ตอนที่ 1038
ข้าสัญญาว่าจะไม่สังหารพวกเจ้า
ในช่วงเวลาที่จุดประกายหินเหล็กไฟ และถูกห้อมล้อมโดยกลุ่มฝูงชนของผู้ฝึกตนอสูร เขาได้สังหารศัตรูไปด้วยความแม่นยำและแน่วแน่เด็ดเดี่ยว!
ผู้ฝึกตนของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าซึ่งอยู่รอบๆ บริเวณนั้น เฝ้ามองไปด้วยความตกตะลึง และดวงตาของผู้ฝึกตนอสูรก็หรี่เล็กลง คนทั้งหมดต่างก็ประหลาดใจต่อการโจมตีราวเป็นสายฟ้าของเมิ่งฮ่าว
หลายปีนับไม่ถ้วนมานี้ ค่อนข้างจะหายากเป็นอย่างยิ่ง ที่ศิษย์ของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า จะถูกโจมตีและสังหารไปอยู่ภายในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าเอง แม้แต่ในช่วงของการก่อกบฏอันเนื่องมาจาก กรรมที่หลับใหลของตระกูลจี้ได้เปิดเผยตัวตนของพวกมันขึ้นมา ในท่ามกลางกองกำลังของสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ สิ่งที่พวกมันทำทั้งหมดก็คือก่อให้เกิดเป็นความสับสนวุ่นวายเท่านั้น
แต่สำหรับเมิ่งฮ่าว ถึงแม้ว่าโดยหลักการแล้วเขาจะเป็นศิษย์ของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า แต่ผู้ฝึกตนอื่นๆ ยังไม่ได้ยอมรับในเรื่องนี้ และที่สำคัญก็คือได้มองว่าเขาเป็นบุคคลภายนอก
เขาใช้วิธีการอันโหดเหี้ยมและโจมตีไปเพื่อทำการสังหาร จากนั้นก็แค่โบกสะบัดมือทำให้กลุ่มหมอกของโลหิตจางหายไป ทำให้ผู้ฝึกตนของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าต้องตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง
เมื่อเมิ่งฮ่าวหันหน้ามาและกล่าวขึ้น คำพูดของเขาได้ดังก้องเข้าไปในหูของคนทั้งหมดซึ่งอยู่ในที่แห่งนั้น ศิษย์ทุกคนทั้งผู้ฝึกตนอสูรและผู้ฝึกตนทั่วไป ได้ยินคำพูดนี้อย่างชัดเจน และรับรู้ได้ถึงความเย่อหยิ่งที่อยู่ภายในคำพูดเหล่านั้น
พวกมันได้ยินคำพูดที่ดูเหมือนจะต่อต้านกฎเกณฑ์ต่างๆ แม้แต่สวรรค์ก็ตามที ในตอนนี้คนทั้งหมดต่างก็รู้สึกประทับใจต่อเมิ่งฮ่าวอย่างลึกล้ำ
ในเวลาเดียวกันนั้น ก็มีเสียงที่ขุ่นเคืองดังก้องออกมาจากที่ห่างไกล
ดวงตาเมิ่งฮ่าวเย็นชาลง ขณะที่มองไปยังชายชราในชุดสีดำเข้ามาใกล้ มันก้าวเดินฝ่าอากาศมา เต็มไปด้วยโทสะ พื้นฐานฝึกตนพุ่งขึ้นมา อย่างน่าตกใจยิ่ง มองเห็นภาพลวงตาขนาดใหญ่อยู่ที่ด้านหลังของมัน
ภาพนั้นเป็นมังกรทะเลมีสีดำสนิท พร้อมกับกรงเล็บสี่ข้างที่แหลมคมราวใบมีด มีเคราที่ยาวเหยียด ลอยพลิ้วไปมาอยู่รอบๆ ศีรษะของมัน ทำให้ดูน่ากลัวมากเป็นพิเศษ ขณะที่จ้องมองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาที่เย็นชา สายลมอันรุนแรงพุ่งขึ้นมา สร้างความปั่นป่วนให้กับพลังแห่งฟ้าดินในที่แห่งนี้
สำหรับชายชรา เพียงมองไปแค่แวบแรก ก็ดูคล้ายกับเป็นผู้ฝึกตน ยกเว้นว่าบนหน้าผากของมันเป็นเกล็ดปลาสีดำ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเขาสองข้างสีดำงอกออกมาจากบนศีรษะของมันอีกด้วย กระจายแสงอันเจิดจ้าออกมา ทำให้ดูแข็งแกร่งอย่างน่ากลัว
“เจ้าคนพาลที่ป่าเถื่อน! บังอาจมาอวดดีอยู่ในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้านี้ได้อย่างไร!” มันกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เก่าแก่โบราณดังก้องราวกับเป็นเสียงฟ้าผ่า เสียงของมันกลายเป็นแรงกดดันอันเข้มข้น บดขยี้ลงมายังเมิ่งฮ่าว
ที่ยิ่งน่าตกใจมากไปกว่านั้นก็คือว่า ตะเกียงวิญญาณได้เริ่มหมุนวนไปมาอยู่รอบๆ ตัวมัน มีอยู่ห้าดวงที่ถูกดับลงไปแล้ว
“นั่นคือผู้อาวุโสไห่เซิ่ง!”
