Skip to content

Ebook เป็นนายกทำไมยากอย่างนี้วะ เล่ม 1

  • by
Cover Pn 1

วันที่เริ่มเขียน 31 มกราคม 2567

เป็นนายกทำไมยากอย่างนี้วะ

Chapter 1

ฟื้นขึ้นมาในร่างคนอื่น!

“ผมจะปราบปรามยาเสพติดให้หมดไปจากแผ่นดินนี้ ผมจะทำให้พ่อแม่พี่น้องทุกท่านกินดีอยู่ดี ค่าแรงเพิ่มขึ้น ลดค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส ค่าน้ำ ค่าไฟ ทุกสิ่งที่ผมพูดไปไม่ใช่เพียงแค่นโยบายหาเสียงที่พูดปากเปล่า แต่ผมสัญญาด้วยชีวิตของผมว่าผมจะทำทุกสิ่งที่ผมพูดไปให้ได้ครับ” อากิโอะ เอบะ พูดในขณะที่หาเสียง ทำให้ผู้คนที่มาฟังนโยบายหาเสียงเฮลั่นอย่างถูกใจ “เฮ้!—”

อากิโอะยิ้มแล้วโบกมือให้ผู้คนที่มาฟังนโยบายหาเสียงของเขาในวันสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ จากนั้นเขาก็เดินลงจากเวทีไป เซริน ไอริ เลขาของอากิโอะรีบเดินเข้าไปบอกว่า “หลังจากนี้ท่านต้องไปดินเนอร์ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นค่ะ”

“อืม” อากิโอะตอบเลขาคำหนึ่งแล้วเดินไปขึ้นรถ พวกบอดี้การ์ดก็คอยห้อมล้อมกันไม่ให้ผู้คนเข้าใกล้อากิโอะได้ เซรินรีบตามไปนั่งหน้าคู่กับคนขับรถ อากิโอะก็นั่งหลังคู่กับบอดี้การ์ด จากนั้นรถก็ขับออกไป รถคันที่อากิโอะนั่งนั้นขับอยู่ตรงกลางระหว่างการห้อมล้อมของรถบอดี้การ์ด พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันชี้ชะตาแล้ว ใครจะได้เป็นนายกฯ ของประเทศนี้หลังจากพรุ่งนี้ไปก็จะได้รู้กันล่ะ

ครั้นถึงวันเลือกตั้ง ประชาชนก็แห่กันไปลงคะแนนเลือกตั้งอย่างล้นหลาม ผู้คนต่างลงคะแนนเสียงเลือกผู้สมัครพรรคการเมืองที่พวกเขาชอบ หลังจากลงคะแนนเสียงเลือกตั้งแล้วผู้คนก็กลับไปรอลุ้นกันว่าพรรคไหนจะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

จนกระทั่งถึงเวลาปิดหีบลงคะแนน เจ้าหน้าที่ก็เก็บหีบใส่คะแนนเลือกตั้งตามขั้นตอน ท่ามกลางการจับตาดูของประชาชนและนักข่าวท้องถิ่นที่มารอทำข่าวการนับคะแนน ท่ามกลางสายตาของประชาชนมากมายเจ้าหน้าที่ทั้งหลายไม่อาจเล่นตุกติกได้ หลังจากปิดหีบแล้วก็ถึงเวลานับคะแนน ทั้งประชาชนทั้งนักข่าวต่างจับตามองอย่างใจจดใจจ่อ จากนั้นก็เปิดหีบเริ่มนับคะแนน

พรรคการเมืองต่างๆ ก็จับตาดูการนับคะแนนอย่างใจจดใจจ่อเช่นกัน จนกระทั่งการนับคะแนนสิ้นสุดลง เป็นอันว่าพรรคคนรุ่นใหม่ของอากิโกะ เอบะได้รับคะแนนเสียงท่วมท้นทิ้งห่างพรรคการเมืองที่ผูกขาดอำนาจมานานอย่างพรรคเสรีไปอย่างขาดลอย สมาชิกพรรคคนรุ่นใหม่ต่างเฮลั่น “เฮ! ประวัติศาสตร์การเมืองเปลี่ยนขั้วแล้ว”

ยามาโตะ โทมิประธานใหญ่บริษัทโทมิ ซึ่งดูผลคะแนนเลือกตั้งแล้วเขากัดฟันกรอด! “ฮึ่ม!”

เขาคือคนที่อยู่เบื้องหลังพรรคเสรี สนับสนุนพรรคเสรีมานาน นโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลพรรคเสรีออกมานั้นล้วนเกื้อหนุนการค้าของกลุ่มโทมิทั้งสิ้น แต่บัดนี้ขั้วอำนาจกลับเปลี่ยนไปอยู่ในมือพรรคการเมืองหน้าใหม่อย่างพรรคคนรุ่นใหม่ซะแล้ว ทำให้เขาไม่พอใจมาก!

วันต่อมา พรรคคนรุ่นใหม่ก็เริ่มจัดตั้งรัฐบาล อากิโอะ เอบะกลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองประเทศ J ผู้คนมากมายต่างส่งกระเช้าดอกไม้ไปอวยพรนายกฯ อากิโอะเต็มไปหมด จนที่ทำการใหญ่ของพรรคเต็มไปด้วยกระเช้าดอกไม้

ภายในห้องประชุมของพรรคคนรุ่นใหม่ นายกฯ อากิโอะยืนอยู่หัวโต๊ะประชุม เขามองสมาชิกพรรคคนอื่นๆ แล้วบอกว่า “เอาล่ะ พวกเรามาทำนโยบายหาเสียงให้เป็นจริงกันเถอะ”

“ครับ”

“ค่ะ”

สมาชิกพรรคขานรับอย่างแข็งขัน จากนั้นพวกเขาก็ประชุมกันว่าจะทำยังไงถึงจะทำให้นโยบายหาเสียงเป็นจริงขึ้นมาได้ การประชุมยาวนานมาก กว่าจะได้ข้อสรุปคร่าวๆ เริ่มจากนโยบายปราบปรามยาเสพติดก่อน

หลังจากนั้นไม่กี่วันต่อมา ยูทากะ โซเฮย์ อธิบดีกรมตำรวจก็ถูกเรียกเข้าพบนายกฯ อากิโอะ เอบะ

“สวัสดีครับ” อธิบดีฯ ยูทากะยืนอยู่ตรงหน้านายกฯ อากิโอะ เอบะ นายกฯ อากิโอะมองอธิบดีกรมตำรวจแล้วเอ่ยว่า “สวัสดีครับ เชิญนั่งครับ”

อธิบดีฯ ยูทากะนั่งลง นายกฯ อากิโอะก็นั่งลงเช่นกัน เซรินก้าวไปวางแฟ้มตรงหน้าอธิบดีฯ ยูทากะ อธิบดีฯ ยูทากะมองแฟ้มแล้วมองเซรินจากนั้นก็เบนสายตาไปมองท่านนายกฯ “นี่คือ?”

“นี่คือแผนปราบปรามยาเสพติด” นายกฯ อากิโอะบอก อธิบดีฯ ยูทากะหยิบแฟ้มมาเปิดดู แค่หน้าแรกเขาก็เงยหน้ามองท่านนายกฯ ทันที “นี่มัน!”

“จัดการตามแผนซะ ผมหวังว่าจะได้รับข่าวดี ถ้าคุณทำไม่ได้ งั้นผมก็จะหาคนใหม่มาทำแทน” นายกฯ อากิโอะเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ อธิบดีฯ ยูทากะรีบลุกขึ้นรับคำแข็งขัน “ครับท่าน”

แน่นอนว่าเขาไม่กล้าขัดคำสั่งท่านนายกฯ หรอก เพราะนั่นหมายถึงว่าถ้าทำไม่ได้ เขาก็จะหลุดจากตำแหน่งอธิบดีฯ น่ะซิ

“เอาล่ะ ผมให้เชฟทำอาหารไว้ พวกเราก็ไปทานข้าวด้วยกันซักมื้อเถอะ” นายกฯ อากิโอะบอก อธิบดีฯ ยูทากะพยักหน้ารับ “ครับๆ”

จากนั้นนายกฯ อากิโอะก็ลุกขึ้นเดินนำไปที่ห้องข้างๆ ซึ่งเชฟจากร้านอาหารชื่อดังรออยู่แล้ว บนโต๊ะมีอาหารที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ วางอยู่ เชฟโค้งคำนับอย่างอ่อนน้อม นายกฯ อากิโอะผายมือ “เชิญครับ”

“ครับๆ” อธิบดีฯ ยูทากะก้าวไปนั่งที่เก้าอี้ จากนั้นเขาก็ทานอาหารกับนายกรัฐมนตรีอย่างเกร็งๆ

หลังจากทานอาหารอิ่มแล้วอธิบดีฯ ยูทากะก็กลับไป เซรินยืนอยู่ข้างหลังนายกฯ อากิโอะเอ่ยขึ้นว่า “ท่านว่าจะสำเร็จไหมคะ?”

“สำเร็จซิ แต่ว่าพวกเราก็ต้องตั้งรับให้ดีๆ ล่ะ เพราะหลังจากนี้พวกที่ถูกขัดผลประโยชน์คงไม่ยอมให้ผมอยู่ดีมีสุขแน่ๆ” นายกฯ อากิโอะบอก เซรินรับคำ “ค่ะ”

หลังจากนั้นการปราบปรามยาเสพติดก็เริ่มต้นขึ้น ทำให้กลุ่มมาเฟียทั้งหลายสูญเสียผลประโยชน์ไปมากมาย พวกมาเฟียจึงแอบประชุมลับกัน รวมหัวกันจ้างมือปืนเก็บนายกฯ อากิโอะ เอบะ

ส่วนนโยบายลดค่าครองชีพต่างๆ ก็เริ่มขึ้นเช่นกัน เช่นว่ามีโครงการสนับสนุนให้ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ตามบ้านเรือนประชาชน ค่าแก๊ส ค่าน้ำมัน ค่าน้ำประปาก็ออกนโยบายลดภาษีลงเพื่อให้ค่าการผลิตถูกลง นโยบายเหล่านี้ถูกใจประชาชนทั้งประเทศมาก ยิ่งทำให้ความชื่นชมในตัวนายกฯ อากิโอะ เอบะพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์เลยทีเดียว

คืนหนึ่ง ในขณะที่นายกรัฐมนตรี อากิโอะ เอบะ กลับจากงานเลี้ยงของพรรค จู่ๆ รถคันที่นายกฯ อากิโอะนั่งก็เกิดเบรกไม่อยู่ขึ้นมา ไดจิ โช คนขับรถตกใจ “แย่แล้ว รถเบรกไม่อยู่!”

“อะไรนะ!” คนอื่นตกใจ มองคนขับรถเป็นตาเดียว ไดจิพยายามตั้งสติ “เบรกไม่อยู่จริงๆ! ทุกคนจับแน่นๆ นะ!”

เขาบอกแล้วพยายามประคองรถดีๆ เท้าก็เหยียบเบรกไปด้วย อีกมือก็คอยดึงเบรกมือรถไปด้วย เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะกดไฟฉุกเฉิน เซรินรีบยื่นมือไปกดปุ่มไฟฉุกเฉินให้ ทำให้สัญญาณไฟฉุกเฉินกะพริบวาบๆ ขึ้นมาทันที ทำให้รถบอดี้การ์ดคันอื่นๆ ที่ขับนำหน้าและขับตามหลังต่างมองรถที่ท่านนายกฯ นั่งอยู่ พวกบอดี้การ์ดเอ่ยออกมา “เกิดอะไรขึ้น!? ทำไมรถท่านนายกฯ ถึงเปิดไฟฉุกเฉิน!?”

บอดี้การ์ด เออิจิ ฟูโดซึ่งนั่งอยู่ข้างท่านนายกฯ รีบรายงานสถานการณ์ให้คนอื่นๆ ทราบ “แย่แล้ว รถท่านนายกฯ เบรกไม่ได้!”

“อะไรนะ!?” พวกบอดี้การ์ดได้ยินเสียงจากหูฟังไร้สายที่ใส่อยู่ที่หูก็ตกใจกันหมด ขณะเดียวกันทางที่พวกเขาอยู่นั้นเป็นทางลงเนินเขายาวทีเดียว ถ้ารถเบรกไม่ได้ก็อันตรายมากทีเดียว ดังนั้นรถคันหน้าจึงบอกว่า “โช นายชนรถฉันไว้ ฉันจะช่วยชะลอให้เอง”

“อืม” ไดจิตอบ มีแต่ทำแบบนั้นจึงจะช่วยชะลอความเร็วรถที่กำลังเบรกแตกได้ เขาประคองรถให้อยู่ในเลน รถวิ่งลงเนินไปชนกับรถคันหน้า ตึง!

รถคันหน้าก็พยายามเบรกช่วยชะลอความเร็ว เอี๊ยดดดด—

ทุกคนในรถตัวเกร็งกันหมด ส่วนรถคันหลังก็ขับชะลออยู่ห่างๆ จนกระทั่งรถคันที่อยู่ข้างหน้ากับรถของท่านนายกฯ ค่อยๆ ชะลอความเร็วลงและจอดลงในที่สุด เอี๊ยดดด—

เมื่อรถหยุดลง ทุกคนก็ถอนหายใจโล่งอก “เฮ้อ…”

ทีมบอดี้การ์ดบอก “ให้ท่านอยู่ในรถก่อนนะ อย่าเพิ่งลงมา คันหลังขับไปรับท่าน”

“ครับ” รถคันหลังรับคำสั่งแล้วขับไปเทียบรถของท่านนายกฯ ทันที ทีมบอดี้การ์ดมองสำรวจบริเวณรอบๆ ไปทั่ว เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์ปกติดีจึงบอกว่า “ให้ท่านลงจากรถได้”

“ท่านครับ เปลี่ยนรถครับ” บอดี้การ์ดเออิจิบอก นายกฯ อากิโอะพยักหน้า “อืม”

เออิจิรีบเปิดประตูรถออกไป เขามองอย่างระวังตัวตลอดเวลา บอดี้การ์ดคนอื่นๆ ก็มองอย่างระวังตัวเช่นกัน เออิจิก้มตัวลงบอก “ท่านครับ เชิญครับ”

“อืม” นายกฯ อากิโอะพยักหน้าแล้วออกจากรถ เขากำลังจะก้าวไปนั่งในรถอีกคัน พลัน! เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ฟิ้ว!

ตู้ม!

นายกฯ อากิโอะรู้สึกมึนงง ชาไปทั้งตัว เขาเห็นภาพเปลวไฟรอบๆ ตัวเต็มไปหมด แล้วภาพก็ตัดไป

ขณะเดียวกัน รถของท่านนายกฯ ที่ถูกยิงระเบิด RPG ใส่ก็ระเบิดเป็นเศษซาก ทีมบอดี้การ์ดล้มลงกับพื้นหลายคน ยังไม่รู้ว่าเป็นหรือว่าตาย! พวกเขาเลือดอาบท่วมตัว

หลังจากนั้นก็มีข่าวด่วนข่าวดังไปทั่วประเทศว่ารถที่ท่านนายกฯ อากิโอะ เอบะนั่งถูกคนร้ายโจมตีด้วยระเบิด ทำให้ท่านนายกฯ อากิโอะ เอบะเสียชีวิตแล้ว ทีมบอดี้การ์ดก็เสียชีวิตเกือบทั้งหมด รถยนต์ 3 คันระเบิดเละเป็นเศษซาก ข่าวๆ นี้ช็อกประชาชนชาวประเทศ J ทั้งประเทศเลยทีเดียว

ยามาโตะ โทมิดูข่าวแล้วเอ่ยกับไคโตะ โกโร่ ว่า “ดีๆๆ”

“ครับ” ไคโตะ โกโร่มือขวาของยามาโตะ โทมิรับคำสีหน้านิ่งเฉย

ศพของท่านนายกฯ อากิโอะ เอบะถูกตั้งใส่โลงอย่างสวยงามและยิ่งใหญ่สมฐานะ ประชาชนต่างแห่กันไปไว้อาลัยให้ท่านนายกฯ ที่เพิ่งจะรับตำแหน่งได้ไม่กี่เดือนอย่างเสียใจเป็นที่สุด ผู้คนมากมายรวมถึงตัวแทนจากประเทศต่างๆ ก็พากันไปร่วมพิธีศพ

หลังจากตั้งศพไว้พอสมควรแล้วก็เป็นพิธีเผาศพ ตระกูลเอบะเผาศพแล้วเก็บเถ้ากระดูกใส่โถแล้วนำกระดูกกลับไปเซ่นไหว้ที่บ้านหลักของตระกูลเอบะ หลังจากสิ้นอากิโอะ เอบะแล้ว อากิฮิโระ เอบะ ซึ่งเป็นน้องชายของอากิโอะ เอบะก็สืบทอดตระกูลต่อจากพี่ชาย

ส่วนตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทางพรรคคนรุ่นใหม่ก็ผลักดันอากิฮิโระ เอบะเข้ารับตำแหน่งแทน แต่ว่าเสียงส่วนใหญ่ในสภาฯ กลับลงมติให้ซึบาสะ ยามะ ซึ่งเป็นสส.จากพรรคเสรีเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ด้วยคะแนนเสียงที่ชนะขาดลอยทำให้ซึบาสะ ยามะได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปครอง

หลังจากนั้นก็มีพิธีเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ มีการโยกย้ายสับเปลี่ยนตำแหน่งต่างๆ หลายตำแหน่งทีเดียว ประชาชนส่วนใหญ่ที่เลือกพรรคคนรุ่นใหม่ดูข่าวอย่างสิ้นศรัทธา พวกเขารักนายกฯ อากิโอะ เอบะ พวกเขาไม่อยากให้ซึบาสะ ยามะเป็นนายกฯ จึงเกิดการประท้วงเกิดขึ้น แต่การประท้วงก็เกิดได้ไม่นานเพราะประชาชนต้องทำมาหากินจึงไม่มีใครสามารถอดทนประท้วงได้นานๆ

เวลาผ่านไป 2 เดือน หลังจากนายกฯ ซึบาสะ ยามะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ไม่นาน จู่ๆ ท่านนายกฯ ซึบาสะก็เกิดอุบัติเหตุตกบันไดหมดสติจนต้องหามส่งโรงพยาบาล

“อูย” นายกฯ ซึบาสะ ลืมตาขึ้น

“ท่านฟื้นแล้ว!”

เสียงดังขึ้น ทำให้นายกฯ ซึบาสะรู้สึกปวดหัวมากจนต้องยกมือนวดๆ ขมับ แต่ปลายนิ้วกลับสัมผัสกับผ้าหนาเตอะที่อยู่ตรงจุดที่ปวด “หือ?”

เขาคลำๆ ผ้า รู้สึกเจ็บๆ ปวดหนึบตรงขมับ “อูย”

“ท่านหัวแตกค่ะ”

“หัวแตก!?” นายกฯ ซึบาสะทวนคำ ภาพสุดท้ายที่จำได้คือเปลวไฟลุกท่วมตัวไปหมด เขามองไปรอบๆ เห็นเพดานขาวสะอาดตา ครั้นมองคนที่พูดก็เห็นนางพยาบาล ใช่ เป็นนางพยาบาลจริงๆ เขากะพริบตาปริบๆ แล้วถามว่า “คนอื่นล่ะ?”

“คะ?” นางพยาบาลงงๆ แล้วตอบว่า “อ๋อ รออยู่ข้างนอกค่ะ”

จากนั้นนางพยาบาลคนนั้นก็กดโทรศัพท์แจ้งว่า “ท่านนายกฯ ฟื้นแล้วค่ะ”

“โอ้” ปลายสายอุทานแล้วบอกว่า “ผมจะรีบไป”

จากนั้นสายก็ตัดไป นางพยาบาลวางหูโทรศัพท์แล้วบอกว่า “อีกสักครู่คุณหมอจะมาค่ะ”

“อืม” นายกฯ ซึบาสะพยักหน้ารับ แล้วบอกว่า “คุณช่วยพยุงผมเข้าห้องน้ำหน่อย”

“เอ่อ…รอคุณหมอมาก่อนนะคะ” นางพยาบาลบอก นายกฯ ซึบาสะจึงบอก “ผมรอไม่ไหว”

“งั้นดิฉันไปเอากระบอกปัสสาวะให้ค่ะ” นางพยาบาลบอก นายกฯ ซึบาสะบอก “ผมไม่ได้ปวดปัสสาวะ ผมปวดท้อง เร็วๆ”

เขาบอกพลางลุกขึ้นลงจากเตียง นางพยาบาลรีบช่วยประคองทั้งยังพยายามห้าม “ท่านคะ แต่คุณหมอไม่ให้ท่านลุกจากเตียงค่ะ”

“จะอะไรก็ไม่สนล่ะ ผมปวดท้องต้องเข้าห้องส้วมเดี๋ยวนี้” นายกฯ ซึบาสะบอกเสียงแข็ง นางพยาบาลรีบบอก “งั้นเดี๋ยวดิฉันเอากระโถนมาให้ค่ะ”

“ไม่เอา!” นายกฯ ซึบาสะบอกเสียงแข็ง จะให้เขานั่งถ่ายบนเตียงเขาเบ่งไม่ออกหรอกเฟ้ย!

เขาลงจากเตียงอย่างดึงดัน นางพยาบาลจึงได้แต่ช่วยประคอง “ระวังค่ะท่าน”

นายกฯ ซึบาสะเดินเท้าเปล่าตรงไปยังห้องน้ำทันที พยาบาลประคองไปจนถึงโถชักโครก นายกฯ ซึบาสะมองพยาบาลที่ยังยืนอยู่ข้างๆ ไม่มีท่าทีว่าจะออกไป เขาจึงไล่ “เอ้าคุณ ออกไปซิ”

“เอ่อ…” นางพยาบาลละล้าละลัง กลัวว่าท่านนายกฯ จะล้มในห้องน้ำ นายกฯ ซึบาสะจึงไล่เสียงแข็งกร้าว “ออกไปได้แล้ว!”

“เอ่อ…ค่ะๆ” นางพยาบาลยอมถอยออกไป ปิดประตูงับเอาไว้แล้วยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องน้ำ นายกฯ ซึบาสะจึงนั่งลงจัดการถ่ายหนัก

หลังจากเสร็จธุระแล้วเขาจึงเดินไปล้างมือ เมื่อล้างมือแล้วก็เงยหน้ามองกระจก เขาพลันร้องลั่น “เฮ้ย!”

เขายกมือจับใบหน้าตัวเอง ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจ พยาบาลที่ยืนเฝ้าหน้าห้องรีบเปิดประตูเข้าไปดู “ท่านเป็นอะไรคะ?”

เธอเห็นท่านนายกฯ ซึบาสะจับใบหน้า ท่าทางตกใจ จึงปลอบว่า “แผลท่านอยู่ตรงขมับ หมอบอกว่าไม่ทำให้ท่านหมดหล่อหรอกค่ะ”

“หมดหล่อบ้าอะไร!? นั่นใคร!?” นายกฯ ซึบาสะชี้ไปที่เงาในกระจก พยาบาลมองเงาในกระจกแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรนอกจากเงาของเธอกับท่านนายกฯ เท่านั้นเอง เธอจึงบอกว่า “ก็ท่านไงคะ หรือว่าท่านเห็นภาพหลอนอะไรคะ?”

นายกฯ ซึบาสะมองเงาในกระจก เขาจับๆ ใบหน้ามองเงานั้นอย่างอึ้งๆ ไป “นี่มันเกิดอะไรขึ้น!?”

“ท่านตกบันไดหัวแตก สลบไป พวกบอดี้การ์ดก็พาท่านส่งโรงพยาบาลค่ะ” นางพยาบาลอธิบาย นายกฯ ซึบาสะฟังแล้วอึ้งไป สักพักเขาก็ไล่ว่า “คุณออกไปก่อน”

“เอ่อ…” นางพยาบาลยังยืนนิ่ง นายกฯ ซึบาสะจึงไล่อีก “ออกไปก่อน! บอกให้ออกไปไง!”

“เอ่อ…ค่ะๆ” นางพยาบาลยอมออกไป นายกฯ ซึบาสะหันไปมองเงาในกระจก เขาจับๆ ใบหน้าจ้องเงาในกระจกเขม็ง พึมพำว่า “นี่มันเกิดบ้าอะไรเนี่ย? ทำไมเราถึงกลายเป็นคนๆ นี้ล่ะ?”

ใช่! เขาคืออากิโอะ เอบะ แต่เขากลับมาอยู่ในร่างของใครก็ไม่รู้ เอ่อ…จะว่าไม่รู้ก็ไม่ได้ เพราะเงาในกระจกนั้นเป็นคู่แข่งของพรรคเสรีที่เคยเห็นหน้าตากันอยู่ ‘ซึบาสะ ยามะ’ หัวหน้าพรรคเสรี คนที่ได้ชื่อว่าเป็นหนุ่มหน้าสวยอย่างไรล่ะ เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าตัวเองจะอยู่ในร่างคนอื่นแบบนี้ นี่มันบ้าชัดๆ! เรื่องบ้าๆ แบบนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!?

ถ้าเขาพูดออกไป รับรองว่าคนอื่นๆ ต้องพาหมอจิตเวชมาตรวจเขาแน่นอน บางทีนี่อาจจะเป็นความฝันก็ได้ เขาจึงหยิกแขนตัวเองแรงๆ ทีหนึ่ง “อูย…”

เขาเจ็บ! มันไม่ใช่ความฝัน!

เขาเงยหน้ามองเงาในกระจกอีกครั้ง ใบหน้าในกระจกก็ยังคงเป็น ซึบาสะ ยามะ อยู่ดี!

“นี่มันเรื่องบ้าไรวะ!?” เขาพึมพำอย่างงงๆ เขามึนตึบไปหมดแล้ว พลัน! เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ก็อกๆ

“ท่านครับๆ ผมมาตรวจครับ”

“อืมๆ” อากิโอะตอบออกไป เขาละสายตาจากกระจกแล้วเดินไปเปิดประตู เห็นหมอยืนอยู่ตรงหน้าประตู

“ผมมาตรวจครับ เชิญท่านไปนั่งที่เตียงก่อนครับ” หมอบอกพลางพยักเพยิดให้พยาบาลรีบช่วยพยุง พยาบาลจึงเข้าไปช่วยพยุง “ท่านคะ ค่อยๆ เดินค่ะ”

“อืม” อากิโอะตอบพลางเดินไปที่เตียง เขานั่งลงบนเตียง หมอก็เริ่มตรวจ พยาบาลยืนอยู่ข้างๆ คอยจดอาการ

หลังจากตรวจเสร็จแล้ว หมอก็บอกว่า “รอดูอาการซักวันก่อนนะครับ ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อนอะไรก็กลับบ้านได้ครับ”

“ครับ ขอบคุณครับ” อากิโอะตอบ เขานั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น หมอจึงออกไป พยาบาลยืนเฝ้าอยู่ข้างๆ

สักพักประตูห้องก็เปิดออก ยามาโตะ โทมิ เดินเข้าไป เขาพุ่งตรงไปที่เตียงทันที “ฟื้นแล้วรึ”

อากิโอะมอง ยามาโตะ โทมิ อากิโอะกะพริบตาปริบๆ ท่าทีที่ยามาโตะคนนี้แสดงออกมานั้นดูสนิทสนมกับซึบาสะมากทีเดียว

“เธอ ออกไปรอข้างนอก” ยามาโตะไล่นางพยาบาล นางพยาบาลรับคำ “ค่ะ”

แล้วเดินออกไป ยามาโตะมองคนบนเตียงแล้วยื่นมือไปจับแก้ม “ไม่ต้องกังวลไปนะ ผมจะไม่ให้ใบหน้าคุณมีแผลเป็นเด็ดขาด”

“ง่ะ!” อากิโอะ สะดุ้ง เขาผละออกอย่างตกใจ “เอ่อ…”

“เป็นอะไร?” ยามาโตะถาม พลางมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย “ไม่ต้องกังวลไป หมอบอกว่าแผลไม่ใหญ่มากนัก ถ้าทำเลเซอร์ก็จะไม่เหลือแผลเป็นหรอก”

ตรูไม่ได้กังวลเรื่องแผลว๊อย! อากิโอะพูดอยู่ในใจ เขามองยามาโตะที่ดูเป็นห่วงเป็นใยซึบาสะจนออกนอกหน้าขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของคน 2 คนนี้ต้องมีอะไรบางอย่างแน่ๆ

“ยังโกรธที่ผมลืมวันครบรอบของเราเหรอ?” ยามาโตะเอ่ยขึ้นมา สองมือก็ประคองใบหน้าสวยของอีกฝ่ายเอาไว้ในอุ้งมือ อากิโอะตกใจ “เอ่อ…!”

Chapter 2

อดีตของซึบาสะกับยามาโตะ 1

ชัวร์! คนๆ นี้กับซึบาสะมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา ชัวร์ป๊าบ! อากิโอะพูดอยู่ในใจ เขาจับมือของยามาโตะออก “เอ่อ…ปล่อยผมก่อน ผมเจ็บแผล”

ยามาโตะยอมปล่อยมือ อากิโอะรีบขยับตัวลงนอน พลางบอกว่า “ผมปวดหัว นอนล่ะ”

เขารีบดึงผ้าห่มมาห่มจนถึงคอ ยามาโตะจับๆ ผ้าห่มคลุมให้ดีๆ “นอนเถอะ ไม่ต้องห่วงนะ”

อากิโอะนอนตัวเกร็งแข็งทื่อ ตามองยามาโตะอย่างหวาดๆ หวั่นๆ สักพักอากิโอะก็หลับไปเพราะฤทธิ์ยาที่หมอฉีดเข้าสายน้ำเกลือก่อนหน้านี้ ยามาโตะลูบๆ ใบหน้าของซึบาสะอย่างทนุถนอม ในดวงตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักท่วมท้น หลังจากแน่ใจว่าซึบาสะไม่เป็นอะไรแล้ว ยามาโตะจึงกลับไป

อากิโอะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาทานอาหารที่นางพยาบาลยกมาให้ หลังจากทานอิ่มแล้วเขาก็กินยาแก้ปวดกับยาแก้อักเสบ จากนั้นเขาก็นอนคิดๆ อะไรไปเรื่อยเปื่อย จู่ๆ เขาก็เห็น ‘ซีบาสะ’ อยู่ตรงหน้า ทำเขาตกใจร้องออกมา “ว๊าก!”

“ผมยอมให้คุณสิงร่าง เพราะงั้นคุณต้องช่วยผมด้วย” ซึบาสะบอก อากิโอะตกใจมากเขาลุกขึ้นพรวด ถอยร่นไปจนติดหัวเตียงเลยทีเดียว “นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ!?”

“ก็คุณตายแล้ว แล้วคุณมาสิงอยู่ในร่างของผมไง” ซึบาสะบอก อากิโอะมองอย่างตกใจปนงงๆ “อะไรนะ!? ผมตายแล้ว!?”

“ใช่ คุณตายไปตั้ง 3 เดือนกว่าแล้ว” ซึบาสะบอก อากิโอะเบิกตาโต มองซึบาสะที่เหมือนลอยอยู่ตรงหน้าอย่างงงๆ ปนกลัวๆ “คุณตายแล้วงั้นเหรอ?”

ใช่ ซึบาสะกำลังลอยอยู่จริงๆ!

“ผมยังไม่ตาย แค่วิญญาณออกจากร่าง ผมยอมให้คุณสิงร่างชั่วคราว” ซึบาสะบอก “คุณแม่ของผมสืบเชื้อสายมาจากมิโกะ ดังนั้นวิญญาณของผมจึงมีความสามารถในการออกจากร่างได้ แต่วิญญาณของผมไปไหนได้ไม่ไกลจากร่างนักหรอก ไม่งั้นผมจะกลับเข้าร่างไม่ได้อีกเลย ส่วนที่ผมให้คุณยืมร่างก็เพราะผมอยากให้คุณช่วยให้ผมหลุดพ้นจากยามาโตะคนนั้น ผมยอมรับว่าคุณหัวดีกว่าผม เพราะงั้นคุณต้องช่วยผมให้หลุดพ้นจากเขา ผมไม่อยากเป็นคู่เกย์ เข้าใจไหม?”

เขาโบกๆ มือตรงหน้าอากิโอะที่ใช้ร่างเขาอยู่ แต่ดูเหมือนว่าอากิโอะจะสติหลุดไปแล้ว เขาจึงขยับเข้าไปตะโกนกรอกหู “คุณอากิโอะ!”

“ว๊าก!” อากิโอะสะดุ้งร้องลั่น เพราะเสียงของซึบาสะที่ตะโกนนั้นมันดังมากจนเขารู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางลำโพงนับร้อยๆ ตัวที่เปิดพร้อมๆ กันอย่างงั้นแหละ

“คะ! ท่านเป็นอะไรคะ?” นางพยาบาลรีบออกจากห้องน้ำไปดูท่านนายกฯ ทันที เธอเห็นท่านนายกฯ ทำหน้าตื่นๆ นั่งอยู่บนเตียง ท่าทางเหมือนตกใจอะไรซักอย่าง เธอรีบเดินไปถึงข้างเตียงพลางถาม “ท่านเป็นอะไรคะ?”

“คุณ เห็นคนๆ นี้ไหม?” อากิโอะถามพลางชี้ไปที่ซึบาสะซึ่งลอยอยู่ตรงหน้า นางพยาบาลส่ายหน้า “ไม่เห็นใครเลยค่ะ ดิฉันเห็นแต่ท่านคนเดียวนี่แหละค่ะ หรือว่าท่านเห็นภาพหลอนอะไรคะ? งั้นดิฉันตามหมอให้นะคะ”

นางพยาบาลบอกแล้วรีบยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาโทรตามหมอทันที อากิโอะมองนางพยาบาลที่ไม่มีท่าทีว่าจะเห็นซึบาสะเลย ซึบาสะจึงบอก “ไม่มีใครเห็นผมหรอก ยกเว้นพวกที่มีซิกเซ้นส์นะ”

อากิโอะฟังแล้วกะพริบตาปริบๆ “นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ!?”

“เชื่อเถอะ นี่มันเรื่องจริง คุณกำลังใช้ร่างผมอยู่ ส่วนผมก็เป็นวิญญาณที่อยู่นอกร่างตัวเอง” ซึบาสะบอก

พยาบาลวางหูโทรศัพท์แล้วบอกว่า “เดี๋ยวคุณหมอก็มาค่ะ รอสักครู่นะคะ”

อากิโอะพยายามตั้งสติ เขาคิดๆ ฝัน? ต้องฝันไปแน่ๆ

เขาจึงหยิกแขนตัวเองหมับ!

“โอ้ย! เจ็บง่ะ!” เขาร้องออกมา ลูบๆ แขนตรงที่เขาหยิก มันเจ็บจริง เขาไม่ได้ฝันไป! นี่คือความจริงเรอะ!?

เขามองซึบาสะที่ยังลอยอยู่ตรงหน้า แล้วมองนางพยาบาลที่มองเขาอย่างเป็นกังวล

ก็อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น นางพยาบาลรีบเดินไปเปิดประตูทันที คุณหมอรีบเดินเข้ามาในห้อง เขาโค้งคำนับท่านนายกฯ แล้วเอ่ยว่า “ผมมาตรวจครับ”

“อืมๆ” อากิโอะพยักหน้า หมอจึงก้าวไปชิดเตียงแล้วถาม “ท่านปวดแผลเหรอครับ?”

“เปล่าๆ ผมอยากให้ช่วยตรวจตาหน่อย” อากิโอะบอก เขาพยายามตั้งสติ เขาเห็นว่าหมอคล้ายกับจะมองไม่เห็นซึบาสะที่ลอยอยู่บนเตียง ทำให้เขาไม่กล้าพูดว่าเขาเห็นซึบาสะลอยอยู่ตรงหน้าออกไป ขืนพูดไปมีหวังหมอได้ส่งเขาไปพบจิตแพทย์แหงๆ

หมอจึงตรวจตาเบื้องต้น จากนั้นก็ส่งไปตรวจกับจักษุแพทย์อีกที อากิโอะจึงขอให้หมอสแกนศีรษะด้วยดูว่ามีเลือดคั่งในสมองรึเปล่า

ซึ่งหมอก็ทำตามโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เพราะท่านนายกฯ เป็นถึงท่านนายกฯ เชียวนะ ถ้าตรวจรักษาผิดพลาดขึ้นมา ไม่ใช่แค่โรงพยาบาลเท่านั้นที่เสียชื่อเสียง อาจถึงขั้นถูกสั่งปิดโรงพยาบาลเลยก็ได้

หลังจากตรวจแล้วไม่พบความผิดปกติใดๆ เลย อากิโอะจึงให้หมอออกไปได้ ส่วนนางพยาบาลที่ยืนเฝ้าอยู่ เขาก็ไล่เธอออกไปเช่นกัน “คุณจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ ผมอยากอยู่คนเดียว”

“เอ่อ…” นางพยาบาลไม่กล้าปล่อยท่านนายกฯ อยู่คนเดียว อากิโอะจึงสั่งเสียงแข็งว่า “ออกไปซิ!”

