Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1052

ตอนที่ 1052

ถ่ายทอดวิชาฝึกฝนกายเนื้อ

ฝานตงเอ๋อร์ถอยโซเซไปทางด้านหลัง พร้อมกับใบหน้าที่ซีดขาว

“มันฉ้อโกง! มันต้องคดโกงอย่างแน่นอน!” นางคิดอยู่ในใจ ดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำไปโดยสิ้นเชิง แต่ในตอนนี้คำกล่าวหาของนางเป็นเรื่องโคมลอยไร้หลักฐานโดยสิ้นเชิง ในความเป็นจริงแล้วเมิ่งฮ่าวก็มีแนวโน้มที่จะฉ้อโกง และยังได้เตรียมตัวที่จะทำเช่นนี้จริงๆ แต่ในตอนนี้เขาไม่ได้คดโกงใดๆ

เขายังคงต่อสู้ต่อไปจนมีความก้าวหน้ามากขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในตอนนี้กายเนื้อของเขาอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น

เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ในโลกของประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทอง มองไปยังเงาร่างที่เบื้องหน้า ขณะที่พวกมันจางหายไป

จากนั้นความว่างเปล่าที่เบื้องหน้าก็บิดเบี้ยวไปมาอีกครั้ง และชายชราในชุดสีขาวก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา

ชายชราผู้นี้ไม่ได้สวมใส่หน้ากาก และปรากฏขึ้นเพียงคนเดียว ดูแทบจะคล้ายกับเป็นจุดศูนย์กลางของโลกแห่งนี้ทั้งหมด แต่ไม่มีพลังปราณและโลหิตกระจายออกมาจากร่างมัน แทบจะราวกับว่ามันเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาเท่านั้น

แต่มันทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกได้ถึงความลี้ลับอย่างน่าเหลือเชื่อ ลึกลงไปในจิตใจ เมิ่งฮ่าวยังรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่อันตรายอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ จนทำให้เขาต้องสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างรุนแรง

ชายชรามองไปยังเมิ่งฮ่าวอยู่ชั่วขณะ และจู่ๆ ก็พูดขึ้นมา ด้วยน้ำเสียงที่เก่าแก่โบราณ

 

“เหล่าฟูคือด่านสุดท้ายของการทดสอบนี้ ตลอดทั้งประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มีเพียงแค่สี่คนเท่านั้นที่อยู่ต่ำกว่าอาณาจักรเต๋าจะสามารถรับการโจมตีจากหมัดแรกของเหล่าฟูได้ จากทั้งสี่คนนั้น สองคนสามารถต่อต้านได้สองหมัด มีแค่คนเดียวเท่านั้นที่รับได้ทั้งสามหมัด!”

“ใครก็ตามที่สามารถเอาชนะเหล่าฟูได้ ก็จะได้รับของรางวัลจากประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า! แต่น่าเสียดาย…ไม่เคยมีใครที่อยู่ต่ำกว่าอาณาจักรเต๋าจะเคยทำได้มาก่อน” ขณะที่มันกล่าว ก็เริ่มสาดประกายด้วยแสงสีทองอันเจิดจ้าขึ้นมา ราวกับว่าทั่วทั้งร่างกายของมันได้กลายเป็นทองคำไป

ม่านตาเมิ่งฮ่าวหดเล็กลง เขาไม่อาจจะประเมินความลึกล้ำของพลังชายชราผู้นี้ได้ แต่กระนั้นก็รู้สึกได้ถึงอันตรายที่ไหลบ่าท่วมท้นจนเต็มจิตใจอยู่ในตอนนี้ แทบจะราวกับว่าบุคคลที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่ผู้ฝึกตน แต่เป็นสัตว์อสูรเมื่อครั้งบรรพกาลบางอย่าง!

โดยที่ไม่ต้องขบคิดใดๆ เมิ่งฮ่าวยื่นมือตรงไปยังถุงสมบัติ

ชายชรามองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างลึกซึ้งและกล่าวว่า “อย่าได้พยายามใช้วิธีการอื่นๆ เพื่อให้ได้รับชัยชนะ ผู้ฝึกตนกายเนื้อจะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น เมื่อต้องต่อสู้มากขึ้นไป ทำให้มีจิตที่ไร้พ่าย ถ้ามีใครทำการคดโกง จิตนั้นก็จะไม่มั่นคง ตอนแรกก็ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นพิษเป็นภัยใดๆ แต่สุดท้าย เส้นทางของเจ้าก็จะยิ่งแคบลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่อาจจะบรรลุถึงความสำเร็จที่แท้จริงของการฝึกฝนกายเนื้อ”

แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าว และเขาก็เงียบลงไปชั่วขณะ ราวกับว่ากำลังได้รับความรู้แจ้งอยู่ มือที่เคลื่อนที่ตรงไปยังถุงสมบัติก็หยุดนิ่งอยู่กับที่อย่างช้าๆ ในที่สุดก็มองไปยังชายชรา สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็ประสานมือและโค้งตัวลง เมื่อมองขึ้นไปอีกครั้ง ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็สาดประกายด้วยความต้องการต่อสู้ขึ้นมา ในเวลาเดียวกันนั้น ร่างกายก็พุ่งเป็นพลังขึ้นมามากกว่าเดิมอยู่เล็กน้อย

พลังของเขาดูเหมือนจะมีความบริสุทธิ์มากขึ้นกว่าเดิม ราวกับว่ามีพลังแห่งเจตจำนงใหม่บางอย่างได้ตื่นขึ้นมาอยู่ในจิตใจ

ชายชราพยักหน้าให้ ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความชื่นชม

“หมัดแรก หมัดทำลายล้างชีวิต!” ชายชรากล่าวด้วยเสียงราบเรียบ จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาอย่างช้าๆ และกำเป็นหมัดจนแน่น ดูเหมือนจะเป็นแค่หมัดธรรมดา ยกเว้นว่ามันได้วางนิ้วหัวแม่มือโผล่ออกมาเล็กน้อย อยู่ระหว่างนิ้วกลางและนิ้วนาง สร้างเป็นความไร้พ่ายเล็กๆ ขึ้นมา!

ขณะที่มันต่อยออกไป ก็เห็นได้ชัดว่าไม่มีวิชาเวทใดๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่สายลมอันรุนแรงได้ระเบิดออกไป และดูเหมือนว่าภายในสายลมเหล่านั้น มีพลังการทำลายล้างที่เย็นชาราวน้ำแข็งอยู่ด้วยเช่นกัน ในทันทีที่สายลมเริ่มกรรโชกขึ้นมา ทั่วทั้งโลกแห่งนี้ก็กลายเป็นสีเทาไป ราวกับว่าหมัดนั้นสามารถจะทำลายล้างชีวิตที่อยู่ในโลกแห่งนี้ไปได้ทั้งหมด

เมิ่งฮ่าวรู้สึกว่าเปลวไฟแห่งพลังชีวิตของตัวเองกำลังแวบขึ้นจนถึงจุดที่ใกล้จะแตกดับลงไป อันเนื่องมาจากความลึกล้ำของหมัดนั้น จิตใจเขาสั่นสะท้าน และจู่ๆ ก็รู้สึกว่าถ้าหมัดนี้กระแทกลงไปที่ดวงดาว สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่ในดาวดวงนั้นคงจะต้องตายไป!

การทำลายล้างชีวิต!

นี่คือหมัดทำลายล้างชีวิต!

เมิ่งฮ่าวรู้สึกราวกับว่า กำลังหายใจไม่ค่อยออกอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง แต่ความต้องการต่อสู้ของเขาก็ปะทุขึ้นมา กำมือขวาเป็นหมัดจนแน่น เต็มไปด้วยพลังของพื้นฐานฝึกตน, พลังแห่งเจตจำนง และพลังแห่งกายเนื้อ โลหิตเดือดพล่านขณะที่ปลดปล่อยหมัดของผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรเซียนออกไป

ตูมมมมมมม!

เมื่อหมัดของทั้งสองกระแทกเข้าหากันในกลางอากาศ ทั่วทั้งร่างเมิ่งฮ่าวก็สั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง กระอักโลหิตออกมากองโต และลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลังหนึ่งร้อยจ้าง ที่นั่นเขากระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง กลายเป็นสีดำสนิทไป

ยิ่งไปกว่านั้น ในทันทีที่โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก มันก็จับตัวแข็งไปในทันใดเสียงแตกร้าวได้ยินมา ขณะที่จู่ๆ ก็มีชั้นน้ำแข็งกระจายปกคลุมไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าว

ไม่นานต่อมา เมิ่งฮ่าวก็สั่นสะท้าน และน้ำแข็งก็แตกกระจายไป เขามีใบหน้าที่ซีดขาวขณะที่มองไปยังชายชรา สั่นไปทั้งร่าง พลังอันน่ากลัวของหนึ่งหมัดนั้นกำลังทำให้เขาต้องสั่นไปมาอย่างรุนแรง

