Chapter 7
เอายัยนี่ออกไปซะ!
“หรือว่าผู้หญิงคนนั้นคือเซริน ไอริ คนนั้นครับ?” ไคโตะเดาๆ มายาโตะคิดๆ แล้วบอกว่า “สเปคของซึบาสะไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก เขาชอบผู้หญิงตัวเล็กๆ เหมือนโลลิ อย่างรักแรกของเขาสมัยเรียนม.ปลายนั่นไง”
ไคโตะจำได้ เพราะเขาต้องคอยจัดการกับผู้หญิงที่มีลักษณะนั้นให้หายไปจากชีวิตของซึบาสะมาหลายคนแล้ว ทั้งใช้เงิน ทั้งข่มขู่ จนกระทั่งผู้หญิงเหล่านั้นย้ายหนีไป ไม่ติดต่อกับซึบาสะอีกเลย แค่จัดการกับผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตซึบาสะไม่ใช่เรื่องยากอะไรนัก หึๆๆๆ…
เซรินกลับมาอีกครั้งพร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ใบหนึ่ง เธอไม่ต้องขนอะไรมามากมายเพราะที่นี่มีทุกอย่างอยู่แล้ว เธอเอามาแค่ของใช้ส่วนตัวก็พอ บัตเลอร์ก็เตรียมห้องๆ เดิมไว้ให้เธอ เซรินพอใจกับห้องที่เคยอยู่ เธอจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ ขณะที่เปิดตู้เสื้อผ้า เธอเห็นบางอย่างที่ผิดปกติไปจากเมื่อก่อน เธอมองดูรูปภาพที่ติดอยู่ในห้อง แล้วเธอก็ปิดตู้เสื้อผ้าเดินไปยืนมองรูปภาพรูปนั้น เธอยกเก้าอี้มาแล้วปีนขึ้นไปจับรูปภาพรูปนั้นลงมา เธอเจอสายไฟเส้นเล็กๆ ต่อกับรูปภาพ เธอมองแล้วยิ้มเยาะ “หึ! ติดกล้องเอาไว้เลยเหรอ?”
เธอแขวนรูปภาพกลับไปแล้วเดินไปจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ หลังจากจัดเสื้อผ้าเข้าตู้เสร็จแล้ว เก็บกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยแล้วเธอก็เอาโน๊ตบุ๊คออกมาวางบนโต๊ะทำงานในห้องแล้วต่อสายเน็ตกับโน๊ตบุ๊ค จากนั้นเธอก็แฮกเข้าไปจัดการกับกล้องตัวนั้น ทำให้ภาพของกล้องค้างไว้ คิดจะแอบมองเธอไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ เชอะ!
เมื่อจัดการกับกล้องตัวนั้นแล้วเธอก็พบว่าในห้องยังมีกล้องอีกหลายจุด เธอก็จัดการแฮกพวกมันซะหมดเลย ทำให้ภาพค้างไว้ แต่เวลาของกล้องยังคงเดินไปเรื่อยๆ เรื่องแบบนี้ไม่ยากนักถ้าเข้าใจวิธีการทำงานของกล้อง CCTV เป็นอย่างดี หลังจากจัดการกับกล้องในห้องทั้งหมดแล้วเธอยังพบว่าในบ้านหลังนี้มีกล้องติดไว้หลายจุดมาก นี่มันต่างจากตอนที่เธอเคยทำงานที่นี่ กล้องที่เพิ่มมาพวกนั้นเหมือนกับเอาไว้สอดส่องคนในบ้านชนิดว่าไม่ให้คลาดสายตากันเลยทีเดียว “โห! ไรเนี่ย!?”
เธอมองกล้องที่ติดเพิ่มขึ้นมา โดยเฉพาะในห้องนอนของท่านนายกฯ ที่มีกล้องติดแทบทุกมุม “โห ติดอะไรเยอะแยะขนาดนี้ฟะ?”