“เอ่อ…ค่ะๆ” นางพยาบาลรับคำแล้วเดินออกไปยืนเฝ้าอยู่หน้าห้อง พวกบอดี้การ์ดหน้าห้องจึงถาม “ออกมาเอาอะไรรึ?”

“ท่านให้ออกมา ท่านบอกอยากอยู่คนเดียวน่ะค่ะ” นางพยาบาลบอก พวกบอดี้การ์ดหน้าห้องจึงไม่ถามอะไรอีก พวกเขายืนเฝ้าอยู่หน้าห้องอย่างแข็งขัน

หลังจากนางพยาบาลออกไปแล้ว อากิโอะจึงมองซึบาสะที่ลอยอยู่ข้างๆ ถามว่า “คุณบอกว่าผมตายแล้ว?”

“ใช่ คุณตายไป 3 เดือนกว่าแล้ว” ซึบาสะตอบ อากิโอะมองซึบาสะแล้วถามอีก “แล้วผมมาอยู่ในร่างคุณได้ไง?”

“ผมต้องการคนช่วย แล้วเทพที่ศาลเจ้าฟูชิมิก็บอกผมว่าคุณเป็นคนเดียวที่จะช่วยผมได้ จึงให้ผมให้คุณยืมร่างชั่วคราว ผมจึงยอมให้คุณยืมร่างชั่วคราวแล้วก็เป็นอย่างนี้แหละ” ซึบาสะบอก อากิโอะคิดๆ เขาเคยได้ยินชื่อศาลเจ้าฟูชิมิ ที่อินาริมาบ้าง เป็นศาลเจ้าที่ดังมากๆ ของประเทศเลยทีเดียว เห็นทีเขาคงต้องไปศาลเจ้านี้สักครั้งล่ะ แต่ตอนนี้เขาต้องทำความเข้าใจกับหลายๆ เรื่องก่อน

“คุณบอกว่าผมตายไป 3 เดือนกว่าแล้ว?” เขาถามอีก ซึบาสะพยักหน้า “ใช่ คุณตายไป 3 เดือนกว่าแล้ว ถ้าไม่เชื่อก็ดูข่าวซิ มือถือผมอยู่บนโต๊ะนั่นไง รหัสผ่านคือ…….”

อากิโอะหันไปมองโต๊ะข้างเตียงที่มีมือถือวางอยู่ เขาหยิบมาดูแล้วใส่รหัสผ่านตามที่ซึบาสะบอก หลังจากนั้นมือถือก็เข้าสู่หน้าจอเริ่มต้น เขาจึงเปิดเบราเซอร์ขึ้นมาแล้วจิ้มๆ ดูข่าวของตัวเอง หลังจากเขาพิมพ์ชื่อ ‘อากิโอะ เอบะ’ ลงไป ก็มีบทความเกี่ยวกับเขาขึ้นมาเต็มไปหมด เขาค่อยๆ คลิกดูทีละบทความ เริ่มจากข่าวแรกก่อนเลย เป็นข่าวเกี่ยวกับรถของนายกฯ อากิโอะ เอบะถูกคนร้ายโจมตีจนระเบิดพังเละเทะ ทำให้นายกฯ อากิโอะ เอบะและบอดี้การ์ดตายไปหลายคน

เขาอ่านข่าวแล้วอึ้งไป จากนั้นเขาก็คลิกดูข่าวอื่นๆ ต่อ เขาอ่านข่าวทุกข่าวที่ขึ้นท็อป 10 ในหน้าแรกของกูเกิ้ล หลังจากอ่านข่าวแล้วเขาจึงทำใจยอมรับว่าตัวเองตายไปแล้วจริงๆ ศพถูกเผาไปแล้ว เถ้ากระดูกก็ถูกเก็บไปไว้ที่บ้านหลักของตระกูลเอบะแล้วด้วย

น้องชายเขาได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลต่อจากเขา เรื่องนี้เขาไม่ติดใจอะไร ก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว ก็เขาตายไปแล้ว ทั้งยังไม่ทันได้แต่งงานมีภรรยามีลูก ดังนั้นทรัพย์สมบัติของเขาจึงตกทอดไปสู่น้องชายก็เป็นเรื่องปกติ

หลังจากอ่านข่าวท็อป 10 ทั้งหมดแล้วเขาก็นั่งซึมไป นั่งซึมอยู่สักพักเขาก็มองซึบาสะแล้วถาม “แล้วคุณต้องการให้ผมช่วยอะไร?”

“ช่วยผมให้หลุดพ้นจากอำนาจของยามาโตะที ผมไม่ได้เป็นเกย์ แต่เขาอยากให้ผมเป็น ผมยอมตายดีกว่าที่จะเป็นของเขา” ซึบาสะบอกอย่างหมดหนทาง เขาเป็นแค่คนตัวเล็กๆ ที่ไม่มีอำนาจอะไรเลย อำนาจทุกอย่างที่มีในตอนนี้ล้วนมาจากยามาโตะทั้งนั้น ถ้าขัดขืนยามาโตะ ครอบครัวของเขาก็จะเป็นอันตราย เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากยอมอยู่ข้างๆ ยามาโตะไปเรื่อยๆ แบบนี้

“ไหน คุณเล่าเรื่องของคุณกับยามาโตะให้ผมรู้ก่อน” อากิโอะบอก ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกสงสารซึบาสะ ซึบาสะจึงเล่าว่า “เรื่องมันเริ่มจากตอนที่ผมไปฝึกงานที่บริษัทโทมิ แล้วยามาโตะเห็นผมเข้า เขาชอบผม เขาเรียกผมเข้าไปคุยด้วย…..”

ซึบาสะนึกถึงอดีตขึ้นมา ตอนนั้นเขาเป็นแค่เด็กฝึกงาน ขณะที่กำลังทำงานอยู่นั้น จู่ๆ หัวหน้าก็ให้ตามเลขาของยามาโตะไปพบยามาโตะที่ห้องทำงานของเขา เขามองท่านประธานยามาโตะอย่างเกรงๆ

“สวัสดีครับ ผมซึบาสะ ยามะครับ” เขาทักทายพลางโค้งคำนับ ยามาโตะมองซึบาสะอย่างพึงพอใจ เขาเดินเข้าไปหาซึบาสะแล้วผายมือ “นั่งก่อนซิ”

“ครับ ขอบคุณครับ” ซึบาสะนั่งลงอย่างเกร็งๆ ยามาโตะนั่งลงใกล้ๆ กับซึบาสะ มองด้วยสายตาประเมินเหมือนมองสินค้ายังไงอย่างงั้น ทำให้ซึบาสะรู้สึกไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่เขาก็พูดอะไรไม่ได้ ยามาโตะยื่นมือไปแตะบ่า “คุณมาฝึกงานที่นี่ ผมจะประเมินให้คุณผ่าน แต่มีข้อแม้ คุณต้องไปทานข้าวกับผม”

“อะไรนะครับ!?” ซึบาสะถามพลางมองยามาโตะอย่างงงๆ ยามาโตะตบๆ บ่า “แค่ไปทานข้าวกับผมครั้งนึง ผมก็ให้คุณผ่านการฝึกงานทันที เป็นไง ข้อเสนอนี้ดีไหม?”

“เอ่อ…” ซึบาสะกำลังจะปฏิเสธ ยามาโตะรีบบอกว่า “ถ้าคุณไม่ยอมไปทานข้าวกับผม คุณก็ไม่ผ่านการฝึกงาน แล้วผมจะทำให้ที่ไหนๆ ก็ไม่กล้ารับคุณเข้าฝึกงานด้วย คุณคิดดูดีๆ คุณจะไม่จบมหาวิทยาลัยถ้าคุณฝึกงานไม่ผ่าน ว่าไง?”

“คุณ!” ซึบาสะตกตะลึงไป เขามองหน้ายามาโตะอย่างคิดไม่ถึงว่าคนที่เป็นใหญ่เป็นโตถึงขนาดนี้จะกล้าบีบบังคับคนตัวเล็กๆ ไร้อำนาจอย่างเขาแบบนี้ นี่มันหน้าด้านมาก! เกินไปแล้ว! คนๆ นี้ทำเกินไปแล้ว!

“ว่าไง?” ยามาโตะถามอีก “คิดดูดีๆ ครอบครัวคุณมีแค่คุณเป็นเสาหลักคนเดียว ถ้าคุณเรียนไม่จบ ไม่ได้งานทำดีๆ ครอบครัวคุณก็จะลำบาก ผมไม่ได้บีบบังคับอะไรคุณมากเลย แค่ไปทานข้าวกับผมเท่านั้น ผมรับรองว่าไม่ทำอะไรคุณหรอก แต่ถ้าคุณอยากให้ผมทำก็อีกเรื่องนึง ว่าไงคิดได้รึยัง?”

เขายื่นมือไปแตะแก้มซึบาสะอย่างหยอกเย้านิดๆ ซึบาสะตัวเกร็งแข็งทื่อ ถอยหลังออกห่าง “คุณ! คุณ!…”

ยามาโตะดึงมือกลับไม่รุกอีก ซึบาสะจึงถาม “แค่ทานข้าวเท่านั้นใช่ไหม?”

“ใช่” ยามาโตะพยักหน้า ซึบาสะถามอีก “ผมจะเชื่อคุณได้ยังไง? เกิดคุณทำอะไรมากกว่านั้นล่ะ?”

“ผมรับรอง แค่ทานข้าวเท่านั้น ผมไม่ปล้ำคุณหรอกน่า ผมก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกันนะ” ยามาโตะยิ้มบางๆ ที่ลูกแกะตัวนี้จะไม่มีทางหลุดมือเขาไปได้เด็ดขาด เขาให้คนสืบเรื่องของซึบาสะมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงกล้าที่จะใช้วิธีบีบบังคับเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้

ซึบาสะคิดๆ เขาคิดแล้วคิดอีก พลางมองยามาโตะอย่างไม่ไว้ใจ สายตาของคนๆ นี้แทบจะกลืนกินเขาลงไปอยู่แล้ว สายตาแบบนี้เขาเจอมาเยอะ ใครใช้ให้เขามีใบหน้าสวยเหมือนผู้หญิงล่ะ อีกทั้งรูปร่างเขาก็ผอมบาง ส่วนสูงก็สูงกว่าผู้หญิงทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง ถ้าเขาไม่ผ่านการฝึกงานที่นี่ คิดจะหาที่ฝึกงานใหม่ก็คงยาก เพราะคนๆ นี้ขู่แล้วว่าจะทำให้บริษัททุกแห่งไม่กล้ารับเขาฝึกงาน เขาต้องรีบเรียนให้จบ รีบหางานทำเพื่อที่คุณแม่กับคุณยายจะได้สบายซักที ใช่ เขาเป็นเสาหลักคนเดียวของคุณแม่กับคุณยาย เขาจะทำให้พวกท่านผิดหวังไม่ได้เด็ดขาด!

“ได้ แค่ทานข้าวใช่ไหม?” เขาถามพลางมองยามาโตะ ยามาโตะพยักหน้า “แค่ทานข้าว ไม่ต้องกังวลไปหรอก”

“งั้นก็ไปทานกันเลย” ซึบาสะบอก ยามาโตะส่ายหน้า “มื้อพิเศษทั้งทีก็ต้องเป็นที่ๆ พิเศษซิ เอาเป็นว่าเย็นนี้คุณเลิกงานแล้วมาหาผมที่นี่ล่ะกัน ผมจะพาคุณไปทานข้าวในสถานที่ๆ พิเศษที่สุดสำหรับเรา”

“แค่ทานข้าวจริงๆ นะ?” ซึบาสะถามย้ำ ยามาโตะพยักหน้ายิ้มบางๆ “อืม แค่ทานข้าว ไม่ต้องกลัวไปหรอก ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกน่า”

“แน่นะ?” ซึบาสะถามอย่างไม่ไว้ใจ ยามาโตะพยักหน้าชูนิ้วสาบาน “แค่ทานข้าว ผมสาบานเลยว่าผมไม่ปล้ำคุณหรอกน่า เว้นแต่ว่าคุณจะขอผมเอง”

“ได้” ซึบาสะพยักหน้าแล้วรีบลุกไป ยามาโตะมองตามยิ้มบางๆ จากนั้นก็สั่งเลขาว่า “จองโต๊ะที่…….ที”

“ครับท่าน” ไคโตะรับคำสั่งแล้วเดินออกไปจัดการจองโต๊ะที่ร้านอาหารสุดหรูและเป็นส่วนตัวที่สุด

ครั้นถึงตอนเย็น เลิกงานแล้วซึบาสะก็เห็นเลขาของยามาโตะมารออยู่ หัวหน้ารีบบอก “คุณซึบาสะ คุณไคโตะมารอแน่ะ”

“เอ่อ…ครับๆ” ซึบาสะวางแฟ้มงานแล้วลุกไปพบไคโตะ ไคโตะจึงบอก “ท่านรออยู่”

“เอ่อ…ครับๆ” ซึบาสะพยักหน้าแล้วเดินไปเก็บของจากนั้นก็สะพายเป้เดินตามไคโตะไป ไคโตะพาซึบาสะไปที่รถ เมื่อไปถึงรถไคโตะก็เปิดประตูรถให้ “ขึ้นรถซิ”

“เอ่อ…ครับ” ซึบาสะก้าวไปนั่งในรถอย่างเกร็งๆ ไคโตะปิดประตูรถ ซึบาสะรู้สึกเหมือนตัวเองคือหมูที่กำลังจะถูกเชือดยังไงอย่างงั้น เขามองไปในรถเห็นคนขับรถนั่งอยู่ คนๆ นั้นไม่ได้หันมามองเขาเลย สายตาของคนขับรถมองตรงไปข้างหน้า จนซึบาสะเห็นยามาโตะเดินมาเขากลืนน้ำลายเอือก! ประตูรถเปิดออกแล้วยามาโตะก็ก้าวเข้ามานั่งข้างเขา ซึบาสะรีบทักทายอย่างเกร็งๆ “สะ…สวัสดีครับ”

“ไปร้าน………..ก่อน” ยามาโตะสั่ง คนขับรถรับคำสั่ง “ครับท่าน”

จากนั้นรถก็ขับออกไป มีรถขับนำหน้าและขับตามหลัง ซึบาสะมองอย่างหวาดๆ เกร็งๆ ยามาโตะมองแล้วปลอบว่า “ไม่ต้องกลัว ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกน่า”

ซึบาสะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ คนๆ นี้มีอำนาจมาก ต่อให้เขาถูกฆ่าตายก็คงกลายเป็นคนหายสาบสูญไปแน่นอน เขาเป็นแค่คนตัวเล็กๆ ไม่มีอำนาจอะไรเลย เขาทำได้เพียงแค่ทำตามที่ยามาโตะบอกเท่านั้น

จนกระทั่งไปถึงร้านสูทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นร้านตัดสูทที่หรูหราที่สุดในประเทศ ยามาโตะลงจากรถพลางบอก “ลงมาซิ ไปตัดสูทใหม่กัน”

“ตัดสูท? ซึบาสะทวนคำ ยามาโตะพยักหน้า “ใช่ เสื้อผ้าที่คุณไส่มันเชยมาก ลงมาซิ”

ซึบาสะมองๆ แล้วลงจากรถ “แต่ว่า…”

“มาเถอะ อย่าให้ผมต้องพูดซ้ำ” ยามาโตะบอกแกมบังคับ ซึบาสะจึงเดินตามยามาโตะไปโดยดี เมื่อเข้าไปในร้าน ยามาโตะก็สั่งว่า “ตัดสูท 20 ชุด ทั้งชุดลำลอง ชุดออกงาน ชุดทำงาน”

“ครับ” ผู้จัดการรับคำสั่งแล้วให้พนักงานวัดตัว ซึบาสะได้แต่ยืนเป็นหุ่นให้พนักงานวัดตัว หลังจากวัดตัวเสร็จแล้วยามาโตะก็สั่งว่า “ไปกันเถอะ”

“ครับ” ซึบาสะได้แต่เดินตามกลับไปที่รถอย่างเกร็งๆ เขาเข้าไปนั่งในรถ แล้วยามาโตะก็สั่งคนขับรถว่า “ไปร้าน……….ได้แล้ว”

“ครับท่าน” คนขับรถรับคำสั่งแล้วขับรถออกจากร้านสูท จากนั้นก็มุ่งหน้าตรงไปยังร้านอาหารที่หรูหราที่สุดของประเทศ

เมื่อไปถึงร้านอาหาร ยามาโตะก็ลงจากรถ ผู้จัดการร้านรีบมาต้อนรับ “เชิญครับท่าน”

ยามาโตะก้มลงไปมองซึบาสะที่ยังนั่งอยู่ในรถ “ลงมาซิ”

“เอ่อ…ครับ” ซึบาสะลงจากรถเดินตามยามาโตะไปอย่างเกร็งๆ ผู้จัดการเดินนำไปที่ห้องส่วนตัว ยามาโตะเดินตามไปอย่างคุ้นเคย ซึบาสะเดินตามไปอย่างเงียบๆ เขาตัวเกร็งๆ ไปตลอดทาง

เมื่อถึงห้องส่วนตัว ยามาโตะเดินเข้าไปนั่งอย่างคุ้นเคยพลางบอก “นั่งซิ”

“เอ่อ…ครับ” ซึบาสะก้าวไปนั่งตรงข้ามอย่างเกร็งๆ จากนั้นผู้จัดการก็เปิดไวน์เทใส่แก้ว “ไวน์ครับ”

“อืม” ยามาโตะพยักหน้า ยกแก้วไวน์ขึ้นพลางบอก “ดื่มซิ”

“เอ่อ…” ซึบาสะลังเล เขากลัวจะถูกมอมเหล้าจึงไม่กล้าดื่มไวน์ ยามาโตะบอก “แค่แก้วเดียวไม่ทำให้เมาหรอกน่า ดื่มเถอะ อย่าให้ผมต้องพูดซ้ำ”

น้ำเสียงประโยคหลังคุกคามอยู่เป็นนัยๆ ทำให้ซึบาสะจำใจต้องยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ ยามาโตะจึงสอน “วิธีดื่มไวน์ เขาดื่มกันแบบนี้ ดู ดม อม กลืน”

เขาทำให้ดู ซึบาสะทำตามอย่าง ดู ดม อม กลืน รสไวน์หอมอวลอยู่ในปาก

“ทานซิ อาหารร้านนี้อร่อยนะ” ยามาโตะบอกพลางวางแก้วไวน์ ซึบาสะวางแก้วไวน์แล้วหยิบตะเกียบคีบอาหารกินอย่างเกร็งๆ อาหารอร่อยมากสมกับเป็นร้านหรูชั้นนำของประเทศ แต่ว่าต้องกินกับยามาโตะเพียงแค่ 2 คนแบบนี้ก็ทำให้ซึบาสะรู้สึกกลืนไม่ค่อยลงจริงๆ ยามาโตะก็หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบทาน ตาก็คอยมองซึบาสะอย่างพึงพอใจ

จนกระทั่งทานอาหารอิ่มแล้วยามาโตะก็ไปส่งซึบาสะที่อพาร์ตเมนท์ เมื่อไปถึงอพาร์ตเมนท์ ซึบาสะก็รีบลงจากรถทันที เขาโค้งคำนับอย่างรนๆ เกร็งๆ “ขอบคุณครับๆ”

“พรุ่งนี้เจอกันที่ออฟฟิต” ยามาโตะบอก ซึบาสะเบิกตาโต “หา!”

“ต่อไปนี้ คุณไม่ต้องไปทำงานที่แผนกคัดแยกเอกสารแล้ว พรุ่งนี้คุณไปหาผมที่ห้องทำงาน ผมจะมอบหมายตำแหน่งใหม่ให้คุณ” ยามาโตะบอกแล้วสั่งคนขับรถว่า “กลับบ้าน”

“ครับท่าน” คนขับรถรับคำสั่งแล้วรถก็เคลื่อนตัวออกไป ซึบาสะได้แต่ยืนงงมองตามรถของยามาโตะไป จนกระทั่งรถลับตาไปแล้วเขาจึงได้เดินเข้าอพาร์ตเมนท์ไป

วันต่อมา ซึบาสะก็ไปที่บริษัทโทมิ เขาเจอเลขาคนนั้นมายืนรออยู่หน้าประตูบริษัท ไคโตะบอก “ตามผมมา ท่านรอพบคุณอยู่”

“เอ่อ…ครับ” ซึบาสะจำใจต้องไปพบยามาโตะที่ห้องทำงาน เมื่อไปถึงห้องทำงาน เลขาคนนั้นก็เปิดประตูให้เขา บอกว่า “ท่านรออยู่ เข้าไปซิ”

“เอ่อ…” ซึบาสะเดินเข้าไปในห้องอย่างเกร็งๆ เขาเห็นยามาโตะนั่งอยู่ที่เก้าอี้ เขาโค้งคำนับ “สวัสดีครับ”

“มานี่ซิ” ยามาโตะบอกพลางลุกขึ้น ซึบาสะมองอย่างเกร็งๆ กลัวๆ “คะ…ครับ”

ยามาโตะลุกขึ้นเดินไปพิงโต๊ะทำงานที่อยู่ข้างๆ โต๊ะของเขาแล้วยกมือกอดอกด้วยท่าทางสบายๆ พลางบอกว่า “นี่คือโต๊ะทำงานของคุณ ตั้งแต่วันนี้ไปคุณเป็นผู้ช่วยของผม”

“หา!?” ซึบาสะตกใจเบิกตาโต ยามาโตะกวักมือ “มาซิ มาดูโต๊ะทำงานใหม่ของคุณ ชอบไหม?”

“เอ่อ…ผมกลับไปทำงานเดิมดีกว่าครับ” ซึบาสะบอกอย่างกลัวๆ เกร็งๆ

Chapter 3

อดีตของซึบาสะกับยามาโตะ 2

ยามาโตะบอกเสียงเข้ม “รึว่าคุณไม่อยากฝึกงานผ่าน? ขัดคำสั่งหัวหน้าแบบนี้ไม่ดีนะ”

“ครับ” ซึบาสะได้แต่จำใจรับตำแหน่งอย่างกลัวๆ เกร็งๆ เขาไม่อยากอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้เลย ดูก็รู้ว่าคนๆ นี้คิดจะงาบเขา เขาเป็นผู้ชายตัวเล็กก็จริง หน้าสวยเหมือนผู้หญิงก็จริง แต่ว่าถึงยังไงเขาก็เป็นผู้ชายแท้ๆ ทั้งแท่งนะ! เขาไม่ได้มีใจเบี่ยงเบนไปรักชอบผู้ชายด้วยกันเองได้เลย!

“มาซิ มาดูโต๊ะทำงานของคุณ ถ้าไม่ชอบอะไรก็บอก ผมจะเปลี่ยนให้” ยามาโตะกวักมือเรียก ซึบาสะเดินไปดูโต๊ะทำงานอย่างเกร็งๆ กลัวๆ เขาพยายามยืนอยู่ห่างๆ จากยามาโตะให้มากที่สุด ยามาโตะก็ไม่รุกหนักเกินไป แกะน้อยยังตื่นกลัว ยิ่งเข้าใกล้มากไปแกะน้อยจะเตลิดหนีไปซะก่อน หึๆๆๆ…

ตำแหน่งใหม่ของซึบาสะก็ไม่มีอะไรมาก ชงชาชงกาแฟให้ยามาโตะ หรือไม่ก็ติดตามยามาโตะไปข้างนอก

จนกระทั่งครบกำหนดฝึกงาน ยามาโตะก็เซ็นใบฝึกงานให้ ‘ผ่าน’ โดยดี ซึบาสะโล่งอกมากที่ยามาโตะเซ็นใบฝึกงานให้เขาแล้ว เขารีบเอาใบฝึกงานไปยื่นกับทางมหาวิทยาลัยทันที หลังจากนั้นเขาก็เรียนจบ เขาสมัครงานไว้หลายที่ แต่มีบริษัทนึงที่เขาไม่คิดจะสมัครงานเลยนั่นก็คือกลุ่มบริษัทในเครือ ‘โทมิกรุ๊ป’

เขาถูกเรียกไปสัมภาษณ์งานหลายแห่ง นับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่มีบริษัทไหนรับเขาเข้าทำงานเลย เขาสงสัยมาก เพราะคะแนนสอบเขาก็ทำได้ดี แต่ทำไมจึงตกสัมภาษณ์ได้ล่ะ? ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว จึงขอพบฝ่ายบุคคลที่เป็นคนสัมภาษณ์เขา แล้วเขาก็ได้รู้คำตอบจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลท่านหนึ่งที่ใจดีแอบบอกเขาว่า “จริงๆ แล้วเป็นเพราะเบื้องบนสั่งมา ไม่ให้รับคุณเข้าทำงานน่ะ ถามจริงเถอะ คุณไปทำอะไรให้โทมิกรุ๊ปแบนคุณเหรอ?”

หลังจากได้รู้คำตอบ ซึบาสะก็โกรธจนรีบบุกไปพบยามาโตะที่บริษัททันที ไคโตะเห็นซึบาสะมาก็บอกว่า “ท่านรออยู่ เชิญ”

เขาเปิดประตูห้องทำงานให้ ซึบาสะเดินเข้าไปสีหน้าโกรธจัด เขาเห็นยามาโตะนั่งยิ้มอยู่ที่เก้าอี้ทำงานมองมาที่เขาเหมือนรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องมาจนได้ เขาตะโกนใส่ “คุณทำแบบนี้ทำไม!?”

“ก็แค่อยากให้คุณมาทำงานกับผมยังไงล่ะ” ยามาโตะตอบ ซึบาสะโกรธมาก “ผมไม่ทำงานกับคุณ!”

“คุณอยากได้ตำแหน่งไหนล่ะ? บอกซิ ผมสามารถให้คุณได้ทั้งนั้น” ยามาโตะบอกพลางยิ้มบางๆ ซึบาสะโมโหจึงตะโกนใส่เขาว่า “ตำแหน่งนายกน่ะ คุณให้ผมได้ไหมล่ะ!”

“โอ้!” ยามาโตะอุทาน เลิกคิ้วขึ้นแล้วถามว่า “คุณอยากได้จริงๆ รึเปล่าล่ะ?”

“อยากได้ซิ” ซึบาสะตอบอย่างโมโห ยามาโตะจึงบอก “ด้วยความสามารถของคุณตอนนี้ คงไม่อาจก้าวไปถึงตำแหน่งนั้นได้หรอก อย่างแรกเลยคุณต้องไปเรียนต่อ เรียนให้จบระดับปริญญาเอกซะก่อน หลังจากเรียนจบแล้วคุณก็ค่อยลงสมัครส.ส. จากนั้นผมจะกรุยทางให้คุณเอง ว่าไงยังอยากได้อยู่ไหมล่ะ?”

“อยาก” ซึบาสะตอบอย่างโมโห เขาอยากมีอำนาจจนสามารถหลุดพ้นจากคนๆ นี้ หากว่าเขากลายเป็นคนมีอำนาจขึ้นมาเมื่อไหร่ คนๆ นี้ก็จะไม่กล้าบีบบังคับเขาแบบนี้แน่นอน!

“ถ้างั้นคุณก็ไปเรียนต่อซะ เรื่องเงินผมออกให้เอง” ยามาโตะบอก ซึบาสะพยักหน้า “ได้!”

คอยดูซิ เขาจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ จะได้อยู่ห่างๆ จากคนๆ นี้ไปไกลๆ คนละทวีปเลย ฮึ่ม!

“งั้นมานี่ซิ มาดูว่าคุณควรจะเลือกคณะไหน? มหาวิทยาลัยอะไร?” ยามาโตะบอกพลางเปิดโน๊ตบุ๊ค ซึบาสะกัดฟันกรอดๆ แล้วเดินไปยืนข้างๆ ยามาโตะอย่างจำยอม ยามาโตะจิ้มๆ คีย์บอร์ดพลางบอก “คณะที่คุณควรจะเรียนก็คือบริหารหรือไม่ก็กฎหมาย ส่วนมหาวิทยาลัยก็ควรจะเป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศอย่าง……….นะ”

“ไม่ ผมจะไปเรียนต่อที่อเมริกาหรือไม่ก็อังกฤษ ต้องเป็นท็อป 10 ของมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกเท่านั้น” ซึบาสะบอกอย่างแน่วแน่ เขายื่นมือไปกดคีย์บอดร์ด ‘มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของโลก’ ขึ้นมา บนหน้าจอก็ขึ้น ‘10 อันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของโลก’ ขึ้นมาทันที เขาคลิกเข้าไปดู หน้าจอก็โชว์รายชื่อมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกขึ้นมาทันที

1 มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด (University of Oxford) ประเทศอังกฤษ

2 มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (University of Cambridge) ประเทศอังกฤษ

3 มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University) ประเทศสหรัฐอเมริกา

4 สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology) ประเทศสหรัฐอเมริกา

5 สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย (California Institute of Technology) ประเทศสหรัฐอเมริกา

6 มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) ประเทศสหรัฐอเมริกา

7 มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน (Princeton University) ประเทศสหรัฐอเมริกา

8 มหาวิทยาลัยเยล (Yale University) ประเทศสหรัฐอเมริกา

9 อิมพิเรียลคอลเลจลอนดอน (Imperial College London) ประเทศอังกฤษ

10 มหาวิทยาลัยชิคาโก (University of Chicago) ประเทศสหรัฐอเมริกา

“ต้องเป็นหนึ่งใน 10 มหาวิทยาลัยนี้เท่านั้น ผมถึงจะก้าวไปสู่ตำแหน่งนายกฯ ได้” ซึบาสะบอก ในใจคิดว่า เอาซิ คุณอยากให้ผมเรียนต่อก็ต้องเป็น 1 ใน 10 มหาวิทยาลัยนี้เท่านั้น

ยามาโตะมองรายชื่อมหาวิทยาลัยเหล่านั้นแล้วบอกว่า “เอาซิ ถ้าคุณสามารถสอบเข้าได้ ผมก็กล้าส่งเหมือนกัน”

เขาหันไปมองหน้าซึบาสะอย่างท้าทาย ซึบาสะมองตอบอย่างท้าทายเช่นกัน คอยดูซิ เขาจะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย 1 ใน 10 เหล่านี้ให้ได้!

หลังจากนั้นซึบาสะก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านตำราภาษาอังกฤษอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำเหล่านั้นให้ได้!

จนกระทั่งเขาสอบติดมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ของประเทศสหรัฐอเมริกา ยามาโตะก็ส่งซึบาสะไปเรียนต่อตามที่พูดไว้เหมือนกัน ซึบาสะโล่งใจที่ได้ไปอยู่คนละทวีปกับยามาโตะซะที ส่วนคุณแม่กับคุณยายเขาก็บอกทั้งสองว่าเขาได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ ถึงแม้ว่าจะเป็น ‘ทุนส่วนตัว’ ของยามาโตะก็ตาม เรื่องนี้เขาไม่ได้พูดออกไป เขาบอกแค่ว่าเขาได้รับทุนจากบริษัทโทมิแค่นั้น ฟูจิเอะ ยามะ แม่ของซึบาสะ กับฟูซาเอะ ยามะ ยายของซึบาสะต่างก็ดีใจมากที่ซึบาสะได้ทุนเรียนต่อต่างประเทศ

ครั้นถึงวันเดินทาง ฟูจิเอะและฟูซาเอะก็พากันไปส่งซึบาสะที่สนามบิน ยามาโตะก็บินไปส่งซึบาสะถึงหอพักของมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว หลังจากส่งซึบาสะแล้วยามาโตะก็บินกลับประเทศไป ซึบาสะก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนอย่างเอาเป็นเอาตาย

ในระหว่างที่ซึบาสะเรียนอยู่นั้น ยามาโตะก็บินไปหาบ่อยๆ เท่าที่มีเวลาว่าง ซึบาสะจำใจต้องไปทานข้าวกับยามาโตะ ไปเที่ยวด้วยกัน เขาคิดซะว่านี่เป็นค่าตอบแทนของเขาที่สามารถจ่ายคืนให้ยามาโตะได้ในตอนนี้ รอไว้เขามีเงินมีอำนาจเมื่อไหร่ เขาจะจ่ายคืน ‘ทุนส่วนตัว’ ของยามาโตะให้ครบทุกดอลล่าร์เลยทีเดียว

จนกระทั่งซึบาสะเรียนจบปริญญาเอก เขาก็บินกลับประเทศไป ยามาโตะก็ให้ซึบาสะสมัครเป็นสมาชิกพรรคเสรี ซึ่งเขาเป็นผู้สนับสนุนพรรคนี้อยู่เบื้องหลัง

จากผู้สมัครส.ส.หน้าใหม่ก็ถูกยามาโตะกรุยทางให้จนกระทั่งซึบาสะได้เป็นหัวหน้าพรรคเสรี แล้วก็ได้เป็นนายกฯ เฉกเช่นปัจจุบันนี้

ต่อให้ซึบาสะจะเป็นนายกฯ แล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังไม่สามารถหลุดจากอำนาจของยามาโตะได้เลย เขารู้แล้วว่ายามาโตะมีอำนาจมากขนาดไหน กลุ่มโทมิกรุ๊ปครองธุรกิจทุกอย่างในประเทศมาอย่างยาวนาน ดังนั้นยามาโตะจึงเป็นเหมือนราชาผู้อยู่เบื้องหลังประเทศนี้กลายๆ คำพูดของยามาโตะคำเดียวก็ชี้เป็นชี้ตายคนได้แล้ว ซึบาสะซึ่งอยากหลุดพ้นจากอำนาจของยามาโตะจึงหาหนทางอย่างสิ้นหวังมาก ขณะที่เขากลับไปเยี่ยมคุณแม่กับคุณยายที่บ้านเกิด เขาจึงไปขอพรที่ศาลเจ้าฟูชิมิ อย่างหมดหนทาง “ได้โปรดเถอะครับ ได้โปรดช่วยให้ผมหลุดพ้นจากยามาโตะคนนั้นทีเถอะ!”

แล้วเทพเจ้าแห่งศาลเจ้าฟูชิมิก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขา บอกว่า “หากอยากหลุดพ้นจากยามาโตะ เจ้าจะต้องให้วิญญาณของคนๆ หนึ่งยืมร่างชั่วคราว”

“ได้ครับ” ซึบาสะตกลงรับปากทันที เมื่อเขากลับไปเมืองหลวงเขาก็ตกบันไดแล้ววิญญาณของเขาก็หลุดออกจากร่างอย่างที่เห็น

“………เรื่องก็เป็นอย่างนี้แหละ” ซึบาสะเล่าพลางมองอากิโอะ อากิโอะฟังแล้วรู้สึกเหลือเชื่อมากๆ แต่ไม่เชื่อก็ไม่ได้ เพราะเขามาอยู่ในร่างของซึบาสะจริงๆ

“เดี๋ยวนะ ผมขอเรียบเรียงข้อมูลก่อนนะ” อากิโอะบอกแล้วคิดทบทวนคำพูดของซึบาสะ ซึบาสะก็ลอยตัวอยู่เงียบๆ ไม่พูดอะไรอีก อากิโอะคิดๆ อยู่นานมาก พลัน! เขาก็ถามว่า “ที่รถผมโดนคนร้ายถล่ม หรือว่าจะเป็นฝีมือของยามาโตะ?”

“ผมไม่แน่ใจ แต่ว่ายามาโตะสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายของเขา ใครที่ขวางทางเขาก็จะถูกเขาจัดการทั้งในทางลับและเปิดเผย” ซึบาสะบอก อากิโอะคิดหนักทีเดียว “อืม?”

“อย่างแรกเลยต้องหาก่อนว่าใครเป็นคนลงมือฆ่าผมซินะ?” อากิโอะเอ่ยออกมา “นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมไม่อาจไปสู่สุขคติได้ล่ะมั้ง?”

