ตอนที่ 1039
ข้ามีหลักฐาน
จากผู้ฝึกตนอสูรทั้งแปดนั้น มีอยู่สามคนที่เป็นหญิงสาว พวกนางมีความงดงามและมีเสน่ห์อย่างถึงที่สุด จนดูเหมือนว่าน่าจะเป็นผู้ฝึกตนอสูรหญิงสาวที่งดงามมากที่สุด ถึงแม้ว่าในตอนนี้จะมีสีหน้าที่บิดเบี้ยวจนดูน่ากลัวอยู่บ้าง แต่พวกนางก็ยังคงน่าดูและงดงามเป็นอย่างยิ่ง
ถึงแม้ว่าพวกนางทั้งหมดจะมีส่วนหนึ่งของร่างกายที่เห็นได้ชัดว่าเป็นอสูรทะเล แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความงดงามของพวกนางจะลดน้อยลงไปแม้แต่น้อย
ผู้ฝึกตนอสูรที่เป็นบุรุษต่างก็มีหน้าตาที่หล่อเหลาเช่นเดียวกันทั้งหมด
ในตอนนี้ผู้ฝึกตนอสูรทั้งแปดเหล่านี้ ต่างก็เข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าวแล้ว
ดวงตาเขาสาดประกายขึ้น ขณะที่โบกสะบัดมือขวาออกไป ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังกึกก้องออกมา ขณะที่เวทกลืนภูเขาได้ปรากฏตัวขึ้นมาในรูปแบบของภูเขาที่เรียงรายต่อเนื่องกัน บดขยี้ลงไปยังผู้ฝึกตนที่ใกล้เข้ามา
ผู้ฝึกตนอสูรทั้งแปดได้เตรียมพร้อมรับมือไว้แล้ว เกิดเป็นเสียงกระหึ่มขึ้น ขณะที่พวกมันขยับมือร่ายเวท ทำให้ปราณเซียนพุ่งออกไป แต่ละคนอยู่ในอาณาจักรเซียนทั้งหมด แต่ก็ไม่มีใครในพวกมันที่เป็นเซียนแท้ ทั้งหมดต่างก็เป็นเซียนเทียม ต่อสู้กลับมายังภูเขาเหล่านั้นด้วยความสามารถศักดิ์สิทธิ์และวิชาเวท รวมทั้งภาพแห่งธรรมของพวกมันด้วย
เสียงระเบิดดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง ผู้ฝึกตนอสูรเหล่านี้ต่างก็อยู่ในขั้นสูงสุดของอาณาจักรเซียน พร้อมกับเสียงแค่นอย่างเย็นชาขณะที่พวกมันต่อสู้กลับไปยังเวทกลืนภูเขา ทำให้ภูเขาพังทลายลงไป ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังได้สร้างเป็นค่ายกลเวทขึ้นมา ทำการสับเปลี่ยนตำแหน่งและเพิ่มพลังความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของแต่ละคนขึ้น ในชั่วพริบตาภูเขาทั้งหมดของเวทกลืนภูเขาก็พังทลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไป
ผู้ฝึกตนอสูรทั้งแปดพุ่งตรงไปอย่างต่อเนื่อง โดยมีหญิงสาวที่งดงามซึ่งไม่ค่อยมีเกล็ดตามตัวมากนัก และดูแทบจะคล้ายกับเป็นผู้ฝึกตนธรรมดาทั่วไปเป็นผู้นำ สิ่งที่แตกต่างไปก็คือว่านางยืนอยู่ที่ด้านในของเปลือกหอยขนาดใหญ่ ซึ่งมีขนาดที่ใหญ่โตกว่าร่างของนางเองมากนัก
นางเคลื่อนที่มาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ เข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าวพร้อมกับดวงตาที่แวบรังสีสังหารขึ้นมา ยกมือขึ้นเผยให้เห็นเป็นไข่มุกที่งดงาม กระจายแสงอันเจิดจ้าอย่างน่าตกใจออกมา