“ขอคารวะ ผู้อาวุโสไห่เซิ่ง!” การปรากฏกายขึ้นของชายชรา ทำให้ผู้ฝึกตนอสูรที่อยู่ในบริเวณนั้นทั้งหมดต้องแสดงความเคารพขึ้นมาในทันที ชายชราไม่สนใจพวกมัน แต่จ้องนิ่งมายังเมิ่งฮ่าว ขณะที่มันใกล้เข้ามารังสีสังหารก็หมุนวนไปมาอยู่รอบๆ ร่าง ความเกลียดชังของมันดูเหมือนจะไหลซึมออกมาจากภายในกระดูก ราวกับว่ามันไม่อาจจะรับได้ที่จะต้องมาอยู่ใต้ฟ้าเดียวกันกับเมิ่งฮ่าว
ขณะที่มันเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว ก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย ไม่สนใจผู้ฝึกตนอสูรที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น ยื่นมือขวาออกไปทำท่าเป็นกรงเล็บ มังกรทะเลที่อยู่ด้านหลังมันแผดร้องคำราม จากนั้นก็พุ่งผ่านร่างมันไป บินตรงมายังเมิ่งฮ่าวและจากนั้นก็ตวัดกรงเล็บมันลงมา
เป็นการโจมตีอันโหดร้ายที่เต็มไปด้วยความต้องการสังหาร เห็นได้ชัดว่ามันต้องการจะฉีกกระชากเขาออกเป็นชิ้นๆ
กรงเล็บนั้นดูเหมือนว่าจะประกอบไปด้วยกฎธรรมชิต ราวกับว่าพวกมันสามารถจะหยิบยืมเอาพลังของทะเลที่เก้ามาได้ จนกลายเป็นเครื่องหมายผนึกที่ทำให้ทุกสรรพสิ่งในบริเวณนั้นต้องสั่นสะเทือน พื้นทะเลสั่นไหวไปมา และระลอกคลื่นอันไร้ขอบเขตก็กระจายออกไป
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายความเย็นชาออกมา ขณะที่รับรู้ได้ถึงอันตรายที่เต็มอยู่ในจิตใจ อย่างน่าตกใจยิ่ง เขาได้กลายเป็นวิหคยักษ์สีทอง ส่งเสียงแผดร้องแหลมเล็กออกมา ขณะที่พุ่งตรงไปยังมังกรทะเล
ชั่วขณะต่อมา วิหคยักษ์และมังกรกระแทกเข้าหากัน และเสียงระเบิดขนาดใหญ่ก็ดังก้องออกไป
แค่ปะทะกันเพียงครั้งเดียว ก็ทำให้เมิ่งฮ่าวที่อยู่ในรูปแบบวิหคยักษ์สีทองต้องกระอักโลหิตออกมา เร่งความเร็วขึ้นเพื่อหลบเลี่ยงจากการตวัดเฉือนลงมาของกรงเล็บมังกรทะเล
ขณะที่เขาล่าถอยออกไป มังกรทะเลก็ม้วนกวาดหางอันทรงพลังของมันตรงไปยังเมิ่งฮ่าว อากาศเกิดเป็นระลอกคลื่นขึ้นอย่างรุนแรงขณะที่มันใกล้เข้ามา
ถ้าหางของมันกระแทกลงมาบนร่างเมิ่งฮ่าว ไม่ว่าเขาจะมีกายเนื้อเซียนแท้หรือไม่
ถ้าเขาไม่ถูกสังหารไป ก็คงต้องได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสเป็นอย่างน้อย นอกจากนี้นี่คือการโจมตีมาของผู้ฝึกตนอาณาจักรโบราณซึ่งมีตะเกียงที่ดับลงไปแล้วห้าดวง
ทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลาในการอธิบาย แต่เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาเพียงสั้นๆ เท่านั้น หางซึ่งเต็มไปด้วยพลังที่ระเบิดออกมา กำลังจะกระแทกเข้าไปบนร่างเมิ่งฮ่าว ทำให้ใบหน้าเขาต้องเคร่งเครียดขึ้น กลายร่างจากวิหคยักษ์สีทองกลับมาเป็นร่างมนุษย์เหมือนเดิม จากนั้นก็โบกสะบัดมือขวาขึ้นไป ทันใดนั้น เสียงหึ่งๆ ก็เต็มอยู่ในอากาศขณะที่กลุ่มด้วงสีดำห้าร้อยตัวปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า เขาใช้หลังของพวกมันก่อตัวเป็นเกราะป้องกันขนาดใหญ่
ตูมมมมมมม!
หางของมังกรทะเลได้กระแทกลงไปบนเกราะป้องกันกลุ่มด้วงสีดำ ซึ่งจากนั้นก็สั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรงและพังทลายลงไปกลายเป็นด้วงห้าร้อยตัวอีกครั้ง ถึงแม้ว่าพวกมันจะกระจายออกไปด้วยแรงระเบิดนั้น…แต่พลังของแรงระเบิดก็ถูกแยกออกไปในท่ามกลางกลุ่มด้วงสีดำ ทำให้ไม่มีแม้แต่ตัวเดียวที่จะถูกสังหารไป
ด้วยการช่วยเหลือของกลุ่มด้วงสีดำ เมิ่งฮ่าวได้ล่าถอยออกไปเกือบหนึ่งพันจ้าง โบกสะบัดมือขวา ทำให้กลุ่มด้วงสีดำห้าร้อยตัวหมุนวนอยู่รอบๆ ร่างเขา ขณะที่ภาพลวงตาของมังกรทะเลได้เตรียมตัวโจมตีมาเป็นครั้งที่สอง
ความรวดเร็วของการโจมตีนี้ทำให้ศิษย์ของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าซึ่งอยู่รอบๆ บริเวณนั้นต้องอ้าปากค้าง พวกมันไม่เคยคาดคิดว่าเมิ่งฮ่าวซึ่งมีพื้นฐานฝึกตนอยู่ในอาณาจักรเซียน จะสามารถต่อสู้กลับไปยังการโจมตีของผู้อาวุโสอาณาจักรโบราณได้
ชายชราในชุดดำขมวดคิ้ว และรังสีสังหารของมันก็ยิ่งมีความเข้มข้นมากขึ้น ขณะที่เดินหน้าเข้ามาอีกครั้ง
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่จ้องมองไปยังชายชรา พื้นฐานฝึกตนอาณาจักรโบราณของมันไม่ธรรมดา แต่คนทั้งสองก็ยังคงอยู่ใต้ทะเลลึก ถ้าพวกเขาอยู่ที่ด้านนอก มันก็คงจะยิ่งมีพลังที่แข็งแกร่งมากขึ้นไปกว่านี้
เมิ่งฮ่าวคิดว่าถ้าเขาดูดซับผลเนี่ยผานของตนเองเข้าไปได้สำเร็จ พลังที่ระเบิดออกมาของพื้นฐานฝึกตนอาณาจักรเซียนของเขาก็อาจจะแข็งแกร่งเพียงพอที่จะต่อสู้กลับไปได้ อย่างไรก็ตาม…นั่นก็ต้องเป็นตอนที่ทะเลที่เก้าไม่ได้สะกดข่มพื้นฐานฝึกตนของเขาไว้เท่านั้น
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น ขณะที่แรงกดดันจากชายชราได้บดขยี้ลงมา เขาก็แค่นเสียงอย่างเย็นชาขึ้น ไม่ได้ล่าถอยหลบหนี แต่กลับเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว จากนั้นก็พูดออกมา ด้วยเสียงที่ระเบิดออกไป “บังอาจ!?”