ซึบาสะเงียบไป เขาต้องการแค่ให้ตัวเองหลุดพ้นจากยามาโตะคนนั้นก็พอ อากิโอะมองซึบาสะแล้วคิดๆ ‘นายคนนี้ตัวเล็กน่ารักปุ๊กปิ๊กแบบนี้ ทั้งยังหน้าสวยเหมือนผู้หญิง นี่มันสเปค ‘เกย์ควีน’ ชัดๆ มิน่าล่ะยามาโตะคนนั้นถึงได้หลงขนาดนั้น ถ้านายคนนี้เป็นผู้หญิงจริงๆ เราเองก็คงชอบเหมือนกันแหละ ก็นะสวยซะขนาดนี้ หึๆๆๆ…’

อากิโอะนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น ก็อกๆ

“ท่านคะ ถึงเวลาทานยาก่อนอาหารค่ะ” นางพยาบาลแง้มประตูส่งเสียงบอกเข้าไป อากิโอะจึงดึงสติกลับมาแล้วบอกว่า “เชิญครับ”

นางพยาบาลจึงเปิดประตูเดินเข้าไป ยื่นยาก่อนอาหารให้ “นี่เป็นยาลดกรดค่ะ”

อากิโอะมองยาลดกรดแล้วทำหน้างงๆ ซึบาสะจึงบอก “คือผมเป็นโรคกระเพาะกับกรดไหลย้อนน่ะ ต้องกินยาลดกรดเป็นประจำ”

“อ่อ” อากิโอะพยักหน้ารับรู้แล้วรับยามา “ขอบคุณครับ”

นางพยาบาลยิ้มแล้วรีบรินน้ำให้ อากิโอะกินยาแล้วดื่มน้ำตาม หลังจากนั้นเขาก็บอกว่า “ผมต้องการโน๊ตบุ๊คเครื่องนึง”

“ค่ะ ดิฉันจะบอกบอดี้การ์ดให้เอามาให้ค่ะ” พยาบาลบอกแล้วรีบเดินไปบอกบอดี้การ์ดทันที ไม่นานนักโน๊ตบุ๊คเครื่องหนึ่งก็วางอยู่ตรงหน้าท่านนายกฯ ซึบาสะ อากิโอะพูดกับบอดี้การ์ดที่เอาโน้ตบุ๊คมาให้ “ขอบคุณมาก”

บอดี้การ์ดยิ้มหน้าบานแล้วถอยออกไป อากิโอะเปิดโน๊ตบุ๊คเห็นว่าต้องใส่รหัสผ่าน ซึบาสะจึงบอก “รหัสคือ……….”

อากิโอะจิ้มคีย์บอร์ดป้อนรหัสไป จากนั้นหน้าจอโน๊ตบุ๊คก็เข้าสู่หน้าจอพร้อมทำงาน อากิโอะเช็คดูโปรแกรมในเครื่อง

ซึบาสะลอยตัวอยู่ข้างๆ ดูอากิโอะจิ้มๆ คีย์บอร์ด เขาสงสัยจึงถาม “ทำอะไรเหรอ?”

“ตรวจดูโปรแกรมก่อนน่ะ” อากิโอะบอก แล้วเขาก็เชื่อมต่อไวไฟจากนั้นก็เข้าเว็บๆ หนึ่งโหลดโปรแกรมตรวจจับมัลแวร์มา หลังจากดาวน์โหลดโปรแกรมตรวจจับมัลแวร์แล้วติดตั้งเรียบร้อย เขาก็เปิดโปรแกรมให้สแกนโน๊ตบุ๊คเครื่องนั้นทันที ซึบาสะมองดูอยู่จึงบอกว่า “เครื่องนี้ผมใช้เป็นประจำไม่มีปัญหาอะไรนะ”

“อืม” อากิโอะพยักหน้ารับรู้ โน๊ตบุ๊คคนอื่นถ้าเขาจะใช้เขาก็ไม่ค่อยกล้าใช้เท่าไหร่ เพราะไม่รู้ว่ามีความปลอดภัยสักแค่ไหนจนกว่าเขาจะตรวจสอบจนแน่ใจซะก่อน

หลังจากโปรแกรมสแกนไปสักพักก็แจ้งเตือนว่ามีมัลแวร์กับสปายแวร์อยู่ในเครื่อง เขาจึงคลิกดูโปรแกรมพวกนั้นทีละตัว หลังจากเปิดดูแล้วเขาก็อุทานเบาๆ “โอ้! คุณอยู่ในกำมือเขาจนดิ้นไม่หลุดเลยล่ะ”

“หมายความว่าไง?” ซึบาสะถาม อากิโอะบอก “ก็ดูซิ ไม่ว่าคุณจะติดต่อใคร เสิร์จอะไร มัลแวร์กับสปายแวร์พวกนี้มันก็จะทำให้คนที่ติดตั้งโปรแกรมพวกนี้ไว้ในโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้เข้ามาดูประวัติการใช้งานของคุณได้หมดเลยน่ะซิ”

“หมายความว่าผมถูกสอดส่องซินะ” ซึบาสะตกใจอยู่เหมือนกันแต่ไม่มากเท่าไหร่ เขาก็พอจะรู้มาว่ายามาโตะคอยให้คนของเขาสอดส่องพฤติกรรมของตัวเองอยู่ แต่คิดไม่ถึงว่ายามาโตะจะใส่โปรแกรมมัลแวร์สปายแวร์ไว้ในโน๊ตบุ๊คที่เขาใช้ด้วยแบบนี้!

“หึ! กระจอก” อากิโอะแค่นเสียงเยาะคำหนึ่งแล้วเขาก็ตั้งค่าให้โปรแกรมพวกนั้นสอดส่องได้ในระดับพื้นฐาน จากนั้นเขาก็ดาวน์โหลดเบราเซอร์เฉพาะลงมาแล้วติดตั้งเบราเซอร์นั้นลงในเครื่อง ซึบาสะมองดูแล้วเอ่ยว่า “ดูคุณเก่งจัง”

“อ่อ แน่นอนซิก็ผมจบจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์นี่” อากิโอะบอก ซึบาสะเลิกคิ้วขึ้น “ก็ไหนในประวัติของคุณบอกว่าคุณจบจาก Fisher College จากอเมริกาไม่ใช่เหรอ?”

“นั่นนะปริญญาอีกใบหรอก อันนั้นผมก็แค่เทียบโอนแล้วลงเรียนไม่กี่วิชาเท่านั้นก็ได้ปริญญาใบนั้นมาแล้ว แต่ที่ผมเรียนจริงๆ จังๆ น่ะคือที่แมสซาชูเซตส์ต่างหาก” อากิโอะบอก ซึบาสะทำหน้าอึ้งๆ ทึ่งๆ ไป

หลังจากตั้งค่าเสร็จแล้วอากิโอะก็เปิดเบราเซอร์ขึ้นมาแล้วเข้าไปที่เว็บไซต์ของธนาคารประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เขาล็อกอินเข้าไปดูบัญชีนิรนามของเขา ยอดเงินยังคงดูปกติดีอยู่ เขาจึงถอนหายใจโล่งอก “เฮ้อ…”

ในขณะที่เขาล็อกอินเข้าไปนั้น ก็มีการแจ้งเตือนการล็อกอินไปยังอีเมลไอดีหนึ่งทันที ปิ๊บๆ

คนที่กำลังนอนอยู่จึงลุกขึ้นมาดูโน๊ตบุ๊คทันที คนๆ นั้นเปิดอีเมลอ่านแล้วตกตะลึงไป “ใครกัน? เป็นใครล็อกอินเข้ามา?”

คนๆ นั้นรีบตรวจสอบทันที นิ้วจิ้มๆ คีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊ครัวๆ เพื่อตามรอยการล็อกอินเข้าสู่บัญชีนิรนามบัญชีนั้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็เจอการสกัดกั้นมากมายจนยากจะตามรอยได้ ทำให้คนๆ นั้นสบถออกมา “เชี่ยเอ้ย! ใครวะ!?”

เมื่อตามรอยไม่ได้คนๆ นั้นจึงได้แต่เฝ้าจับตาดูการเคลื่อนไหวของบัญชีนิรนามบัญชีนั้นต่อไป

“ธนาคารสวิตฯ เหรอ?” ซึบาสะถามลอยๆ อากิโอะพยักหน้า “ใช่ นี่คือบัญชีของผมเอง”

“โห รวยมาก” ซึบาสะดูยอดเงินแล้วตาโต ไม่ใช่ตาโตเพราะความโลภ แต่ตาโตเพราะจำนวนหลักของยอดเงินนั้นมันเป็นหมื่นๆ ล้านเลยนะ ไม่ใช่หมื่นๆ ล้านเยน แต่เป็นหมื่นๆ ล้านดอลล่าร์! แบบว่ารวยเวอร์เลยอ่ะ!

“งั้นคุณก็ปกปิดบัญชีน่ะซิ” เขาเอ่ยออกมา เขาจำได้ว่าตอนอากิโอะรับตำแหน่งนายกฯ นั้นมีการเปิดเผยข้อมูลทรัพย์สินที่ถือครองด้วย ทรัพย์สินของอากิโอะที่เปิดเผยออกมามีรวมๆ แล้วก็ประมาณ 40 กว่าล้านเยน

“ก็ไม่เรียกว่าปกปิดหรอก เรียกว่าเปิดเผยไม่ได้มากกว่า เพราะว่าเงินพวกนี้ไม่ได้มีชื่อผมขึ้นอยู่ในบัญชีนี่นา” อากิโอะบอก ซึบาสะยักไหล่ “แล้วมันต่างกันตรงไหน? ก็ปกปิดนั่นแหละ”

“ต่างซิ บัญชีนี้ไม่มีชื่อคุณอยู่ จะเรียกว่าคุณเป็นเจ้าของบัญชีได้ไหมล่ะ?” อากิโอะย้อนถาม ซึบาสะเถียงไม่ออก ก็ใช่แหละ

หลังจากดูความเคลื่อนไหวของบัญชีแล้วอากิโอะก็ล็อกเอ้าท์ออก ซึบาสะถาม “แล้วคุณจะทำยังไงต่อไป?”

“จะงัดข้อกับกลุ่มโทมิ ก็ต้องหาจุดอ่อนก่อนซิ” อากิโอะบอก ซึบาสะส่ายหน้า “ถ้าหาได้ผมหาไปนานแล้ว แต่นี่ยามาโตะระวังตัวมาก เรื่องที่เขาทำในที่ลับไม่เคยทิ้งหลักฐานอะไรเอาไว้เลย”

“น่า ค่อยๆ หาไปเดี๋ยวก็เจอจนได้แหละ” อากิโอะบอก ซึบาสะทำหน้าเซ็งอย่างไม่ค่อยเชื่อถือ เขาใกล้ชิดกับยามาโตะมากพอสมควรแต่ก็ไม่เคยเจอหลักฐานอะไรที่จะเอาผิดยามาโตะได้เลย ไม่งั้นเขาคงเอาหลักฐานเหล่านั้นมาขู่ยามาโตะให้เลิกยุ่งกับเขาซะที

แล้วอากิโอะก็เสิร์จดูรายชื่อบอดี้การ์ดที่ตายไปในตอนนั้น คนที่ตายไปล้วนไว้ใจได้ทั้งนั้น ส่วนคนที่เหลืออยู่ แน่นอนว่าเขาต้องตรวจสอบคนพวกนั้นซะแล้ว หึๆๆๆ…ใครเป็นหนอนบ่อนใส้ ขายข่าวให้ศัตรู เขาจะหาตัวมันออกมาให้ได้! คอยดูซิ!

แต่การอยู่ในร่างซึบาสะแบบนี้ก็ไม่ค่อยสะดวกเอาซะเลย จะไปไหนมาไหนก็ลำบากแน่ เพราะตอนนี้เจ้าของร่างคือนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ทำลายสถิตินายกรัฐมนตรีอายุน้อยที่สุดของ อากิโอะ เอบะไปอย่างขาดลอยเลยทีเดียว เฮอะ!

ถ้าให้เขาเดา พวกบอดี้การ์ดคงเป็นคนของยามาโตะทั้งนั้น รวมถึงนางพยาบาลนั่นด้วย เขาจำได้ว่าตอนที่เขาออกคำสั่งกับเธอ เธอไม่ค่อยจะทำตามคำสั่งเขาเท่าไหร่ แต่พอยามาโตะสั่งเท่านั้นแหละ เธอก็รีบออกไปทันที เห็นได้ชัดเลยว่าใครเป็นเจ้านายแท้จริงของเธอ หึๆๆๆ…

ถ้าเขาจะเคลื่อนไหวอะไรก็ต้องคอยหลบหูหลบตาของยามาโตะให้ดีๆ ซินะ! ฮึ่ม!

“ดูคุณไม่ค่อยตกใจเท่าไหร่” ซึบาสะเอ่ย อากิโอะตอบ “ก็ตกใจไปแล้วไง”

“แค่นั่นน่ะนะ?” ซึบาสะมองหน้า อากิโอะยักไหล่ “จะให้ตกใจนานอะไรล่ะ? รึว่าต้องให้ผมมัวแต่ตกใจอยู่งั้นเหรอ?”

“เปล่า ก็แค่แปลกใจที่ดูคุณจะมีสติมากๆ” ซึบาสะบอก อากิโอะยักไหล่ “ช่วยไม่ได้ ก็คนมันฉลาดนี่นา”

“เฮอะ!” ซึบาสะแค่นเสียงอย่างหมั่นไส้ อากิโอะก็เสิร์จๆ ดูเกี่ยวกับบอดี้การ์ดที่คุ้มกันเขาในตอนนั้น แน่นอนว่าข้อมูลบางอย่างเขาก็เอามาจากฝ่ายความมั่นคงของประเทศ เขาเคยเป็นถึงนายกรัฐมนตรีเชียวนะ ดังนั้นเรื่องต่างๆ ที่คนทั่วไปไม่รู้เขาย่อมรู้ดี หึๆๆๆ…

อากิโอะเสิร์จๆ ข้อมูลอยู่พักใหญ่แล้วก็ลบประวัติการเสิร์จทั้งหมดทิ้งไป จากนั้นเขาก็เปิดเบราเซอร์ปกติขึ้นมาแล้วเสิร์จดูข่าวทั่วๆ ไป แน่นอนว่าประวัติในการเสิร์จเบราเซอร์ปกติพวกโปรแกรมมัลแวร์สปายแวร์พวกนั้นสามารถเข้าถึงประวัติในส่วนนี้ได้ เขาไม่ต้องการให้ยามาโตะรู้ตัวว่าเขารู้แล้วว่าในโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ลงโปรแกรมสปายแวร์เอาไว้ ดังคำที่ว่า ‘อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น’ นั่นแหละ

เขาต้องสวมรอยเป็นซึบาสะไปก่อน ใช้ความปุ๊กปิ๊กน่ารักนี้หลอกยามาโตะให้ตายใจซะก่อน หึๆๆๆ…

ก็อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น นางพยาบาลยกอาหารเข้ามา อากิโอะจึงเงยหน้ามอง “ขอบคุณครับ”

“ค่ะท่าน” นางพยาบาลยิ้มบางๆ ขณะที่เอาอาหารไปวางก็แอบมองหน้าจอโน๊ตบุ๊คไปด้วย อากิโอะเห็นนางพยาบาลแอบมองก็ทำไม่รู้เรื่อง ปล่อยให้เธอมองไป เฮ้อ…สอดส่องกันทุกฝีก้าวเลยนะ!

เขาคลิกข่าวทั่วๆ ไปขึ้นมาอ่านข่าวหนึ่ง นางพยาบาลวางอาหารแล้วก็ถอยออกไป อากิโอะก็ไล่ว่า “คุณจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ ไม่ต้องอยู่เฝ้าผมหรอก เดี๋ยวทานเสร็จแล้วผมค่อยเรียกคุณมาเก็บ”

“ค่ะ” นางพยาบาลเดินออกไป อากิโอะจึงพูดกับซึบาสะว่า “เฮ้อ…น่าเห็นใจคุณจริงๆ ถูกสอดส่องตลอดเวลาแบบนี้ผมล่ะอึดอัดแทน”

Chapter 4

ดึงดันออกจากโรงพยาบาล

“ผมก็อึดอัดนะ แต่ผมทำอะไรไม่ได้ไง คุณแม่ผม คุณยายผม จะเป็นอันตรายถ้าผมไม่ยอมทำตามที่เขาต้องการ” ซึบาสะบอกอย่างอัดอั้นตันใจ อากิโอะเข้าใจความรู้สึกของเขา ซึบาสะคนนี้ก็เป็นแค่คนๆ หนึ่งที่พยายามปกป้องครอบครัวจากคนที่มีอำนาจ ทั้งยังต้องพยายามปกป้องตัวเองไม่ให้ถูก ‘เกย์คิง’ จับกด อืม น่าเห็นใจจริงๆ นั่นแหละ

เขาคิดๆ แล้วก็ทานอาหาร ซึบาสะอยู่ข้างๆ มองเงียบๆ ไม่พูดอะไร เขาได้แต่หวังว่า ‘อากิโอะ เอบะ’ คนนี้ที่ท่านเทพแห่งศาลเจ้าฟูชิมิบอกจะสามารถช่วยให้เขาหลุดพ้นจากยามาโตะได้จริงๆ

หลังทานอาหารเสร็จแล้ว อากิโอะก็เรียกนางพยาบาลให้เข้ามาเก็บจานออกไป นางพยาบาลเก็บจานชามออกไปแล้วนำยาหลังอาหารไปให้ “ยาหลังอาหารค่ะ เป็นยาแก้ปวดกับยาแก้อักเสบค่ะ”

“อืม ขอบคุณครับ” อากิโอะรับยามาแล้วกินทันที นางพยาบาลยื่นแก้วน้ำให้ อากิโอะก็รับมาดื่มอึกๆ แล้วส่งแก้วเปล่าคืนให้ จากนั้นเขาก็ขยับตัวลงจากเตียง เห็นที่แขนยังใส่สายน้ำเกลืออยู่เขาจึงบอกว่า “สายน้ำเกลือนี่ถอดได้แล้วมั้ง ผมรำคาญ”

“เอ่อ…เรื่องนี้ต้องถามคุณหมอก่อนค่ะ” นางพยาบาลบอก อากิโอะบอกน้ำเสียงค่อนข้างเข้มว่า “ถามซะ!”

นางพยาบาลฟังแล้วรู้สึกกลัวๆ เกรงๆ ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เธอรีบยกหูโทรศัพท์โทรบอกหมอทันที จากนั้นเธอก็วางหูแล้วบอกว่า “อีกสักครู่คุณหมอจะมาค่ะ”

“อืม” อากิโอะพยักหน้าแล้วนั่งรอ ไม่ถึง 10 นาทีหมอก็มาถึง หมอรีบโค้งคำนับท่านนายกฯ ทันที “ท่านครับ”

“ถอดสายน้ำเกลือที ผมรำคาญ” อากิโอะสั่งน้ำเสียงเข้มดุ หมอชะงักไป เขามองถุงน้ำเกลือที่เหลืออยู่ครึ่งถุงแล้วบอกว่า “เอ่อ…รอให้หมดก่อนดีไหมครับ?”

“ถอดซะ ถ้าคุณไม่ถอดให้ ผมจะถอดเอง” อากิโอะบอก หมอรีบบอก “ครับๆ ผมถอดให้เดี๋ยวนี้เลยครับ”

หมอขยับไปจัดการถอดสายน้ำเกลือออก พยาบาลก็คอยช่วยอยู่ข้างๆ เมื่อถอดสายน้ำเกลือเสร็จแล้วอากิโอะก็บอกว่า “อาการผมก็ไม่เป็นอะไรมากแล้ว งั้นผมกลับบ้านล่ะ”

“อ่า…อยู่ดูอาการอีกซักวันดีกว่านะครับ” หมอบอก อากิโอะบอก “ผมยังมีงานต้องทำอีกเยอะ แค่หัวแตกแค่นี้ไม่ได้เป็นอะไรนักหนา จัดการซะ ผมจะออกจากโรงพยาบาลตอนนี้เลย”

“อ่า…ครับๆ” หมอไม่กล้าขัดคำสั่ง อากิโอะสั่งอีก “เอาเสื้อมาให้ผมเปลี่ยนเดี๋ยวนี้”

“อ่า…ครับๆ” หมอรับคำสั่ง เขาหันไปมองนางพยาบาล นางพยาบาลรีบเดินออกไปบอกบอดี้การ์ดให้เอาเสื้อผ้าของท่านนายกฯ มาให้ด้วย บอดี้การ์ดมองนางพยาบาลอย่างงงๆ “หือ?”

“ท่านจะออกจากโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ค่ะ คุณหมอก็ห้ามไม่ไหว” นางพยาบาลบอก บอดี้การ์ดฟังแล้วยิ่งงงๆ บอดี้การ์ดคนหนึ่งจึงเดินเข้าไปถาม “ท่านครับ ท่านจะออกจากโรงพยาบาลเหรอครับ?”

“ใช่ซิ คุณไปเอาเสื้อผ้าผมมา แล้วเตรียมรถไว้ด้วย เร็วๆ ล่ะ” อากิโอะสั่งทำหน้าขึงขัง บอดี้การ์ดละล้าละลัง “เอ่อ…ถ้างั้นรอสักครู่ครับ”

เขาหยิบมือถือออกมากดโทรรายงานไคโตะทันที อากิโอะมองบอดี้การ์ดที่ไม่ฟังคำสั่งเขา เขาจึงบอกว่า “ผมไล่คุณออก!”

“หะ…หา!?” บอดี้การ์ดตกใจอึ้งงันไป อากิโอะเดินเข้าไปใกล้บอดี้การ์ดคนนั้นแล้วดึงมือถือมา บอดี้การ์ดยืนอึ้ง “อ่า…ท่าน…”

อากิโอะเอามือถือมาแนบหู เสียงปลายสายรับ “มีอะไร?”

“ไม่มีอะไร แค่ผมจะออกจากโรงพยาบาล” อากิโอะตอบคนปลายสายแล้วตัดสายไป เขายื่นมือถือให้บอดี้การ์ดคนนั้นแล้วบอกว่า “คุณไปรับเงินชดเชยแล้วออกไปซะ ลูกน้องที่ไม่ทำตามคำสั่งผม ผมจะจ้างไว้ทำไม”

“ท่าน!” บอดี้การ์ดคนนั้นตกตะลึงไป เขาเป็นคนของยามาโตะ ดังนั้นจึงฟังคำสั่งยามาโตะเท่านั้น แต่จู่ๆ ซึบาสะคนนี้กลับไล่เขาออก!

อากิโอะหันไปมองนางพยาบาลสายตาดุๆ ทำให้นางพยาบาลรู้สึกกลัวเกรงขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เธอกลืนน้ำลายเอือก “อึก”

“คุณหมอ จะให้ผมออกจากโรงพยาบาลทั้งชุดนี้รึไง?” อากิโอะมองหมอดวงตาดุๆ หมอรีบโบกมือ “เอ่อ…ไม่ๆ ครับ ผมจะรีบเอาเสื้อมาให้ท่านเปลี่ยนครับ”

ถ้าปล่อยให้ท่านนายกฯ ออกจากโรงพยาบาลทั้งชุดคนไข้แบบนี้ โรงพยาบาลของเขาได้เสียชื่อเสียงแน่นอน ในเมื่อท่านนายกฯ ดึงดันจะออกจากโรงพยาบาลให้ได้ ก็มีแต่ต้องยอมให้กลับไปเท่านั้น เขาจึงล้วงมือถือมาโทรสั่ง “ให้คนไปซื้อเสื้อผ้าไซส์ท่านนายกฯ เดี๋ยวนี้เลย”

“หา!” ปลายสายตกใจ ครู่ต่อมาก็รับคำ “ครับๆ”

หมอวางสายแล้วรีบบอกว่า “รออีกสักครู่นะครับ”

“อืม” อากิโอะพยักหน้าแล้วเดินไปทางห้องน้ำ เขาเดินเข้าไปแล้วปิดประตู พยาบาลมองอย่างละล้าละลังทำอะไรไม่ถูก “คุณหมอคะ จะทำยังไงดีคะ?”

“จะทำอะไรได้อีกล่ะ ท่านจะกลับก็ต้องปล่อยท่านล่ะ” หมอบอกอย่างจนปัญญา เจอคนไข้ดื้อดึงจะกลับให้ได้แบบนี้เขาก็รั้งไว้ไม่ไหว มีแต่ต้องยอมให้กลับไป เขามองพยาบาลแล้วบอกว่า “เอ้า! รีบไปทำเอกสารให้ท่านออกจากโรงพยาบาลซิ”

คนไข้จะออกจากโรงพยาบาลได้ ส่วนใหญ่มี 3 กรณี

1 กลับบ้าน

2 ส่งตัวไปรักษาต่อที่อื่น

3 ตาย

แน่นอนว่าของท่านนายกฯ ต้องเป็นข้อ 1 ขณะที่สั่งพยาบาล เขาก็เอามือถือออกมาโทรบอก ไคโตะ โกโร่ มือขวาของยามาโตะ ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้ ใช่ ยามาโตะ โทมิ เป็นเจ้าของโรงพยาบาลนี้เพราะเขาถือหุ้นของโรงพยาบาลมากกว่า 50% อย่างไรล่ะ

เมื่อปลายสายรับสาย “ฮาโหล”

“เอ่อ ท่านนายกฯ จะออกจากโรงพยาบาลให้ได้ ผมห้ามไม่อยู่จริงๆ ครับ” หมอรายงาน ไคโตะขมวดคิ้ว “หือ?”

แล้วเขาก็รายงานต่อให้ยามาโตะรู้ “ท่านครับ ท่านนายกฯ จะออกจากโรงพยาบาลครับ”

“ก็ตามใจเขาซิ คงเบื่อละมั้ง กลับไปอยู่ที่บ้านน่าจะอารมณ์ดีกว่ามั้ง” ยามาโตะบอกพลางเงยหน้ามองเลขาแวบหนึ่ง ไคโตะจึงพูดโทรศัพท์ว่า “ตามใจท่านซะ”

“อ่า…ครับๆ” หมอรับคำสั่ง ไคโตะตัดสายไป หมอแอบถอนหายใจโล่งอก “เฮ้อ…”

อากิโอะออกจากห้องน้ำ เขามองหมอไม่พูดอะไร เขาเดินไปนั่งที่โซฟา หมอยืนตัวตรงแหน็ว มองท่านนายกฯ อย่างเกรงๆ อากิโอะได้ยินที่หมอโทรไปรายงานใครบางคน คนๆ นั้นคงเป็นคนของยามาโตะชัวร์! เห็นทีคงต้องจัดการกับหูตาของยามาโตะซะหน่อย โละบอดี้การ์ดทั้งชุดดีไหมนะ? อืม ไม่ค่อยดี โจ่งแจ้งเกินไป จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นซะเปล่าๆ งั้นต้องหามือถือกับโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่ก่อนล่ะกัน

เขาคิดๆ อยู่ในใจ แน่ใจเลยว่ามือถือก็น่าจะถูกฝังมัลแวร์ไว้แน่นอน

ซึบาสะลอยไปอยู่ข้างๆ อากิโอะ เมื่อครู่เขาไม่ได้ตามอากิโอะเข้าไปในห้องน้ำด้วย ทำให้เขามีโอกาสมองหมอกับพยาบาล เขาได้ยินที่หมอโทรรายงานใครบางคน เขาแน่ใจว่าคนๆ นั้นคือไคโตะ มือขวาของยามาโตะแน่นอน เขารู้ดีว่าชีวิตเขาถูกยามาโตะจับตามองอยู่ตลอดเวลา เขาไม่เคยมีอิสระเลยนับตั้งแต่ที่เจอยามาโตะ ขนาดตอนเรียนอยู่อเมริกา ยามาโตะยังให้คนจับตามอง ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ไปที่ไหนล้วนอยู่ในสายตาของยามาโตะตลอด ชีวิตที่เหมือนนกในกรงทองนี้เขาอยากหลุดพ้นจากมันซะที!

“เมื่อกี้หมอโทรรายงาน คนที่หมอโทรไปหาคงเป็นไคโตะแน่นอน ผมคิดว่าใช่นะ” ซึบาสะบอก อากิโอะไม่พูดอะไร เขานั่งเฉยสีหน้าค่อนข้างบึ้งตึง

จนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น ก็อกๆ

บอดี้การ์ดที่ถูกไล่ออกจึงเดินไปเปิดประตู เห็นว่าเป็นผู้ช่วยของคุณหมอ ถือถุงกระดาษของห้างอยู่ แน่นอนว่าของในถุงคงถูกบอดี้การ์ดด้านนอกตรวจสอบแล้ว เขามองบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ข้างนอก เห็นบอดี้การ์ดส่งสายตาว่าของในถุงไม่มีอะไรน่าสงสัย เขาจึงเปิดทางให้ผู้ช่วยของหมอเข้ามาในห้อง “เชิญ”

“อ่า…ครับๆ” ผู้ช่วยหมอเดินตัวลีบๆ เข้าไป เขารีบเดินไปหาผู้อำนวยการทันที “ท่านครับ นี่ครับ”

“เอาไปให้ท่านนายกฯ ซิ” คุณหมอที่มีตำแหน่งเป็นถึงผู้อำนวยการบอก ผู้ช่วยจึงหันไปมองท่านนายกฯ ที่นั่งอยู่ตรงโซฟา เขาเดินไปหาท่านนายกฯ ยื่นถุงกระดาษให้ “ท่านครับ เสื้อผ้าครับ”

“อืม ขอบคุณครับ” อากิโอะบอกพลางรับถุงกระดาษพวกนั้นมาแล้วลุกขึ้นยืน พลางไล่ว่า “พวกคุณออกไปได้แล้ว ผมจะเปลี่ยนเสื้อ”

“อ่า…ครับๆ” ผู้อำนวยการรับคำแล้วรีบเดินออกไป ผู้ช่วยก็ตามออกไปด้วย บอดี้การ์ดยังคงยืนเฝ้าอยู่ตรงประตูด้านใน อากิโอะมองแล้วจึงไล่เสียงแข็งว่า “คุณก็ออกไปด้วย!”

“เอ่อ…” บอดี้การ์ดคนนั้นมองแวบหนึ่งแล้วยอมออกไปโดยดี เขารู้สึกว่าตั้งแต่ท่านนายกฯ ฟื้นขึ้นมาก็มีอารมณ์ฉุนเฉียวง่ายผิดปกติมากๆ หรือว่าสมองกระทบกระเทือน? ก็ไม่น่าใช่ เพราะผู้อำนวยการก็ส่งท่านนายกฯ ไปสแกนสมองแล้วนี่นา ผลตรวจก็ปกติดี

เมื่อคนออกไปหมดแล้วอากิโอะจึงหยิบเสื้อผ้าในถุงกระดาษออกมาดู เป็นกางเกงกับเสื้อเชิ้ต มีเสื้อกล้ามแล้วก็กางเกงในด้วย ก็นับว่าคนซื้อๆ มาครบดี เขาจัดการดึงป้ายแบรนด์ที่ติดอยู่บนเสื้อผ้าออกแล้วถอดชุดคนไข้ของโรงพยาบาลออก จากนั้นก็ใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ เมื่อใส่เสื้อผ้าชุดใหม่แล้วเขาจึงเปิดประตูเดินออกไป ผู้อำนวยการรีบบอก “เอาวิลแชร์มา”

“ไม่ต้อง ผมจะเดินไปเอง แค่หัวแตก ขาไม่ได้เจ็บซะหน่อย” อากิโอะบอกแล้วเดินผ่านผู้อำนวยการไป ผู้อำนวยการรีบเดินตามไป “ท่านนายกฯ”

คนอื่นๆ ก็รีบตามท่านนายกฯ ไปเป็นพรวน อากิโอะมองหาลิฟต์ เขาเห็นป้ายบอกทางจึงเดินไปตามทางที่ป้ายบอกทันที บอดี้การ์ดรีบวิ่งนำหน้าไปกดลิฟต์ให้ อากิโอะเดินไปยืนรอหน้าลิฟต์ ซึบาสะอยู่ข้างๆ อากิโอะ ไม่มีใครมองเห็นวิญญาณของซึบาสะเลยสักคน เมื่อลิฟต์มาถึง บอดี้การ์ดก็รีบตรวจสอบความปลอดภัย หลังจากแน่ใจว่าปลอดภัยแล้วจึงหันไปผายมือ “เชิญครับท่าน”

อากิโอะจึงเดินเข้าไปในลิฟต์ บอดี้การ์ดรีบตามเข้าไปประกบซ้ายขวา ผู้อำนวยการก็รีบตามเข้าไปด้วยอีกคน ส่วนผู้ช่วยผู้อำนวยการก็ยืนอยู่หน้าลิฟต์ไม่ได้เข้าไปด้วย เขาโค้งคำนับส่งท่านนายกฯ ตรงหน้าลิฟต์ ประตูลิฟต์ปิดแล้วเลื่อนลงไป เมื่อถึงชั้น G ประตูลิฟต์ก็เปิดออก พวกบอดี้การ์ดก็เดินนำออกไปก่อน อากิโอะเดินตามไปท่ามกลางการอารักขาของบอดี้การ์ดอย่างหนาแน่น คนอื่นๆ ที่อยู่แถวนั้นมองเป็นตาเดียว “โอ้! นั่น!”

“ท่านนายกฯ!”

บอดี้การ์ดคุ้มกันแน่นหนา จนกระทั่งถึงรถ อากิโอะก็เข้าไปนั่งในรถ บอดี้การ์ดเข้าไปนั่งข้างๆ ท่านนายกฯ คนนึง อีกคนก็นั่งหน้าคู่กับคนขับ จากนั้นรถก็เคลื่อนออกไป ผู้อำนวยการโค้งคำนับส่ง จนรถเคลื่อนไปไกลแล้วเขาจึงยืดตัวขึ้นถอนหายใจโล่งอก “เฮ้อ…”

อากิโอะมองคนขับรถแล้วสั่งว่า “ไปร้าน GALLERIA esports Lounge ก่อน ผมอยากช็อปปิ้ง”

“หา!” คนขับรถตกใจ

“หา!” บอดี้การ์ดที่อยู่ในรถก็ตกใจเช่นกัน

“จะตกใจอะไรกันนักหนา ไปร้าน GALLERIA esports Lounge เร็วๆ ผมจะไปช็อปปิ้ง” อากิโอะมองอย่างตำหนิ ทั้งบอดี้การ์ดทั้งคนขับรถอึ้งกันไปหมด อากิโอะจึงบอกซ้ำเสียงเข้มอีกทีว่า “ไปร้าน GALLERIA esports Lounge!”

“เอ่อ…” คนขับรถมองบอดี้การ์ด บอดี้การ์ดมองหน้ากันเองแล้วพยักหน้า “ครับท่าน”

คนขับรถจึงรับคำสั่งตาม “ครับท่าน”

อากิโอะเหยียดมุมปาก “ก็แค่นี้”

คนขับรถจึงขับไปย่านอะกิฮาบาระ (Akihabara) ตามที่ท่านนายกฯ ต้องการ

เมื่อไปถึงร้าน GALLERIA esports Lounge อากิโอะก็ลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในร้านทันที พนักงานตกใจที่จู่ๆ ท่านนายกฯ ก็มาที่ร้านของพวกเขา “อ้า! ท่านนายกฯ ใช่ไหม!”