“สะกด!” นางกล่าวขึ้นด้วยสุ้มเสียงที่ไพเราะ แต่ก็ทำให้รอบๆ บริเวณนั้นเริ่มเย็นยะเยือกลงไปในทันที
แสงอันเจิดจ้าของไข่มุกกระจายพลังที่แปลกๆ ออกมา ราวกับว่ามันได้สะกดข่มให้เมิ่งฮ่าวต้องหยุดชะงักนิ่งไป
ดวงตาเขาสาดประกายขึ้นด้วยแสงแปลกๆ ขณะที่ยกมือขวาชี้ขึ้นไปในอากาศ
“อำนาจแห่งกรรม!” ทันใดนั้นแสงสีดำและขาวได้ปรากฏขึ้นบนมือของเขา และกลายเป็นเส้นใยที่พุ่งออกไป ในเวลาเดียวกันนั้นก็มีเส้นใยกรรมปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเขาด้วยเช่นกัน
แทบจะในทันทีที่เส้นใยกรรมปรากฏขึ้น เมิ่งฮ่าวก็ก้าวเท้าตรงไป ทันใดนั้นเขาก็ไปอยู่ที่เบื้องหน้าของผู้ฝึกตนอสูรสาวในเปลือกหอย สีหน้านางเปลี่ยนไปขณะที่มือของเมิ่งฮ่าวยื่นออกไปแตะสัมผัสโดนหน้าผากของนาง
นางมีสีหน้าที่สลดลง ขณะที่รู้สึกได้ถึงวิกฤตอันร้ายแรงที่พุ่งขึ้นมาในจิตใจ และเปลือกหอยก็ปิดลงอย่างรวดเร็วเพื่อปกป้องนางไว้
แต่เมิ่งฮ่าวก็แค่นเสียงอย่างเย็นชา ทำให้จิตใจและพื้นฐานฝึกตนของนางต้องสั่นสะท้านตกอยู่ในความปั่นป่วน เปลือกหอยหยุดชะงักนิ่ง
และดรรชนีของเมิ่งฮ่าวก็พุ่งเข้าไปในเปลือกหอยราวกับเป็นสายฟ้า ตกลงไปบนหน้าผากของผู้ฝึกตนอสูรสาวโดยตรง
เป็นการแตะสัมผัสที่แผ่วเบา แต่ก็เพียงพอที่จะผูกมัดเส้นใยกรรมของนางไว้ เขายกมือขึ้นไปและผูกเส้นใยกรรมไว้อย่างแน่นหนาจนกลายเป็นปม เพื่อเชื่อมต่อคนทั้งสองเข้าด้วยกัน ซึ่งบุคคลภายนอกไม่อาจจะมองเห็นได้ ต่อมาปมนั้นได้กลายเป็นแสงอันเจิดจ้ามาอยู่บนฝ่ามือของเขา ซึ่งจากนั้นก็กลายเป็นตั๋วสัญญาไป
ร่างกายของผู้ฝึกตนอสูรสาวสั่นสะท้าน และรู้สึกราวกับว่ามีบางสิ่งที่อยู่ภายในร่างนางถูกนำออกไปโดยที่นางไม่ยินยอมพร้อมใจ นางพยายามจะล่าถอยออกไป แต่เพียงแค่เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดมือในชั่วพริบตาเท่านั้น ก็ทำให้เกิดเป็นสายลมกวาดผ่านร่างนางไปจนไม่อาจจะควบควมตัวเองได้ นางก็ถูกเมิ่งฮ่าวคว้าจับไว้ ทำการปิดผนึกและจับใส่ลงไปในถุงสมบัติ
“มันได้ผล!” เมิ่งฮ่าวคิด ถอยไปทางด้านหลังและใช้เวลาชั่วขณะทำการตรวจสอบผู้ฝึกตนอสูรที่เพิ่งจะจับตัวไว้ได้ ดวงตาเริ่มสาดประกายเจิดจ้ามากขึ้น
“ผู้ฝึกตนอสูรก็ไม่เลว ข้าสามารถนำพวกมันไปขายเป็นสัตว์เลี้ยงหรือไม่ก็พาหนะ อะไรก็ได้ตามที่ผู้คนสนใจจะซื้อ!”
“ร่างกายของพวกมันเป็นสิ่งล้ำค่า ข้าสามารถจะแยกส่วนมันออกมาได้ถ้าต้องการ และกลั่นสกัดให้กลายเป็นเม็ดยาปราณโลหิต และเปลือกหอยนั่นก็มีจิตอสูรอยู่ด้วยเช่นกัน!!”