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังรู้สึกได้ว่าชายชรายังไม่ได้ต่อยหมัดออกมาอย่างเต็มกำลัง

“ทำลายล้าง…” เมิ่งฮ่าวพึมพำ

“หมัดทำลายล้างชีวิต เป็นหมัดที่สามารถทำลายล้างสิ่งมีชีวิตทั้งหมดลงไปได้ มันสามารถจะทำลายสิ่งมีชีวิตใดๆ ก็ได้ หมัดที่โจมตีไปนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากเต๋าแห่งความตาย ด้วยการโจมตีไปพร้อมกับเจตจำนงแห่งความตาย ผู้ฝึกตนกายเนื้อก็จะสามารถสังหารเทพได้!”

จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน ราวกับว่าถูกฟาดด้วยสายฟ้า สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็หลับตาลง และครุ่นคิดถึงความหมายของการโจมตีไปในครั้งแรกของชายชรา เมื่อชายชราเห็นเช่นนั้นมันมีท่าทางประหลาดใจ และจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาที่ลึกซึ้งไปมากกว่าเดิม ในที่สุดท่าทางชื่นชมก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

ในเวลาเดียวกันนั้น ที่ด้านนอกของแท่นศิลาตัวอักษร การที่เมิ่งฮ่าวสามารถต่อต้านการโจมตีมาของหมัดแรกได้ ทำให้นามของเขาได้เคลื่อนที่ขึ้นไปอีกครั้ง ตอนนี้เขาอยู่ในลำดับที่สี่!

ถึงแม้ว่าจะเลื่อนขึ้นไปเพียงแค่อันดับเดียวเท่านั้น แต่การที่เขาไปอยู่ในสิบอันดับแรกได้ หรือจริงๆ แล้วก็คือห้าอันดับแรก ทำให้ศิษย์ของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าต้องตื่นตระหนกไปโดยสิ้นเชิง

ใบหน้าของฝานตงเอ๋อร์ซีดขาว นางรู้ว่าได้พ่ายแพ้ไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ยินดีที่จะยอมรับเรื่องนี้ ยังคงเชื่อว่าหนทางเดียวที่เมิ่งฮ่าวจะบรรลุจนถึงอันดับในตอนนี้ได้ ก็คือเขาต้องคดโกงเท่านั้น

เวลาผ่านไป ในครั้งนี้ได้ผ่านไปแล้วสองชั่วยามเต็ม ก่อนที่เมิ่งฮ่าวจะลืมตาขึ้นมาในที่สุด มองไปยังชายชรา ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ

“เข้าใจแล้ว?” ชายชราถามขึ้น

“พอเข้าใจบ้าง แต่ก็…ยังไม่ใช่ทั้งหมด” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบตามความสัตย์จริง

ชายชราหัวเราะเป็นเสียงดังออกมา

“ไม่เป็นไร มาลองรับการโจมตีหมัดที่สองของเหล่าฟูดู หมัดมอบชีวิต หรือจะเรียกว่าหมัดกลายเป็นปีศาจก็ได้!” ในทันทีที่มันพูดจบ ก็ก้าวเดินตรงมาหนึ่งก้าว และยกมือขวากำเป็นหมัดขึ้น นิ้วโป้งวางอยู่ในตำแหน่งปกติ โดยที่ไม่มีการวางตำแหน่งเป็นพิเศษเหมือนกับหมัดทำลายล้างชีวิต ดูเหมือนกับหมัดธรรมดาทั่วไปโดยสิ้นเชิง ขณะที่มันต่อยออกไป

อย่างไรก็ตาม ขณะที่หมัดนั้นพุ่งออกไป พลังก็พุ่งออกมาจากร่างชายชรา จนทำให้เกิดเป็นสีสันแวบขึ้นไปในท้องฟ้า สายลมขนาดใหญ่พัดออกไป ทำให้ร่างกายต้องสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง ตัวพลังของมันเองทำให้เมิ่งฮ่าวต้องมีโลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปาก และร่างกายก็ปลิวละลิ่วไปทางด้านหลังอย่างต่อเนื่อง ไม่มีโอกาสที่จะต่อสู้กลับไปได้แม้แต่น้อย

พลังนี้เป็นผลมาจากพลังแห่งเจตจำนงของชายชรา เป็นความบ้าคลั่งและความมุ่งมั่นที่สามารถจะจ่ายค่าตอบแทนใดๆ ก็ตาม

เพื่อเติมพลังให้กับพลังแห่งการทำลายล้างของหมัดนี้ เป็นระดับความมุ่งมั่นที่สูงเป็นอย่างมาก จนสามารถจะเปลี่ยนให้คนผู้หนึ่งกลายเป็นปีศาจไป นอกจากเป็นการมอบชีวิตของตนเองออกมาแล้ว ก็ยังคล้ายกับเป็นปีศาจอีกด้วย!