“ข้า, เมิ่งฮ่าว คือศิษย์หลักของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า! หลังจากที่กลับเข้ามาในสำนักของตัวเอง กลับถูกโจมตีอย่างไร้เหตุผล! เจ้าซึ่งเป็นผู้อาวุโส ไม่แม้แต่จะหยุดสอบถามว่าใครเป็นคนผิด กลับโจมตีมาด้วยพลังอันร้ายแรง แต่เจ้ากลับบอกว่าข้าบังอาจ!?”
“คนที่ข้าสังหารไปจึงเป็นผู้ที่บังอาจ! ข้าคือคนของตระกูลฟาง เป็นศิษย์ของสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่! มันต้องการสังหารข้า? ข้าพนันได้เลยว่ามันต้องเป็นสายลับของตระกูลจี้อย่างแน่นอน!”
“ข้าได้ยินมาว่าเมื่อไม่นานมานี้ กรรมของตระกูลจี้ได้หลับใหลอยู่ในสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ จนก่อเป็นความสับสนวุ่นวายขึ้นมาอย่างมากมาย คนผู้นั้นต้องเป็นผู้ฝึกตนของตระกูลจี้อย่างแน่นอน!”
“มันโจมตีข้าอย่างหุนหันพลันแล่น และยังได้เรียกให้คนอื่นๆ มาเป็นเครื่องมือช่วยมันก่อกบฏขึ้นอีกด้วย! ถ้าสังหารข้าไปได้ก็จะทำให้มันได้รับความไว้วางใจจากตระกูลจี้อย่างมากมาย!
การสังหารข้าก็จะทำให้ชื่อเสียงของกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ต้องพังทลายลงไป! ถ้าสังหารข้าได้ก็จะทำให้ภารกิจของมันสำเร็จ!” คำพูดของเมิ่งฮ่าวแหลมคมราวกับใบมีด แต่ละประโยคที่เขาพูดขึ้นมา ก็เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ฉวยโอกาสเสริมคำพูดของตนเองให้มีน้ำหนักมากขึ้นจากสถานการณ์นี้
เมื่อผู้ฝึกตนอสูรที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นได้ยินคำพูดของเขา พวกมันก็มีโทสะขึ้นในทันที และเริ่มร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความเกรี้ยวกราด
“เจ้า!!”
“เจ้ามันไร้ยางอาย! ใส่ร้ายป้ายสีผู้คน!!”
“มันไม่ใช่สายลับของตระกูลจี้ และพวกเราก็ไม่ใช่เครื่องมือก่อการกบฎ!”
รังสีสังหารของพวกมันเริ่มมีความรุนแรงมากขึ้น ราวกับว่าพวกมันต้องการจะขบเคี้ยวเมิ่งฮ่าวและกลืนกินเขาลงไป บางคนยิ่งมีโทสะมากขึ้นกำหมัดแน่นและเริ่มเดินตรงไปข้างหน้า
สำหรับผู้ฝึกตนธรรมดาทั่วไป พวกมันมีท่าทางลังเล บางคนได้กดลงไปบนแผ่นหยกเพื่อส่งข่าวไปยังผู้อาวุโสที่อยู่ภายในสำนัก ความโกลาหลเหล่านี้ยังได้ไปดึงดูดความสนใจของศิษย์จากบริเวณอื่นๆ ในสำนักอีกด้วย ซึ่งในตอนนี้กำลังบินตรงมาเพื่อมองดูเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย แต่ภายในใจเขากำลังหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา เมื่อต้องต่อสู้กันด้วยลมปาก เขาไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน ทั้งในสำนักจื่อยิ่น, บนดาวหนานเทียน และในตระกูลฟาง จนยากที่จะบอกได้ว่ามีผู้คนมากมายเท่าใดแล้วที่ต้องพ่ายแพ้ต่อลมปากอันแหลมคมของเขา
“ถ้าพวกเจ้าไม่ได้มาจากตระกูลจี้ แล้วทำไมถึงได้โจมตีข้าในทันทีที่พบเห็น?!”