เธอไม่ได้แฮกกล้องพวกนั้น เธอปล่อยให้มันทำงานต่อไป เธอจัดการแค่ในห้องของเธอก็พอแล้ว หลังจากนั้นเธอก็นั่งมองดูภาพจากกล้องพวกนั้นไปเรื่อยๆ มีกล้องพวกนี้ก็เหมือนเธอมีดวงตามองได้ทั้งบ้านนั่นแหละ แล้วจะไปทำลายมันทำไมล่ะ? เหอๆๆๆ…
วันต่อมา อากิโอะก็แต่งตัวเข้าทำเนียบ ผู้คนมากมายทักทายเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่ลับหลังไม่รู้ว่าดูถูกเขาอยู่มากน้อยขนาดไหน เพราะตำแหน่งนายกฯ นี้ได้มาอย่างไม่บริสุทธิ์ เซรินก็ติดตามท่านนายกฯ ทำงานของเธออย่างเต็มที่ ซึบาสะก็คอยบอกอากิโอะให้รู้จักกับคนในพรรคเสรีที่เข้ามาทักทาย อากิโอะจำได้เกือบทั้งหมด มีบางคนเท่านั้นที่เขาจำไม่ได้ ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นส.ส.หน้าเก่ากันทั้งนั้น
“โอ้! ท่านนายกฯ มาทำงานได้แล้วเหรอครับ?”
เสียงถามดังขึ้น อากิโอะหันไปมอง เห็นว่าเป็นรองนายกฯ ทาคุยะ ซาโตะ ใบหน้าของทาคุยะ ยิ้มแฉ่ง แต่รอยยิ้มนั้นไปไม่ถึงดวงตา อากิโอะยิ้มตอบ ทักทายว่า “โอ้! ท่านรองนายกฯ นี่เอง”
ทาคุยะซาโตะเป็นรองนายกฯ ที่มาจากพรรคเสรี นับว่าเป็นพวกเดียวกับซึบาสะ แต่ทาคุยะก็เขม่นซึบาสะมาตลอดที่แย่งตำแหน่งหัวหน้าพรรคไป เขารู้ดีว่า ‘เด็กเมื่อวานซืน’ ตรงหน้าได้ตำแหน่งหัวหน้าพรรคก็เพราะยามาโตะหนุนหลังอยู่ ไม่มียามาโตะซะคน ไอ้เด็กเมื่อวานซืนคนนี้ก็คงไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคหรอก แล้วก็ไม่อาจเป็นนายกรัฐมนตรีได้ด้วย เขาควรที่จะได้เป็นหัวหน้าพรรค กลับถูกเด็กเมื่อวานซืนปาดหน้าเค้กไปเสียได้ ถ้าไม่ใช่เพราะมัน ป่านนี้เขาคงได้เป็นนายกรัฐมนตรีไปแล้ว!
“แผลเป็นยังไงบ้างครับท่านนายกฯ?” ทาคุยะถาม ตามองผ้าพันแผลบนหัวของท่านนายกฯ แล้วเลื่อนสายตามามองหน้าท่านนายกฯ
“นิดหน่อยครับ ไม่เป็นไรมาก” อากิโอะตอบน้ำเสียงราบเรียบ เขารู้ข้อมูลของทาคุยะพอสมควร รู้ว่าทาคุยะเขม่นซึบาสะ
“ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้วครับ” ทาคุยะบอก แต่ในใจแช่งชักหักกระดูก น่าจะตายๆ ไปซะ!
“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ไม่ได้เข้ามาหลายวันคงมีงานรอเพียบเลย” อากิโอะบอกแล้วโค้งคำนับให้นิดหนึ่ง จากนั้นก็เดินเข้าห้องทำงานไป ทาคุยะมองอย่างแค้นเคืองอยู่ในใจลึกๆ คอยดูเถอะ ซักวันหนึ่งเขาจะต้องเขี่ยไอ้เด็กนี้ออกไปให้พ้นทางให้ได้!