“ใช่ๆ ใช่ท่านนายกฯ จริงๆ ด้วย”

ฯลฯ พนักงานในร้านตกตะลึงตื่นเต้นจนออกอาการกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ อากิโอะถูกทีมบอดี้การ์ดคุ้มกันอย่างหนาแน่น จนแทบจะกลายเป็นปิดร้านไม่ให้ใครเข้าออกเลยทีเดียว อากิโอะไม่สนใจคนอื่น เขาเดินตรงไปหาพนักงานชายที่ดูตื่นเต้นน้อยที่สุด พลางบอกว่า “ขอกระดาษกับปากกาหน่อยครับ”

“อ้า…ครับๆ” พนักงานชายคนนั้นสะดุ้ง แล้วรีบหากระดาษกับปากกายื่นส่งให้ท่านนายกฯ มือสั่นๆ “ท่านครับ”

“ขอบคุณมาก” อากิโอะรับกระดาษกับปากกามาแล้วเขียนสเปค PC ที่เขาต้องการลงไป จากนั้นก็ส่งกระดาษให้พนักงานชายคนนั้น พลางสั่งว่า “จัดมาตามนี้”

“ครับท่าน” พนักงานชายรับกระดาษไปมือสั่นๆ อย่างตื่นเต้น เขาก้มดูกระดาษแผ่นนั้นแล้วรีบจัดของให้ท่านนายกฯ ตามสเปคที่เขียนไว้ทันที อากิโอะก็เดินไปดูโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ พวกบอดี้การ์ดก็ทำหน้าที่คุ้มกันอย่างแข็งขัน พนักงานหญิงในร้านพยายามเข้าไปใกล้ท่านนายกฯ อย่างตื่นเต้น

“ท่านนายกฯ คะ ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ?” พนักงานหญิงคนหนึ่งตะโกนขอเสียงสั่นๆ อย่างตื่นเต้นดีใจ อากิโอะพยักหน้า “ได้ซิ”

“กรี๊ด!” พนักงานหญิงส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดดีใจมาก เธอรีบก้าวไปหาท่านนายกฯ ทันที บอดี้การ์ดจึงปล่อยให้พนักงานหญิงคนนั้นไปยืนข้างๆ ท่านนายกฯ พนักงานหญิงรีบส่งมือถือของตัวเองให้บอดี้การ์ดคนหนึ่ง บอดี้การ์ดรับมือถือมาแล้วกดถ่ายรูปให้ “1…2…3…แช๊ะ”

อากิโอะยิ้มขณะที่ถ่ายรูปคู่กับพนักงานหญิงคนนั้น ทำให้มีพนักงานคนอื่นๆ รีบเบียดเข้าไปอยากถ่ายรูปคู่กับท่านนายกฯ ด้วย “ฉันขอถ่ายด้วยค้า—”

“มาๆ” อากิโอะบอก พนักงานหญิงหลายคนจึงเบียดเข้าไปยืนข้างๆ ท่านนายกฯ เป็นกลุ่มใหญ่ บอดี้การ์ดที่ถือมือถือของพนักงานหญิงจึงเริ่มนับ “1…2…3…แช๊ะๆๆๆ…”

“เอ้า! ถอยไปได้แล้วครับ” บอดี้การ์ดบอกพลางไล่ต้อนพวกพนักงานหญิงออกห่างจากท่านนายกฯ ทันที พวกพนักงานหญิงกลุ่มนั้นจึงรีบถอยไปอย่างตื่นเต้นดีใจ พนักงานหญิงเจ้าของมือถือรีบรับมือถือของตัวเองไปดูอย่างตื่นเต้น แล้วพวกเธอก็ดูรูปพลางกรี๊ดกร๊าดกันอย่างตื่นเต้นสุดๆ

ผู้จัดการร้านก็เร่งจัดของให้ท่านนายกฯ ตามที่เขียนไว้ในกระดาษ เขาตรวจของจนครบแล้วก็รีบเดินไปบอกว่า “ท่านนายกฯ ครับ ของที่ท่านสั่งได้แล้วครับ”

“อ่อ ดี ยกไปใส่รถเลย” อากิโอะบอกแล้วสั่งบอดี้การ์ดว่า “รูดการ์ดด้วย”

บอดี้การ์ดจึงเอาเครดิตการ์ดไปชำระเงินค่าสินค้า จากนั้นอากิโอะก็เดินออกจากร้านไป เขาเดินไปดูร้านขายมือถือ ไม่ว่าเขาจะเดินไปทางไหนผู้คนก็กรี๊ดกร๊าดส่งเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวไปหมด ก็นะ เป็นนายกฯ ก็แบบนี้แหละ ไปทางไหนก็เป็นจุดสนใจของผู้คน

อากิโอะเลือกมือถือรุ่นใหม่มา 2 เครื่องพร้อมกับซิมการ์ด 2 เบอร์ เมื่อได้ของแล้วบอดี้การ์ดก็จัดการไปรูดเครดิตการ์ดชำระเงินให้ท่านนายกฯ ส่วนอากิโอะก็เดินไปดูร้านขายโน๊ตบุ๊คต่อ เขาเลือกโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ล่าสุด สเปคสูงๆ มาเครื่องหนึ่ง บอดี้การ์ดก็จัดการรูดเครดิตการ์ดชำระเงินให้ เมื่อได้ของครบแล้วอากิโอะก็กลับไปที่รถพลางสั่งว่า “กลับได้แล้ว”

“ครับ” บอดี้การ์ดรับคำสั่งอย่างโล่งอก “เฮ้อ…”

ท่านนายกฯ จู่ๆ ก็ไปเดินช็อปปิ้งโดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้าแบบนี้ทำให้พวกเขาทำงานยากมากจริงๆ ไหนจะต้องกันคน ไหนจะต้องคอยระวังเรื่องความปลอดภัยของท่านนายกฯ อีก พวกเขาทำงานแบบหายใจหายคอไม่ทั่วท้องเลยทีเดียว

เมื่อไปถึงบ้านพักประจำตำแหน่ง อากิโอะก็เดินเข้าบ้านอย่างคุ้นเคย เขาเคยอยู่ที่นี่มาก่อน ดังนั้นความคุ้นเคยนี้จึงไม่ทำให้รู้สึกแปลกที่อะไร ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ก็ยังคงเดิม เหมือนกับตอนที่เขา ‘อากิโอะ เอบะ’ เป็นนายกฯ นั่นแหละ ที่เปลี่ยนไปก็มีเพียงแค่รูปภาพที่เปลี่ยนเป็นรูปของ ‘ซึบาสะ’ นายกฯ คนปัจจุบัน

“เอ่อ…ของที่ท่านซื้อมา ให้ผมช่วยประกอบไหมครับ” บอดี้การ์ดคนหนึ่งอาสา อากิโอะบอก “ไม่ต้อง ผมทำเอง พวกคุณแค่ยกของไปวางไว้ในห้องนอนก็พอ”

“เอ่อ…ครับ” บอดี้การ์ดรับคำสั่ง อากิโอะก็ขึ้นไปที่ห้องนอน ซึบาสะอยู่ข้างๆ พลางเอ่ยว่า “ต่อให้คุณซื้อมือถือใหม่ ซื้อโน๊ตบุ๊คใหม่ ซื้อ PC ใหม่ เดี๋ยวก็ถูกใส่โปรแกรมสปายแวร์อยู่ดีแหละ”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ผมมีวิธีจัดการ” อากิโอะพูดเบาๆ กับวิญญาณซึบาสะ ซึบาสะพยักหน้า “ก็หวังว่าคุณจะจัดการได้นะ”

“หึ! มือชั้นนี้แล้ว แฮกเกอร์กระจอกๆ ทำอะไรไม่ได้หรอกน่า” อากิโอะพึมพำเบาๆ พลางเดินเข้าห้องนอนไป เขามองกวาดไปทั่วห้องนอนแล้วสั่งว่า “มือถือเก่า โน๊ตบุ๊คเก่า PC เก่า พวกคุณเอาไปใช้กันเองเถอะ”

“หา!” บอดี้การ์ดฟังแล้วอึ้งไป “ท่านจะทิ้งของพวกนั้นเหรอครับ!?”

“ก็ทิ้งซิ ของเก่าแบบนั้นผมไม่ใช้หรอก” อากิโอะบอกพลางชี้นิ้วสั่ง “เอ้า คุณเข้ามายก PC เครื่องนั้นออกไปซิ”

“เอ่อ…ครับๆ” บอดี้การ์ดรับคำสั่งแล้วเดินไปที่โต๊ะ จัดการถอด PC บนโต๊ะยกออกไป อากิโอะมองอย่างพอใจ พวกบอดี้การ์ดก็ยกของที่ซื้อมาใหม่ไปไว้ในห้องนอนตามคำสั่ง อากิโอะชี้นิ้วสั่ง “วางไว้ตรงนั้น เสร็จแล้วก็ออกไปให้หมด ถ้าผมไม่เรียกก็ไม่ต้องเข้ามา”

“ครับ” บอดี้การ์ดวางของไว้ที่พื้นแล้วพากันถอยออกไป อากิโอะก็นั่งลงเปิดกล่องทีละกล่องแล้วจัดแจงประกอบ PC เครื่องใหม่

Chapter 5

ตีเข่า!

หลังจากประกอบ PC เครื่องใหม่เสร็จแล้ว อากิโอะก็ยกไปตั้งบนโต๊ะ เปิด PC เครื่องใหม่แล้วต่อสายเน็ต จากนั้นเขาก็นั่งลงเข้าเว็บไซต์โหลดโปรแกรมไปเรื่อยๆ ตั้งค่า PC ของเขา ซึบาสะอยู่ข้างๆ มองดูอย่างงงๆ มึนตึบ เอาจริงๆ เรื่องเทคโนโลยีอะไรพวกนี้เขาเป็นแค่ใช้งานเท่านั้นเอง ส่วนเรื่อง ‘ติดตั้ง’ หรือ ‘ซ่อม’ อะไรพวกนี้ เขาทำไม่เป็นเลย

อากิโอะตั้งค่า PC ของเขาเสร็จ เขาก็เช็กดู สีหน้าพอใจมาก “หึๆๆๆ ต้องเป็นระดับสุดยอดแฮกเกอร์อย่าง ‘หลง’ เท่านั้นถึงจะแฮกเครื่องนี้ได้”

เขาปิดเครื่องแล้วดึงสายเน็ตออก จากนั้นก็ลุกไปแกะกล่องโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่ เขายกโน๊ตบุ๊คออกมาเปิดเครื่องต่อสายเน็ตแล้วโหลดโปรแกรมต่างๆ ตั้งค่าเหมือนเครื่อง PC ซึบาสะก็ดูอยู่ข้างๆ อย่างสนอกสนใจ พลางชมว่า “สุดยอด!”

“หึ ถ้าคุณเรียนเหมือนผม คุณก็ทำได้เหมือนกันแหละ” อากิโอะบอกสีหน้าค่อนข้างภูมิใจ ซึบาสะตั้งใจดูอากิโอะตั้งค่าโน๊ตบุ๊คมาก เขาเห็นชื่อโปรแกรมที่เขาไม่รู้จักมากมายจนจำไม่หวาดไม่ไหว แค่มองก็มึนตึบไปหมดแล้ว

หลังจากตั้งค่าโน๊ตบุ๊คเสร็จอากิโอะก็ปิดเครื่อง ดึงสายเน็ตออกแล้วเก็บโน๊ตบุ๊คใส่กระเป๋า จากนั้นเขาก็แกะกล่องมือถือเครื่องใหม่ 2 เครื่อง แกะซิมการ์ดเอาใส่มือถือทั้งสองเครื่อง แล้วเปิดมือถือขึ้นมา ครั้นต้องใส่เลขบัตรประชาชนเพื่อลงทะเบียนซิมการ์ดเขาก็มองหาบัตรประชาชนของซึบาสะ “เอ…บัตรประชาชนล่ะ?”

“อยู่กับบอดี้การ์ดล่ะมั้ง” ซึบาสะบอก อากิโอะจึงลุกไปเปิดประตูห้องนอน เขาเห็นบอดี้การ์ด 2 คนยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูจึงบอก “เอาบัตรประชาชนของผมมา”

“ครับท่าน” บอดี้การ์ดรับคำ อากิโอะกำลังจะปิดประตูพลันนึกขึ้นได้ “อ่อ บัตรเครดิต บัตรเดบิต เงินสดด้วยล่ะ”

“เอ่อ…ครับ” บอดี้การ์ดรับคำ อากิโอะก็ปิดประตู สักพักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ก็อกๆ

“ท่านครับ”

“เข้ามา” อากิโอะบอก บอดี้การ์ดจึงเปิดประตูเข้าไปแล้วยื่นกระเป๋าสตางให้ “บัตรประชาชน บัตรเครดิต บัตรเดบิต แล้วก็เงินสดที่ท่านต้องการครับ”

“อืม ขอบคุณมาก” อากิโอะพูดพลางรับกระเป๋าสตางใบนั้นมา เขาเปิดดูในกระเป๋า มีบัตรประชาชน บัตรเครดิตของธนาคาร 4 ใบ บัตรเดบิตอีก 6 ใบ แล้วก็เงินสดจำนวนหนึ่ง เขาปิดกระเป๋าแล้วไล่บอดี้การ์ดว่า “ออกไปซิ ผมไม่เรียกก็ไม่ต้องเข้ามา”

“เอ่อ…ครับๆ” บอดี้การ์ดรับคำแล้วถอยออกไปยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูเหมือนเดิม

“เอาล่ะ ทีนี้ก็ลงทะเบียนซิม” อากิโอะพูดลอยๆ แล้วหยิบบัตรประชาชนของซึบาสะออกมา เขาหยิบมือถือขึ้นมาแล้วจัดแจงลงทะเบียนซิมการ์ด แน่นอนว่าเขาต้องเลือกซิมการ์ดของค่ายมือถือที่โทมิกรุ๊ปไม่ได้ถือหุ้นอยู่เลย ดังนั้นเขาจึงเลือกซิมการ์ดของค่าย ‘U! Mobile’ ที่ตระกูลเอบะถือหุ้นอยู่ แม้ว่าบางจุดสัญญาณจะไม่ดีเท่าค่ายยักษ์ใหญ่ที่กลุ่มโทมิกรุ๊ปถือหุ้นอยู่ก็ตาม แต่ว่านี่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว

หลังจากลงทะเบียนซิมการ์ดแล้วเขาก็ดาวน์โหลดแอพฯ ต่างๆ ใส่เครื่องใหม่ หลังจากนั้นเขาก็ต่อมือถือกับโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่แล้วโหลดโปรแกรมป้องกันต่างๆ ใส่เครื่องอีกที ทำแบบนี้แล้วเขาถึงจะวางใจกล้าใช้มือถือได้อย่างสบายใจซะที เมื่อตั้งค่ามือถือ 2 เครื่องเสร็จแล้วเขาก็เข้าเว็บธนาคารประเทศสวิตเซอร์แลนด์อีกครั้ง แล้วล็อกอินเข้าระบบ จากนั้นก็ให้ธนาคารออกบัตรเครดิตให้เขาในชื่อ ‘นิรนาม’ บัตรเครดิตนี้เขาต้องการเอาไว้ใช้เอง เพราะบัตรเครดิตของซึบาสะ ยามะทุกใบ แน่นอนว่ายามาโตะคนนั้นสามารถตรวจสอบการใช้จ่ายผ่านบัตรได้

มันไม่มีความเป็นส่วนตัวเลยสักนิด บัตรพวกนั้นเขาเอาไว้ใช้ซื้อของทั่วๆ ไป แต่บัตรจากธนาคารประเทศสวิตเซอร์แลนด์นี้เขาคิดจะเอาไว้ใช้สำหรับรายการที่ไม่ต้องการให้ยามาโตะตรวจสอบได้ เมื่ออากิโอะทำรายการเสร็จ ก็มีอีเมลแจ้งเตือนไปที่อีเมลไอดีหนึ่ง ปิ๊บๆ

คนที่กำลังนั่งเล่นเกมส์อยู่ พลันออกจากเกมส์ที่เล่นทันที แล้วเปิดอีเมลอ่าน หลังจากอ่านอีเมลแล้วคนๆ นั้นก็หรี่ตาลง พึมพำว่า “บัตรเครดิตส่งไปให้ ‘ซึบาสะ ยามะ’ ที่ประเทศ ‘J’ งั้นรึ?”

คนๆ นั้นคิดๆ พึมพำว่า “ซึบาสะรู้เกี่ยวกับบัญชีนี้ได้ยังไง? เห็นทีต้องตรวจสอบซะแล้ว”

คนๆ นั้นปิดโน้ตบุ๊คแล้วลุกขึ้นยืนเดินเข้าห้องน้ำไป

อากิโอะก็ปิดโน๊ตบุ๊คเช่นกัน เขาถอดสายเน็ตออกแล้วนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “จริงซิ”

เขาลุกไปดึงม่านหน้าต่างปิดทั้งหมดแล้วเดินไปปิดไฟในห้องทั้งหมด ทำให้ห้องมืดลงทันที เขาเอามือถือมาเปิดกล้องถ่ายรูปแล้วหันมือถือไปรอบๆ ห้อง ซึบาสะจึงถามอย่างสงสัย “คุณทำอะไร?”

“กำลังเช็กว่าในห้องมีกล้องติดไว้รึเปล่า?” อากิโอะบอก ซึบาสะตกตะลึงไป “กล้อง!”

“อืม กล้อง ผมสงสัยว่ายามาโตะน่าจะติดกล้องไว้ในห้องนี้ด้วยเพื่อจับตาดูคุณทุกฝีก้าวแหงๆ” อากิโอะบอกพลางหันมือถือตรวจไปรอบๆ ห้องทุกตารางนิ้ว แล้วเขาก็เห็นแสงไฟแดงๆ แวบๆ บนจอมือถือที่เปิดโหมดกล้องถ่ายรูปอยู่ “นี่ไง เจอแล้ว 1 ตัว มีจริงๆ ด้วย”

“นี่!” ซึบาสะอุทานอย่างตกตะลึง หมายความว่าเขาถูกจับตาดูทุกฝีก้าวไม่เว้นแม้แต่ในห้องนอนงั้นรึ! เกินไปแล้ว! ไอ้โรคจิตนั่นทำเกินไปแล้ว!

อากิโอะหันมือถือไปตรวจจุดอื่นต่อ หลังจากตรวจเสร็จแล้ว เขาก็เจอกล้องจิ๋วติดตั้งซ่อนเอาไว้ถึง 5 จุดด้วยกัน เรียกว่าคนที่อยู่ในห้องๆ นี้ไม่มีความเป็นส่วนตัวเลยสักนิด เขาส่ายๆ หน้า “เฮ้อ…คุณนี่มันดวงซวยจริงๆ ที่ต้องมาเจอไอ้โรคจิตที่มีทั้งเงินทั้งอำนาจแบบยามาโตะ”

ซึบาสะอึ้งไปเลย เขาคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะถูกยามาโตะคอยแอบดูอยู่ตลอดเวลาแบบนี้ “เชี้ยเอ้ย! ไอ้โรคจิต!”

เขามองอากิโอะแล้วบอกว่า “ถอดกล้องบ้าๆ พวกนั้นออกไปให้หมดเลย!”

“ใจเย็นๆ อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่นซิ” อากิโอะบอก อย่าลืมซิ คุณเป็นผู้ชายนะ ต่อให้มีรูปหลุดออกไปคุณก็ไม่เสียหายนักหรอก อีกอย่างถ้าถอดกล้องออกไปตอนนี้จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น ทีนี้มันคงทำอะไรมากกว่านี้แน่นอน ผมต้องการใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ คุณไม่เคยได้ยินสุภาษิตที่ว่า ‘รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง’ เหรอ? ยามาโตะคนนั้นรู้จักคุณดีทุกซอกทุกมุมแล้ว แต่คุณละไม่รู้จักเขาเลย คุณก็เหมือนลูกไก่ในกำมือเขาชัดๆ ถ้าลูกไก่อย่างคุณจะกลายเป็นเสือก็ต้องอย่าแหวกหญ้าให้งูตื่นซิ”

“ได้ ผมเชื่อคุณ” ซึบาสะพยักหน้าพยายามสะกดกลั้นอารมณ์โมโหลงไป ถึงยังไงตอนนี้เขาก็เป็นวิญญาณที่อยู่นอกร่าง ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เฮ้อ…

อากิโอะเดินไปเปิดไฟแล้วเปิดม่านออก ทำให้ห้องสว่างขึ้นมาอีกครั้ง เขาต่อสายเน็ตกับโน๊ตบุ๊คแล้วเปิดโน๊ตบุ๊คขึ้นมา จากนั้นก็เข้าเว็บ ‘บอดี้การ์ด’ ของต่างประเทศ กดเลือกบอดี้การ์ดที่ไว้ใจได้มา 2 คน แน่นอนว่าบอดี้การ์ด 2 คนนี้ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับยามาโตะเลย ดังนั้นบอดี้การ์ดใหม่ 2 คนนี้จึงเหมาะที่จะติดตามเขา ทำตามคำสั่งเขา เขาต้องมีคนของเขาเองที่ไว้ใจได้อยู่ข้างกาย จึงเริ่มจากบอดี้การ์ด 2 คนนี้ก่อน บอดี้การ์ดพวกนี้ก็เหมือนทหารรับจ้างนั่นแหละ ใครจ้างก็ทำงานให้คนๆ นั้น เก็บความลับของนายจ้างเป็นอย่างดี เรื่องที่จะทรยศนายจ้างนั้นมีเปอร์เซ็นน้อยมาก เพราะการทรยศนายจ้างนั้นหมายถึงว่าจะถูกองค์กร ‘บอดี้การ์ด’ หมายหัว ตามฆ่าจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่งเลยทีเดียว ซึบาสะอยู่ข้างๆ มองดูอย่างอึ้งๆ เขาไม่รู้เลยว่ามีองค์กรอย่างองค์กร ‘บอดี้การ์ด’ ด้วย!

“นี่คุณเป็นสปายใช่ป่ะ?” เขาถามพลางมองอากิโอะในร่างของตัวเองอย่างอึ้งๆ ทึ่งๆ

อากิโอะส่ายหน้า “ผมไม่ใช่สปาย เพียงแต่ว่าผมเรียนอยู่ต่างประเทศเคยคลุกคลีกับพวกสปายมาบ้างก็เลยได้รู้วิธีการทำงานของพวกเขามาบ้างน่ะ คนที่ผมเคยเจอมีทั้งสปาย แฮกเกอร์”

อากิโอะหยุดพูดไปครู่หนึ่งแล้วบอกอีกว่า “ทหารรับจ้างผมก็รู้จักนะ ถ้าต้องการเรียกใช้ขอแค่เงินถึงจะเอามาเป็นกองร้อยเลยก็ได้”

ซึบาสะอ้าปากค้างไปแล้ว “คุณต้องเป็นพวกองค์กรใต้ดินแหงๆ”

“เป็นนายกฯ ก็ต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับคนพวกนี้อยู่ดี จะให้ใสซื่อไม่รู้เรื่องรู้ราวแบบคุณไม่ได้หรอก เพราะงี้ไงคุณถึงได้เป็นนายกฯ หุ่นเชิดให้ยามาโตะ เป็นลูกไก่อยู่ในกำมือเขาแบบนี้ไง” อากิโอะบอก ซึบาสะเจ็บใจมาก แต่ก็เถียงไม่ออก ใช่ เขาเป็นลูกไก่ในกำมือยามาโตะจริงๆ เป็นนายกฯ หุ่นเชิดจริงๆ นั่นแหละ เฮ้อ…

“เอาล่ะ เอาเท่านี้ก่อนล่ะกัน” อากิโอะบอกแล้วปิดโน๊ตบุ๊ค “บอดี้การ์ดน่าจะมาถึงไม่เกิน 4 วัน ส่วนบัตรเครดิตก็น่าจะไม่เกิน 4 วัน”

เขาถอดสายเน็ตออกจากโน๊ตบุ๊คแล้วบอกว่า “ระหว่างนี้ก็ทำตัวเป็น ‘ลูกไก่’ ไปก่อนล่ะกัน”

“อย่างคุณน่ะนะจะเป็น ‘ลูกไก่’ ผมว่าคุณคือ ‘เสือ’ ที่สวมคราบ ‘ลูกไก่’ ต่างหาก” ซึบาสะบอก หลังจากเห็นความสามารถของอากิโอะแล้วเขายอมรับเลยว่าเขาด้อยกว่าอากิโอะมากจริงๆ ถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว อากิโอะก็คือเสือ ส่วนเขาน่ะเป็นลูกไก่จริงๆ นั่นแหละ เพราะงั้นลูกไก่อย่างเขาถึงได้อยู่ในกำมือยามาโตะแบบนี้ไง

ก็อกๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ตามด้วยเสียงเรียก “ท่านครับ”

อากิโอะเดินไปเปิดประตู “มีอะไร?”

“ถึงเวลาทานยาทานอาหารแล้วครับ” บอดี้การ์ดบอก อากิโอะพยักหน้า “อืม งั้นเดี๋ยวผมลงไป”

“ครับท่าน” บอดี้การ์ดรับคำ อากิโอะปิดประตูแล้วเดินไปหยิบมือถือทั้ง 2 เครื่องใส่กระเป๋ากางเกง จากนั้นจึงเปิดประตูแล้วเดินลงไปข้างล่าง เขาเดินไปนั่งที่โต๊ะทานอาหาร ซึ่งมีอาหารตั้งโต๊ะไว้แล้ว เขามองถ้วยใส่ยาแล้วหยิบยามากินจากนั้นก็ดื่มน้ำอึกๆ สาวใช้รีบขยับไปรินน้ำเติมให้แล้วถอยไป อากิโอะมองสาวใช้ที่คุ้นหน้าคุ้นตา เขาจำได้ว่าเธอคนนี้เคยรับใช้เขาตอนที่เขายังเป็นนายกฯ อยู่ ดูเหมือนว่าคนในบ้านพักจะไม่ได้ถูกเปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ ที่เพิ่มมาคือพวกบอดี้การ์ดที่เขาไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเลยสักคน ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนพวกนั้นเป็นคนของยามาโตะแน่นอน!

หลังจากทานอาหารแล้วอากิโอะก็กลับห้องนอนไป เขาเปิด PC ต่อสายเน็ตแล้วเริ่มท่องเว็บ หาข้อมูลของยามาโตะ ก่อนหน้านี้เขาก็เคยหาข้อมูลของยามาโตะมาแล้ว ในฐานะที่อีกฝ่ายเป็นนายทุนที่ครองธุรกิจเกือบทั้งประเทศเอาไว้ แต่ตอนนี้ที่เขาหาข้อมูลคือข้อมูลที่เกี่ยวกับการที่ยามาโตะเป็น ‘เกย์คิง’ เขาต้องการดูว่ายามาโตะเคยใช้บริการเด็กหนุ่มจากโมเดอร์ลิ้งไหน? ถ้าจับทางถูกเขาอาจจะมีทางหาข้อมูลเบื้องลึกของยามาโตะก็ได้ หึๆๆๆ…

เขาหาข้อมูลอยู่นานจนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงโดยไม่รู้ตัว

ก็อกๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ตามด้วยเสียงเรียก “ท่านครับ”

อากิโอะปิดหน้าจอแล้วลุกไปเปิดประตู บอดี้การ์ดจึงบอกว่า “ท่านประธานยามาโตะมาครับ”

“อ่อ” อากิโอะพยักหน้ารับรู้ ซึบาสะมีท่าทีเกร็งๆ กลัวๆ อย่างเห็นได้ชัด “เขามาแล้ว!”

อากิโอะมองซึบาสะแวบหนึ่งแล้วเดินออกจากห้องไป เขาเดินลงไปที่ห้องรับแขก ยามาโตะก็ก้าวไปยืนตรงหน้าซึบาสะทันที ยื่นมือไปจับแก้ม อากิโอะในร่างซึบาสะเบี่ยงตัวออก “จะทำอะไร?”

“ก็แค่จะดูว่าคุณมีไข้รึเปล่า?” ยามาโตะบอกยิ้มบางๆ อากิโอะเงยหน้ามองยามาโตะที่ตัวสูงกว่าซึบาสะ ทำให้ซึบาสะดูตัวเล็กปุ๊กปิ๊กไปเลยเมื่อเทียบกับยามาโตะ อากิโอะบอกน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไม่มีไข้ แล้วคุณมาหาผมมีธุระอะไร?”

“ก็แค่มาทานข้าวด้วยเหมือนเคยไง” ยามาโตะบอกยิ้มๆ อากิโอะไม่ปฏิเสธ เขากำลังหาจุดอ่อนของอีกฝ่ายอยู่พอดี การได้พูดคุยกันย่อมทำให้เขาน่าจะรู้ข้อมูลอะไรบ้างนะ ดังนั้นเขาจึงหันไปสั่งบัตเลอร์ว่า “ตั้งโต๊ะด้วย”

“ครับท่าน” บัตเลอร์รับคำสั่งแล้วเดินไปจัดการคุมคนรับใช้ตั้งโต๊ะอาหาร อากิโอะหันไปผายมือ “เชิญนั่งครับ”

“แหม พูดเป็นทางการจังนะที่รัก” ยามาโตะพูดยิ้มๆ อากิโอะได้ยินคำว่า ‘ที่รัก’ แล้วรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาทันที ถ้าเป็นสาวสวยพูดคงน่าฟังมากทีเดียว แต่พอคำๆ นี้หลุดออกมาจากปากยามาโตะแล้วกลับทำให้อากิโอะรู้สึกขนลุกขนพองอย่างรังเกียจ หยึ๊ย!

เขาเดินไปนั่งลงที่โซฟา ยามาโตะก้าวไปนั่งที่โซฟาอีกตัวพลางมองซึบาสะด้วยสายตาลุ่มหลง เป็นคนอื่นเขาคงจับกดไปแล้ว แต่กับซึบาสะ เขาอยากให้ซึบาสะเต็มใจยอมเป็นของเขาทั้งกายทั้งใจ! ดังนั้นเขาจึงค่อยๆ ตะล่อมต้อนแกะน้อยตัวนี้อย่างช้าๆ ไม่รีบไม่ร้อนตะครุบจับ ‘กด’ ซึบาสะต้องเป็นของเขาทั้งกายทั้งใจ นี่ถึงจะเป็นชัยชนะที่แท้จริง หึๆๆๆ…

คนรับใช้ยกน้ำชาไปเสิร์ฟ “น้ำชาค่ะท่าน”

เธอรินน้ำชาแล้วถอยออกไปอย่างรู้งาน อากิโอะยกแก้วน้ำชาขึ้นจิบท่าทางใจเย็น เขากำลังมองประเมินยามาโตะอย่างเงียบๆ เขาไม่เคยเจอยามาโตะเป็นการส่วนตัวเลยสักครั้ง เคยเห็นแค่ตามข่าวเท่านั้นเอง ดังนั้นเขาจึงมองดูยามาโตะอย่างเงียบๆ ซ่อนแววตาลุ่มลึกไว้ภายใน

ยามาโตะก็ยกชาขึ้นจิบมองดูซึบาสะเช่นกัน เขารู้สึกว่าซึบาสะดูแปลกตาไปเล็กน้อย ท่าทีใจเย็นนั่นผิดกับทุกครั้งที่เจอกัน ทุกครั้งซึบาสะจะมีท่าทีตื่นๆ เกร็งๆ ระวังตัวตลอดเวลา แต่วันนี้ซึบาสะกลับมีท่าทางใจเย็นผิดปกติ หรือว่าจะเริ่มเปิดใจให้เขาแล้ว? อืม?…

ทั้งสองมองกันไปมองกันมาอยู่อย่างนั้นไม่พูดอะไรสักคำ

จนกระทั่งบัตเลอร์เดินมารายงานว่า “ท่านครับ อาหารพร้อมแล้วครับ เชิญครับ”

“อืม ขอบคุณมาก” อากิโอะบอก เขาวางแก้วลงแล้วลุกขึ้นยืน ผายมือเชิญ “เชิญครับคุณยามาโตะ”

“อืม” ยามาโตะลุกขึ้นมองซึบาสะ อากิโอะเดินนำไปที่ห้องรับประทานอาหาร ยามาโตะเดินตามไป อากิโอะผายมือ “เชิญครับ”

แล้วเขาก็นั่งลง ยามาโตะก็นั่งลง อากิโอะมองอาหารบนโต๊ะที่มีสลัดผักกับซุปแล้วก็ขนมปัง 1 แผ่น เขาหันไปมองบัตเลอร์แล้วถามว่า “ไม่มีอาหารหนักๆ ท้องบ้างเหรอ? ทานแค่นี้จะไปพออะไร”

“เอ่อ…ปกติท่านก็ทานแค่นี้นี่ครับ” บัตเลอร์ตอบ อากิโอะจึงบอก “งั้นต่อไปก็ทำอย่างอื่นที่หนักๆ ท้องมาล่ะกัน แต่ตอนนี้คุณไปทำสเต็กเพิ่มให้ผมจานนึงละกัน”

“เอ่อ…ครับ” บัตเลอร์รับคำสั่งแล้วถอยออกไป อากิโอะจึงหันไปมองยามาโตะแล้วบอกว่า “เชิญครับ”

เขาลงมือทานซุปใสถ้วยนั้น ยามาโตะก็ลงมือทานซุป อาหารของเขามีซุปครีมกับสเต็กเนื้อวากิวย่างแบบ ‘มิเดียมแรร์’

สักพักบัตเลอร์ก็ยกสเต็กเนื้อวากิวย่างแบบ ‘มิเดียมแรร์’ มาเสิร์ฟ “สเต็กครับท่าน”

“อืม ขอบคุณมาก” อากิโอะบอกแล้วผละจากถ้วยซุปใส แล้วดึงจานสเต็กไปตรงหน้าจัดแจงหั่นสเต็กทาน ความรู้สึกที่ได้เคี้ยวเนื้อทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาหน่อย เขากินสเต็กกับสลัดผักจนหมด ยามาโตะมองอย่างพินิจ ปกติแล้วซึบาสะไม่ทานสเต็กเนื้อ แต่จู่ๆ กลับทานขึ้นมาทำให้เขาแปลกใจนิดหน่อย แต่สีหน้าของซึบาสะตอนที่ทานสเต็กดูมีความสุขมาก ทำให้เขามองอย่างไม่อาจละสายตาได้เลย ริมฝีปากเล็กๆ นั่นทำเขาคิดถึงตอนที่ครางเสียงกระเส่าอยู่ใต้ร่างเขาขึ้นมาในใจรางๆ

สาวใช้ก้าวไปเก็บจานออกไปแล้วสาวใช้อีกคนก็ยกผลไม้กับขนมไปเสิร์ฟ อากิโอะก็ทานผลไม้ต่อ ยามาโตะดื่มชาพลางบอกว่า “ทานมากไปจะปวดท้องนะ”

“ทานน้อยไปก็ไม่มีแรงซิ” อากิโอะบอกพลางทานผลไม้ต่อ เขาต้องทานอาหารที่ซึบาสะทานทำให้รู้ว่าซึบาสะทานน้อยมากๆ ทานยังกับผู้หญิงไดเอทงั้นแหละ ทานน้อยเกินไปจริงๆ มิน่าล่ะถึงได้ตัวเล็กกระจุ๋มกระจิ๋มแบบนี้

ยามาโตะไม่พูดอะไรอีก เขามองดูซึบาสะที่รู้สึกว่ามีท่าทีเปลี่ยนไป เขาก็บอกไม่ถูกว่าเปลี่ยนไปยังไง คนตรงหน้าให้ความรู้สึกไม่เหมือนเดิม ความไม่เหมือนเดิมนี้ทำให้เขารู้สึกยิ่งอยาก ‘ค้นหา’ อยากรู้จักอีกฝ่ายให้ทะลุปรุโปร่งมากยิ่งขึ้น

เมื่อทานอาหารอิ่มแล้ว อากิโอะก็ผายมือเชิญ “เอาล่ะ เชิญกลับเถอะครับ”

“อืม” ยามาโตะพยักหน้า อากิโอะลุกขึ้นเดินไปส่งแขก ยามาโตะเดินตามไป จนถึงรถเขาก็หันไปมองซึบาสะแล้วดึงซึบาสะเข้ามา อากิโอะตอบสนองไปตามสัญชาตญาณโดยอัตโนมัติ เขาตีเข่าใส่ยามาโตะ ปึก!

“อุบ!” ยามาโตะร้องออกมาคำหนึ่ง จุกจนหน้าเหลืองหน้าเขียว เขากุมมือตรงเป้ากางเกงที่ถูกกระแทกอย่างแรงจนเจ็บจุกมาก! อากิโอะอุทานออกมา “โอ้! ขอโทษด้วยๆ มันเป็นปฏิกิริยาโต้ตอบอัตโนมัตินะ ผมไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษด้วยๆ”

ปากบอกขอโทษ แต่ในดวงตากลับมีแววสะใจจางๆ แล้วบอกว่า “คุณรีบไปหาหมอดีกว่า ไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรมากไหม? เกิดเป็นหมันไปล่ะแย่เลย”

เขามองพวกบอดี้การ์ดที่ยืนตกตะลึงปากอ้าตาค้าง พลางบอกว่า “เอ้า! รีบพาคุณยามาโตะขึ้นรถซิ จะได้รีบไปหาหมอ เกิดตรงนั้นพิการใช้งานไม่ได้ขึ้นมาจะแย่เอา”

“เอ่อ…ครับๆ” พวกบอดี้การ์ดสะดุ้งตั้งสติ เข้าไปประคองยามาโตะที่ยืนตัวงออยู่ข้างรถ ยามาโตะเจ็บจุกไม่เท่าไหร่แต่เสียหน้านี่ซิ ทำเขารู้สึกอยากจะไปจากตรงนี้ไวๆ เขาจึงยอมขึ้นรถโดยดี อากิโอะยืนส่งแขกรอจนรถของยามาโตะเคลื่อนออกไปแล้วเขาจึงหมุนตัวกลับเข้าบ้านพัก ซึบาสะที่อยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้นมาอย่างตื่นเต้นดีใจ “คุณกล้าทำแบบนั้นด้วยเหรอ!?”

“เฮอะ! คิดจะลวนลามผมไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ” อากิโอะยักไหล่ทีหนึ่ง เขารู้ว่ายามาโตะคิดจะจูบเขา เขาจึงตีเข่าใส่ซะเลย ซึบาสะรู้สึกสะใจมาก แต่ครู่ต่อมาเขาก็กังวลใจขึ้นมา “ยามาโตะคงโกรธมากแน่ๆ ต่อไปเขาคงคิดจะทำอะไรมากกว่านี้แน่ๆ เลย”

“ผมไม่ยอมเป็นหมูรอถูกเชือดหรอกนะ” อากิโอะบอกแล้วเดินขึ้นบันไดไป พลางเข้าห้องนอนไปอาบน้ำ ซึบาสะตามไปอย่างกังวลใจ เขารู้จักยามาโตะดีพอสมควร หากว่าแข็งขืนใส่ อีกฝ่ายก็จะยิ่งบังคับหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ บังคับจนกว่าจะยอมศิโรราบให้เขานั่นแหละ เขาชักหวั่นใจแล้วว่า ‘เสือ’ 2 ตัวปะทะกันผลจะออกมาเป็นยังไง? เฮ้อ…

ภายในรถ ยามาโตะกัดฟันกรอดๆ “ซึบาสะ! คุณกล้าทำร้ายผม คอยดูเถอะผมจะเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่าเลยทีเดียว!”

แล้วเขาก็คิดภาพ จับซึบาสะมัดขึงมือเท้าแล้วเอาแส้ฟาด ขวับ! ขวับ!

“อืม ไม่ได้ๆ ผิวสวยๆ จะเป็นรอยซะหมด” เขาส่ายๆ หน้าแล้วคิดวิธีใหม่ จับมัดขึงแล้วเอาขนนกไล้ไปทั้งตัว ดูซึบาสะที่ดิ้นไปดิ้นมา “อ้า…อย่าทำผมแบบนี้ ผมเสียว อ้า ผมไม่ไหวแล้ว อ้า ปล่อยผมนะ อ้า ยามาโตะได้โปรด…”

อืม…วิธีนี้เข้าท่า หึๆๆๆ…

ซึบาสะจู่ๆ ก็รู้สึกขนลุกซู่ๆ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เขาลูบๆ แขนตัวเองไปมา รู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ อย่างประหลาด เขาพยายามข่มความรู้สึกนั้นลงไป “ผมเป็นอะไรเนี่ย!?”

Chapter 6

เลขาคนใหม่

ส่วนอากิโอะก็กำลังนอนแช่น้ำอุ่นในอ่างอย่างสบายใจ เขารู้ว่ามีกล้องติดในห้องน้ำ แต่เขาไม่สนใจ เพราะเขาเป็นผู้ชาย ต่อให้มีภาพหลุดออกไปก็ไม่เสียหายอะไรนัก ส่วนยามาโตะจะดูภาพก็ดูไปซิ ดูได้แต่แตะต้องไม่ได้จะเกิดประโยชน์อะไร เหอะ!

ภายในรถ ยามาโตะเอามือถือมาดูกล้องที่ติดเอาไว้ในบ้านพักของซึบาสะ เขาเห็นซึบาสะกำลังนอนแช่น้ำอยู่ในอ่างก็มองภาพอย่างหลงใหล “ซึบาสะ คุณจะต้องเป็นของผมคนเดียว!”

ซึบาสะขนลุกซู่ๆ เขาลูบๆ แขนตัวเองไปมา แต่ความรู้สึกขนลุกนั้นก็ไม่หายไปซะที เขาจึงทะลุผ่านประตูเข้าไปในห้องน้ำ อากิโอะเห็นซึบาสะเข้ามาก็ตกใจ “เฮ้ย! คุณเข้ามาทำไม? ผมอาบน้ำอยู่นะ”

“ผมเป็นอะไรก็ไม่รู้ อยู่ๆ ก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตัวเลย” ซึบาสะบอก แต่พอเห็นอากิโอะความรู้สึกขนลุกก็จางหายไป เขาจึงบอกว่า “แต่ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว หรือว่าเพราะเมื่อกี้อยู่ห่างจากร่างล่ะมั้ง”

“งั้นเหรอ” อากิโอะมองแล้วบอกว่า “งั้นคุณก็หันไป ไม่ต้องมองผม”

“อืม” ซึบาสะหันหลังให้อากิโอะ เขานั่งลงพิงอ่าง “แปลกจัง ผมไม่รู้สึกขนลุกแล้ว”

“เฮ้อ…ผมต้องใช้ชีวิตแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่เนี่ย?” อากิโอะบ่น เขาเป็นผู้ชาย ซึบาสะก็เป็นผู้ชายดังนั้นเขาจึงไม่ถือสาที่ซึบาสะจะมองเขาเปลือย ถึงยังไงร่างนี้ก็เป็นร่างของซึบาสะ ก็เหมือนกับซึบาสะมองตัวเองนั่นแหละ แต่อากิโอะที่อยู่ในร่างซึบาสะก็ยังรู้สึกไม่คุ้นเคยอยู่ดีที่จะถูกวิญญาณเจ้าของร่างมองอยู่ตลอดเวลาแบบนี้

“ไม่รู้ซิ” ซึบาสะเอ่ยเสียงเบา นั่งกอดเข่าคุดคู้เหมือนเด็กหลงทางที่หาทางกลับบ้านไม่เจอสักที อากิโอะมองแล้วรู้สึกสงสาร เขาจึงยื่นมือไปลูบๆ หัวอีกฝ่าย “เอาน่าๆ อย่าคิดมากเลย ช่วยคุณก็เหมือนผมได้ช่วยตัวเองให้ไปสู่สุขคตินั่นแหละ บางทีที่ผมไม่อาจไปสู่สุขคติได้ก็คงเป็นเพราะผมยังมีเรื่องติดค้างในใจมั้ง เรื่องแรกก็คือเรื่องคนร้ายที่ฆ่าผม เรื่องที่สองก็คือเรื่องกลุ่มโทมิกรุ๊ปที่ครองเศรษฐกิจของประเทศนี้มายาวนานเกินไป กดประชาชนจนโงหัวไม่ขึ้น ผมอยากให้ประเทศเราเหมือนกับทางยุโรปหรืออเมริกาที่มีสิทธิ์มีเสียงเต็มที่ เป็นประชาธิปไตยเต็มตัวไม่ใช่ครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้ นโยบายอะไรๆ ก็เอื้อกลุ่มโทมิกรุ๊ปไปซะหมดแบบนี้ เฮ้อ…สงสารประเทศจริงๆ”

“นั่นซิ ผมก็สงสารตัวเองในฐานะที่เป็นประชาชนคนหนึ่ง ของกินของใช้ทุกวันนี้แทบจะเป็นของในเครือโทมิกรุ๊ปเกินกว่า 3 ใน 4 แล้ว คนอื่นผลิตสินค้าอะไรมาขาย พอขายดีหน่อยก็ถูกกลุ่มโทมิกรุ๊ปออกสินค้ามาเหมือนกันแล้วแย่งลูกค้าไปซะหมด ทำให้นักธุรกิจรายย่อยขาดทุนจนต้องเลิกทำธุรกิจไปหลายรายแล้ว พวกเกษตรกรก็เหมือนกัน ถ้าไม่ส่งให้โทมิกรุ๊ปก็ขายไม่ค่อยได้ เฮ้อ…” ซึบาสะบ่นอย่างอัดอั้นตันใจ อากิโอะลูบๆ หัวอีกฝ่ายแล้วดึงมือกลับไป เขานอนคิดอยู่ในอ่าง จะโค่นอำนาจของพวกโทมิกรุ๊ปได้ยังไง? อืม?

ซึบาสะนั่งกอดเข่าคุดคู้อยู่ข้างอ่าง อากิโอะก็นอนคิดๆ อะไรไปเรื่อยๆ จนกระทั่งน้ำไม่ร้อนแล้วเขาจึงลุกออกจากอ่าง ซึบาสะเงยหน้ามองอากิโอะในร่างตัวเอง เขามองแล้วกะพริบตาอีกที เขาเหมือนเห็นภาพซ้อนของอากิโอะทับซ้อนอยู่บนร่างของเขา แต่ว่าภาพซ้อนของอากิโอะดูมีพลังยิ่งใหญ่ยังไงไม่รู้ ทำเขารู้สึกเหมือนกำลังมองผู้นำที่มีอำนาจเต็มเปี่ยมยังไงอย่างงั้นแหละ

“มองอะไร? ทำยังกะไม่เคยเห็นร่างตัวเองงั้นแหละ” อากิโอะก้มมองซึบาสะที่ยังนั่งอยู่ข้างอ่าง ซึบาสะสะดุ้งรู้สึกตัว ภาพซ้อนหายไป เขาเห็นแต่ร่างตัวเองจึงละสายตาลงมองพื้นกระเบื้อง อากิโอะหยิบผ้ามาเช็ดๆ ตัว “ทำยังกะพวกหลงตัวเอง”

“เปล่าซะหน่อย” ซึบาสะพูดอุบอิบเสียงเบา เขาไม่ได้เป็นพวกหลงตัวเองนะ ก็แค่เมื่อกี้นี้ที่เขาเหมือนเห็นออร่าเปล่งประกายออกมาจากร่างเขา เป็นออร่าที่ผู้นำทั้งหลายมีกันนั่นแหละ ออร่าประเภทนี้จะเห็นได้จากคนที่เป็นผู้นำของประเทศต่างๆ มักจะมีความดึงดูดสายตา มีความน่าเกรงขาม ดูหนักแน่นทรงพลัง มันอธิบายไม่ค่อยถูก

อย่างเช่นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาไง ที่แค่ปรากฏตัวต่อสาธารณะชนก็ดึงดูดสายตาประชาชน ให้ฟังคำพูดของเขาได้โดยไม่ต้องพูดจูงใจอะไรเลย

“ว่าแต่เลขาของคุณนี่ใครเหรอ?” อากิโอะถาม ซึบาสะบอก “เขาชื่อโคเฮ โกโร่น่ะ เห็นว่าเป็นญาติห่างๆ ของไคโตะน่ะ”

“ไคโตะที่ว่าเป็นเลขาของยามาโตะ โทมิน่ะเหรอ?” อากิโอะถาม ซึบาสะพยักหน้า “อืม”

อากิโอะส่ายๆ หน้า “เฮ้อ…คุณนี่นะ ถูกควบคุมทุกฝีก้าวจริงๆ”

“ทำไงได้ล่ะ ยามาโตะส่งเขามาเป็นเลขาผมนี่ ผมจะขัดขืนได้ไง” ซึบาสะบอกอย่างอัดอั้นตันใจ อากิโอะโยนผ้าเช็ดตัวลงตะกร้าแล้วหยิบเสื้อคลุมมาสวม จากนั้นก็เดินออกไปหยิบมือถือขึ้นมา กดหมายเลขแล้วโทรออก ตู๊ด…ตู๊ด…ตู๊ด…ตู๊ด…

เสียงมือถือดังขึ้น เซริน ไอริมองเบอร์มือถือที่ไม่คุ้น “ใคร?”

เธอกดรับสาย “ฮาโหล”

“สวัสดีคุณเซริน ไอริ ผมอา…เอ่อซึบาสะ ยามะ คิดว่าคุณคงรู้จักผมนะ” อากิโอะบอก

“อ๋อ นายกรัฐมนตรี ว่าแต่คุณโทรหาฉันมีอะไรเหรอ?” เซรินถาม อากิโอะบอก “ผมต้องการให้คุณมาเป็นเลขาของผม”

“ขอโทษด้วย ฉันไม่ทำงานให้พวกโทมิกรุ๊ป” เซรินตอบ แล้วจะวางสาย อากิโอะรีบบอก “ผมอยากทำให้ประเทศนี้ดีขึ้นกว่าเดิม ผมหวังว่าคุณจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันประเทศนี้ไปด้วยกัน”

เซรินฟังแล้วอึ้งไป คำพูดนี้เธอเคยได้ยินคนๆ หนึ่งพูดเอาไว้ แต่ตอนนี้คนๆ นั้นไม่อาจพูดประโยคนั้นได้อีกแล้ว ทำให้น้ำตาเธอไหลออกมา “อึก…”

เธอตัดสายไป อากิโอะได้ยินเสียงตู๊ดๆๆๆ… เขามองจอมือถือ หวังว่าเซรินจะยอมมาทำงานให้เขานะ เธอเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุก่อการร้ายในครั้งนั้น ตามข่าวบอกว่าเธอรอดตายอย่างหวุดหวิดเพราะลงจากรถคันนั้นจึงทำให้เธอรอดตายไปได้ ไม่ได้ถูกระเบิดไปพร้อมกับรถ เซรินเป็นคนที่เขาไว้ใจที่สุด เขาเชื่อใจเธอว่าเธอจะไม่ทรยศเขา หากจะมีใครทรยศเขาคนๆ นั้นต้องไม่ใช่เซรินแน่นอน!

เซรินมองมือถือคิดๆ “เขาโทรหาฉันทำไม? หรือว่าเขาวางแผนดึงฉันไปเป็นหมารับใช้โทมิกรุ๊ป?”

ถ้าเธอไปทำงานให้ซึบาสะ ยามะ บางทีเธออาจจะสามารถสืบเรื่องคนร้ายที่ฆ่าอากิโอะได้ เพราะหนึ่งในคนร้ายที่เธอคิดเอาไว้ก็คือ ‘โทมิกรุ๊ป’ ที่หวังจะผลักดันคนของตัวเองขึ้นมาเป็นนายกฯ แทนอากิโอะ! เธออาจต้องลองเสี่ยงดู หลังจากคิดๆ ดีแล้วเธอจึงโทรกลับไปตามเบอร์ที่โทรเข้ามา ตู๊ด…ตู๊ด…ตู๊ด…

“ฮาโหลเซริน” อากิโอะรับสาย เซรินถามว่า “คุณยังต้องการให้ฉันไปเป็นเลขาให้คุณอยู่ไหม?”

“แน่นอน” อากิโอะพยักหน้า เซรินจึงบอก “งั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปพบคุณค่ะ”

“ได้ เจอกัน 9 โมงเช้า” อากิโอะบอก เซรินตอบ “ค่ะ” แล้วเธอก็ตัดสายไป ตู๊ดๆๆๆ…

อากิโอะยิ้มบางๆ “Yes!”

หลังจากนั้นเขาก็เข้านอน ซึบาสะก็นั่งอยู่บนเตียงมองดูอากิโอะในร่างของเขา เขาเป็นวิญญาณจึงไม่ต้องนอนพักผ่อน เขาได้แต่มองดูอยู่เงียบๆ ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง

วันต่อมา อากิโอะก็ตื่นแต่เช้าอย่างเคยชิน เขาตื่นขึ้นมาแล้วอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย สวมกางเกงสีดำกับเชิ้ตสีฟ้าอ่อน เขามองเงาในกระจกแล้วทำใจ ใบหน้าในกระจกช่างสวยเหมือนผู้หญิงมากกว่าที่จะดูเป็นผู้ชาย ถ้าแต่งหน้าซะหน่อย ก็เหมือนผู้หญิงเลยล่ะ “เฮ้อ…”

เขาลงไปทานอาหารมื้อเช้าข้างล่าง แล้วหยิบมือถือมาเปิดดูข่าว บัตเลอร์ก็คอยรับใช้อยู่ใกล้ๆ เขาเป็นบัตเลอร์ประจำบ้านพักนายกรัฐมนตรีมานาน รับใช้นายกฯ มาแล้ว 4 คน แต่มีคนเดียวเท่านั้นที่มาจากพรรคการเมืองหน้าใหม่อย่างพรรค ‘คนรุ่นใหม่’ นอกนั้นล้วนมาจากพรรค ‘เสรี’ นายกฯ คนนี้ก็เช่นกัน เป็นหัวหน้าพรรคเสรีที่เข้ามาเป็นนายกฯ แทนคนก่อน

จนกระทั่ง เวลา 8.30 น. บอดี้การ์ดก็รายงานว่า “ท่านครับ…มีผู้หญิงชื่อเซริน ไอริ มาครับ เธอบอกว่านัดกับท่านไว้ครับ”

“โอ้! มาแล้วรึ?” อากิโอะมองนาฬิกาข้อมือแล้วบอกว่า “ให้เธอเข้ามา”

“ครับท่าน” บอดี้การ์ดรับคำสั่งแล้วแจ้งไปยังยามรักษาการณ์ที่ประตูว่า “ให้เธอเข้ามาได้”

“ครับ” ยามรักษาการณ์ตอบแล้วก็ตรวจสอบความปลอดภัยตามขั้นตอน เซรินก็ยอมให้ตรวจโดยดี เธอเคยทำงานกับนายกฯ มาก่อน คุ้นเคยกับระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่เป็นอย่างดี คนทุกคนที่จะเข้าจะออกที่นี่ต้องได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวด หลังจากผ่านการตรวจแล้วบอดี้การ์ดก็นำเธอไปพบท่านนายกฯ

“ท่านครับ คุณเซริน ไอริ ครับ” บอดี้การ์ดรายงาน อากิโอะลุกขึ้นยืนมองเซรินที่ยืนอยู่ด้านหลังบอดี้การ์ด “สวัสดีคุณเซริน เชิญนั่งครับ”

“สวัสดีค่ะ” เซรินโค้งคำนับแล้วนั่งลง สาวใช้ก็ยกน้ำชาไปวางตรงหน้าแขกที่คุ้นหน้าคุ้นตาดี เพราะเธอคนนี้เคยเป็นเลขาของท่านนายกฯ คนก่อน “น้ำชาค่ะ”

“ขอบคุณค่ะ” เซรินบอก สาวใช้ถอยออกไป อากิโอะก็ไล่คน “พวกคุณออกไปได้แล้ว”

“ครับ”

“ค่ะ”

ทั้งสาวใช้ ทั้งบัตเลอร์รับคำแล้วพากันถอยออกไป เหลือแต่บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน อากิโอะจึงไล่ “พวกคุณก็ออกไปด้วย”

“เอ่อ…” บอดี้การ์ดอึกอักไม่กล้าออกไป อากิโอะจึงไล่เสียงดุ “ผมสั่งให้ออกไปไง!”

“ครับๆ” บอดี้การ์ดรับคำสั่งแล้วเดินออกไป แต่พวกเขาก็ไม่ได้ไปไกล ยังคงไปเฝ้าอยู่ตรงหน้าประตู พร้อมที่จะพุ่งเข้าไปในห้องตลอดเวลา อากิโอะมองบอดี้การ์ดแล้วทำหน้าเซ็งพลางนั่งลง เซรินมองแล้วพูดว่า “ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ค่อยฟังคำสั่งคุณสักเท่าไหร่”

“พวกเขาไม่ใช่คนของผม” อากิโอะบอก เซรินเลิกคิ้วขึ้น “หือ?”

“คนพวกนั้นเป็นคนของยามาโตะ” อากิโอะบอกน้ำเสียงราบเรียบ เซรินจึงเอ่ยว่า “คุณก็เป็นคนของยามาโตะเหมือนกัน”

“ไม่ใช่” อากิโอะบอก เซรินเลิกคิ้วขึ้นสูง “หือ?”

“เอาเป็นว่าคุณทำงานกับผมไปเรื่อยๆ แล้วก็จะรู้เองนั่นแหละ” อากิโอะบอก ไม่ต้องการอธิบายอะไรมากนัก เซรินยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ทำไมคุณถึงคิดว่าฉันจะทำงานให้คุณล่ะคะ?”

“ถ้าคุณไม่คิดทำงานให้ผม คุณคงไม่มาหรอก” อากิโอะบอก เซรินมองซึบาสะอย่างพินิจแล้วคิดๆ ในใจ หรือว่าจะมีการแตกคอกันเอง?

“ท่านนายกฯ ครับ” โคเฮ โกโร่ เดินเข้าไป เขาโค้งคำนับแล้วยืดตัวขึ้นทันที ซึบาสะที่อยู่ข้างๆ อากิโอะรีบบอก “เขาคือโคเฮ โกโร่”

อากิโอะฟังแล้วมอง โคเฮ พลางบอกว่า “ต่อไปนี้คุณไม่ต้องเป็นเลขาให้ผมแล้ว ผมจ้างเลขาคนใหม่แล้ว”

“จ้างคนใหม่?” โคเฮมองท่านนายกฯ แล้วมองผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามท่านนายกฯ เขาจำผู้หญิงคนนั้นได้ เธอเคยเป็นเลขาของนายกฯ คนก่อนไม่ใช่เหรอ!? นี่มันหมายความว่าไง!?

“คุณก็ย้ายไปทำตำแหน่งอื่นเถอะ” อากิโอะบอก โคเฮมองอย่างงงๆ “ย้าย?”

“เอาเป็นว่าระหว่างนี้คุณก็ทำตำแหน่ง…อืม?” อากิโอะคิดๆ แล้วบอกว่า “ดูแลต้นไม้ในสวนล่ะกัน บัตเลอร์ คุณพาเขาไปทำงานตำแหน่งใหม่ที”

เขาหันไปสั่งบัตเลอร์ที่ยืนฟังอยู่นอกประตู บัตเลอร์จึงเดินเข้าไป “ครับท่าน”

เขาหันไปพูดกับโคเฮว่า “ตามผมมาซิ ผมจะแนะนำเองว่าคุณต้องทำอะไรบ้าง”

โคเฮมึนงงไปหมด จู่ๆ เขาก็ถูกย้ายไปเป็นคนสวนเนี่ยนะ!?

“เอ้า ไปได้แล้ว รึว่าคุณไม่ชอบตำแหน่งใหม่ก็ลาออกไปได้เลย” อากิโอะบอกอย่างไม่ใส่ใจ โคเฮถูกกดดันจนไม่มีทางเลือก เขาจึงยอมเดินตามบัตเลอร์ไป ระหว่างที่เดินตามบัตเลอร์ไป เขาก็โทรรายงานไคโตะว่า “คุณไคโตะครับ ผมถูกย้ายไปเป็นคนสวนครับ”

“หือ?” ไคโตะงงๆ โคเฮก็รายงานว่า “ท่านนายกฯ ย้ายผมไปเป็นคนสวนครับ แล้วยังรับเลขาของนายกฯ คนก่อนเข้ามาทำงานด้วยครับ”

“เลขาของนายกฯ คนก่อน?” ไคโตะทวนคำ “ผู้หญิงที่ชื่อเซริน ไอริ น่ะเหรอ?”

“ใช่ครับคุณไคโตะ ผู้หญิงคนนั้นแหละครับ” โคเฮบอก ไคโตะคิดๆ แล้วจึงสั่งว่า “คุณจับตาดูท่านนายกฯ กับผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ก่อน”

“ครับ” โคเฮรับคำสั่ง แล้วสายก็ตัดไป

“เอ้า รีบตามมาซิ” บัตเลอร์เร่ง โคเฮจึงได้แต่เดินตามบัลเตอร์ไป

ส่วนไคโตะก็รายงานเจ้านายว่า “โคเฮโทรมารายงานว่าเขาถูกย้ายไปเป็นคนสวนครับ แล้วท่านนายกฯ ยังรับเลขาของนายกฯ คนก่อนมาทำงานด้วยครับ”

“หือ?” ยามาโตะเลิกคิ้วขึ้น พึมพำว่า “เขาคิดจะทำอะไร?”

ไคโตะเงียบไป ไม่สามารถตอบได้ ยามาโตะจึงสั่ง “จับตาดู ถ้ามีอะไรก็รายงานผมทันที”

“ครับท่าน” ไคโตะรับคำสั่ง ยามาโตะคิดๆ อยู่เงียบๆ

ซึบาสะก็มองเซริน ไอริ อย่างพินิจพิจารณา เธอสวมสูทตัวหลวมนิดๆ ใส่แว่นตากลมๆ ใหญ่ๆ ผมยาวรวบเป็นหางม้าอย่างเรียบร้อย สวมรองเท้าคัทชูสูงแค่นิ้วเดียว ให้ความรู้สึกเหมือนคุณครูแก่ๆ จอมเฮี้ยบที่พร้อมจะฟาดก้นนักเรียนเกเรยังไงอย่างงั้น

เซรินก็มองท่านนายกฯ อย่างพินิจพิจารณาเช่นกัน เธอยกชาขึ้นจิบช้าๆ คิดเหตุผลที่เขาชวนเธอมาทำงานด้วยไม่ออกจริงๆ

“เอาล่ะ งานเลขาของนายกฯ คุณเคยทำมาแล้ว ผมคงไม่ต้องสอนงานอะไรมากมาย คุณเริ่มงานได้เลย” อากิโอะบอก เซรินวางถ้วยชาลงแล้วรับคำว่า “ค่ะ”

เธอเอาโน๊ตบุ๊คของเธอออกมาวางแล้วเริ่มทำงานทันที เธอมองท่านนายกฯ แล้วถามว่า “ท่านจะเริ่มทำงานวันไหนคะ?”

“พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปที่ทำเนียบ วันนี้ขอผมลาหยุดต่ออีกวันเถอะ” อากิโอะบอก เซรินรับคำ “ค่ะ”

แล้วเธอก็จิ้มคีย์บอร์ดรัวๆ อากิโอะก็ดื่มชาไปเงียบๆ เขาคุ้นเคยกับเซรินดีจึงไม่รู้สึกแปลกหน้าแม้แต่น้อย ส่วนเซรินก็รู้สึกทั้งแปลกหน้าและมีความคุ้นเคยรางๆ ที่บอกไม่ถูก ทำให้เธอคอยมองเจ้านายใหม่อย่างพินิจพิจารณา

การเปลี่ยนแปลงของท่านนายกฯ ถูกพวกบอดี้การ์ดจับตามอง โคเฮก็จับตามองเช่นกัน เซรินนั่งทำงานท่ามกลางความรู้สึกที่ถูกจับตามอง เธอมองไปตามความรู้สึกก็เห็นพวกบอดี้การ์ดรีบหลบสายตาของเธอทันที บางคนก็ไม่หลบ มองเธออย่างประเมินสถานการณ์อยู่ในใจ เธอเหยียดมุมปากนิดหนึ่ง อยากมองก็มองไปซิ เธอไม่ใช่ประเภทที่จะเหนียมอายเมื่อถูกมองซะหน่อย ตำแหน่งเลขาของอากิโอะเมื่อก่อนนี้ก็ทำให้เธอตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนมาแล้ว ดังนั้นแค่สายตาของคนไม่กี่คนแค่นี้ จิ๊บๆ!

“เพื่อความสะดวกในการทำงาน ผมว่าคุณย้ายมาพักที่นี่เถอะ” อากิโอะบอก เซรินมองท่านนายกฯ “ย้ายมาพักที่นี่?”

“ใช่ เมื่อก่อนคุณก็พักที่นี่ไม่ใช่เหรอ?” อากิโอะย้อนถาม ตอนที่เธอเป็นเลขาให้เขา เธอก็พักที่นี่เหมือนกัน เพื่อความสะดวกในการทำงาน ตอนที่เขายังเป็นหัวหน้าพรรคคนรุ่นใหม่อยู่ เธอก็พักที่บ้านของเขา จนเธอแทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขาไปแล้ว

“ใช่ค่ะ” เซรินตอบ “แต่ว่านั่นเพราะว่าท่านนายกฯ คือคุณอากิโอะ ฉันถึงได้พักที่นี่ ทำงานให้เขาอย่างเต็มเวลา”

“หมายความว่าผมไม่ใช่อากิโอะ คุณก็เลยจะไม่ทุ่มเททำงานให้เหรอ?” อากิโอะถาม เซรินตอบ “ค่ะ”

“ผมควรจะดีใจหรือเสียใจดีล่ะ?” อากิโอะพูดลอยๆ เซรินมองอย่างไม่เข้าใจ “คะ?”

“เอาเถอะ คุณไม่อยากทุ่มเทให้ผมก็ช่างเถอะ” อากิโอะบอกพลางโบกๆ มือ “แต่ผมอยากให้คุณพักที่นี่นะ มันสะดวกดีเวลาทำงาน”

“ฉันพักที่นี่ก็ได้ แต่ว่าเวลาทำงานของฉันคือ 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็นเท่านั้นค่ะ” เซรินบอก อากิโอะยิ้มบางๆ “ผมก็ไม่คิดจะใช้คุณทำโอหรอกนะ”

“ถ้างั้นฉันกลับไปเก็บของที่บ้านก่อนล่ะกัน” เซรินบอก อากิโอะพยักหน้า “ครับ แล้วผมจะให้คนจัดห้องเดิมไว้ให้คุณล่ะกัน”

“ห้องเดิม?” เซรินทวนคำ แล้วนึกขึ้นได้ว่าบัลเลอร์กับคนรับใช้ย่อมรู้เรื่องนี้ดี ส่วนท่านนายกฯ ก็คงไม่รู้หรอกว่าเธอเคยพักที่ห้องไหน เขาก็คงพูดไปงั้นแหละ

“งั้นฉันกลับไปเก็บของก่อน” เธอบอกแล้วเก็บโน๊ตบุ๊คใส่กระเป๋าแล้วลุกขึ้นโค้งคำนับตามมารยาททีนึง จากนั้นก็หิ้วกระเป๋าเดินออกไป อากิโอะมองตาม ซึบาสะถอนหายใจ “เฮ้อ…”

“เป็นไร?” อากิโอะถามเบาๆ ซึบาสะบอก “ผมรู้สึกเหมือนเป็นนักเรียนอยู่ต่อหน้าคุณครูจอมเฮี้ยบงั้นแหละ เมื่อก่อนเธอเป็นครูมาก่อนเหรอ?”

“ไม่หรอก เธอเป็นเลขาผมมาตลอด เธอเรียนจบมาก็เป็นเลขาผมเลย ผมเห็นเธอคล่องดีจึงใช้งานเธอ” อากิโอะบอก ซึบาสะบอก “แต่เธอทำให้ผมรู้สึกเหมือนเธอเป็นคุณครูจอมเฮี้ยบงั้นแหละ นี่ถ้าเธอแก่กว่านี้อีกซัก 10 ปีล่ะใช่เลย”

“หึๆๆๆ…” อากิโอะหัวเราะเบาๆ พวกบอดี้การ์ดคอยมองดูอยู่ก็งงๆ ที่ช่วงนี้ท่านนายกฯ มักจะพูดคนเดียวบ่อยๆ หรือว่าท่านคุยโทรศัพท์กับใคร?

ทุกความเคลื่อนไหวของท่านนายกฯ ถูกรายงานต่อไคโตะอย่างไม่มีตกหล่น ไคโตะก็รายงานเจ้านายอีกที หลังจากยามาโตะฟังแล้วก็คิดๆ “หรือว่าเขามีผู้หญิงในใจ ถึงได้พยายามแข็งข้อกับผม?”

ทั้งเปลี่ยนมือถือ ทั้งเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คใหม่ PC ใหม่ แล้วยังคุยโทรศัพท์กับใครก็ไม่รู้ที่ดูน่าสงสัย เขาคิดๆ แล้วจึงสั่งว่า “จับตาดูเอาไว้ดีๆ ถ้าเจอผู้หญิงที่น่าสงสัยก็รีบบอก จะได้ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมซะ!”

Chapter 7

เอายัยนี่ออกไปซะ!

“หรือว่าผู้หญิงคนนั้นคือเซริน ไอริ คนนั้นครับ?” ไคโตะเดาๆ มายาโตะคิดๆ แล้วบอกว่า “สเปคของซึบาสะไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก เขาชอบผู้หญิงตัวเล็กๆ เหมือนโลลิ อย่างรักแรกของเขาสมัยเรียนม.ปลายนั่นไง”

ไคโตะจำได้ เพราะเขาต้องคอยจัดการกับผู้หญิงที่มีลักษณะนั้นให้หายไปจากชีวิตของซึบาสะมาหลายคนแล้ว ทั้งใช้เงิน ทั้งข่มขู่ จนกระทั่งผู้หญิงเหล่านั้นย้ายหนีไป ไม่ติดต่อกับซึบาสะอีกเลย แค่จัดการกับผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตซึบาสะไม่ใช่เรื่องยากอะไรนัก หึๆๆๆ…

เซรินกลับมาอีกครั้งพร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ใบหนึ่ง เธอไม่ต้องขนอะไรมามากมายเพราะที่นี่มีทุกอย่างอยู่แล้ว เธอเอามาแค่ของใช้ส่วนตัวก็พอ บัตเลอร์ก็เตรียมห้องๆ เดิมไว้ให้เธอ เซรินพอใจกับห้องที่เคยอยู่ เธอจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ ขณะที่เปิดตู้เสื้อผ้า เธอเห็นบางอย่างที่ผิดปกติไปจากเมื่อก่อน เธอมองดูรูปภาพที่ติดอยู่ในห้อง แล้วเธอก็ปิดตู้เสื้อผ้าเดินไปยืนมองรูปภาพรูปนั้น เธอยกเก้าอี้มาแล้วปีนขึ้นไปจับรูปภาพรูปนั้นลงมา เธอเจอสายไฟเส้นเล็กๆ ต่อกับรูปภาพ เธอมองแล้วยิ้มเยาะ “หึ! ติดกล้องเอาไว้เลยเหรอ?”

เธอแขวนรูปภาพกลับไปแล้วเดินไปจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ หลังจากจัดเสื้อผ้าเข้าตู้เสร็จแล้ว เก็บกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยแล้วเธอก็เอาโน๊ตบุ๊คออกมาวางบนโต๊ะทำงานในห้องแล้วต่อสายเน็ตกับโน๊ตบุ๊ค จากนั้นเธอก็แฮกเข้าไปจัดการกับกล้องตัวนั้น ทำให้ภาพของกล้องค้างไว้ คิดจะแอบมองเธอไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ เชอะ!

เมื่อจัดการกับกล้องตัวนั้นแล้วเธอก็พบว่าในห้องยังมีกล้องอีกหลายจุด เธอก็จัดการแฮกพวกมันซะหมดเลย ทำให้ภาพค้างไว้ แต่เวลาของกล้องยังคงเดินไปเรื่อยๆ เรื่องแบบนี้ไม่ยากนักถ้าเข้าใจวิธีการทำงานของกล้อง CCTV เป็นอย่างดี หลังจากจัดการกับกล้องในห้องทั้งหมดแล้วเธอยังพบว่าในบ้านหลังนี้มีกล้องติดไว้หลายจุดมาก นี่มันต่างจากตอนที่เธอเคยทำงานที่นี่ กล้องที่เพิ่มมาพวกนั้นเหมือนกับเอาไว้สอดส่องคนในบ้านชนิดว่าไม่ให้คลาดสายตากันเลยทีเดียว “โห! ไรเนี่ย!?”

เธอมองกล้องที่ติดเพิ่มขึ้นมา โดยเฉพาะในห้องนอนของท่านนายกฯ ที่มีกล้องติดแทบทุกมุม “โห ติดอะไรเยอะแยะขนาดนี้ฟะ?”

เธอไม่ได้แฮกกล้องพวกนั้น เธอปล่อยให้มันทำงานต่อไป เธอจัดการแค่ในห้องของเธอก็พอแล้ว หลังจากนั้นเธอก็นั่งมองดูภาพจากกล้องพวกนั้นไปเรื่อยๆ มีกล้องพวกนี้ก็เหมือนเธอมีดวงตามองได้ทั้งบ้านนั่นแหละ แล้วจะไปทำลายมันทำไมล่ะ? เหอๆๆๆ…

วันต่อมา อากิโอะก็แต่งตัวเข้าทำเนียบ ผู้คนมากมายทักทายเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่ลับหลังไม่รู้ว่าดูถูกเขาอยู่มากน้อยขนาดไหน เพราะตำแหน่งนายกฯ นี้ได้มาอย่างไม่บริสุทธิ์ เซรินก็ติดตามท่านนายกฯ ทำงานของเธออย่างเต็มที่ ซึบาสะก็คอยบอกอากิโอะให้รู้จักกับคนในพรรคเสรีที่เข้ามาทักทาย อากิโอะจำได้เกือบทั้งหมด มีบางคนเท่านั้นที่เขาจำไม่ได้ ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นส.ส.หน้าเก่ากันทั้งนั้น

“โอ้! ท่านนายกฯ มาทำงานได้แล้วเหรอครับ?”