“ไม่เลว ไม่เลว นี่ต้องดีกว่าอาหารทะเลทั้งหมดจากเทียนเหอไห่ (ทะเลเทียนเหอ) อย่างแน่นอน” เมิ่งฮ่าวมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง เท่าที่เขาคิด ถ้าผู้ฝึกตนอสูรมองเขาเป็นศัตรู เขาก็จะปฏิบัติต่อพวกมันในฐานะที่เป็นอาหารทะเลด้วยเช่นกัน ทันใดนั้นเขารู้สึกเสียใจอย่างมากมาย
“บัดซบ เมื่อครู่นี้ข้าไม่ควรจะสังหารมันไปเลย!”
ในขณะที่เกิดความรู้สึกเจ็บปวดใจ ร่างกายก็แวบขึ้นไปปรากฏอยู่ที่เบื้องหน้าของผู้ฝึกตนอสูรอีกคน ในครั้งนี้เป็นบุรุษที่หลังของมันได้ยื่นออกไปจนแทบจะดูคล้ายกับเป็นโหนกของอูฐ ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่ แต่เป็นกระดองเต่า อย่างน่าตกใจยิ่ง ผู้ฝึกตนอสูรนี้เหมือนกับเป็นเต่าที่ได้ทำการฝึกตนมา!
“ข้าเกลียดเต่าบัดซบทั้งหมด!” เมิ่งฮ่าวพึมพำ สีหน้าของผู้ฝึกตนอสูรผู้นั้นสลดลง และเมิ่งฮ่าวก็ยื่นมือขวาออกไป อำนาจแห่งกรรมปรากฏขึ้นอีกครั้ง ตามมาด้วยเสียงกระหึ่มดังกึกก้อง ขณะที่เขาทำการผูกมัดโชคชะตา ผู้ฝึกตนอสูรสั่นสะท้านขึ้นและพยายามจะหลบหนีจากไป แต่เมิ่งฮ่าวก็ทำให้หัตถ์ยักษ์ปรากฏขึ้นในทันที และคว้าจับตรงไปยังร่างมัน
เวทปลิดดาวโคจรหมุนวน ขณะที่เขาจับตัวบุรุษผู้นั้น ผนึกร่างมันไว้ และโยนมันเข้าไปในถุงสมบัติ
เมิ่งฮ่าวเคลื่อนที่ไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ กระทำตามรูปแบบเดิม ภายในช่วงเวลาสั้นๆ เขาก็จับตัวผู้ฝึกตนอสูรได้ถึงสี่คน!
ภาพนี้ทำให้ศิษย์ที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น ต้องจองมองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้างขึ้น
“มันกำลังทำอะไรอยู่?”
“ข้านึกขึ้นได้แล้ว เมิ่งฮ่าวผู้นี้มีงานอดิเรกที่แปลกๆ อยู่อย่างหนึ่งคือ บังคับให้ผู้คนเขียนตั๋วสัญญา มันยังได้สร้างเป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถ…บังคับให้ผู้คนต้องถูกผูกติดกรรมอยู่กับมันอีกด้วย!!”
“มันเพิ่งจะจับตัวจินซือตี้ (ศิษย์น้องจิน) และสุ่ยซือเม่ย (ศิษย์น้องหญิงสุ่ย) ไป!”