เซรินก็เดินตามท่านนายกฯ ไป ทาคุยะมองเซรินอย่างงงๆ เขาจำได้ว่าผู้หญิงคนนี้เคยเป็นเลขาของท่านนายกฯ อากิโอะนี่นา แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่!?
ประตูห้องปิดลง บอดี้การ์ดก็ก้าวไปยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องเหมือนเคย ทาคุยะจึงเดินจากไป เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ
ภายในห้อง อากิโอะนั่งลงที่เก้าอี้ เขาสั่งเซรินว่า “นโยบายของนายกฯ คนก่อน คุณช่วยตรวจดูทีว่านโยบายอันไหนที่ยังไม่ได้ทำ”
“ค่ะ” เซรินรับคำสั่งแล้วหยิบโน๊ตบุ๊คมาเปิดจากนั้นก็บอกว่า “การลดค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าแก๊สที่ให้ลดภาษี ยังไม่ผ่านค่ะ”
“อืม” อากิโอะพยักหน้ารับรู้ เขาก็รู้ข้อมูลมาบ้างว่านโยบายพวกนี้ถูก ‘ดอง’ เอาไว้ ส่วนการซื้อเครื่องบินรบ เรือดำน้ำ ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพกลับถูกผลักดันให้ผ่านอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าในกระบวนการนี้คงมีคนได้ ‘กินนอกกินใน’ กันจนอิ่มหมีพีมัน แน่นอน คิดๆ แล้วน่าโมโหนักที่ภาษีของประชาชนกลับถูกนำไปใช้กับเรื่องที่ไม่จำเป็นเหล่านี้ ทำเขาอดด่าไม่ได้ “มันจะซื้อไปรบกับก็อตซิล่าเรอะ!”
“คะ?” เซรินทำหน้างงๆ อากิโอะจึงบอก “ก็ซื้อเครื่องบินรบ เรือดำน้ำ ยุทโธปกรณ์ของกองทัพไง ทีเรื่องไม่จำเป็นพวกนี้เสือกเร่งให้ผ่าน มันจะซื้อไปรบกับก็อตซิล่ามั้ง”
“คริๆ…” เซรินอดหัวเราะไม่ได้ “นั่นซิ สงสัยกองทัพจะซื้อไปไว้รบกับก็อตซิล่าค่ะ”
“หึ! พวกนั้นคงกินนอกกินในกันจนตัวอ้วนเลยซิ” อากิโอะบ่นอย่างโมโห “ผมตายไปแค่ 3 เดือนกว่า พวกนั้นก็รีบเร่งให้อนุมัติกันเลยเชียว”
เซรินได้ยินไม่ค่อยชัดจึงถาม “คุณว่าอะไรนะคะ?”
อากิโอะดึงสติกลับมาแล้วบอกว่า “ก็หลังจากนายกฯ อากิโอะตายไง พวกนั้นก็รีบให้อนุมัติการซื้อของพวกนั้นทันทีเลย น่าโมโหนัก!”