เสียงถามดังขึ้น อากิโอะหันไปมอง เห็นว่าเป็นรองนายกฯ ทาคุยะ ซาโตะ ใบหน้าของทาคุยะ ยิ้มแฉ่ง แต่รอยยิ้มนั้นไปไม่ถึงดวงตา อากิโอะยิ้มตอบ ทักทายว่า “โอ้! ท่านรองนายกฯ นี่เอง”

ทาคุยะซาโตะเป็นรองนายกฯ ที่มาจากพรรคเสรี นับว่าเป็นพวกเดียวกับซึบาสะ แต่ทาคุยะก็เขม่นซึบาสะมาตลอดที่แย่งตำแหน่งหัวหน้าพรรคไป เขารู้ดีว่า ‘เด็กเมื่อวานซืน’ ตรงหน้าได้ตำแหน่งหัวหน้าพรรคก็เพราะยามาโตะหนุนหลังอยู่ ไม่มียามาโตะซะคน ไอ้เด็กเมื่อวานซืนคนนี้ก็คงไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคหรอก แล้วก็ไม่อาจเป็นนายกรัฐมนตรีได้ด้วย เขาควรที่จะได้เป็นหัวหน้าพรรค กลับถูกเด็กเมื่อวานซืนปาดหน้าเค้กไปเสียได้ ถ้าไม่ใช่เพราะมัน ป่านนี้เขาคงได้เป็นนายกรัฐมนตรีไปแล้ว!

“แผลเป็นยังไงบ้างครับท่านนายกฯ?” ทาคุยะถาม ตามองผ้าพันแผลบนหัวของท่านนายกฯ แล้วเลื่อนสายตามามองหน้าท่านนายกฯ

“นิดหน่อยครับ ไม่เป็นไรมาก” อากิโอะตอบน้ำเสียงราบเรียบ เขารู้ข้อมูลของทาคุยะพอสมควร รู้ว่าทาคุยะเขม่นซึบาสะ

“ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้วครับ” ทาคุยะบอก แต่ในใจแช่งชักหักกระดูก น่าจะตายๆ ไปซะ!

“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ไม่ได้เข้ามาหลายวันคงมีงานรอเพียบเลย” อากิโอะบอกแล้วโค้งคำนับให้นิดหนึ่ง จากนั้นก็เดินเข้าห้องทำงานไป ทาคุยะมองอย่างแค้นเคืองอยู่ในใจลึกๆ คอยดูเถอะ ซักวันหนึ่งเขาจะต้องเขี่ยไอ้เด็กนี้ออกไปให้พ้นทางให้ได้!

เซรินก็เดินตามท่านนายกฯ ไป ทาคุยะมองเซรินอย่างงงๆ เขาจำได้ว่าผู้หญิงคนนี้เคยเป็นเลขาของท่านนายกฯ อากิโอะนี่นา แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่!?

ประตูห้องปิดลง บอดี้การ์ดก็ก้าวไปยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องเหมือนเคย ทาคุยะจึงเดินจากไป เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ

ภายในห้อง อากิโอะนั่งลงที่เก้าอี้ เขาสั่งเซรินว่า “นโยบายของนายกฯ คนก่อน คุณช่วยตรวจดูทีว่านโยบายอันไหนที่ยังไม่ได้ทำ”

“ค่ะ” เซรินรับคำสั่งแล้วหยิบโน๊ตบุ๊คมาเปิดจากนั้นก็บอกว่า “การลดค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าแก๊สที่ให้ลดภาษี ยังไม่ผ่านค่ะ”

“อืม” อากิโอะพยักหน้ารับรู้ เขาก็รู้ข้อมูลมาบ้างว่านโยบายพวกนี้ถูก ‘ดอง’ เอาไว้ ส่วนการซื้อเครื่องบินรบ เรือดำน้ำ ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพกลับถูกผลักดันให้ผ่านอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าในกระบวนการนี้คงมีคนได้ ‘กินนอกกินใน’ กันจนอิ่มหมีพีมัน แน่นอน คิดๆ แล้วน่าโมโหนักที่ภาษีของประชาชนกลับถูกนำไปใช้กับเรื่องที่ไม่จำเป็นเหล่านี้ ทำเขาอดด่าไม่ได้ “มันจะซื้อไปรบกับก็อตซิล่าเรอะ!”

“คะ?” เซรินทำหน้างงๆ อากิโอะจึงบอก “ก็ซื้อเครื่องบินรบ เรือดำน้ำ ยุทโธปกรณ์ของกองทัพไง ทีเรื่องไม่จำเป็นพวกนี้เสือกเร่งให้ผ่าน มันจะซื้อไปรบกับก็อตซิล่ามั้ง”

“คริๆ…” เซรินอดหัวเราะไม่ได้ “นั่นซิ สงสัยกองทัพจะซื้อไปไว้รบกับก็อตซิล่าค่ะ”

“หึ! พวกนั้นคงกินนอกกินในกันจนตัวอ้วนเลยซิ” อากิโอะบ่นอย่างโมโห “ผมตายไปแค่ 3 เดือนกว่า พวกนั้นก็รีบเร่งให้อนุมัติกันเลยเชียว”

เซรินได้ยินไม่ค่อยชัดจึงถาม “คุณว่าอะไรนะคะ?”

อากิโอะดึงสติกลับมาแล้วบอกว่า “ก็หลังจากนายกฯ อากิโอะตายไง พวกนั้นก็รีบให้อนุมัติการซื้อของพวกนั้นทันทีเลย น่าโมโหนัก!”

“ก็คุณเป็นคนเซ็นอนุมัติไม่ใช่เหรอ?” เซรินย้อนถาม อากิโอะชะงักไป “ก็ใช่ แต่ถ้าเป็นนายกฯ อากิโอะ ผมว่าเขาคงไม่ยอมอนุมัติแน่นอน”

“ใช่ ถ้าเป็นคุณอากิโอะต้องไม่ยอมอนุมัติแน่ๆ” เซรินพยักหน้าเห็นด้วย อากิโอะจึงหยิบมือถือมาแล้วพิมพ์ข้อความสั่ง ‘คุณไปตรวจสอบหน่อยว่ามีใครได้ผลประโยชน์จากการซื้อของพวกนั้นบ้าง’

ติ๊ง! เสียงไลน์ดังขึ้น เซรินหยิบมือถือมาดู เห็นว่าเป็นข้อความจากท่านนายกฯ จึงเปิดอ่านอย่างงงๆ หลังจากอ่านแล้วเธอก็มองหน้าท่านนายกฯ อย่างงงๆ อากิโอะจึงพิมพ์ข้อความบอกว่า ‘ที่นี่มีกล้องอยู่’

ติ๊ง! เสียงไลน์ดังอีก เซรินมองข้อความที่ขึ้นมา เธอจึงพิมพ์ตอบ ‘ค่ะ จะตรวจสอบให้’

อากิโอะยกนิ้วโป้งให้ เซรินยิ้มรับ แล้วเธอก็จิ้มๆ คีย์บอร์ด อากิโอะก็เอาโน๊ตบุ๊คของเขามาวางแล้วเริ่มทำงานเช่นกัน เขาจะต้องผลักดันนโยบายที่เขาเคยเสนอไว้ให้ผ่านให้ได้ นโยบายเหล่านั้นเป็นประโยชน์กับประชาชนแต่กลับถูก ‘ดอง’ เอาไว้ซะนี่ ทำเขาโมโหมากจริงๆ ขนาดนโยบายติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ผลิตไฟฟ้า ลดค่าไฟตามบ้านเรือนก็ยังไม่ค่อยคืบหน้าเท่าไหร่ เขานึกขอบคุณเทพเจ้าที่ช่วยให้เขากลับมาอยู่ในร่างของซึบาสะ เขาจะใช้ตำแหน่งของซึบาสะแก้ไขเรื่องต่างๆ ผลักดันให้นโยบายที่เขาวางเอาไว้เป็นจริงให้ได้!

ซึบาสะไม่มีอะไรจะทำจึงออกไป ‘เดินเล่น’ เขาเห็นคนนั้นคนนี้เดินไปเดินมา บางคนกำลังคุยกันอยู่ เขาก็ยืนฟัง ไม่มีใครมองเห็นเขาก็ดีไปอย่าง ทำให้เขาได้ฟังความคิดเห็นของคนอื่นอย่างเต็มที่ ส่วนใหญ่แล้วคนพวกนั้นไม่ชอบเขาเลย ต่อหน้าพูดดี แต่ลับหลังกลับพูดจาดูถูกดูแคลนเขา เขาฟังแล้วรู้สึกโมโหจนอยากจะต่อยคนขึ้นมา เขาต่อยไปทีนึง แต่กำปั้นเขาทะลุร่างของคนๆ นั้นไป เขาทำอะไรคนเหล่านั้นไม่ได้เลย น่าโมโหมาก! ฮึ่ม!

ซึบาสะฟังคำพูดของคนอื่นแล้วจำเอาไว้ เพราะบางเรื่องที่เขาได้ยินก็เป็นประโยชน์ต่ออากิโอะไม่น้อยเหมือนกัน อย่างเช่นเรื่องลับๆ ของคนพวกนั้นที่สามารถให้อากิโอะเอาไปใช้ข่มขู่คนพวกนั้นได้ ฮี่ๆๆๆ…

ซึบาสะตระเวนฟังคนอื่นคุยกันจนรู้สึกว่าเวลาผ่านไปนานมาก เขาจึงกลับไปหาอากิโอะ เห็นอากิโอะกับเซรินกำลังตั้งหน้าตั้งตาจิ้มๆ โน๊ตบุ๊คกันอยู่ เขามองถ้วยกาแฟที่เหลือแต่ถ้วยเปล่าๆ มีคราบกาแฟแห้งกรังติดก้นแก้ว แสดงว่ากาแฟแก้วนี้ถูกวางทิ้งไว้นานแล้ว เขามองอากิโอะที่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานจนลืมเวลา จึงเตือนว่า “คุณต้องทานข้าวให้ตรงเวลานะ ไม่งั้นจะปวดท้อง”

“อ่ะ” อากิโอะสะดุ้ง เขาหันไปมองซึบาสะที่กลับมาอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เห็นซึบาสะมองด้วยความเป็นห่วงจึงบอกเสียงเบาว่า “ขอโทษที ทำงานเพลินไปหน่อยเลยลืมน่ะ”

เขาหันไปมองเซรินที่ทำงานเพลินเหมือนกันจึงเรียกเธอ “คุณเซริน นี่เกือบบ่าย 2 แล้ว ไปทานข้าวก่อนเถอะ”

“คะ?” เซรินสะดุ้งเงยหน้ามอง เธอเหลือบมองนาฬิกาแล้วอึ้งไป “โอ้! จะบ่าย 2 แล้วเหรอ?”

“ไปเถอะ ไปทานข้าวก่อน” อากิโอะบอกแล้วปิดโน๊ตบุ๊ค จากนั้นเขาก็ยกหูโทรศัพท์โทรสั่งอาหาร เขามองเซรินแล้วถามว่า “คุณจะทานอะไร?”

“ข้าวหน้าหมูทอดล่ะกัน” เซรินบอก อากิโอะยิ้มบางๆ พึมพำว่า “ไม่เปลี่ยนเลย”

ใช่ เซรินชอบกินข้าวหน้าหมูทอดเป็นประจำ ดังนั้นเมนูนี้จึงกลายเป็นเมนูที่เขาหรือไม่ก็เธอสั่งบ่อยๆ เมื่อก่อนนี้

หลังจากสั่งอาหารแล้วเขาก็วางหูโทรศัพท์ เซรินปิดโน๊ตบุ๊คแล้วลุกขึ้นบิดขี้เกียจ จากนั้นเธอก็เดินไปที่ห้องรับประทานอาหารข้างๆ ห้องทำงาน พนักงานก็ยกน้ำชาไปเสิร์ฟ อากิโอะลุกตามไป เขานั่งลงตรงข้ามเธอ พนักงานเสิร์ฟชาแล้ววางยาลดกรดให้ท่านนายกฯ “ยาลดกรดค่ะท่าน”

“อ่อ ขอบคุณมาก” อากิโอะหยิบยาลดกรดมากินแล้วดื่มน้ำตาม เซรินมองดูเงียบๆ เก็บข้อมูลเกี่ยวกับเจ้านายใหม่เอาไว้ เธอรู้สึกว่าเขาดูคุ้นตาพิกล ความคุ้นตานี้คล้ายกับเจ้านายเก่ามาก ไม่ใช่รูปร่างหน้าตา แต่เป็นท่าทางของเขาที่มีอะไรหลายๆ อย่างคล้ายกับอากิโอะคนนั้น

“ข้าวหน้าหมูทอดค่ะ” พนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟ เซรินมองท่านนายกฯ อากิโอะจึงบอก “ของคุณเซรินน่ะ”

“อ่อ ค่ะ” พนักงานจึงวางข้าวหน้าหมูทอดตรงหน้าเซริน เซรินพูด “ขอบคุณค่ะ”

พนักงานยิ้มแล้วถอยออกไป จากนั้นก็ยกอาหารไปเสิร์ฟอีก “อูด้งเทมปุระค่ะ”

อากิโอะชี้ตรงหน้าตัวเอง พนักงานจึงวางชามตรงหน้าท่านนายกฯ อากิโอะบอก “ขอบคุณครับ”

พนักงานยิ้มแล้วถอยออกไป ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกเหมือนเห็นท่านนายกฯ คนก่อนนั่งทานข้าวร่วมกับคุณเลขา มันเป็นภาพที่เธอบอกไม่ถูกว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น ทั้งๆ ที่คนที่นั่งอยู่คือท่านนายกฯ ซึบาสะแท้ๆ แม้ว่าคุณเลขาจะเป็นคุณเลขาเซรินก็เถอะ หรือว่าเป็นเพราะคุณเลขาเซรินเลยทำให้เธอรู้สึกอย่างนั้นเหรอ?

อากิโอะหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วคีบเทมปุระทาน เซรินมองท่าทางของท่านนายกฯ ที่ดูคุ้นตามาก ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ซึบาสะ แต่เป็นอากิโอะ แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอก เธอคงคิดถึงเจ้านายเก่ามากเกินไปแน่ๆ เลยเห็นว่าใครๆ ก็คล้ายเขาไปหมดแบบนี้

เธอรีบทานข้าว พยายามไม่คิดมาก จู่ๆ ท่านนายกฯ ก็ยื่นตะเกียบมาคีบกะหล่ำปลีหั่นฝอยในจานของเธอไปทาน ทำเธออึ้งงันไป “คุณ!?”

“ก็คุณไม่ทานนี่ ผมเลยทานแทนไง” อากิโอะบอก เซรินจ้องท่านนายกฯ “คุณรู้ได้ไงว่าฉันไม่ทานกะหล่ำปลีดิบ?”

อากิโอะชะงักไป เขาเผลอไปซินะ เขาจึงบอกว่า “ผมได้ยินพนักงานคุยกันน่ะเลยรู้ แล้วผมก็เสียดายของก็เลยคีบมาทาน คุณคงไม่โกรธนะ”

“อ่อ” เซรินไม่ติดใจอะไร พวกพนักงานรู้ว่าเธอไม่ทานกะหล่ำปลีดิบจริงๆ นั่นแหละ ดังนั้นทุกครั้งที่ในจานของเธอมีกะหล่ำปลีดิบทีไร อากิโอะก็จะเป็นคนทานแทนเธอ เขาก็ให้เหตุผลว่า ‘เสียดายของ’ แบบนี้เหมือนกัน

อากิโอะยกชามขึ้นซดน้ำซุป ซ่อนแววตามีพิรุธเอาไว้ จะให้เธอรู้ไม่ได้ว่าเขาคืออากิโอะ ไม่งั้นเธอได้เสียใจอีกรอบแน่ เขาเห็นภาพเธอในงานศพของเขา ใบหน้าเธอดูไม่ดีเอาซะเลย ร้องไห้ซะจนตาบวมช้ำขนาดนั้น เธอคงเสียใจมากแน่ๆ

หลังจากทานมื้อกลางวันแล้วอากิโอะกับเซรินก็กลับไปนั่งทำงานกันต่อ ซึบาสะก็เตร็ดเตร่ไปรอบๆ ทำเนียบรัฐบาล ฟังคนคุยกันไปเรื่อยๆ อย่างน้อยเป็นวิญญาณก็ควรจะทำตัวให้มีประโยชน์ซิ

จนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน คนอื่นๆ ก็ทยอยกันกลับบ้านไปเกือบหมด แต่อากิโอะกับเซรินยังคงนั่งทำงานกันเพลินจนลืมเวลาอีกครั้ง ซึบาสะจึงเป็นคนไปเตือนอากิโอะ “นี่คุณ ได้เวลาเลิกงานแล้ว”

“อ่ะ” อากิโอะสะดุ้ง เขามองนาฬิกา เห็นว่า 6 โมงกว่าแล้ว เขาทำงานจนเลยเวลาเลิกงานไปตั้งชั่วโมงกว่าเชียว เขาจึงบอกเซรินว่า “คุณเซริน ได้เวลาเลิกงานแล้วครับ”

“คะ?” เซรินสะดุ้ง เธอเงยหน้ามองนาฬิกา “โอ้! 6 โมงกว่าแล้วเหรอ?”

“กลับกันเถอะคุณ” อากิโอะชวน เซรินพยักหน้า “ค่ะ”

แล้วเธอก็ปิดโน้ตบุ๊ค อากิโอะก็ปิดโน๊ตบุ๊คเหมือนกัน เขาเก็บโน๊ตบุ๊คใส่กระเป๋าแล้วถือไป เซรินก็หิ้วกระเป๋าโน๊ตบุ๊คของตัวเองเดินตามท่านนายกฯ ไป

เมื่อกลับไปถึงบ้านพัก อากิโอะก็ขึ้นห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เซรินก็เข้าห้องไปอาบน้ำเช่นกัน

หลังจากอาบน้ำแล้ว อากิโอะกำลังจะชวนเซรินไปทานอาหาร จู่ๆ บอดี้การ์ดก็รายงานว่า “ท่านประธานมาครับ”

อากิโอะจึงเดินลงไปข้างล่างทันที เห็นยามาโตะนั่งอยู่ที่โซฟา เขาจึงทักทายตามมารยาทว่า “สวัสดีคุณยามาโตะ ไม่ทราบว่ามาหาผมมีธุระอะไรรึ?”

“ก็มาทานข้าวด้วยเหมือนเคยไง” ยามาโตะบอก อากิโอะทำหน้าเซ็ง พลางบอกว่า “เผอิญผมไม่ว่าง คราวหน้าคุณจะมาก็กรุณานัดก่อนนะครับ ขอตัว”

“กล้าปฏิเสธผมเหรอ?” ยามาโตะถามน้ำเสียงเย็นเยียบ อากิโอะมองด้วยสายตาเรียบเฉย “ทำไมจะไม่กล้าล่ะ คุณมาโดยไม่ได้นัดหมาย ผมไม่ได้เชิญคุณมาซะหน่อย ผมไม่ว่างผมก็บอก เชิญคุณกลับไปเถอะ”

“อ่อ เดี๋ยวนี้ทำปีกกล้าขาแข็งงั้นเหรอ? ไม่ห่วงแล้วซินะว่าแม่กับยายของคุณจะเป็นยังไง?” ยามาโตะเอ่ยอย่างถือไพ่เหนือกว่า อากิโอะขบกรามกรอด “ฮึ่ม!”

ใช่ เขาลืมไปเลยว่าซึบาสะมีแม่กับยายอยู่ เห็นทีเขาคงต้องยอมทนทานข้าวกับ ‘ไอ้โรคจิต’ นี่อีกมื้อนึง หลังจากนี้จะไม่มีอีกแล้ว!

เพราะเขาจะพาแม่กับยายของซึบาสะไปซ่อนไว้ซะ จะได้ไม่ต้องถูกยามาโตะเอามาข่มขู่แบบนี้!

“คุณอากิโอะ ผมขอร้องล่ะ” ซึบาสะที่อยู่ข้างๆ พูดด้วยสีหน้าอ้อนวอน เขากลัวว่าคุณแม่กับคุณยายจะเป็นอะไรไป เขารู้ดีคนอย่างยามาโตะทำได้ทุกอย่างเพื่อบีบบังคับเขา

“ได้! เชิญ” อากิโอะผายมือ ยามาโตะยิ้มอย่างเหนือกว่า เขาเดินไปหาซึบาสะแล้วจับข้อมือจูงไปที่ห้องทานอาหาร อากิโอะดึงมือออก “ปล่อย!”

“คราวก่อนคุณทำผมเจ็บ ผมยังไม่ได้ลงโทษเลย” ยามาโตะบอกน้ำเสียงเย้าแหย่ อากิโอะกัดฟันกรอดๆ “ฮึ่ม!”

เขาอยากจะตั้นหน้า ‘ไอ้โรคจิต’ นี่ซักหลายๆ ที เขาหันไปมองพวกบอดี้การ์ดที่ทำเหมือนเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ซะงั้น ไอ้พวกนี้ก็น่าเตะออกไปให้หมดจริงๆ! ฮึ่ม!

“อุ้ยตาย!”

เสียงอุทานดังลั่น ทำให้ยามาโตะหันไปมอง เขาเห็นเซริน ไอริ คนนั้นเดินลงมาจากบันได เซรินมองยามาโตะกับซึบาสะแล้วทำหน้าตาสอดรู้สอดเห็นขึ้นมาทันที “คุณ 2 คน…?”

“เอายัยนี่ออกไปซะ!” ยามาโตะสั่ง พวกบอดี้การ์ดรับคำ “ครับท่าน”

เซรินรีบหยิบมือถือขึ้นมาไลฟ์สดทันที “อุ้ยตาย ทุกท่านคะ ฉันได้เจอท่านประธานยามาโตะ โทมิด้วยค่ะ”

พวกบอดี้การ์ดชะงักไป ยามาโตะรีบปล่อยมือซึบาสะทันทีแล้วปั้นสีหน้ายิ้มแย้ม พูดใส่กล้องว่า “สวัสดีครับ”

ส่วนในใจเขานั้นอยากจะจับยัยเลขาจอมเสือกนี่ถ่วงน้ำแล้ว!

เซรินรีบถือกล้องไปหาซึบาสะแล้วแทรกกลางระหว่างซึบาสะกับยามาโตะ พลางพูดกับกล้องที่กำลังไลฟ์สดว่า “ทุกท่านดูซิคะ วันทำงานวันแรกของฉัน ก็ได้เจอคนดังระดับประเทศตั้งหลายคนเชียวคะ”

“เอ่อ ผมขอตัวก่อนนะครับ” ยามาโตะบอกพลางยิ้มทรงเสน่ห์กับกล้อง เซรินรีบพูด “น่าเสียดายจังค่ะที่ท่านประธานยามาโตะต้องรีบกลับซะแล้ว ถ้างั้นวันนี้เรามาดูกันนะคะว่าอาหารของท่านนายกฯ มีอะไรบ้าง มาค่ะ ตามฉันมาเลยค่ะทุกท่าน”

เธอบอกแล้วเดินไปทางห้องทานอาหาร พลางร้องเรียก “ท่านนายกฯ คะ มาช่วยแนะนำอาหารของท่านหน่อยซิคะ ท่านรู้ไหมคะว่าท่านเป็นขวัญใจของสาวๆ ที่กำลังดูอยู่เลยนะคะ”

“เอ่อ…ครับๆ” อากิโอะตอบพลางเดินไปหาเซริน ยามาโตะแอบขบกรามกรอดๆ แล้วเดินไปที่รถอย่างหัวเสียสุดๆ “ฮึ่ม!”

อากิโอะก็ร่วมไลฟ์สดแนะนำเมนูอาหารที่จะทานมื้อเย็น เซรินก็ส่งเสียงอยู่ข้างๆ จนกระทั่งท่านนายกฯ แนะนำอาหารจนครบทุกอย่างแล้ว เซรินก็บอกว่า “ขอจบการไลฟ์สดไว้เท่านี้นะคะ แล้วคราวหน้ามีอะไรเด็ดๆ ฉันจะไลฟ์สดใหม่อีกครั้งค่ะ”

เธอปิดกล้องแล้วกระซิบถามว่า “นี่มันเรื่องอะไรกันคะ? ทำไมคุณกับยามาโตะถึงได้ดูเหมือนคู่รักทะเลาะกันงั้นแหละ?”

“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน” อากิโอะบอก แล้วเขาก็ยกมือถือขึ้นมา ทำทีโทรออก จากนั้นก็ถามว่า “คุณแม่กับคุณยายคุณอยู่ที่ไหน?”

“อยู่อินาริ” ซึบาสะบอก อากิโอะจึงบอก “งั้นไปอินาริเดี๋ยวนี้เลย”

“อื้ม” ซึบาสะพยักหน้า อากิโอะเก็บมือถือแล้วเดินไปที่รถ เขาเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งหลังพวกมาลัยทันที ซึบาสะก็เข้าไปนั่งตรงเบาะข้างๆ พวกบอดี้การ์ดตกตะลึงตาค้าง “อ่ะ! ท่านนายกฯ จะไปไหนครับ!?”

“ท่านนายกฯ!?” เซรินก็ตกใจ เธอรีบตามไป แต่อากิโอะก็สตาร์ทรถแล้วขับออกไปไวมาก พวกบอดี้การ์ดตกตะลึงกันไปหมด “ท่าน!”

Chapter 8

ตกกระไดพลอยโจน

ภายในรถ อากิโอะบอกว่า “ต้องพาแม่กับยายคุณไปไว้ในที่ๆ ปลอดภัยซะก่อน”

“ครับ” ซึบาสะพยักหน้าเห็นด้วย เขาก็อยากทำอย่างนั้นมานานแล้ว แต่ว่าเขาไม่รู้จักใครเลยที่จะช่วยเขาได้ รอบตัวเขามีแต่คนของยามาโตะทั้งนั้น อากิโอะสั่ง “บอกทางด้วย”

“ครับ” ซึบาสะรับคำ เขารีบบอกทางที่จะไปบ้านคุณยายทันที “ไปทาง…….”

อากิโอะขับรถไปตามเส้นทางที่ซึบาสะบอก

ขณะเดียวกันบอดี้การ์ดก็โทรรายงานไคโตะทันที “คุณไคโตะครับ ท่านนายกฯ ขับรถออกไปแล้วครับ”

“หือ?” ไคโตะเลิกคิ้วขึ้นพลางถาม “ไปกับใคร?”

“ไปคนเดียวครับ” บอดี้การ์ดตอบ ไคโตะถามต่อ “เอารถคันไหนไป?”

“ทะเบียน……….ครับ” บอดี้การ์ดตอบ ไคโตะจึงบอก “ติด GPS ไว้ไม่ใช่เหรอ เช็กกับ GPS ซะ”

“อ่า…ครับ” บอดี้การ์ดรับคำสั่ง เมื่อกี้เขาตกใจจนลืมไปเลยว่ารถทุกคันที่ใช้อยู่ติด GPS เอาไว้ ไคโตะตัดสายแล้วเปิดระบบติดตาม GPS ขึ้นมา เขาเห็นจุดที่ GPS เคลื่อนที่อยู่บนแผนที่จึงรายงานเจ้านายว่า “คุณซึบาสะกำลังมุ่งหน้าไปตามถนนหมายเลข……..ครับ”

“หึ! คิดจะอินาริซินะ” ยามาโตะเหยียดมุมปากคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “เอาเถอะ รอให้เขาไปถึงอินาริซะก่อนค่อยโทรไปล่ะกัน คุณก็เตือนผมด้วยล่ะ”

“ครับ” ไคโตะรับคำสั่งแล้วคอยดูพิกัด GPS บนแผนที่ ยามาโตะมองออกไปนอกรถยิ้มบางๆ

เซรินมองดูพวกบอดี้การ์ดที่โทรรายงาน ‘คุณไคโตะ’ เธอแน่ใจแล้วว่าพวกบอดี้การ์ดเป็นคนของยามาโตะจริงๆ คนพวกนี้ไม่ฟังคำสั่งของท่านนายกฯ สักเท่าไหร่ พวกเขาฟังคำสั่งของยามาโตะมากกว่า พวกบอดี้การ์ดดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่คอยคุ้มกันท่านนายกฯ แต่เหมือนพวกเขาคอยจับตาดูท่านนายกฯ มากกว่า ถ้าเป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆ งั้นก็สามารถอธิบายเรื่องกล้องที่ติดไว้ทั่วบ้านทุกมุมได้แล้ว รวมถึงกล้องในห้องทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย หมายความว่านายกฯ ซึบาสะถูกยามาโตะจับตาดูอยู่น่ะซิ!

ถ้างั้น…ที่เขาชวนเธอมาทำงานด้วยก็เพราะต้องการคนที่ไม่ใช่คนของยามาโตะซินะ! เขามีปัญหาอะไรกับยามาโตะ? เขาต้องการให้เธอทำอะไรกันแน่? เธอคิดๆ พลางมองดูพวกบอดี้การ์ดที่เดินวนไปวนมาเหมือนมดบนกระทะร้อน เธอฟังพวกเขาคุยกันขณะที่ดูมือถือ ได้ยินพวกเขาพูดว่า “อยู่บนถนนหมายเลข……….”

เธอเปิดแผนที่ขึ้นมาดู คอยฟังพวกเขาพูดไปด้วย

“นั่นๆ เลี้ยวเข้าถนนหมายเลข………แล้ว”

เซรินมองแผนที่ในมือถือ เส้นทางที่พวกเขาพูดดูเหมือนว่ากำลังจะไปสนามบิน! ก่อนหน้านี้เธอได้ยินท่านนายกฯ พูดว่า ‘อินาริ’ ใช่ไหม? ถ้าใช่ งั้นจะไปที่นั่นเร็วที่สุดก็คือใช้เครื่องบิน บินไปก็จะใช้เวลาบินไปโดยประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ถ้านั่งรถบัสหรือขับรถไปเองไปก็ใช้เวลาประมาณ 7-9 ชั่วโมง ซึ่งท่านนายกฯ คงไม่รอนานถึงขนาดนั้นแน่ๆ จะใช้ชินคันเซ็นก็ประมาณ 2 ชั่วโมง 10 นาทีได้ แต่เวลานี้ชินคันเซ็นที่จะไปเกียวโตก็ไม่มีแล้วต้องรอถึงพรุ่งนี้ ท่านนายกฯ คงไม่รอแน่นอน เขาจะไปที่อินาริทำไม?

“นั่นๆ รถหยุดแล้ว”

เสียงพวกบอดี้การ์ดดังมา เซรินก็คอยฟังว่าพวกเขาพูดว่าอะไร

“รายงานคุณไคโตะเร็ว ที่สนามบิน”

เซรินเห็นบอดี้การ์ดโทรหา ‘ไคโตะ’ เธอได้ยินพวกเขาบอกว่า “รถหยุดที่สนามบินครับ”

“อืม” ไคโตะรับรู้แล้วตัดสายไป เขารายงานยามาโตะว่า “ไปถึงสนามบินแล้วครับ”

“ให้คนของเราที่เกียวโตจับตาดูเอาไว้ เขาไปถึงที่บ้านนั้นเมื่อไหร่ก็บอกผมล่ะกัน” ยามาโตะสั่ง ไคโตะรับคำสั่ง “ครับท่าน”

อากิโอะรีบไปที่สายการบินหนึ่งที่ให้บริการเช่าเหมาลำทันที เขาจัดการเช่าเครื่องเหมาลำบินไปเกียวโตเดี๋ยวนั้น ทางสายการบินก็จัดการให้ตามความประสงค์ของลูกค้าอย่างว่องไว อีกทั้งลูกค้าท่านนี้ยังเป็นนายกรัฐมนตรีอีกด้วย ดังนั้นความประสงค์ของท่านนายกฯ จึงได้รับการดำเนินการอย่างรวดเร็ว

ครึ่งชั่วโมงต่อมา อากิโอะก็อยู่บนเครื่องบินกำลังเทคออฟออกจากสนามบิน แอร์ฯ สาวสวยคอยบริการเครื่องดื่มอยู่ด้านข้าง อากิโอะก็ไล่ว่า “ผมต้องการอยู่คนเดียว”

“ค่ะท่าน” แอร์ฯ สาวสวยจึงไปนั่งกับลูกเรือไม่กล้ารบกวนท่านนายกฯ

เมื่ออยู่คนเดียว อากิโอะก็พูดเสียงเบาว่า “เมื่อไปถึงแล้วผมจะใช้รถของทหารแล้วขับไปบ้านคุณยายของคุณ”

“อืม” ซึบาสะพยักหน้า เขาหวังว่าคุณแม่กับคุณยายจะยังปลอดภัยดีนะ

เวลาผ่านไป ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที เครื่องบินก็แลนดิ้งลงสู่สนามบินทหารในจังหวัดเกียวโต อากิโอะลงจากเครื่องแล้วใช้รถทหารขับออกจากสนามบินไป คนของยามาโตะก็โทรรายงานขณะขับรถตามรถของท่านนายกฯ ไป “คุณไคโตะครับ ผมกำลังตามรถของท่านนายกฯ ไปครับ”

“อืม จับตาดูไว้ให้ดี” ไคโตะสั่งแล้วตัดสายไป เขารายงานเจ้านายว่า “กำลังมุ่งหน้าไปอินาริครับ”

“อืม” ยามาโตะพยักหน้ารับรู้ ขณะที่กำลังจิบไวน์สีแดงหอมหวาน

เวลาผ่านไป อากิโอะก็ขับรถไปถึงบ้านของคุณยายของซึบาสะ บ้านอยู่ห่างจากศาลเจ้าฟูชิมิประมาณ 300 เมตร อากิโอะจอดรถหน้าบ้านแล้วเปิดประตูลงไป มีทหารตามมาอารักขาเขาจำนวนหนึ่ง ซึบาสะรีบบอก “นี่แหละบ้านคุณยายผม”

อากิโอะมองบ้านที่มีเพียงไฟหน้าบ้านเปิดเอาไว้ ภายในบ้านไม่มีแสงไฟ เขาหรี่ตาลง ซึบาสะเร่ง “รีบมาซิคุณ”

อากิโอะเดินไปที่บ้านหลังนั้น ซึบาสะก็ชี้ที่กริ่ง “กดกริ่งเลย”

อากิโอะกดกริ่ง กริ๊ง…กริ๊ง…

เงียบ ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ในบ้าน ซึบาสะรู้สึกไม่ค่อยดี “คุณแม่ คุณยาย…”

อากิโอะกดกริ่งอีก กริ๊ง…กริ๊ง…กริ๊ง…กริ๊ง…

ยังคงเงียบไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทหารที่ตามมาอารักขาจึงเอ่ยว่า “ดูเหมือนว่าไม่มีคนอยู่นะครับท่าน”

“อืม” อากิโอะพยักหน้า ซึบาสะชี้ไปที่กระถางต้นไม้ตรงข้างประตู “ใต้กระถางนั้นมีกุญแจบ้านอยู่ เปิดเข้าไปดูเลย”

อากิโอะมองกระถางต้นไม้กระถางนั้นแล้วเดินไปยกกระถางขึ้น มีกุญแจดอกหนึ่งวางอยู่ใต้กระถางจริงๆ เขาหยิบกุญแจดอกนั้นมาไขประตูลูกบิดแล้วเปิดเข้าไป ซึบาสะรีบพุ่งเข้าไปในบ้านทันที เขาร้องเรียก “คุณแม่— คุณยาย—”

แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครได้ยินเสียงวิญญาณอย่างเขา อากิโอะเอื้อมมือไปเปิดสวิตไฟข้างประตู ไฟสว่างขึ้นมา เขาเดินเข้าไปในบ้าน

ทหารก็ยืนคุ้มกันอยู่ด้านนอก พวกเขาไม่รู้ว่าท่านนายกฯ จู่ๆ ก็มาทำอะไรที่นี่? พวกเขารู้ว่าที่นี่เป็นบ้านเกิดของท่านนายกฯ แต่จู่ๆ ท่านนายกฯ ก็ขอใช้สนามบินทหาร นำเครื่องของสายการบินลงจอดแล้วก็รีบร้อนขับรถไปเอง นี่มันผิดปกติมาก! เขาคาดเดาว่าน่าจะเกิดเรื่องที่นี่แหงๆ

อากิโอะมองๆ แล้วส่งเสียงเรียก “คุณยาย— คุณแม่—”

เงียบ ไม่มีเสียงตอบใดๆ

ซึบาสะลอยไปมองหาทั่วบ้านแล้ว เขาไม่เห็นคุณยายกับคุณแม่เลย ข้าวของทุกอย่างในบ้านยังคงวางอยู่ปกติ อากิโอะมองไปรอบๆ บ้าน ไม่เห็นร่องรอยการต่อสู้ แต่บนพื้นกลับมีรอยรองเท้าหลายรอย เดาจากรอยรองเท้าแล้วน่าจะมีคนกลุ่มหนึ่งย่ำเข้ามาในบ้าน แล้วก็คงพาตัวคุณแม่กับคุณยายของซึบาสะไปแล้วแน่นอน ซึบาสะลอยกลับไปหาอากิโอะแล้วส่ายๆ หน้า “ไม่มีใครอยู่เลย”

“ดูนั่นซิ” อากิโอะชี้ที่รอยรองเท้าบนพื้น ซึบาสะมองแล้วตกตะลึงไป “นั่น!”