สำหรับผู้ฝึกตนอสูร เมื่อพวกมันมองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ พวกมันก็ยิ่งมีโทสะมากขึ้น เสียงแผดร้องด้วยความเดือดดาลได้ยินมา
ขณะที่พวกมันพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวอีกสิบกว่าคน
เห็นได้ชัดว่า การกระทำของเมิ่งฮ่าวได้ไปกระตุ้นให้ผู้ฝึกตนอสูรทั้งหมดต้องมีโทสะขึ้น หลังจากที่สิบกว่าคนนั้นพุ่งเข้าไป ก็มีคนติดตามมาอีกนับร้อย พวกมันทั้งหมดบินขึ้นไปในอากาศพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว
ดวงตาของผู้อาวุโสไห่เซิ่งกลายเป็นสีแดงเจิดจ้า ราวกับว่าได้เกิดเป็นความเกลียดชังใหม่ขึ้นมา กำลังทับถมลงไปยังความเกลียดชังเดิม มันกัดฟันแน่นกำลังจะโจมตีไป แต่ทันใดนั้นเอง ก็ต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่และรักษาความสงบเยือกเย็นไว้
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้โจมตีไป แต่ผู้ฝึกตนอสูรนับร้อยกำลังโจมตีไปอยู่ แม้ว่าพวกมันทั้งหมดจะเป็นเซียนเทียม แต่เมื่อมีผู้คนนับร้อยโจมตีไปในเวลาเดียวกัน ทำให้แม้แต่ผู้ฝึกตนอาณาจักรโบราณก็ยังต้องหลบเลี่ยงจากการโจมตีนั้น พลังพุ่งขึ้นไป วิชาเวทอันน่าตกใจถูกปลดปล่อยออกมา และรังสีสังหารก็เต็มอยู่ในบริเวณนั้น
เมิ่งฮ่าวอาจจะแข็งแกร่ง แต่เมื่อมองเห็นภาพเหล่านี้ก็ทำให้หนังศีรษะต้องด้านชาขึ้นมา เขาคว้าจับผู้ฝึกตนอสูรคนที่ห้าไว้ และจากนั้นก็เริ่มถอยไปทางด้านหลัง บุรุษผู้นั้นดิ้นรนไปมาและส่งเสียงแผดร้องออกมา แต่เมิ่งฮ่าวรีบผนึกมันไว้อย่างรวดเร็วและล่าถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง
ตูม!
สถานที่ที่เขาเพิ่งจะยืนอยู่เมื่อครู่นี้แตกกระจายไป ระลอกคลื่นกระจายออกมา และผู้ฝึกตนอสูรนับร้อยต่างก็ไล่ติดตามเมิ่งฮ่าวไปอย่างต่อเนื่อง พร้อมด้วยการโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
“ทำไมเฒ่าชราบัดซบจากอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า ถึงยังไม่ปรากฏตัวออกมาอีก!?”
เมิ่งฮ่าวครุ่นคิด ถอยออกไปภายใต้การโจมตีมาของผู้ฝึกตนอสูรที่บ้าคลั่งนับร้อย แน่นอนว่าเฒ่าชราบัดซบเหล่านั้นกำลังเฝ้ามองดูเหตุการณ์นี้จากที่ด้านข้างอยู่ในตอนนี้
“ก่อนหน้านี้ข้าได้สังหารไปหนึ่งคน แต่พวกมันก็ยังคงไม่ปรากฏตัวขึ้น…”
เมิ่งฮ่าวคิดไปถอยหลังไปด้วย ในที่สุดก็แค่นเสียงอย่างเย็นชาออกมา
“อย่างไรก็ตามข้าก็เป็นผู้ที่มีเหตุผลกว่า ถ้ามีบางอย่างที่เลวร้ายเกิดขึ้นมาจริงๆ เฒ่าชราเหล่านั้นจะต้องเป็นผู้ที่รับผิดชอบ ถ้าเช่นนั้น…ข้าจะบังคับให้พวกมันปรากฏตัวขึ้นมาเอง!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น ยกมือขวาขึ้นมาปรากฏเป็นกระถางสายฟ้าอยู่ภายในมือ
เขาอาจจะหวาดกลัวต่อการร่วมมือกันโจมตีมาของผู้ฝึกตนอสูรทั้งหมด แต่ในความเป็นจริงแล้ว เมิ่งฮ่าวไม่ได้ตกใจที่ต้องมาต่อสู้กับศัตรูจำนวนมากเลยแม้แต่น้อย ตราบเท่าที่เขามีความระมัดระวังตัว การต่อสู้กับศัตรูจำนวนมากเช่นนี้ คือสนามรบที่ดีเยี่ยมสำหรับเขา
ประจุไฟฟ้าเต้นไปมา และเสียงกระหึ่มก็ดังก้องขึ้นขณะที่เมิ่งฮ่าวหายตัวไป เมื่อปรากฏกายขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็ไปอยู่ในท่ามกลางของกลุ่มผู้ฝึกตนอสูรทั้งหมด เขาได้สลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกับหนึ่งในพวกมัน ในตอนที่เขาปรากฏกายขึ้นมาโดยสมบูรณ์ และก่อนที่ใครจะทันมีปฏิกิริยาใดๆ เขาก็ยื่นมือผลักออกไปอย่างรุนแรง กรรมของผู้ฝึกตนอสูรที่ร่างกายครึ่งท่อนถูกปกคลุมด้วยเกล็ดก็ถูกผูกมัดไว้ และถูกจับตัวไป