“ก็คุณเป็นคนเซ็นอนุมัติไม่ใช่เหรอ?” เซรินย้อนถาม อากิโอะชะงักไป “ก็ใช่ แต่ถ้าเป็นนายกฯ อากิโอะ ผมว่าเขาคงไม่ยอมอนุมัติแน่นอน”
“ใช่ ถ้าเป็นคุณอากิโอะต้องไม่ยอมอนุมัติแน่ๆ” เซรินพยักหน้าเห็นด้วย อากิโอะจึงหยิบมือถือมาแล้วพิมพ์ข้อความสั่ง ‘คุณไปตรวจสอบหน่อยว่ามีใครได้ผลประโยชน์จากการซื้อของพวกนั้นบ้าง’
ติ๊ง! เสียงไลน์ดังขึ้น เซรินหยิบมือถือมาดู เห็นว่าเป็นข้อความจากท่านนายกฯ จึงเปิดอ่านอย่างงงๆ หลังจากอ่านแล้วเธอก็มองหน้าท่านนายกฯ อย่างงงๆ อากิโอะจึงพิมพ์ข้อความบอกว่า ‘ที่นี่มีกล้องอยู่’
ติ๊ง! เสียงไลน์ดังอีก เซรินมองข้อความที่ขึ้นมา เธอจึงพิมพ์ตอบ ‘ค่ะ จะตรวจสอบให้’
อากิโอะยกนิ้วโป้งให้ เซรินยิ้มรับ แล้วเธอก็จิ้มๆ คีย์บอร์ด อากิโอะก็เอาโน๊ตบุ๊คของเขามาวางแล้วเริ่มทำงานเช่นกัน เขาจะต้องผลักดันนโยบายที่เขาเคยเสนอไว้ให้ผ่านให้ได้ นโยบายเหล่านั้นเป็นประโยชน์กับประชาชนแต่กลับถูก ‘ดอง’ เอาไว้ซะนี่ ทำเขาโมโหมากจริงๆ ขนาดนโยบายติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ผลิตไฟฟ้า ลดค่าไฟตามบ้านเรือนก็ยังไม่ค่อยคืบหน้าเท่าไหร่ เขานึกขอบคุณเทพเจ้าที่ช่วยให้เขากลับมาอยู่ในร่างของซึบาสะ เขาจะใช้ตำแหน่งของซึบาสะแก้ไขเรื่องต่างๆ ผลักดันให้นโยบายที่เขาวางเอาไว้เป็นจริงให้ได้!
ซึบาสะไม่มีอะไรจะทำจึงออกไป ‘เดินเล่น’ เขาเห็นคนนั้นคนนี้เดินไปเดินมา บางคนกำลังคุยกันอยู่ เขาก็ยืนฟัง ไม่มีใครมองเห็นเขาก็ดีไปอย่าง ทำให้เขาได้ฟังความคิดเห็นของคนอื่นอย่างเต็มที่ ส่วนใหญ่แล้วคนพวกนั้นไม่ชอบเขาเลย ต่อหน้าพูดดี แต่ลับหลังกลับพูดจาดูถูกดูแคลนเขา เขาฟังแล้วรู้สึกโมโหจนอยากจะต่อยคนขึ้นมา เขาต่อยไปทีนึง แต่กำปั้นเขาทะลุร่างของคนๆ นั้นไป เขาทำอะไรคนเหล่านั้นไม่ได้เลย น่าโมโหมาก! ฮึ่ม!
ซึบาสะฟังคำพูดของคนอื่นแล้วจำเอาไว้ เพราะบางเรื่องที่เขาได้ยินก็เป็นประโยชน์ต่ออากิโอะไม่น้อยเหมือนกัน อย่างเช่นเรื่องลับๆ ของคนพวกนั้นที่สามารถให้อากิโอะเอาไปใช้ข่มขู่คนพวกนั้นได้ ฮี่ๆๆๆ…
ซึบาสะตระเวนฟังคนอื่นคุยกันจนรู้สึกว่าเวลาผ่านไปนานมาก เขาจึงกลับไปหาอากิโอะ เห็นอากิโอะกับเซรินกำลังตั้งหน้าตั้งตาจิ้มๆ โน๊ตบุ๊คกันอยู่ เขามองถ้วยกาแฟที่เหลือแต่ถ้วยเปล่าๆ มีคราบกาแฟแห้งกรังติดก้นแก้ว แสดงว่ากาแฟแก้วนี้ถูกวางทิ้งไว้นานแล้ว เขามองอากิโอะที่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานจนลืมเวลา จึงเตือนว่า “คุณต้องทานข้าวให้ตรงเวลานะ ไม่งั้นจะปวดท้อง”
“อ่ะ” อากิโอะสะดุ้ง เขาหันไปมองซึบาสะที่กลับมาอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เห็นซึบาสะมองด้วยความเป็นห่วงจึงบอกเสียงเบาว่า “ขอโทษที ทำงานเพลินไปหน่อยเลยลืมน่ะ”
เขาหันไปมองเซรินที่ทำงานเพลินเหมือนกันจึงเรียกเธอ “คุณเซริน นี่เกือบบ่าย 2 แล้ว ไปทานข้าวก่อนเถอะ”
“คะ?” เซรินสะดุ้งเงยหน้ามอง เธอเหลือบมองนาฬิกาแล้วอึ้งไป “โอ้! จะบ่าย 2 แล้วเหรอ?”