เมิ่งฮ่าวตอบโต้กลับไป มองไปรอบๆ ยังผู้ฝึกตนอสูรที่กำลังเดือดดาลอยู่ทั้งหมดด้วยสายตาที่เย็นชา
จากนั้นก็หันหน้าไปยังชายชราในชุดดำและกล่าวเสียงราบเรียบว่า “และในตอนนี้ แม้แต่ท่านที่เป็นผู้อาวุโสก็ยังมาเข้าร่วมกับพวกเจ้าด้วย! มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้เข้มแข็งจะกลืนกินผู้ที่อ่อนแอกว่า! หรือผู้อาวุโสไห่เซิ่งต้องการจะเปิดห้องลงทัณฑ์ในที่แห่งนี้!? ต้องการใช้พลังพื้นฐานฝึกตนที่อยู่ในอาณาจักรโบราณของท่านมาสังหารข้า?”
“นั่นเป็นเพราะว่าเจ้า…” ดวงตาของผู้ฝึกตนอสูรกลายเป็นสีแดงจ้า แต่ก่อนที่พวกมันจะทันได้พูดจบ ผู้อาวุโสไห่เซิ่งก็แค่นเสียงอย่างเย็นชา และสีหน้าก็เริ่มถมึงทึงขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ เมิ่งฮ่าวพูดออกมาด้วยเสียงที่ดังเป็นอย่างยิ่ง ทำให้เสียงของเขาดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง และกลายเป็นแรงดึงดูดความสนใจได้อย่างมากมาย ผู้อาวุโสไห่เซิ่งต้องการจะโจมตีไปที่เขา แต่ก็ไม่กล้าที่จะกระทำอย่างเปิดเผยเช่นนี้ ดังนั้นมันจึงได้แต่ต้องกล้ำกลืนโทสะลงไป เมื่อเมิ่งฮ่าวขัดขวางการโจมตีไปสองครั้งจากก่อนหน้านี้ของมันได้
เมื่อมันพูดขึ้นมา ก็เกิดเป็นเสียงที่ดังก้องคล้ายกับเป็นเสียงฟ้าผ่า สะกดข่มคนทั้งหมดที่อยู่ในบริเวณนั้นไปในทันที
“ไม่ว่าอย่างไร ก็ห้ามไม่ให้สังหารผู้คนในที่แห่งนี้ ทุกคนจับกุมมัน นำตัวไปยังวิหารเพื่อลงโทษ!” ผู้อาวุโสไห่เซิ่งมองเห็นได้ว่า กลุ่มฝูงชนกำลังมีขนาดใหญ่มากขึ้น ทำให้มันไม่อาจจะโจมตีไปยังเมิ่งฮ่าวได้อีก มันรู้ว่าในตอนนี้ยากที่จะสังหารเขาไปได้ แต่ภายในใจกำลังหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา
มันมองไปยังเมิ่งฮ่าว โบกสะบัดชายแขนเสื้อและคิดว่า
“ข้าอาจจะไม่สามารถสังหารเจ้าได้ในวันนี้ แต่ข้าก็ต้องฉีกหน้าเจ้าไปให้จงได้! ชื่อเสียงของเจ้าในท่ามกลางเหล่าศิษย์ของสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่จะต้องพังพินาศไป! ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้ก็จะทำให้กองกำลังอื่นๆ ทั้งหมดในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้ารับรู้ได้ถึงกลุ่มผู้ฝึกตนอสูรของพวกข้าและเจ้า…
คือศัตรูที่อยู่ร่วมฟ้าเดียวกันไม่ได้! ด้วยการมีผู้ฝึกตนอสูรเป็นผู้ชี้นำ คนอื่นๆ ก็คงไม่อาจจะสะกดข่มเจตนาร้ายของพวกมันไว้ได้มากขึ้นไปเรื่อยๆ และจะทำให้เจ้ามีปัญหามากขึ้นกว่าเดิม!”