ต่อมามองเห็นสายฟ้าแวบขึ้นอีกครั้ง และเมิ่งฮ่าวก็หายตัวไป ไปปรากฏตัวขึ้นในตำแหน่งอื่น ทำให้ผู้ฝึกตนอสูรต้องส่งเสียงแผดร้องด้วยความขุ่นเคืองออกมา เมิ่งฮ่าวเคลื่อนที่ไปราวกับเป็นมัจฉา ไม่มีทางที่จะตรึงเขาไว้ได้ ไม่ว่าผู้ฝึกตนอสูรจะพยายามโจมตีมาอย่างไรก็ตามที พวกมันไม่มีทางจะสามารถตรึงเมิ่งฮ่าวให้อยู่กับที่ได้
แน่นอนว่าภายใต้ความวุ่นวายทั้งหมดนี้ เมิ่งฮ่าวได้รับบาดเจ็บบ้างเล็กน้อย โลหิตไหลซึมออกมาจากปาก แต่ดวงตาก็ยังคงสาดประกายเจิดจ้าขึ้นเหมือนเช่นเคย เขามักจะใช้เวลาแค่แวบเดียว ก่อนที่จะจับกุมตัวของผู้ฝึกตนอสูรไปเป็นระยะ
สิบ, สิบห้า, ยี่สิบ…
เวลาผ่านไปไม่นานนัก ก่อนที่เมิ่งฮ่าวจะจับกุมผู้ฝึกตนอสูรได้มากกว่าสามสิบคน ในที่สุดก็มีใครบางคนที่ไม่อาจจะอดทนต่อสถานการณ์เช่นนี้ได้อีกต่อไป เสียงแค่นอย่างเย็นชาได้ดังก้องออกมาจากส่วนลึกที่สุดของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า
ตามมาด้วยแรงกดดันที่ทำให้สวรรค์ต้องสะท้านปฐพีต้องสะเทือน เป็นแรงกดดันที่ทำให้กฎธรรมชาติต้องเปลี่ยนไป และทำให้ทั่วทั้งทะเลที่เก้าต้องพลุ่งพล่านปั่นป่วนเต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มกึกก้อง
เมื่อเสียงนั้นดังก้องออกมา สีหน้าเมิ่งฮ่าวก็สลดลง แรงกดดันอันน่าตกใจนี้ได้กดทับลงมา กลายเป็นดรรชนียักษ์ปรากฏขึ้นอยู่ในกลางอากาศ จากนั้นก็ลอยต่ำลงมายังเมิ่งฮ่าว
กลิ่นอายของแก่นแท้ได้ม้วนตัวออกมาด้วยเช่นกัน
“อาณาจักรเต๋า!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวเบิกกว้างขึ้น เขาไม่มีทางจะต่อสู้กลับไปยังพลังอันน่ากลัวของอาณาจักรเต๋าได้อย่างแน่นอน แต่แทบจะในทันทีที่ดรรชนีนั้นปรากฏขึ้น เสียงกระแอมไอก็ดังก้องออกมา
ในที่สุดเหล่าเฒ่าชราจากอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า ก็ไม่อาจจะนั่งดูต่อไปได้อีก เสียงกระแอมไอนั้นดังก้องปกคลุมออกไปทั่วทุกสรรพสิ่ง จนกลายเป็นแรงกดดันอันยิ่งใหญ่ ป้องกันไม่ให้ผู้ฝึกตนอสูรทั้งหมดโจมตีไป
ชายชราผู้หนึ่งได้ปรากฏกายขึ้นในกลางอากาศ เดินตรงมาหนึ่งก้าว ก็ไปอยู่ที่เบื้องหน้าของดรรชนียักษ์ ซึ่งกำลังลอยลงมายังเมิ่งฮ่าว ชายชราโบกสะบัดมือออกไปแตะที่ดรรชนีนั้น
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกไปทั่วทุกทิศทาง ขณะที่มือและดรรชนีปะทะกัน ดรรชนีนั้นสั่นไปมาและจากนั้นก็จางหายไป ชายชราถอยโซเซไปทางด้านหลังสองสามก้าว ใบหน้าซีดขาวสลับกับสีแดงก่ำ ราวกับว่าปราณและโลหิตของมันกำลังตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย
“ศิษย์พี่อู๋ ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”
ชายชรากล่าวขึ้น เมิ่งฮ่าวจดจำมันได้ในทันที! นี่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นหลิงอวิ๋นจื่อ! ไม่ใช่มันเพียงคนเดียวที่มาปรากฏกายขึ้น ยังมีศิษย์ของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า เจ็ดถึงแปดคนติดตามมาด้วย รวมทั้งฝานตงเอ๋อร์
นางมองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาที่เย็นชา ภายในใจกำลังยินดีต่อคราเคราะห์ของเขา
ในทันทีที่หลิงอวิ๋นจื่อแสดงตัวขึ้น ศิษย์ทั้งหมดของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าต่างก็ประสานมือและโค้งตัวลง แม้แต่ผู้อาวุโสไห่เซิ่งในชุดดำก็ก้มศีรษะลงด้วยเช่นเดียวกัน
ในตอนนี้ เสียงอันเย็นชาและเก่าแก่โบราณได้ดังก้องออกมาในทั่วทุกทิศทาง เพื่อกล่าวตอบหลิงอวิ๋นจื่อ “มันสังหารหนึ่งในกลุ่มผู้ฝึกตนอสูรของข้า!”