“ไปเถอะ ไปทานข้าวก่อน” อากิโอะบอกแล้วปิดโน๊ตบุ๊ค จากนั้นเขาก็ยกหูโทรศัพท์โทรสั่งอาหาร เขามองเซรินแล้วถามว่า “คุณจะทานอะไร?”
“ข้าวหน้าหมูทอดล่ะกัน” เซรินบอก อากิโอะยิ้มบางๆ พึมพำว่า “ไม่เปลี่ยนเลย”
ใช่ เซรินชอบกินข้าวหน้าหมูทอดเป็นประจำ ดังนั้นเมนูนี้จึงกลายเป็นเมนูที่เขาหรือไม่ก็เธอสั่งบ่อยๆ เมื่อก่อนนี้
หลังจากสั่งอาหารแล้วเขาก็วางหูโทรศัพท์ เซรินปิดโน๊ตบุ๊คแล้วลุกขึ้นบิดขี้เกียจ จากนั้นเธอก็เดินไปที่ห้องรับประทานอาหารข้างๆ ห้องทำงาน พนักงานก็ยกน้ำชาไปเสิร์ฟ อากิโอะลุกตามไป เขานั่งลงตรงข้ามเธอ พนักงานเสิร์ฟชาแล้ววางยาลดกรดให้ท่านนายกฯ “ยาลดกรดค่ะท่าน”
“อ่อ ขอบคุณมาก” อากิโอะหยิบยาลดกรดมากินแล้วดื่มน้ำตาม เซรินมองดูเงียบๆ เก็บข้อมูลเกี่ยวกับเจ้านายใหม่เอาไว้ เธอรู้สึกว่าเขาดูคุ้นตาพิกล ความคุ้นตานี้คล้ายกับเจ้านายเก่ามาก ไม่ใช่รูปร่างหน้าตา แต่เป็นท่าทางของเขาที่มีอะไรหลายๆ อย่างคล้ายกับอากิโอะคนนั้น
“ข้าวหน้าหมูทอดค่ะ” พนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟ เซรินมองท่านนายกฯ อากิโอะจึงบอก “ของคุณเซรินน่ะ”
“อ่อ ค่ะ” พนักงานจึงวางข้าวหน้าหมูทอดตรงหน้าเซริน เซรินพูด “ขอบคุณค่ะ”
พนักงานยิ้มแล้วถอยออกไป จากนั้นก็ยกอาหารไปเสิร์ฟอีก “อูด้งเทมปุระค่ะ”
อากิโอะชี้ตรงหน้าตัวเอง พนักงานจึงวางชามตรงหน้าท่านนายกฯ อากิโอะบอก “ขอบคุณครับ”
พนักงานยิ้มแล้วถอยออกไป ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกเหมือนเห็นท่านนายกฯ คนก่อนนั่งทานข้าวร่วมกับคุณเลขา มันเป็นภาพที่เธอบอกไม่ถูกว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น ทั้งๆ ที่คนที่นั่งอยู่คือท่านนายกฯ ซึบาสะแท้ๆ แม้ว่าคุณเลขาจะเป็นคุณเลขาเซรินก็เถอะ หรือว่าเป็นเพราะคุณเลขาเซรินเลยทำให้เธอรู้สึกอย่างนั้นเหรอ?
อากิโอะหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วคีบเทมปุระทาน เซรินมองท่าทางของท่านนายกฯ ที่ดูคุ้นตามาก ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ซึบาสะ แต่เป็นอากิโอะ แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอก เธอคงคิดถึงเจ้านายเก่ามากเกินไปแน่ๆ เลยเห็นว่าใครๆ ก็คล้ายเขาไปหมดแบบนี้
เธอรีบทานข้าว พยายามไม่คิดมาก จู่ๆ ท่านนายกฯ ก็ยื่นตะเกียบมาคีบกะหล่ำปลีหั่นฝอยในจานของเธอไปทาน ทำเธออึ้งงันไป “คุณ!?”
“ก็คุณไม่ทานนี่ ผมเลยทานแทนไง” อากิโอะบอก เซรินจ้องท่านนายกฯ “คุณรู้ได้ไงว่าฉันไม่ทานกะหล่ำปลีดิบ?”
อากิโอะชะงักไป เขาเผลอไปซินะ เขาจึงบอกว่า “ผมได้ยินพนักงานคุยกันน่ะเลยรู้ แล้วผมก็เสียดายของก็เลยคีบมาทาน คุณคงไม่โกรธนะ”
“อ่อ” เซรินไม่ติดใจอะไร พวกพนักงานรู้ว่าเธอไม่ทานกะหล่ำปลีดิบจริงๆ นั่นแหละ ดังนั้นทุกครั้งที่ในจานของเธอมีกะหล่ำปลีดิบทีไร อากิโอะก็จะเป็นคนทานแทนเธอ เขาก็ให้เหตุผลว่า ‘เสียดายของ’ แบบนี้เหมือนกัน
อากิโอะยกชามขึ้นซดน้ำซุป ซ่อนแววตามีพิรุธเอาไว้ จะให้เธอรู้ไม่ได้ว่าเขาคืออากิโอะ ไม่งั้นเธอได้เสียใจอีกรอบแน่ เขาเห็นภาพเธอในงานศพของเขา ใบหน้าเธอดูไม่ดีเอาซะเลย ร้องไห้ซะจนตาบวมช้ำขนาดนั้น เธอคงเสียใจมากแน่ๆ
หลังจากทานมื้อกลางวันแล้วอากิโอะกับเซรินก็กลับไปนั่งทำงานกันต่อ ซึบาสะก็เตร็ดเตร่ไปรอบๆ ทำเนียบรัฐบาล ฟังคนคุยกันไปเรื่อยๆ อย่างน้อยเป็นวิญญาณก็ควรจะทำตัวให้มีประโยชน์ซิ
จนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน คนอื่นๆ ก็ทยอยกันกลับบ้านไปเกือบหมด แต่อากิโอะกับเซรินยังคงนั่งทำงานกันเพลินจนลืมเวลาอีกครั้ง ซึบาสะจึงเป็นคนไปเตือนอากิโอะ “นี่คุณ ได้เวลาเลิกงานแล้ว”
“อ่ะ” อากิโอะสะดุ้ง เขามองนาฬิกา เห็นว่า 6 โมงกว่าแล้ว เขาทำงานจนเลยเวลาเลิกงานไปตั้งชั่วโมงกว่าเชียว เขาจึงบอกเซรินว่า “คุณเซริน ได้เวลาเลิกงานแล้วครับ”
“คะ?” เซรินสะดุ้ง เธอเงยหน้ามองนาฬิกา “โอ้! 6 โมงกว่าแล้วเหรอ?”