“ด้วยเช่นนั้น เจ้าก็จะพบว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูมากขึ้นในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้านี้! ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสสูงสุดและเหล่าปรามาจารย์จะยอมรับเจ้า พวกท่านก็ไม่ใช่ผู้พิทักษ์เต๋าของเจ้า ในไม่ช้าก็จะถึงจุดที่…เจ้าต้องตายอยู่ในที่แห่งนี้อย่างแน่นอน!”
“นี่คือหนทางเดียวที่จะชำระล้างความเป็นปฏิปักษ์ในสายโลหิตที่มีอยู่ระหว่างพวกเราได้! นี่จะเป็นหนทางเดียวที่กลุ่มผู้ฝึกตนอสูรในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า จะสามารถหยุดความชั่วร้ายของเจ้าได้!”
“และถ้าเจ้าอยากรู้ถึงเหตุผลว่าทำไม…เหล่าฟูก็ไม่มีวันบอกเจ้าอย่างแน่นอน!” ใบหน้าของผู้อาวุโสไห่เซิ่งเย็นชาราวน้ำแข็ง และดวงตาก็กลายเป็นสีแดงก่ำไป ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องรู้สึกหนักใจขึ้น
เมิ่งฮ่าวยังคงพยายามที่จะค้นหาว่าทำไมถึงได้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น แต่ก็ไม่อาจจะมั่นใจได้ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้เกิดเป็นความเกลียดชังระหว่างเขาและผู้ฝึกตนอสูร!
“หรือว่าเป็นเพราะหินปราณเซียน? หรือบางทีข้าคือส่วนหนึ่งของพันธมิตรแห่งผู้ผนึกอสูร? หรือว่าการปรากฏตัวขึ้นของข้าในที่แห่งนี้ได้ไปดึงดูดความสนใจของกองกำลังที่ไม่รู้จักบางกลุ่ม? หรือว่าจะเป็นศัตรูเก่าของตระกูลฟาง?”
เมิ่งฮ่าวรู้สึกปวดศีรษะขึ้นมา แม้จะพยายามขบคิดในทุกแง่มุม ก็ยังคงงุนงงต่อสถานการณ์นี้ หลังจากที่ผู้อาวุโสไห่เซิ่งพูดจบ ศิษย์เจ็ดถึงแปดคนก็บินฝ่าอากาศตรงมายังเมิ่งฮ่าวพร้อมกับรังสีสังหารที่เดือดพล่านขึ้นมา
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยความเย็นชา เขาได้เริ่มสังหารผู้คนไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่แยแสที่จะสังหารเพิ่มขึ้นมาอีก แต่ว่า…ถ้าเขาสามารถได้ตั๋วสัญญาเพิ่มขึ้น ก็คงจะดีกว่า!
“เมื่อพวกมันไม่ยอมให้คำอธิบาย ข้าก็จะบังคับให้พวกมันเป็นหนี้ข้า จนไม่อาจจะชดใช้กลับคืนมาได้!”
“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็ไม่เชื่อว่าเหตุการณ์ที่วุ่นวายนี้ เหล่าเฒ่าชราของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าจะไม่สังเกตเห็นแม้แต่น้อย พวกมันต้องรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นอย่างแน่นอน!”
เมิ่งฮ่าวรู้สึกขุ่นเคืองเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นกลุ่มผู้ฝึกตนอสูรจำนวนมากต้องการจะสังหารเขา และพบว่าสถานการณ์ทั้งหมดนี้ช่างน่ารำคาญใจเป็นอย่างยิ่ง
“ไม่ต้องกังวลไป ตราบเท่าที่พวกเจ้าเชื่อฟังข้า ข้าก็จะไม่สังหารพวกเจ้าไป!” เขากล่าวเสียงราบเรียบ ยกมือซ้ายขึ้นมา ทำให้ภูเขานับหมื่นลูกบดขยี้ลงมาจากด้านบน