“เมิ่งฮ่าวไม่ได้เป็นคนโจมตีไปก่อน”
หลิงอวิ๋นจื่อกล่าวตอบอย่างช้าๆ “จริงๆ แล้วมันได้หลบเลี่ยงอยู่ถึงสองครั้ง ศิษย์ในสำนักคนใดก็ตามที่โจมตีไปยังศิษย์หลัก ถือว่ามีความผิดอย่างร้ายแรงที่ไม่อาจจะให้อภัยได้ ถึงแม้ว่าพวกมันจะถูกสังหารไปในการถูกตอบโต้กลับมาก็ตามที ถ้ามันไม่ตายไป ก็จะถูกขับออกจากสำนักในทันที”
“ข้าไม่เห็นผู้ฝึกตนอสูรใดๆ ของข้าโจมตีไปก่อนเลย”
เสียงเก่าแก่โบราณนั้นกล่าวตอบมาด้วยความเย็นชา “ข้าเห็นแต่เด็กผู้นี้สังหารคนของข้า ยิ่งไปกว่านั้น มันยังได้จับตัวศิษย์ของกลุ่มผู้ฝึกตนอสูรของข้าไปสามสิบสามคนอีกด้วย มันยังไม่ยอมปล่อยคนออกมาอีกในตอนนี้?!”
ในครั้งนี้ เมิ่งฮ่าวไม่รอให้หลิงอวิ๋นจื่อกล่าวตอบ เขาไม่กังวลที่จะเป็นเหตุให้เกิดความวุ่นวายขึ้น
นอกจากนั้นเขาคือนายน้อยแห่งตระกูลฟาง และเป็นศิษย์ของสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ทั้งหมด ถ้าอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้ายอมปล่อยให้เรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้น จะทำให้เกิดเป็นความขัดแย้งอย่างใหญ่หลวงอยู่ภายในขุนเขาทะเลที่เก้า
ดังนั้นด้วยความเชื่อมั่นและกล้าหาญอย่างเต็มที่ ร่างเขาแวบขึ้นไปปรากฏตัวอยู่ที่ด้านข้างของหลิงอวิ๋นจื่อ จากนั้นก็ร้องตะโกนขึ้นมา “ไห่เซียน (อาหารทะเล) ทั้งสามสิบสามตัวเหล่านั้นต่างเป็นหนี้ข้า ติดหนี้ข้าเป็นหินลมปราณจำนวนมาก! พวกมันไม่อาจจะจ่ายคืนมาได้ทั้งหมด ดังนั้นพวกมันจึงต้องขายตัวเองให้กับข้าเพื่อชดใช้หนี้! ข้ามีหลักฐาน!!”
ขณะที่กล่าวออกมา เมิ่งฮ่าวก็ยกมือขึ้นไป ภายในนั้นเป็นตั๋วสัญญาปึกใหญ่ที่ก่อตัวขึ้นมาจากอำนาจแห่งกรรม
—————————————————————
หมายเหตุ :
海鲜 (ไห่เซียน = อาหารทะเล) พ้องเสียงกับ
海仙 (ไห่เซียน = เซียนทะเล) แต่ความหมายแตกต่างกัน