“กลับกันเถอะคุณ” อากิโอะชวน เซรินพยักหน้า “ค่ะ”
แล้วเธอก็ปิดโน้ตบุ๊ค อากิโอะก็ปิดโน๊ตบุ๊คเหมือนกัน เขาเก็บโน๊ตบุ๊คใส่กระเป๋าแล้วถือไป เซรินก็หิ้วกระเป๋าโน๊ตบุ๊คของตัวเองเดินตามท่านนายกฯ ไป
เมื่อกลับไปถึงบ้านพัก อากิโอะก็ขึ้นห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เซรินก็เข้าห้องไปอาบน้ำเช่นกัน
หลังจากอาบน้ำแล้ว อากิโอะกำลังจะชวนเซรินไปทานอาหาร จู่ๆ บอดี้การ์ดก็รายงานว่า “ท่านประธานมาครับ”
อากิโอะจึงเดินลงไปข้างล่างทันที เห็นยามาโตะนั่งอยู่ที่โซฟา เขาจึงทักทายตามมารยาทว่า “สวัสดีคุณยามาโตะ ไม่ทราบว่ามาหาผมมีธุระอะไรรึ?”
“ก็มาทานข้าวด้วยเหมือนเคยไง” ยามาโตะบอก อากิโอะทำหน้าเซ็ง พลางบอกว่า “เผอิญผมไม่ว่าง คราวหน้าคุณจะมาก็กรุณานัดก่อนนะครับ ขอตัว”
“กล้าปฏิเสธผมเหรอ?” ยามาโตะถามน้ำเสียงเย็นเยียบ อากิโอะมองด้วยสายตาเรียบเฉย “ทำไมจะไม่กล้าล่ะ คุณมาโดยไม่ได้นัดหมาย ผมไม่ได้เชิญคุณมาซะหน่อย ผมไม่ว่างผมก็บอก เชิญคุณกลับไปเถอะ”
“อ่อ เดี๋ยวนี้ทำปีกกล้าขาแข็งงั้นเหรอ? ไม่ห่วงแล้วซินะว่าแม่กับยายของคุณจะเป็นยังไง?” ยามาโตะเอ่ยอย่างถือไพ่เหนือกว่า อากิโอะขบกรามกรอด “ฮึ่ม!”
ใช่ เขาลืมไปเลยว่าซึบาสะมีแม่กับยายอยู่ เห็นทีเขาคงต้องยอมทนทานข้าวกับ ‘ไอ้โรคจิต’ นี่อีกมื้อนึง หลังจากนี้จะไม่มีอีกแล้ว!
เพราะเขาจะพาแม่กับยายของซึบาสะไปซ่อนไว้ซะ จะได้ไม่ต้องถูกยามาโตะเอามาข่มขู่แบบนี้!
“คุณอากิโอะ ผมขอร้องล่ะ” ซึบาสะที่อยู่ข้างๆ พูดด้วยสีหน้าอ้อนวอน เขากลัวว่าคุณแม่กับคุณยายจะเป็นอะไรไป เขารู้ดีคนอย่างยามาโตะทำได้ทุกอย่างเพื่อบีบบังคับเขา
“ได้! เชิญ” อากิโอะผายมือ ยามาโตะยิ้มอย่างเหนือกว่า เขาเดินไปหาซึบาสะแล้วจับข้อมือจูงไปที่ห้องทานอาหาร อากิโอะดึงมือออก “ปล่อย!”
“คราวก่อนคุณทำผมเจ็บ ผมยังไม่ได้ลงโทษเลย” ยามาโตะบอกน้ำเสียงเย้าแหย่ อากิโอะกัดฟันกรอดๆ “ฮึ่ม!”
เขาอยากจะตั้นหน้า ‘ไอ้โรคจิต’ นี่ซักหลายๆ ที เขาหันไปมองพวกบอดี้การ์ดที่ทำเหมือนเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ซะงั้น ไอ้พวกนี้ก็น่าเตะออกไปให้หมดจริงๆ! ฮึ่ม!
“อุ้ยตาย!”
เสียงอุทานดังลั่น ทำให้ยามาโตะหันไปมอง เขาเห็นเซริน ไอริ คนนั้นเดินลงมาจากบันได เซรินมองยามาโตะกับซึบาสะแล้วทำหน้าตาสอดรู้สอดเห็นขึ้นมาทันที “คุณ 2 คน…?”
