ้นก่อนจะพูดอย่างเนิบๆ ยังคงรักษาท่าทีลึกลับเอาไว้เป็นอย่างดี
“ดีแล้ว ไหนๆ เจ้าก็รู้แล้ว ข้าจะเลิกปิดเจ้าก็ได้ มีวัตถุเวทแห่งความมืดอยู่ที่นี่จริง ข้าทิ้งมันไว้เองเมื่อนานมาแล้ว มันไม่ได้ดีเด่นเท่าใดหรอกนะ แต่ก็คงเหมาะที่จะให้ เจ้าใช้ หากโชคชะตาฟ้าลิขิตไว้ เจ้าก็สามารถไปเอามันออกมาได้เลย!”
“ข้าไม่อยากลดตัวลงไปยุ่งกับคนที่ลอบโจมตีเจ้าเมื่อครู่ มันเป็นเพียงข้ารับใช้ แห่งความมืดชั้นปลายแถวเท่านั้น”
“คราวหน้าก็อย่าตื่นตูมให้มากไปนัก จำไว้ เราเหล่าผู้ฝึกตนของสำนักแห่งความมืดเดินทางท่องไปทั่วจักรวาล ดวงดาวอาจแตกดับ แต่ห้วงอวกาศคงอยู่ตลอดไป เจ้าควรจะเยือกเย็นและมั่นคงในทุกๆ สิ่งที่เจ้าทำ!”
“เอาละ ข้าเหนื่อยแล้ว ออกไปเสียที”