“พวกมันคงมาพาตัวคุณแม่กับคุณยายของคุณไปแล้ว” อากิโอะเดา ซึบาสะแค้นใจนัก “ยามาโตะ!”

“ขอโทษด้วยที่ผมลืมนึกถึงครอบครัวของคุณไป” อากิโอะบอกอย่างรู้สึกผิด เขาควรที่จะมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อออกจากโรงพยาบาล ถ้าตอนนั้นเขานึกได้ว่าซึบาสะยังมีคุณแม่กับคุณยาย บางทีทั้งสองคนอาจจะไม่ตกไปอยู่ในมือคนพวกนั้นแบบนี้ก็ได้

“คุณแม่…คุณยาย…” ซึบาสะเอ่ยอย่างกังวล

ตู๊ด…ตู๊ด…ตู๊ด…ตู๊ด…เสียงมือถือดังขึ้น อากิโอะหยิบมือถือออกมาดู เขาเห็นเบอร์ที่ดูคุ้นตา เขาจึงกดรับสาย “ฮาโหล”

“ไม่ต้องห่วง แม่กับยายของคุณยังปลอดภัยดี” เสียงยามาโตะดังออกมา

“ยามาโตะ!” อากิโอะกัดฟันกรอด! “คุณพาพวกเขาไปไว้ที่ไหน? ส่งพวกเขาคืนมานะ”

“กลับมาเมืองหลวงซะ จำไว้อย่าขัดขืนผม ไม่งั้นผมไม่รับประกันความปลอดภัยของสองคนนั่นหรอกนะ” ยามาโตะสั่งอย่างถือไพ่เหนือกว่า อากิโอะกัดฟันกรอดๆ “ยามาโตะ! ถ้าพวกเขาเป็นอะไรไปล่ะก็…ผมจะทำให้คุณรู้จักคำว่า ‘อยู่ไม่สู้ตาย’ เอง!”

“ทำตัวเป็นแกะน้อยดีๆ เถอะ อย่าริเป็นหมาป่าเลย มันไม่เหมาะกับคุณหรอกน่า กลับมาเร็วๆ นะ ผมรออยู่” ยามาโตะบอกแล้วตัดสายไป อากิโอะบอกกับซึบาสะว่า “คุณแม่กับคุณยายคุณอยู่ในกำมือยามาโตะ”

“ไอ้โรคจิต! ผมอยากฆ่ามัน!” ซึบาสะตะโกนลั่นอย่างแค้นใจ อากิโอะปลอบใจ “พวกมันยังไม่ทำอะไรทั้งสองคนหรอก เราก็กลับกันเถอะ แล้วผมจะพยายามหาทางช่วยพวกเขาออกมาให้ได้”

“อืม อึก…อึก…” ซึบาสะพยักหน้ารับ น้ำตาไหลอย่างอัดอั้นตันใจ อากิโอะเดินออกไปพลางปิดประตูแล้วเอาลูกกุญแจวางไว้ที่เดิม จากนั้นเขาก็บอกทหารที่ตามมาว่า “กลับสนามบิน”

“ครับท่าน” ทหารรับคำสั่ง อากิโอะเดินไปที่รถคันที่เขาขับมาเอง เขาขับรถกลับไปสนามบินทหาร ซึบาสะนั่งอยู่ข้างๆ ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้น พวกทหารก็ขับรถตามรถท่านนายกฯ ไป

เมื่อไปถึงสนามบินทหาร อากิโอะก็สั่งว่า “เรื่องค่าน้ำมัน ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ผมใช้รถของทหารส่งบิลไปที่ผมด้วย ผมจะจ่ายเอง แล้วเก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วย ถ้าเรื่องนี้เปิดเผยออกไปคุณก็เตรียมตัวย้ายไปขัดท้องเรือเถอะ”

“ครับท่าน” ทหารรับคำสั่งทำท่ารูดซิปปาก อากิโอะเดินไปขึ้นเครื่องบินที่ยังจอดรออยู่ พลางสั่งว่า “กลับเมืองหลวง”

“ค่ะท่าน” แอร์ฯ สาวรับคำสั่งแล้วบอกต่อนักบิน นักบินก็นำเครื่องบินขึ้น อากิโอะนั่งครุ่นคิดเงียบๆ ไม่พูดไม่จา

แอร์ฯ สาวสวยก็ไม่กล้าส่งเสียงรบกวน เธอกลับไปนั่งรวมกับลูกเรือ

จนกระทั่งเครื่องบินแลนดิ้งลงสู่สนามบิน อากิโอะก็ลงจากเครื่องแล้วกลับไปที่รถ แน่นอนว่าค่าเช่าเครื่องเหมาลำในคราวนี้เขาย่อมใช้บัตรเครดิตของซึบาสะที่ยามาโตะเป็นคนจ่ายรูดซิ หึ! ให้มันจ่ายเงินซะ เขาถึงจะรู้สึกว่าได้เอาคืนเล็กๆ น้อยๆ บ้าง จากนั้นเขาก็ขับรถกลับบ้านพักไป

เมื่อถึงบ้านพัก เซรินก็มองท่านนายกฯ ที่เดินเข้าบ้านด้วยสีหน้าเคร่งขรึม พวกบอดี้การ์ดรีบโทรรายงานไคโตะทันที “ท่านนายกฯ กลับมาถึงแล้วครับ”

“อืม” ไคโตะรับรู้แล้วตัดสายไป เขารายงานยามาโตะว่า “คุณซึบาสะกลับถึงบ้านแล้วครับ”

“แปลก น่าจะรีบมาหาผมไม่ใช่เหรอ?” ยามาโตะเอ่ย คิ้วขมวดนิดๆ แม่กับยายของซึบาสะอยู่ในกำมือเขา ซึบาสะย่อมรีบมาหาเขาซิ แต่นี่กลับไม่มาหาเขา กลับบ้านไปเฉยๆ อย่างนั้นน่ะเหรอ? แปลกจริงๆ นั่นแหละ

ไคโตะไม่รู้จะตอบยังไงดี เขาจึงยืนเงียบ ยามาโตะยกขาที่วางพาดโต๊ะกระจกลง ลุกขึ้นยืนเดินไปมองที่หน้าต่างแล้วหยิบมือถือออกมาโทร ตู๊ด…ตู๊ด…ตู๊ด…ตู๊ด…

อากิโอะได้ยินเสียงมือถือดัง เขาจึงหยิบมือถือออกมาดูแล้วกดรับสาย “ฮาโหล”

“มาหาผมที่บ้าน ไม่งั้นผมจะถ่ายคลิปตัดนิ้วแม่คุณ 1 นิ้วทุกชั่วโมง ส่งไปให้คุณจนกว่าคุณจะมา” ยามาโตะสั่ง อากิโอะกัดฟันกรอดๆ “ไอ้โรคจิต!”

ยามาโตะตัดสายไป ยิ้มบางๆ เขาแน่ใจว่าซึบาสะจะต้องรีบมาหาเขาแน่นอน หึๆๆๆ…

อากิโอะหมุนตัวเดินไปที่รถอีกครั้ง เขาเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่ง จากนั้นก็ขับรถออกไป ท่ามกลางความงุนงงของพวกบอดี้การ์ด “ท่านจะไปไหนอีก?”

“เช็ก GPS เร็ว” บอดี้การ์ดคนหนึ่งบอก อีกคนก็รีบเปิด GPS ดูทันที เซรินคอยฟังพวกบอดี้การ์ดคุยกัน เธอไม่รู้อะไรมากนัก รู้แค่ว่าท่านนายกฯ กับยามาโตะดูเหมือนจะไม่กินเส้นกันอยู่

อากิโอะขับรถมุ่งหน้าไปบ้านของยามาโตะ แน่นอนว่าเขารู้ว่าบ้านของยามาโตะอยู่ที่ไหน ซึบาสะนั่งอยู่ข้างๆ สีหน้ากังวลมาก “ไม่รู้ว่ายามาโตะจะทำอะไรบ้าง คุณต้องระวังตัวให้ดีๆ ล่ะ”

“อืม” อากิโอะพยักหน้ารับ การเข้าถ้ำเสือคราวนี้เขาต้องระวังตัวให้ดีๆ เขาจอดรถข้างทางแล้วคิดหาทางป้องกันตัว เขากดมือถือโทรหานักข่าว ตู๊ด…ตู๊ด…ตู๊ด…

“ฮาโหล” ปลายสายรับสาย อากิโอะก็บอกว่า “สวัสดีครับ ผมอา…นายกฯ ซึบาสะ ผมเชิญคุณไปทำข่าวที่บ้านของท่านประธานยามาโตะ โทมิ”

“ท่านนายกฯ!” ปลายสายตกใจ “ทำข่าวที่บ้านของท่านประธานยามาโตะ!?”

“ใช่ คุณฟังไม่ผิดหรอก” อากิโอะบอก นักข่าวรีบถาม “ข่าวอะไรครับท่าน?”

“รับรองว่าเป็นข่าวใหญ่ ถ้าจะให้ดีคุณก็รีบไปละกัน” อากิโอะบอกแล้ววางสายไป นักข่าวมองมือถือตัวเองอย่างอึ้งๆ แล้วรีบวิ่งไปคว้ากระเป๋ากล้องจากนั้นก็รีบวิ่งไปที่รถ ขับรถมุ่งหน้าไปบ้านท่านประธานยามาโตะทันที เขาจำเสียงท่านนายกฯ ได้ คงไม่ใช่ใครโทรมาแกล้งเขาแน่ๆ ลองไปดูก่อน ถ้าถูกแกล้งจริงๆ ค่อยตามรอยเบอร์ที่โทรมาแล้วจัดการแจ้งจับไอ้ตัวก่อกวนซะเลย!

หลังจากวางสายแล้วอากิโอะก็โทรหานักข่าวอีกหลายสำนัก เขาต้องการนักข่าวเยอะๆ หน่อย หึๆๆๆ…

รวมถึงโทรหารองนายกฯ แล้วก็คณะรัฐมนตรีด้วย ให้พวกเขาไปรวมตัวกันที่บ้านของยามาโตะ เท่านี้ยามาโตะก็จะทำอะไรเขาไม่สะดวกล่ะ หึๆๆๆ…

ซึบาสะดูอยู่ข้างๆ เขาฟังแล้วยกนิ้วโป้งให้ “สุดยอด!”

“หึ! ต้องรู้จักใช้ประโยชน์จากคนนอกซิ” อากิโอะบอกแล้วขับรถมุ่งหน้าไปที่บ้านของยามาโตะ

ณ บ้านของยามาโตะ รถหลายคันวิ่งไปจอดหน้าบ้าน มีทั้งรถของรองนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี นักข่าว ทำให้ยามาโตะแปลกใจ “พวกนั้นมากันทำไม?”

“เอ่อ…ไม่ทราบครับ เห็นนักข่าวบอกว่ามีข่าวใหญ่จึงมากันครับ” บอดี้การ์ดรายงาน “ถามว่าข่าวอะไรก็บอกว่ายังไม่รู้ ต้องรอให้ท่านนายกฯ มาก่อนครับ”

“นายกฯ งั้นรึ?” ยามาโตะหรี่ตาลง “ลูกแกะน้อยคิดจะทำอะไร? น่าสนใจดีนี่ เอาเถอะ ให้พวกนั้นเข้ามา ปล่อยให้คอยอยู่หน้าบ้านเดี๋ยวจะเป็นข่าวว่าบ้านผมไร้น้ำใจ”

“ครับท่าน” บอดี้การ์ดจึงแจ้งไปยังบอดี้การ์ดประจำประตูบ้าน ให้เปิดประตูให้รถของพวกนั้นเข้ามาได้ หลังจากนั้นรถหลายคันก็ทยอยเข้าไปจอดในบ้านของท่านประธานใหญ่ยามาโตะ ยามาโตะก็ออกไปต้อนรับคนเหล่านั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

จนกระทั่งอากิโอะขับรถไปถึงบ้านของยามาโตะ เขาก็ลงจากรถแล้วเดินเข้าไปด้วยมาดสุขุม ทำให้คนอื่นๆ หันไปมองเป็นตาเดียว “โอ้! นั่นท่านนายกฯ มาแล้ว”

ยามาโตะมองซึบาสะที่เดินเข้ามา ท่าทางใจเย็นผิดปกติ เขาเดินเข้าไปหา “สวัสดีครับท่านนายกฯ”

เขาโค้งคำนับตามมารยาทอันดี อากิโอะก็โค้งคำนับตอบ “สวัสดีครับท่านประธานยามาโตะ”

ยามาโตะยืดตัวขึ้นแล้วก้าวเข้าไปใกล้กระซิบว่า “คุณคิดจะทำอะไรเหรอ? จะขัดขืนผมไปทำไม เป็นแกะตัวน้อยๆ ก็ดีอยู่แล้วนี่”

“ท่านประธานยามาโตะ ขอบคุณมากครับที่เชิญผมมาที่นี่” อากิโอะบอกพลางมองยามาโตะด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ขอบคุณมากที่คุณให้การสนับสนุนนโยบายติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ โดยจะลดราคาแผงโซล่าเซลล์ให้รัฐบาล 10% ขอบคุณแทนประชาชนด้วยครับ”

เขาจับมือยามาโตะเขย่าๆ ท่าทางยินดีมาก ยามาโตะอึ้งไป จู่ๆ ก็ถูกมัดมือชกแบบนี้!!! เชี้ยเอ้ย! ลูกแกะน้อยของเขากลายเป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!?

รองนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีทั้งหลาย นักข่าวทั้งหลายได้ยินแล้วตกตะลึงอึ้งไปหลายอึดใจ หลังจากนั้นพวกนักข่าวก็รีบกดชัตเตอร์รัวๆ เลยทีเดียว แช๊ะๆๆๆๆ…

จากนั้นรองนายกฯ คณะรัฐมนตรีก็ตบมือกันเกรียวกราว “โอ้ เป็นข่าวที่น่ายินดีมากจริงๆ”

“ขอบคุณแทนประชาชนด้วยครับที่ท่านประธานยามาโตะช่วยสนับสนุนโครงการดีๆ แบบนี้”

ฯลฯ เสียงชื่นชมยังคงดังเกรียวกราว ทำให้ยามาโตะจำต้องตกกระไดพลอยโจนไปด้วย เขาปั้นหน้ายิ้มแย้ม “แน่นอนว่าผมต้องสนับสนุนซิครับ”

เขามองซึบาสะแวบหนึ่งจับมือซึบาสะไว้แน่น แล้วเอ่ยว่า “ผมขอคุยกับท่านนายกฯ สักครู่นะครับ”

Chapter 9

ระงับบัญชีของท่านนายกฯ

ยามาโตะพูดแล้วก็ดึงซึบาสะไปทางด้านหนึ่ง อากิโอะเดินตามไป เขาไม่กลัวว่ายามาโตะจะทำอะไรเขา คนอยู่เยอะขนาดนี้ ‘ไอ้โรคจิต’ นี่ไม่กล้าทำอะไรเขาให้เป็นข่าวแน่นอน ยามาโตะดึงซึบาสะไปทางห้องๆ หนึ่ง อากิโอะตามไปโดยดี เมื่อเข้าไปในห้องแล้วยามาโตะก็หันไปพูดกับท่านนายกฯ ว่า “คุณทำให้ผมเซอร์ไพร้สมาก คิดไม่ถึงว่าแกะน้อยไร้เดียงสาจะกลายเป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์ไปแบบนี้”

“ช่วยไม่ได้ ขืนทำตัวเป็นแกะน้อยอยู่ก็ถูกคุณบีบคั้นจนตายซิ” อากิโอะยักไหล่ ยามาโตะจึงบอกว่า “น่าเสียดายนะวันนี้ผมอุตส่าห์เตรียมของไว้เซอร์ไพร้สคุณ แต่คุณกลับเซอร์ไพร้สผมกลับซะจนผมต้องตามน้ำไปกับคุณด้วย”

“โอ้ เล็กน้อยแค่นี้ขนหน้าแข้งท่านประธานใหญ่ไม่ร่วงหรอก” อากิโอะบอกยิ้มบางๆ ยามาโตะจึงถาม “คุณไม่อยากรู้เหรอว่าผมเตรียมเซอร์ไพร้สอะไรไว้ให้คุณ?”

“ไม่อยากรู้หรอก” อากิโอะบอกอย่างไม่สนใจ แล้วบอกน้ำเสียงดุดันว่า “แต่ถ้าคุณแม่กับคุณยายเป็นอะไรไปแม้แต่ขนเส้นเดียวผมจะให้คุณชดใช้เป็นพันเป็นหมื่นเท่า”

น้ำเสียงดุดันกับแววตาที่แข็งกร้าวมีพลังที่ทำให้คนมองรู้สึกเสียวสันหลังวาบได้ทำให้ยามาโตะรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับเสือตัวใหญ่ที่ดุร้าย ความรู้สึกแบบนี้ทำให้เขายิ่งรู้สึกอยากเอาชนะมากขึ้น แกะน้อยที่กลายเป็นเสือคนนี้จะต้องเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว!

เขายิ้มแล้วบอกว่า “สบายใจได้ ทั้งสองคนยังสบายดีอยู่”

“ก็ดี” อากิโอะบอก ยามาโตะยิ้มบางๆ “ผมอุตส่าห์เตรียมกุญแจมือเอาไว้จับคุณล็อคกับเตียงแล้วก็ขนนก ลองคิดซิ มันจะทำให้คุณสยิวขนาดไหน หึๆๆๆ…”

“หึ! โรคจิต” อากิโอะด่า ยามาโตะยิ้มมากขึ้น “ผมโรคจิตกับคุณคนเดียวนี่แหละ คุณรู้ไหมว่าตั้งแต่ผมเจอคุณ ผมก็ไม่เคยแตะต้องคนอื่นเลย เพราะงั้นคุณก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้เถอะที่จะรับความรักที่ท่วมท้นของผม”

“แต่ผมไม่อยากได้ความรักของคุณ” อากิโอะบอกอย่างเย็นชา ยามาโตะยังคงยิ้ม “ผมจะทำให้คุณรักผมให้ได้ คุณจะต้องเป็นของผมทั้งกายทั้งใจ จำไว้ซึบาสะคุณไม่อาจรักคนอื่นได้นอกจากผม”

เขายื่นมือไปแตะแก้มซึบาสะ อากิโอะถอยหลังไปทำหน้ารังเกียจ “กลับล่ะ ไม่ต้องส่งนะ”

เขาเดินออกจากห้องไปทันที ยามาโตะมองอย่างมาดหมาย ยิ่งแกะน้อยดิ้นรนขัดขืนเขาก็ยิ่งอยากเอาชนะให้ได้ หึๆๆๆ…

อากิโอะเดินออกไป เจอพวกรองนายกฯ คณะรัฐมนตรี นักข่าวทั้งหลาย คนพวกนั้นก็รุมล้อมเขาทันที

“ท่านประธานยามาโตะสนับสนุนโครงการนั้นจริงๆ เหรอครับ?” ทาคุยะกระซิบถาม อากิโอะกระซิบตอบ “คุณก็เห็นแล้วนี่ว่าท่านประธานตอบรับจริงๆ”

คนอื่นๆ ก็ถามคนละประโยคสองประโยค อากิโอะก็ตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม นักข่าวก็สัมภาษณ์กันรัวๆ อากิโอะตอบคำถามนักข่าวอยู่พักใหญ่แล้วจึงกล่าวว่า “นี่ก็ดึกมากแล้ว รบกวนท่านประธานมาซะนาน ควรกลับกันเสียที”

“อ่า…ครับ”

อากิโอะยิ้มแล้วเดินออกไป ทิ้งคนเหล่านั้นไว้ในห้องโถง เขาขับรถกลับบ้านพัก คนอื่นๆ เห็นว่าท่านนายกฯ กลับไปแล้วพวกเขาจึงลาประธานยามาโตะแล้วแยกย้ายกันกลับไปเช่นกัน ยามาโตะยืนส่งแขกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

เมื่อแขกกลับไปหมดแล้ว ไคโตะก็ถามว่า “ท่านจะลดราคาแผงโซล่าเซลล์ 10% จริงๆ เหรอครับ?”

“ก็ต้องลดซิ ออกข่าวไปแล้วนี่ ขืนไม่ลดก็เสียชื่อเสียงซิ หึๆๆๆ…แกะน้อยของผมกลายเป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ?” ยามาโตะถามยิ้มๆ ไคโตะตอบไม่ได้จึงยืนเงียบ แล้วยามาโตะก็สั่งว่า “ให้คนดูแล 2 คนนั่นให้ดีๆ”

“ครับท่าน” ไคโตะรับคำสั่ง ยามาโตะจึงขึ้นห้องนอนไป เขามองกุญแจมือที่มีสายโซ่ยาวกับขนนกอันใหญ่หลายอัน เขาแตะขนนกแล้วเอ่ยว่า “ไว้ใช้คราวหน้าก็ได้ หึๆๆๆ…”

ซึบาสะที่นั่งอยู่ในรถข้างๆ อากิโอะจู่ๆ ก็รู้สึกขนลุกซู่ๆ ขึ้นมา เขาลูบๆ แขนตัวเอง “ผมขนลุกอีกแล้ว”

“ตอนนี้คุณก็ไม่ได้อยู่ห่างจากร่างซะหน่อย ทำไมเป็นแบบนี้อีกแล้วล่ะ?” อากิโอะเหลือบมองซึบาสะพลางขับรถไปด้วย ซึบาสะส่ายหน้า “ไม่รู้ซิครับ”

“นอกจากขนลุกแล้วคุณเจ็บตรงไหนรึเปล่า?” อากิโอะถามอย่างเป็นห่วง เขาตัวติดกับซึบาสะมาสักพักจึงเกิดความรู้สึกผูกพันขึ้นมา ซึบาสะส่ายหน้า “ไม่นะ แค่ขนลุกน่ะ”

“งั้นก็ดี” อากิโอะบอก ซึบาสะมองอากิโอะแล้วเอ่ยว่า “เขาถูกคุณมัดมือชกแบบนี้เขาคงโกรธมากแน่ๆ เลย เขาต้องเอาคืนคุณแน่ๆ”

“หึ! น้ำมาเอาดินกลบ ข้าศึกมาใช้ทหารต้าน” อากิโอะพูดสุภาษิตจีนออกมา ซึบาสะจึงบอกอย่างเป็นห่วงว่า “เขาร้ายกาจกว่าที่คุณรู้มากนัก เขาไม่ยอมง่ายๆ แน่”

“หึ! ผมก็ไม่ยอมให้เขาทำอะไรผมได้หรอกน่า” อากิโอะแค่นเสียง ซึบาสะเอ่ยอย่างกังวลว่า “ไม่รู้ว่าคุณแม่กับคุณยายเป็นยังไงบ้าง?”

“เขายังไม่ทำอะไรทั้งสองคนนั่นหรอก ไพ่ชั้นดีที่จะทำให้คุณยอมเขาแบบนี้เขาไม่มีทางปล่อยให้เป็นอะไรไปได้หรอก” อากิโอะปลอบใจ ซึบาสะพยักหน้าพยายามคิดในแง่ดีเข้าไว้

จนกระทั่งถึงบ้านพัก อากิโอะจอดรถแล้วเปิดประตูลงจากรถ จากนั้นก็เดินเข้าบ้านไป พวกบอดี้การ์ดรีบโทรรายงาน “คุณไคโตะครับ ท่านนายกฯ กลับมาถึงแล้วครับ”

“อืม” ไคโตะรับรู้แล้วตัดสายไป เขาไปรายงานเจ้านายว่า “คุณซึบาสะกลับถึงบ้านแล้วครับ”

“อืม” ยามาโตะพยักหน้ารับรู้แล้วโบกมือไล่ ไคโตะจึงถอยออกไป

เซรินรีบเดินไปดักหน้าท่านนายกฯ ทันที “นี่มันอะไรกันคะ? คุณควรมีคำอธิบายอะไรหน่อยไหม? ฉันจะได้รู้สถานการณ์บ้าง ไม่ใช่ว่าถูกใครฆ่าเอาศพไปโบกปูนก็ยังไม่รู้เลยว่าถูกฆ่าตายเพราะอะไร”

“ตามผมมา” อากิโอะเดินนำไปที่สนามหญ้า เซรินเดินตามไป พวกบอดี้การ์ดทำท่าจะตามไปอากิโอะจึงสั่งน้ำเสียงดุดันว่า “ไม่ต้องตามมา ใครเข้าใกล้ผมเกินกว่า 20 เมตร ผมจะยิงให้ขาพิการเลย!”

เขาเอาปืน 9 ม.ม. ออกมาถือไว้ พวกบอดี้การ์ดชะงักไป “เอ่อ…ท่าน…”

อากิโอะเดินไปหยุดตรงกลางสนามหญ้า เซรินเดินตามไปยืนตรงหน้าเขา มองดูท่านนายกฯ ที่ตัวสูงกว่าเธอแค่นิดเดียวเท่านั้น อากิโอะมองหน้าเซรินแล้วบอกว่า “คุณก็เห็นแล้วว่าคนพวกนั้นไม่ใช่คนของผมซักคน พวกเขาเป็นคนของยามาโตะ ฟังคำสั่งยามาโตะ ผมต้องการคนที่ไว้ใจได้ ดังนั้นผมถึงได้ชวนคุณมาทำงานให้ผม”

“คุณคิดจะทำอะไร? แตกหักกับยามาโตะเหรอ?” เซรินถาม อากิโอะบอก “ก็ประมาณนั้นแหละ”

“อ่อ” เซรินพยักหน้ารับรู้ “ผัวเมียทะเลาะกัน เลยดึงคนอื่นมาเป็นพวกงั้นซินะ”

“ผมไม่เคยมีความสัมพันธ์กับเขาแบบนั้นนะ!” ซึบาสะตะโกนอยู่ข้างๆ อากิโอะ

อากิโอะรีบบอก “ผมเป็นผู้ชายทั้งแท่ง ไม่มีรสนิยมชอบผู้ชายด้วยกัน”

เซรินฟังแล้วมองคนตรงหน้าขึ้นๆ ลงๆ ลงๆ ขึ้นๆ หลายรอบ สายตาเธอมองตรงเป้ากางเกงเขาซะจนอากิโอะรู้สึกทำหน้าหนาต่อไปไม่ไหว จึงถามว่า “คุณจะพิสูจน์ไหมล่ะ?”

“ไม่ล่ะ” เซรินโบกมือ “ฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้ว”

อากิโอะอึ้งไปเมื่อได้ยินเธอบอกแบบนั้น “ใคร?”

“ทำไมฉันต้องบอกคุณด้วยล่ะ” เซรินบอกแล้วโบกๆ มือ “เอาล่ะ ฉันไปนอนล่ะ”

เธอพูดแล้วก็เดินกลับไปที่บ้าน อากิโอะมองตาม ในใจเขาอยากรู้เหลือเกินว่าคนที่เธอชอบเป็นใคร? แล้วทำไมเขาต้องสนใจด้วยล่ะ อืม คงเพราะเขาเห็นเธอเป็นเหมือนน้องสาวล่ะมั้งก็เลยสนใจว่าเธอไปรักชอบใคร เขาคิดเองแล้วตอบเองอยู่ในใจเสร็จสรรพ จากนั้นเขาจึงเดินเข้าบ้านไป ตรงเข้าห้องนอน ถอดเสื้อผ้าออกอาบน้ำแล้วแช่น้ำอุ่นในอ่าง

ซึบาสะไม่ได้ตามเข้าไปในห้องน้ำด้วย เขานั่งอยู่บนเตียงสีหน้ายังคงกังวลว่าคุณแม่คุณยายจะเป็นยังไงบ้าง?

ตอนที่ไปบ้านยามาโตะ เขาก็แยกจากอากิโอะไปตามหาคุณแม่คุณยายในบ้านหลังนั้น เขาหาจนทั่วบ้านแต่ก็ไม่เจอเลย น่าจะถูกพาตัวไปไว้ที่อื่นแน่ๆ

หลังจากแช่น้ำอุ่นแล้วอากิโอะก็ลุกขึ้นมาเช็ดตัวแล้วสวมเสื้อคลุมผ้าไหม จากนั้นก็เข้านอน เขาตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ตอน 7 โมงเช้า

เสียงนาฬิกาปลุกดัง ปี๊บๆๆๆๆ—

อากิโอะลืมตาขึ้น เขาลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำ อาบน้ำแล้วแต่งตัว จากนั้นก็ลงไปที่ห้องทานอาหาร เขาดื่มกาแฟพลางดูหน้าจอมือถือไปด้วย เซรินเดินเข้าไปในห้องทานอาหารเห็นท่านนายกฯ นั่งอยู่ก่อนแล้วเธอจึงบอกคนรับใช้ว่า “ขอกาแฟแก้วนึงค่ะ”

“ค่ะคุณเซริน” คนรับใช้รับคำแล้วจัดแจงชงกาแฟให้ เซรินเดินไปนั่งที่โต๊ะอีกตัว อากิโอะจึงบอก “มานั่งด้วยกันก็ได้”

“อ่อ ค่ะ” เซรินลุกไปนั่งร่วมโต๊ะกับท่านนายกฯ เธอนั่งตรงข้ามเขา หยิบมือถือมาเปิดดูข่าวสาร คนรับใช้ก็ยกกาแฟไปเสิร์ฟ “กาแฟค่ะ”

“ขอบคุณค่ะ” เซรินยิ้มให้ คนรับใช้ถอยออกไป สักพักบอดี้การ์ดก็เดินเข้าไปรายงานว่า “มีพัสดุมาส่งครับ คนส่งยืนยันว่าต้องให้ท่านเซ็นรับด้วยตัวเองครับ”

“อ่อ มาถึงแล้วเหรอ รีบให้เข้ามาเลย” อากิโอะบอก บอดี้การ์ดจึงถอยออกไป ครู่ต่อมาบอดี้การ์ดก็กลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับชายใส่ชุดสูทสีเทาคนหนึ่งเดินตามบอดี้การ์ดเข้ามาด้วย ชายชุดสูทสีเทามองคนในห้องแล้วก้าวไปหาท่านนายกฯ ที่นั่งอยู่ เขาทักทายเป็นภาษาอังกฤษว่า “สวัสดีครับท่าน”

“สวัสดีครับ” อากิโอะลุกขึ้นทักทายยื่นมือไปเช็กแฮนด์ด้วย ชายชุดสูทสีเทาเปิดกระเป๋าที่ถือมาออกแล้วหยิบไอแพดส่งให้ “เชิญท่านสแกนลายนิ้วมือด้วยครับ”

“อืม” อากิโอะรับไอแพดเครื่องนั้นมา เขาวางมือบนหน้าจอ เครื่องก็สแกนลายนิ้วมือ จากนั้นเขาก็ยื่นไอแพดคืนให้ชายชุดสูทสีเทาคนนั้น ชายคนนั้นรับไอแพดคืนไป เขาดูหน้าจอเห็นข้อมูลยืนยันว่าใช่ผู้รับก็เก็บไอแพดแล้วเปิดชั้นในกระเป๋าที่มีรหัสล็อคอีกชั้นหนึ่งออก เขาเปิดชั้นนั้นออกแล้วหยิบซองสีดำออกมาจากกระเป๋ายื่นให้ “นี่ครับของที่ท่านสั่ง”

“ขอบคุณมาก” อากิโอะรับซองสีดำนั้นมาพลางยิ้มให้คนส่งพัสดุ

คนส่งพัสดุปิดกระเป๋าแล้วเอ่ยลาทันที “ส่งของเรียบร้อยแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนล่ะครับ”

“อืม เดินทางปลอดภัยนะ” อากิโอะบอก คนส่งพัสดุจึงเดินออกไป บอดี้การ์ดมองซองสีดำนั้นอย่างอยากรู้อยากเห็น อากิโอะจึงไล่ “มองอะไร ไปได้แล้ว”

“ครับ” บอดี้การ์ดถอยออกไป เซรินมองซองสีดำนั้นแล้วถามอย่างอยากรู้ว่า “นั่นอะไรเหรอ?”

“ความลับ” อากิโอะบอก เซรินทำหน้าเซ็ง “เฮอะ!”

คนรับใช้ก็ยกอาหารไปเสิร์ฟ “เช้านี้มี………”

“อืม ขอบคุณมาก” อากิโอะบอก คนรับใช้ยิ้มแล้วถอยออกไป อากิโอะมองอาหารที่จัดมาชุดเดียว เขาจึงหันไปสั่งว่า “ทำของคุณเซรินมาด้วยซิ”

“ค่ะท่าน” คนรับใช้รับคำสั่งแล้วถามว่า “คุณเซรินจะทานอะไรคะ?”

“อืม เอาเป็น…….ล่ะกัน” เซรินบอก คนรับใช้รับคำ “ค่ะ รอสักครู่ค่ะ”

จากนั้นเชฟก็ลงมือทำอาหารอีกชุดหนึ่งให้คุณเลขาเซริน อากิโอะยังไม่ทานอาหารเขารอให้อาหารของเซรินยกมาเสิร์ฟแล้วจะได้ทานพร้อมกัน บอดี้การ์ดเดินเข้ามาอีกครั้ง รายงานว่า “มีชายต่างชาติสองคนชื่อโรแลน สมิทกับเจสัน สมิทมาพบท่านครับ พวกเขาบอกว่าท่านนัดไว้ครับ”

“อ่อ มาแล้วรึ? รีบให้เข้ามาซิ” อากิโอะบอก บอดี้การ์ดจึงถอยออกไป สักพักใหญ่บอดี้การ์ดก็กลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับชายต่างชาติ 2 คนเดินตามเข้ามาด้วย อากิโอะลุกขึ้นยืนทักทาย “สวัสดีครับ”

“สวัสดีครับ” โรแลนยื่นมือไปเช็คแฮนด์ก่อน ตามด้วยเจสัน “สวัสดีครับ”

“เชิญนั่งก่อน” อากิโอะบอกแล้วหันไปสั่งคนรับใช้ว่า “ทำอาหารเพิ่มให้คุณ 2 คนนี้ด้วย”

“ค่ะท่าน” คนรับใช้รับคำสั่งแล้วเดินไปบอกเชฟในห้องครัว โรแลนกับเจสันก็นั่งลงตามคำเชิญ บอดี้การ์ดยืนเฝ้าไม่ไปไหน อากิโอะจึงบอกว่า “คุณออกไปเถอะ พวกเขาเป็นคนของผมเอง”

“เอ่อ…” บอดี้การ์ดอึกอัก อากิโอะจึงสั่งเจสันว่า “คุณเจสัน โยนเขาออกไปที”

“ครับท่าน” เจสันรับคำสั่งแล้วยืนขึ้น เขามองบอดี้การ์ดคนนั้นแล้วหักนิ้วมือดังกร๊อบๆ จากนั้นก็เตะผ่าหมาก ผั๊วะ!

“อุบ!” บอดี้การ์ดถูกเล่นงานไม่ทันตั้งตัว เขาจุกจนหน้าเขียวหน้าเหลืองทรุดลงไปนั่งกุมเป้าคุดคู้อยู่บนพื้น เจสันซึ่งตัวใหญ่กว่าบอดี้การ์ดคนนั้นจึงก้าวไปยกตัวบอดี้การ์ดคนนั้นออกไป บอดี้การ์ดคนอื่นๆ ตกตะลึง “เฮ้ย! ไรวะ!?”

พวกบอดี้การ์ดกรูกันเข้าไปล้อมชายต่างชาติคนนั้นทันที “ปล่อยเพื่อนเรานะ!”

เจสันปล่อยตัวบอดี้การ์ดคนนั้นลงแล้วผลักไปให้พวกบอดี้การ์ดพวกนั้น พลั่ก!

พวกบอดี้การ์ดรับเพื่อนร่วมงานเอาไว้ เจสันจึงบอกเป็นภาษาอังกฤษว่า “เป็นคำสั่งท่านนายกฯ ให้โยนคนๆ นี้ออกไป”

“ท่านนายกฯ!?” พวกบอดี้การ์ดงงๆ อากิโอะจึงเดินไปบอกว่า “นี่คือคุณเจสัน ส่วนนั่นคุณโรแลน พวกเขามาทำงานให้ผม ส่วนพวกคุณถ้าไม่ทำตามคำสั่งผม ก็จะถูกโยนออกไปแบบนี้แหละ”

“ท่าน!?” พวกบอดี้การ์ดงงๆ มึนตึบกันไปหมด พวกเขามองท่านนายกฯ ที่เดินกลับเข้าห้องทานอาหารไป เจสันมองด้วยสายตาดุดัน พลางยืดไหล่เหมือนยักษ์ปักหลั่น ประมาณว่า ‘ใครไม่พอใจก็เข้ามาซิ ผมพร้อมไฟว์!’