“เอายัยนี่ออกไปซะ!” ยามาโตะสั่ง พวกบอดี้การ์ดรับคำ “ครับท่าน”
เซรินรีบหยิบมือถือขึ้นมาไลฟ์สดทันที “อุ้ยตาย ทุกท่านคะ ฉันได้เจอท่านประธานยามาโตะ โทมิด้วยค่ะ”
พวกบอดี้การ์ดชะงักไป ยามาโตะรีบปล่อยมือซึบาสะทันทีแล้วปั้นสีหน้ายิ้มแย้ม พูดใส่กล้องว่า “สวัสดีครับ”
ส่วนในใจเขานั้นอยากจะจับยัยเลขาจอมเสือกนี่ถ่วงน้ำแล้ว!
เซรินรีบถือกล้องไปหาซึบาสะแล้วแทรกกลางระหว่างซึบาสะกับยามาโตะ พลางพูดกับกล้องที่กำลังไลฟ์สดว่า “ทุกท่านดูซิคะ วันทำงานวันแรกของฉัน ก็ได้เจอคนดังระดับประเทศตั้งหลายคนเชียวคะ”
“เอ่อ ผมขอตัวก่อนนะครับ” ยามาโตะบอกพลางยิ้มทรงเสน่ห์กับกล้อง เซรินรีบพูด “น่าเสียดายจังค่ะที่ท่านประธานยามาโตะต้องรีบกลับซะแล้ว ถ้างั้นวันนี้เรามาดูกันนะคะว่าอาหารของท่านนายกฯ มีอะไรบ้าง มาค่ะ ตามฉันมาเลยค่ะทุกท่าน”
เธอบอกแล้วเดินไปทางห้องทานอาหาร พลางร้องเรียก “ท่านนายกฯ คะ มาช่วยแนะนำอาหารของท่านหน่อยซิคะ ท่านรู้ไหมคะว่าท่านเป็นขวัญใจของสาวๆ ที่กำลังดูอยู่เลยนะคะ”
“เอ่อ…ครับๆ” อากิโอะตอบพลางเดินไปหาเซริน ยามาโตะแอบขบกรามกรอดๆ แล้วเดินไปที่รถอย่างหัวเสียสุดๆ “ฮึ่ม!”
อากิโอะก็ร่วมไลฟ์สดแนะนำเมนูอาหารที่จะทานมื้อเย็น เซรินก็ส่งเสียงอยู่ข้างๆ จนกระทั่งท่านนายกฯ แนะนำอาหารจนครบทุกอย่างแล้ว เซรินก็บอกว่า “ขอจบการไลฟ์สดไว้เท่านี้นะคะ แล้วคราวหน้ามีอะไรเด็ดๆ ฉันจะไลฟ์สดใหม่อีกครั้งค่ะ”
เธอปิดกล้องแล้วกระซิบถามว่า “นี่มันเรื่องอะไรกันคะ? ทำไมคุณกับยามาโตะถึงได้ดูเหมือนคู่รักทะเลาะกันงั้นแหละ?”
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน” อากิโอะบอก แล้วเขาก็ยกมือถือขึ้นมา ทำทีโทรออก จากนั้นก็ถามว่า “คุณแม่กับคุณยายคุณอยู่ที่ไหน?”
“อยู่อินาริ” ซึบาสะบอก อากิโอะจึงบอก “งั้นไปอินาริเดี๋ยวนี้เลย”
“อื้ม” ซึบาสะพยักหน้า อากิโอะเก็บมือถือแล้วเดินไปที่รถ เขาเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งหลังพวกมาลัยทันที ซึบาสะก็เข้าไปนั่งตรงเบาะข้างๆ พวกบอดี้การ์ดตกตะลึงตาค้าง “อ่ะ! ท่านนายกฯ จะไปไหนครับ!?”
“ท่านนายกฯ!?” เซรินก็ตกใจ เธอรีบตามไป แต่อากิโอะก็สตาร์ทรถแล้วขับออกไปไวมาก พวกบอดี้การ์ดตกตะลึงกันไปหมด “ท่าน!”