พวกบอดี้การ์ดมองหน้ามองตากันเอง จากนั้นก็มองเจสันด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แล้วบอดี้การ์ดคนหนึ่งก็โทรรายงานไคโตะทันที “คุณไคโตะครับ ท่านนายกฯ จ้างชาวต่างชาติมาทำงานครับ”

“ทำงาน?” ไคโตะเลิกคิ้วขึ้น บอดี้การ์ดรีบรายงานต่อ “ดูเหมือนว่าจะจ้างมาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวครับ”

“บอดี้การ์ดส่วนตัว?” ไคโตะยิ่งเลิกคิ้วขึ้นสูง บอดี้การ์ดจึงใช้มือถือถ่ายคลิปชาวต่างชาติทั้งสองคนแล้วส่งไปให้ไคโตะดู ไคโตะเปิดคลิปดูแล้วยิ่งขมวดคิ้วมุ่น “คนพวกนี้เป็นใครมาจากไหน รีบสืบประวัติเร็ว”

“ครับท่าน” บอดี้การ์ดรับคำสั่งแล้วส่งข้อมูลพาสปอร์ตของชายต่างชาติ 2 คนนั้นไปตรวจสอบทันที ไคโตะก็รอการตรวจสอบอยู่

“มีอะไรรึ?” ยามาโตะเดินลงบันได เห็นไคโตะทำหน้านิ่วคิ้วขมวดจึงมองอย่างสงสัย ไคโตะรีบรายงานว่า “บอดี้การ์ดโทรมารายงานว่าคุณซึบาสะจ้างชาวต่างชาติ 2 คนมาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวครับ”

“หือ?” ยามาโตะเลิกคิ้วขึ้น ไคโตะจึงเปิดคลิปที่ลูกน้องส่งมาให้ๆ เจ้านายดู ยามาโตะดูคลิปแล้วเอามือถือออกมาเปิดดูกล้องในบ้านพักนายกฯ เขาเห็นชายต่างชาติ 2 คนนั่งร่วมโต๊ะกับซึบาสะ มียัยเลขาจอมเสือกนั่นร่วมโต๊ะอยู่ด้วย เขามองภาพแล้วคิดๆ “หรือว่า 2 คนนี่จะเป็นคนที่ยัยเลขานั่นหามาให้ซึบาสะ?”

ไคโตะตอบไม่ได้จึงเงียบอยู่ ยามาโตะถาม “ตรวจสอบประวัติ 2 คนนี่รึยัง?”

“กำลังตรวจสอบครับ อีกไม่นานคงได้ข้อมูลครับ” ไคโตะบอก ยามาโตะเหยียดมุมปากคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “หึ! แกะน้อยชักจะดื้อเกินไปหน่อยแล้ว ถ้างั้นก็ตัดเงินซะ”

“ครับท่าน” ไคโตะรับคำสั่งแล้วโทรบอกผู้จัดการใหญ่ธนาคารทันที ให้จัดการระงับบัตรทุกใบและบัญชีการเงินของซึบาสะ ผู้จัดการใหญ่รับคำสั่งแล้วก็ทำตาม ให้ลูกน้องรีบระงับบัตรและบัญชีของท่านนายกฯ เอาไว้ พวกเขาไม่รู้ว่าเบื้องบนสั่งอย่างนี้ทำไม พวกเขาแค่ทำตามคำสั่งก็พอ หลังจากระงับบัตรและบัญชีแล้วผู้จัดการใหญ่ก็รีบโทรรายงาน “คุณไคโตะครับ ผมจัดการระงับบัตรและบัญชีของท่านนายกฯ แล้วครับ”

“ดี” ไคโตะบอกแล้วตัดสายไป ยามาโตะยิ้มบางๆ “แกะน้อยไม่มีเงินใช้จะเป็นยังไงนะ? อีกเดี๋ยวคงต้องรีบมาหาผมแน่นอน”

เขาเดาว่าซึบาสะคงมาหาเขาแล้วโยนบัตรที่ใช้งานไม่ได้เหล่านั้นใส่หน้าเขาแล้วก็ทำหน้าบึ้งจากไป ไม่แม้แต่จะอ้อนวอนเขาหรอก หึๆๆๆ แกะน้อยของเขาก็เป็นแบบนั้นแหละ เพราะเป็นแบบนั้นไง เขาถึงได้ถูกใจนักหนา

ไคโตะเงียบไม่พูดอะไร ยามาโตะเดินไปนั่งที่โต๊ะทานอาหาร ไคโตะเดินตามไปคอยรับใช้อยู่ข้างๆ

เวลาต่อมา ไคโตะก็ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับชาวต่างชาติ 2 คนนั้น เขาเอาข้อมูลให้เจ้านายดู ยามาโตะดูแล้วเหยียดยิ้ม “ก็แค่นักมวยไร้ชื่อกระจอกๆ 2 คนจากอเมริกา หึ! ถ้าซึบาสะไม่มีเงินจ้างพวกมัน เดี๋ยวพวกมันก็รีบแจ้นกลับประเทศไปเองแหละ”

“ครับ” ไคโตะตอบพลางเก็บมือถือมา ยามาโตะก็ทานอาหารเช้าอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง เขารอคอยให้ซึบาสะมาหาเขา หึๆๆๆ…

หลังจากทานอาหารเช้าอิ่มแล้ว อากิโอะก็บอกกับโรแลน เจสันและเซรินว่า “เอาล่ะ ไปกันเถอะ”

“ค่ะ” เซรินรับคำแล้วลุกขึ้นเดินออกไปหยิบกระเป๋าโน๊ตบุ๊คของเธอมา อากิโอะก็ถือซองสีดำเดินไปที่ห้องนอน เอาซองนั้นใส่กระเป๋าโน๊ตบุ๊คแล้วหิ้วกระเป๋าลงไปข้างล่าง โรแลนกับเจสันเดินตามประกบไม่ห่าง อากิโอะก้าวไปนั่งในรถ โรแลนก็เปิดประตูรถฝั่งคนขับแล้วดึงคนขับรถออกไป “ลงมา ผมขับเอง”

“หา!” คนขับรถตกใจ เขาหันไปมองท่านนายกฯ “ท่านครับ!?”

Chapter 10

ปืนจ่อหน้าผาก!

“ลงไปซะ ต่อไปนี้คุณไม่ต้องขับรถให้ผมแล้ว โรแลนกับเจสันจะเป็นคนขับรถให้ผมเอง” อากิโอะบอก คนขับรถตกตะลึง “ท่าน!”

โรแลนดึงคนขับรถออกไป คนขับรถยอมออกจากรถโดยดี เขายังไม่อยากถูกซ้อมแล้วลากลงไปหรอกนะ เมื่อเช้าเขาเห็นแล้วว่าพวกบอดี้การ์ดถูกท่านนายกฯ ไล่ยังไง ท่านนายกฯ ไม่ให้เขาขับรถให้ เขาก็ไม่รู้จะทำยังไง เฮ้อ…

โรแลนเข้าไปนั่งแทนคนขับรถ บอดี้การ์ดคนหนึ่งจะเข้าไปนั่งข้างท่านนายกฯ ก็ถูกเจสันดึงเสื้อ “คุณไปนั่งคันอื่น”

“หา!” บอดี้การ์ดหันไปมองเจสัน อากิโอะจึงบอก “ต่อไปนี้คุณไม่ต้องมานั่งข้างผมแล้ว ให้เจสันมานั่งแทน”

บอดี้การ์ดคนนั้นฟังแล้วยอมถอยไป เจสันจึงก้าวไปนั่งข้างท่านนายกฯ แล้วดึงประตูรถปิด อากิโอะสั่งโรแลนว่า “ไปโชว์รูมรถ……….”

“ครับท่าน” โรแลนรับคำสั่งแล้วขับรถออกจากบ้านพัก รถบอดี้การ์ดคันอื่นๆ ก็ขับตามไปเป็นขบวน

เมื่อไปถึงโชว์รูมรถ………อากิโอะก็ลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในโชว์รูมทันที พนักงานขายเห็นท่านนายกฯ มาก็กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ “อ้า! นั่นท่านนายกฯ นี่”

“ใช่ท่านนายกฯ จริงๆ ด้วย”

เจสันเดินตามท่านนายกฯ ไป ส่วนโรแลนเฝ้าอยู่ที่รถ เซรินตามท่านนายกฯ ไปเช่นกัน ผู้จัดการโชว์รูมรู้ว่าท่านนายกฯ มาก็รีบไปต้อนรับทันที “สวัสดีครับท่าน”

เขาโค้งคำนับจนหัวแทบจะติดพื้นเลยทีเดียว อากิโอะทักทายตอบ “สวัสดีครับ”

แล้วเขาก็เดินดูรถที่โชว์อยู่ในโชว์รูม ผู้จัดการรีบเดินตามไปบรรยายรถแต่ละคันอย่างละเอียดยิบ “รถคันนี้……..”

อากิโอะฟังผู้จัดการพูดไปเรื่อยๆ ส่วนพวกบอดี้การ์ดก็คุ้มกันอยู่รอบๆ โชว์รูม พลางโทรรายงานไคโตะไปด้วย “ตอนนี้ท่านนายกฯ อยู่ที่โชว์รูมรถ…….กำลังดูรถอยู่ครับ”

“อ่อ” ไคโตะฟังแล้วตัดสายไป

อากิโอะมองรถแล้วชี้ไปที่รถคันหนึ่ง “ผมซื้อคันนี้”

“ครับท่าน” ผู้จัดการยิ้มหน้าบาน อากิโอะชี้ไปที่รถอีกคัน “แล้วก็คันนั้นด้วย”

“ครับท่าน” ผู้จัดการตอบรับหน้าบานมาก อากิโอะบอก “รีบทำเอกสารหน่อยนะ ผมจะได้ไปทันประชุมตอนสาย”

“ครับท่าน” ผู้จัดการตอบรับ อากิโอะบอก “อ่อ รถทั้ง 2 คันใส่ชื่อคุณเซรินเป็นเจ้าของนะ”

“ครับท่าน” ผู้จัดการตอบรับน้ำเสียงสดใสเบิกบาน อากิโอะเดินไปนั่งรอ ผู้จัดการก็รีบให้พนักงานทำเอกสารมาให้ ‘คุณเซริน’ เซ็น เซรินยืนมองอย่างงงๆ ทำไมต้องซื้อรถเป็นชื่อเธอด้วยล่ะ?

เพราะสงสัยเธอจึงเดินไปกระซิบถาม “ทำไมต้องเป็นชื่อฉันล่ะ?”

“เพราะอะไรไว้ผมค่อยอธิบายทีหลังนะ” อากิโอะบอก เซรินพยักหน้า “ค่ะ”

สักพัก พนักงานก็เอาเอกสารมาให้เซรินเซ็น เซรินเซ็นจนครบทุกแผ่นแล้ว อากิโอะก็หยิบกระเป๋าสตางออกมา หยิบบัตรเครดิตการ์ดธนาคารในเครือโทมิกรุ๊ปออกมายื่นให้ “อ่ะ นี่ครับ”

“ครับท่าน” ผู้จัดการรับบัตรไปยื่นให้พนักงานนำไปรูด พนักงานรับไปรูด สักพักเธอก็ขมวดคิ้วแล้วลองรูดบัตรอีกที หน้าจอก็ยังคงขึ้นว่า ‘บัตรนี้ไม่สามารถทำรายการได้ กรุณาติดต่อธนาคารเจ้าของบัตร’ อยู่ดี เธอลองรูดบัตรอีกที หน้าจอก็ยังคงขึ้นข้อความเหมือนเดิม เธอจึงถือบัตรไปกระซิบบอกผู้จัดการว่า “ผู้จัดการคะ บัตร…….”

“หือ?” ผู้จัดการเลิกคิ้วขึ้น กระซิบว่า “ลองไปรูดใหม่อีกที บางทีระบบอาจจะขัดข้องก็ได้”

“ค่ะ” พนักงานรับคำสั่งแล้วถือบัตรกลับไปรูดอีก หน้าจอก็ยังคงขึ้นข้อความเหมือนเดิม เธอส่ายๆ หน้า ผู้จัดการจึงรีบเดินไปที่เคาน์เตอร์ทันที เขาจัดแจงรูดบัตรเอง หน้าจอก็ยังคงขึ้นข้อความเหมือนเดิม เขาเอาบัตรมาดูวันหมดอายุ บนบัตรก็ยังไม่หมดอายุนี่นา แล้วทำไมรูดไม่ได้ล่ะ? ระดับท่านนายกฯ ไม่น่าจะมีปัญหากับเรื่องเงินแค่นี้นะ!

เขาลองรูดเครื่องอื่น ก็ขึ้นข้อความเหมือนกัน ทำเขาจนปัญญา เขาจึงถือบัตรไปยืนตรงหน้าท่านนายกฯ “ท่านครับ เอ่อ…บัตรใบนี้ไม่สามารถรูดได้ครับ”

“โอ๋?” อากิโอะเลิกคิ้วขึ้น มีรอยยิ้มตรงมุมปากจางๆ เขารับบัตรมาแล้วหยิบบัตรใบอื่นอีกหลายใบที่ล้วนเป็นธนาคารในเครือโทมิกรุ๊ปให้ผู้จัดการทั้งหมด “งั้นลองเอาบัตรพวกนี้ไปรูดละกัน ถ้าไม่ได้ก็บอกผม ผมยังมีบัตรใบอื่นอีก”

“อ่า…ครับ” ผู้จัดการรับบัตรพวกนั้นไปรูด เขารูดบัตรทีละใบ…ทีละใบ แล้วส่ายๆ หน้า อากิโอะมองท่าทีของผู้จัดการแล้วยิ้มบางๆ ดูเหมือนว่ายามาโตะจะเล่นงานเขาแล้วซินะ หึ!

ผู้จัดการรูดบัตรหลายใบพวกนั้นจนหมดแล้วก็รูดไม่ผ่านสักใบ เขาจึงถือบัตรไปคืนท่านนายกฯ “ท่านครับ รูดไม่ได้ซักใบเลยครับ”

“ขอบคุณมาก งั้นคุณเอาใบนี้ไปรูดล่ะกัน อากิโอะเอาบัตรเครดิตสีดำส่งให้ผู้จัดการ ผู้จัดการมองบัตรสีดำใบนั้น เขารับมาแล้วเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ เขารูดบัตร ครั้นเห็นว่ารูดผ่านเขาก็โล่งอก “เฮ้อ…”

เขารีบเอาสลิปไปให้ท่านนายกฯ เซ็นทันที “ท่านครับ เชิญเซ็นครับ”

อากิโอะรับสลิปกับบัตรคืนมา เขาเซ็นชื่อลงไปแล้วส่งสลิปคืนให้ผู้จัดการ ผู้จัดการยิ้มแฉ่ง “ขอบคุณครับท่าน”

เขาโค้งคำนับหัวแทบติดพื้นเลยทีเดียว อากิโอะลุกขึ้นยืน เซรินก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน อากิโอะหยิบกุญแจรถมาแล้วยื่นให้เจสัน “คุณเอากุญแจรถไปแล้วขับไปตามที่อยู่ตามนามบัตรนี้นะ มอบรถให้เขาจัดการแล้วกลับไปหาผมที่ทำเนียบ อีกคันก็ให้โรแลนขับตามคุณไปล่ะกัน”

“ครับท่าน” เจสันรับกุญแจรถทั้งสองคันมา อากิโอะหยิบนามบัตรใบหนึ่งส่งให้ เจสันรับมาใส่กระเป๋าเสื้อเอาไว้ทันที คนอื่นไม่ทันเห็นว่าเป็นนามบัตรอะไร อากิโอะพยักหน้ากับเซริน “ไปกันเถอะ”

“ค่ะ” เซรินรับคำ อากิโอะเดินนำออกไป ผู้จัดการเดินตามไปส่ง พวกพนักงานก็ตามไปส่งเป็นโขยง อากิโอะเดินไปถึงรถที่โรแลนขับ เขาบอกโรแลนว่า “เดี๋ยวคุณขับรถคันใหม่ตามเจสันไปนะ แล้วกลับไปหาผมที่ทำเนียบ”

“ครับท่าน” โรแลนรับคำสั่ง ลงมาจากรถแล้วเดินไปหาเจสันทันที อากิโอะก็เข้าไปนั่งประจำที่คนขับ เซรินรีบเปิดประตูรถเข้าไปนั่งที่เบาะข้างหน้า จากนั้นอากิโอะก็ขับรถออกจากโชว์รูม เซรินไม่ถามอะไรมาก เธอนั่งเงียบๆ มองถนนข้างหน้าไปเรื่อยๆ ซองสีดำที่เธอสงสัย ข้างในซองคือบัตรสีดำใบหนึ่ง เธอเห็นบัตรใบนั้นตอนที่ท่านนายกฯ เปิดซองสีดำในรถ

พวกบอดี้การ์ดก็รีบขึ้นรถแล้วขับตามรถท่านนายกฯ ไปเป็นขบวน ผู้จัดการโชว์รูมยืนส่งจนขบวนรถไปกันหมดแล้ว เขาจึงหันไปมองชาวต่างชาติ 2 คนที่ท่านนายกฯ ให้ขับรถคันใหม่ เขารีบให้พนักงานนำรถออกจากโชว์รูมส่งมอบให้ชาย 2 คนนั้น หลังจากนั้นเจสันก็ขับรถนำหน้าไป โรแลนขับตามหลัง พวกเขาขับไปตามที่อยู่บนนามบัตรใบนั้น

เมื่อไปถึงทำเนียบรัฐบาล อากิโอะก็จอดรถเอาไว้แล้วเดินอารมณ์ดีเข้าทำเนียบ เซรินเดินตามไป

ครั้นถึงห้องทำงาน เธอก็เข้าไปใกล้ท่านนายกฯ กระซิบถามว่า “ทำไมถึงใส่ชื่อฉันเป็นเจ้าของรถคะ?”

“ซึ…เอ่อ…ผมยังมีหนี้สินต้องชำระคืนให้ยามาโตะอยู่ ดังนั้นถ้าใส่เป็นชื่อผมก็อาจจะถูกยามาโตะยึดทรัพย์ได้น่ะ ดังนั้นเป็นชื่อคุณแหละปลอดภัยดี ไม่ถูกยึดทรัพย์แน่นอน” อากิโอะบอก เพราะเขารู้ว่าซึบาสะทำสัญญากู้ยืมเงินเพื่อใช้เรียนต่อต่างประเทศกับยามาโตะ สัญญากู้ยืมเงินนี้ซึบาสะยังไม่ได้ใช้หนี้คืนให้ยามาโตะทั้งหมด ดังนั้นยามาโตะจึงมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ของซึบาสะอยู่ ทรัพย์สินของซึบาสะอาจจะถูกเจ้าหนี้อย่างยามาโตะยึดเมื่อไหร่ก็ได้ แม้แต่รถที่ซึบาสะใช้ทุกวันนี้ยังเป็นรถของยามาโตะทั้งนั้น คนรอบข้างก็เป็นคนของยามาโตะเหมือนกัน มีแค่ใบปริญญาเท่านั้นที่เป็นของซึบาสะอย่างแท้จริง ยามาโตะไม่อาจยึดไปจากซึบาสะได้ ซึบาสะจึงเปรียบเสมือนเป็นลูกไก่ในกำมือยามาโตะอย่างแท้จริง

เซรินฟังแล้วพอจะเข้าใจเรื่องราวล่ะ ซึบาสะอยากเป็นอิสระจากยามาโตะ จึงได้ดึงเธอมาเป็นพวกซินะ เธอจึงกระซิบถามต่อ “ว่าแต่เรื่องการตายของท่านนายกฯ อากิโอะ คุณพอจะรู้ไหมว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง?”

อากิโอะอึ้งไป เธอพยายามหาตัวคนร้ายอยู่งั้นเหรอ?

เขามองเธอแล้วส่ายหน้ากระซิบว่า “ไม่รู้เหมือนกัน ผมก็กำลังหาตัวคนร้ายอยู่”

“คุณหาคนร้ายอยู่?” เซรินกระซิบถาม เธอมองท่านนายกฯ อย่างงงๆ เขาจะหาตัวคนร้ายไปทำไม? หรือว่าเขาคิดจะหาหลักฐานเพื่อเอาไปข่มขู่ยามาโตะ? ถ้าหากว่ายามาโตะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นด้วย นี่ย่อมเป็นหลักฐานชั้นดีที่จะเอาผิดยามาโตะได้ แล้วก็จะทำให้ซึบาสะถือไพ่เหนือกว่ายามาโตะซินะ อืม? ควรร่วมมือกับเขาไหมนะ?

“คุณนะอย่ามายุ่งกับเรื่องนี้เลยนะ มันอันตรายเกินไป คุณคอยทำตามแค่ที่ผมสั่งก็พอ” อากิโอะบอกอย่างเป็นห่วง เขาเห็นเธอเหมือนเป็นคนในครอบครัวคนหนึ่ง ดังนั้นจึงเป็นห่วงอย่างอดไม่ได้

“ห้ามไม่ให้ฉันสืบเหรอ? คุณคิดจะเก็บหลักฐานไว้คนเดียวซินะ จะได้เอาไปขู่ยามาโตะได้ ฮึ! ฉันจะหาหลักฐานให้ได้แล้วลากคนร้ายเข้าคุกให้หมด” เซรินบอก อากิโอะจ้องหน้าเธอ เขาจับไหล่เธอ “ทำไมดื้อแบบนี้นะ”

เซรินสะดุ้ง ความรู้สึกจากมือเขาคล้ายกับสัมผัสของใครคนหนึ่ง คนๆ นั้นไม่อาจแตะต้องตัวเธอได้อีกแล้ว คนที่เป็นทั้งเจ้านาย เป็นเหมือนพี่ชาย เป็นเหมือนคนในครอบครัว อากิโอะ! เธอมองท่านนายกฯ อึ้งงันไปพักหนึ่ง จนเธอตั้งสติกลับมา เห็นใบหน้าที่สวยเหมือนผู้หญิงของท่านนายกฯ เธอจึงเบี่ยงตัวออก รีบเดินออกจากห้องไป เธอรีบเดินไปที่ห้องทานอาหาร จัดแจงชงกาแฟให้ตัวเอง ในใจเกิดความรู้สึกสับสน

“เซริน…” อากิโอะมองตามเธอจนเธอเดินลับตาไป เขานั่งลงสีหน้ากังวลใจ ซึบาสะจึงถาม “เธอเป็นแฟนคุณเหรอ?”

“ไม่ใช่” อากิโอะส่ายหน้า “เธอทำงานกับผมมานาน ผมเห็นเธอเป็นเหมือนคนในครอบครัวของผมคนหนึ่ง เธอเป็นเหมือนน้องสาว ผมห่วงเธอแบบนั้น”

“อ่อ” ซึบาสะพยักหน้ารับรู้ ความรู้สึกแบบนี้เขาก็เคยรู้สึก กับเด็กสาวข้างบ้านที่โตมาด้วยกันนั่นไง เขาเห็นเธอเป็นเหมือนน้องสาว คอยดูแลเธอเหมือนเป็นพี่ชายของเธอ จนกระทั่งเธอเรียนจบม.ปลาย แล้วย้ายไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยในเมืองที่ห่างไกล หลังจากนั้นเธอก็เงียบหายไปเลย ไม่ติดต่อเขา ไม่แม้แต่จะไลน์คุยกัน เขาเคยถามคุณลุงคุณป้าข้างบ้านก็ได้รับข่าวว่าเธอสบายดี เขารู้ว่าเธอสบายดีก็โล่งใจ บางทีเธออาจไม่ต้องการพี่ชายคนนี้แล้วก็ได้ ถึงยังไงเขาก็ไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ ของเธอ เป็นแค่เพื่อนบ้านที่รู้จักกันเท่านั้นเอง

เซรินนั่งดื่มกาแฟอยู่ตรงนั้นอยู่นาน จนกระทั่งเสียงมือถือดังปิ๊บๆ เธอจึงหยิบมาดู เห็นว่าใกล้จะถึงเวลาเข้าประชุมของท่านนายกฯ เธอจึงเก็บมือถือแล้วลุกไปล้างแก้วกาแฟเก็บ จากนั้นก็เดินไปที่ห้องทำงานของท่านนายกฯ เธอเคาะประตู ก็อกๆ

“เชิญครับ” อากิโอะบอก เซรินเปิดประตูเดินเข้าไป เธอเตือนเขาว่า “ท่านคะ อีก 15 นาทีจะเริ่มประชุมแล้วค่ะ”

“อืม” อากิโอะพยักหน้ารับรู้ เขาปิดโน๊ตบุ๊คแล้วลุกขึ้นยืน เซรินก็เดินไปหยิบไอแพดมา จากนั้นก็เตรียมพร้อมเข้าประชุม อากิโอะเดินนำออกจากห้อง เซรินถือไอแพดเดินตามไป ทั้งสองเข้าไปในห้องประชุม คณะรัฐมนตรีกำลังทยอยกันมา เมื่อพวกเขาเห็นท่านนายกฯ ก็โค้งคำนับ “ท่านนายกฯ”

“อืม” อากิโอะโค้งคำนับตอบตามมารยาทแล้วเดินไปนั่งที่หัวโตะ พวกคณะรัฐมนตรีก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ อากิโอะมองทุกคนที่มากันครบแล้วเขาก็เปิดประชุมทันที เซรินยืนอยู่ด้านหลังท่านนายกฯ เธอใช้ไอแพดคอยเปิดข้อมูลขึ้นโปรเจ็คเตอร์

จนกระทั่งเที่ยงกว่า อากิโอะจึงได้เลิกประชุม ผู้คนก็ทยอยกันออกจากห้องประชุม พวกเขารู้สึกเหมือนกันว่าท่านนายกฯ ดูเปลี่ยนไป ดูมีความมั่นใจมากขึ้น ดูทรงพลังยังไงบอกไม่ถูก หรือว่าท่านนายกฯ ไปเข้าคอร์สเสริมบุคลิกภาพมา?

“ไปทานข้าวกันเถอะ” อากิโอะบอกกับเซริน เซรินพยักหน้า “ค่ะ”

จากนั้นทั้งสองคนก็เดินไปที่ห้องทานอาหาร สั่งเชฟให้ทำอาหารแล้วนั่งรอ

เวลาผ่านไปจนบ่ายโมงแล้ว ยามาโตะก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของซึบาสะ ทำให้เขาถามไคโตะว่า “ซึบาสะทำอะไรอยู่?”

ไคโตะรีบโทรถามลูกน้องทันที หลังจากนั้นก็รายงานว่า “คุณซึบาสะกำลังทานมื้อกลางวันอยู่ครับ”

“อืม เขาคงยังไม่ได้ใช้บัตรซินะ” ยามาโตะคิดแล้วปัดเรื่องซึบาสะออกไปก่อน เขาหันไปสนใจเรื่องงานก่อน

โรแลนกับเจสันกลับไปถึงทำเนียบรัฐบาล พวกเขาก็ไปหาเจ้านายทันที รายงานว่า “ส่งรถเรียบร้อยแล้วครับ”

“อืม ดี ขอบคุณมาก” อากิโอะบอกแล้วถามว่า “พวกคุณทานข้าวรึยัง? ถ้ายังก็สั่งได้เลย”

“พวกเราทานมาแล้วครับ ซาซึมิอร่อยมากครับท่าน” โรแลนบอก เจสันก็บอกว่า “ซูชิก็อร่อยมากครับ อร่อยกว่าที่อเมริกาอีกครับ”

“อืม พวกคุณชอบก็ดีแล้ว” อากิโอะบอก แล้วบอกว่า “พวกคุณเปิดคิวอาร์โค้ดบัญชีธนาคารซิ ผมจะโอนเงินไว้ให้พวกคุณใช้”

“อ่อ ครับ” โรแลนรับคำสั่งแล้วรีบเปิดคิวอาร์โค้ดรับเงินขึ้นมาทันที เจสันก็เหมือนกัน อากิโอะเอามือถือมาสแกนคิวอาร์โค้ดแล้วกดโอนเงินให้ทั้งสองคน เมื่อโอนเงินแล้วอากิโอะก็บอกว่า “นี่เป็นค่าใช้จ่ายของพวกคุณไม่รวมกับค่าจ้าง ค่าจ้างพวกคุณจะได้รับตรงตามเวลาแน่นอน”

“ขอบคุณครับ” โรแลนกับเจสันบอกพลางยิ้มหน้าบาน เจอเจ้านายสายเปย์แบบนี้พวกเขาชอบมาก อากิโอะบอก “แล้วถ้ารถเสร็จเมื่อไหร่พวกคุณก็ไปรับมาล่ะกัน หลังจากนั้นพวกเราจะใช้รถของเรา ไม่ใช้รถของยามาโตะอีก”

“ครับ” โรแลนรับคำสั่ง อากิโอะจึงลุกขึ้นเดินไปที่ห้องทำงาน เซรินเดินตามไป โรแลนกับเจสันก็ตามไปเฝ้าที่หน้าประตูห้อง

จนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน ซึบาสะก็ต้องกลับไปเตือนคนบ้างานอย่างอากิโอะ “คุณ ได้เวลาเลิกงานแล้ว”

อากิโอะเงยหน้าขึ้นจากโน๊ตบุ๊คมองนาฬิกา “โอ้…เย็นแล้วเหรอ”

“คุณนี่บ้างานขั้นสุดจริงๆ” ซึบาสะบอก อากิโอะยิ้มบางๆ แล้วพูดเสียงเบาว่า “ก็เป็นแบบนี้แหละ ทำงานทีไรลืมเวลาไปเลยทุกที”

เขามองเซรินที่ยังคงจิ้มๆ คีย์บอร์ด แล้วหันไปพูดกับซึบาสะว่า “แต่ก็ยังมีคนบ้างานกว่าผมนะ นั่นไง”

“อืม พอกันเลย” ซึบาสะพยักหน้า เขาเห็นสองคนนี้บ้างานพอๆ กัน มิน่าถึงทำงานด้วยกันได้ และที่สำคัญ มิน่า ถึงได้ยังไม่แต่งงานทั้งคู่ บ้างานแบบนี้ใครเป็นแฟนด้วยก็ต้องทำใจเยอะๆ หน่อยล่ะ

“เซริน” อากิโอะเรียก เซรินเงยหน้ามอง “คะ?”

“ไปเถอะ กลับบ้านกัน ได้เวลาเลิกงานแล้ว” อากิโอะบอก เซรินมองนาฬิกา “โอ้”

เธอปิดไฟล์งานแล้วปิดโน๊ตบุ๊ค อากิโอะก็ปิดโน้ตบุ๊คเช่นกัน ทั้งสองเก็บโน๊ตบุ๊คใส่กระเป๋าแล้วหิ้วกระเป๋าลุกขึ้นแทบจะพร้อมกัน จากนั้นอากิโอะก็เดินนำหน้าไป เซรินเดินตามหลัง โรแลนกับเจสันก็ตามประกบท่านนายกฯ พวกบอดี้การ์ดเห็นท่านนายกฯ ออกมาจากห้องทำงานก็รีบเดินประกบทันที อากิโอะไม่สนใจบอดี้การ์ดพวกนั้น เขาเดินไปที่รถแล้วเอากุญแจรถส่งให้โรแลน โรแลนรับมาแล้วเปิดประตูรถให้ท่านนายกฯ อากิโอะเข้าไปนั่งในรถ เซรินก็เข้าไปนั่งข้างคนขับ เจสันก็นั่งข้างท่านนายกฯ โรแลนนั่งประจำที่คนขับ แล้วสตาร์ทรถขับออกไป อากิโอะสั่งว่า “กลับบ้านพัก”

“ครับท่าน” โรแลนรับคำสั่งแล้วขับรถกลับบ้านพักซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทำเนียบมากนัก

เมื่อถึงบ้านพัก อากิโอะก็ลงจากรถแล้วเดินเข้าบ้าน เซรินเดินตามไป เธอแยกตัวเข้าห้องพักของเธอไป อากิโอะก็เข้าห้องนอนไปเช่นกัน ส่วนโรแลนกับเจสันก็แบ่งเวรกัน เจสันไปพักก่อน โรแลนยังคงเฝ้าอยู่หน้าห้องนอนท่านนายกฯ พวกบอดี้การ์ดมองเขม่นชาวต่างชาติ 2 คนนั้นที่มาแย่งงานพวกเขา พวกเขาอยากจะท้าสู้กับ 2 คนนั้นซักตั้ง จะได้ให้ท่านนายกฯ เห็นว่าฝีมือพวกเขาดีกว่าหมาต่างชาติ 2 ตัวนั่นตั้งเยอะ ดังนั้น บอดี้การ์ดคนหนึ่งจึงไปท้าเจสันสู้ด้วย เจสันกำลังอยากออกกำลังกายอยู่พอดีจึงรับคำท้า

“ไปๆ ไปที่ห้องยิมกัน” บอดี้การ์ดชวน เจสันเดินตามไป พวกบอดี้การ์ดก็ตามไปเป็นโขยง

เมื่อถึงห้องยิม บอดี้การ์ดก็ตั้งท่า เจสันยืนมองบอดี้การ์ดคนนั้นด้วยท่าทางสบายๆ เขากวักมือ “มา”

บอดี้การ์ดจึงพุ่งเข้าใส่เจสันทันที “ย๊ากกกก—”

ผั๊วะ! บอดี้การ์ดหน้าหงายเริ่ด มึนงงจนเห็นดาวระยิบระยับ เขาตาลอยแล้วล้มลงไป เจสันหดกำปั้นกลับไป มองอย่างเย้ยหยัน “เฮอะ!”

พวกบอดี้การ์ดที่ล้อมดูอยู่ถึงกับตกตะลึงอึ้งไป เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น!? พวกเขามองไม่ทันเลย เห็นแค่เพื่อนพุ่งเข้าไปแล้วก็ผงะออกมา

“ใครอีก?” เจสันมองบอดี้การ์ดคนอื่นๆ อย่างท้าทาย บอดี้การ์ดถูกมองอย่างท้าทายก็โมโหเลือดขึ้นหน้า คนหนึ่งก้าวไปยืนประจันหน้ากับเจสัน “มา ผมเอง!”

“มา” เจสันกวักมือ บอดี้การ์ดคนนั้นตั้งท่าแล้วพุ่งเข้าไป “ย๊ากกกก—”

พลั่ก! บอดี้การ์ดคนนั้นผงะถอยไป เจ็บจุกจนตัวงอ เขามองไม่ทันเลยว่าไอ้ฝรั่งนี่ขยับตัวตอนไหน! “เชี่ยเอ้ย! แม่ง…เร็วชิ…หาย!”

เขาหันไปมองเพื่อนๆ แล้วยกมือโบก “รุมมันแม่งเลย!”

“อื้ม” พวกบอดี้การ์ดพยักหน้ารับ จากนั้นพวกเขาก็พุ่งเข้าไปรุมยำเจสัน เจสันขยับตัวต่อยเตะผั๊วะๆ พลั่กๆ…ทำให้พวกบอดี้การ์ดผงะออก ถูกต่อยถูกเตะกันไปคนละทีสองที ก็ยังทำอะไรไอ้ฝรั่งต่างชาติไม่ได้เลย! “เชี้ยเอ้ย! เก่งนักเหรอวะ!”

“งั้นแม่งแดกลูกปืนเถอะมึง!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งเอาปืนออกมาแล้วเล็งยิงใส่เจสันทันที เปรี้ยง!

เจสันเบี่ยงตัวหลบนิดหนึ่ง ลูกกระสุนพุ่งผ่านเขาไปถูกกระสอบทรายด้านหลัง ปัง!

ทำให้กระสอบทรายทะลุเป็นรู เม็ดทรายไหลพรูออกมา เจสันเหล่มองนิดหนึ่ง เอ่ยว่า “เล่นปืนเลยเรอะ!”

แล้วเขาก็พุ่งเข้าใส่บอดี้การ์ดคนนั้นไวมาก จนเห็นเหมือนเงารางๆ บอดี้การ์ดคนนั้นผงะตกใจ ยังไม่ทันถอยก็รู้สึกเจ็บข้อมือจนร้องลั่น “โอ๊ย!”

เจสันบิดข้อมือบอดี้การ์ดคนนั้นจนเสียงดัง กร๊อบ!

ปืนตกลง เขาใช้มืออีกข้างรับปืนเอาไว้อย่างว่องไว แล้วถือปืนกระบอกนั้นจ่อหน้าผากบอดี้การ์ดคนนั้น กึก!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version