หมัดนี้ทำให้ความว่างเปล่าแตกกระจายไป บดขยี้ฟ้าดิน และ…ไม่อาจจะหยุดได้ถ้าไม่ได้ดื่มโลหิต

เมิ่งฮ่าวพ่นโลหิตกระจายออกมาจากปาก และโซเซถอยไปทางด้านหลัง ไม่กล้าแม้แต่จะโจมตีกลับไป เขามีลางสังหรณ์อย่างเข้มข้นว่าถ้าทำเช่นนั้น…เขาก็จะถูกสังหารไปทั้งร่างกายและวิญญาณ

มีบางสิ่งที่ร้ายแรงเกี่ยวกับพลังของหมัดนี้ แต่ในขณะที่เมิ่งฮ่าวล่าถอยไปทางด้านหลัง ชายชราก็แผดร้องคำรามออกมา “ใช้สิ่งที่เจ้าได้เรียนรู้มาจากหมัดทำลายล้างชีวิตออกมา มิเช่นนั้น…เจ้าก็ต้องตาย!”

เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไป ดวงตากลายเป็นสีโลหิต สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็กำหมัดจนแน่น วางนิ้วโป้งอยู่ระหว่างนิ้วกลางและนิ้วนาง ใช้สิ่งที่เพิ่งจะเรียนรู้มาเกี่ยวกับหมัดทำลายล้างชีวิต ต่อยออกไป

ภายใต้พลังของหมัดกลายเป็นปีศาจ พลังชีวิตของเมิ่งฮ่าวกำลังกระพริบไปมา รับรู้ได้ถึงความตายเต็มอยู่ในจิตใจ แต่เขาก็ใช้เจตจำนงแห่งความตายต่อยหมัดออกไป ราวกับเป็นบางสิ่งที่พุ่งขึ้นมาในจิตใจ ทำให้เขาได้รับความรู้แจ้งเพิ่มมากขึ้น ร่างกายสั่นสะท้านขณะที่…เข้าใจถึงความหมายอันลึกล้ำของหมัดทำลายล้างชีวิตมากขึ้นกว่าเดิม! ทุกสิ่งทุกอย่างมีความชัดเจนมากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้

“ข้าเข้าใจแล้ว!” หมัดของเมิ่งฮ่าวพุ่งผ่านอากาศออกไปแล้ว สั่นสะท้านอยู่เล็กน้อย จากนั้นพลังอันบ้าคลั่งก็พุ่งขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

สายลมอันรุนแรงพัดกรรโชกขึ้น ภายใต้อิทธิพลของหมัดแรกที่เขาโจมตีไป กลายเป็นสายลมแห่งการทำลายล้าง ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ

ตัวเขากลายเป็นน้ำแข็งไป และพลังแห่งการทำลายล้างก็พุ่งขึ้นมา กระแทกเข้าไปยังหมัดกลายเป็นปีศาจ

ตูมมมมมมม!

โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว และเขาก็หมุนคว้างไปทางด้านหลังอย่างรุนแรง ราวกับเป็นว่าวที่ถูกตัดสายป่านไปในทันที เขากระอักโลหิตออกมาคำโต แต่ก็ได้ยินเสียงที่แหบแห้งและตื่นเต้นของตนเองดังก้องออกมา “หมัดทำลายล้างชีวิต! ข้าเข้าใจแล้ว! หมัดทำลายล้างชีวิต!!”

ชายชรายิ้มขึ้น ดึงหมัดกลับมาอยู่ข้างลำตัว ขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าวซึ่งกำลังตกลงไปบนพื้นและกระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง

แต่ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็ยังคงสาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งมั่น ขณะที่มองกลับมายังชายชราและโค้งตัวลงต่ำ

“บุญคุณของการถ่ายทอดนี้ ยากที่จะทดแทนได้!”

“เจ้าไม่ใช่ผู้ฝึกตนกายเนื้อ และไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับโลหิตแห่งเทพ ดังนั้นเจ้าคงไม่อาจจะต่อต้านหมัดที่โจมตีไปครั้งที่สามของเหล่าฟูได้ ไปเถอะ เมื่อไหร่ที่เจ้าแข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้ ก็ให้มาหาเหล่าฟูอีกครั้ง จดจำไว้ เดิมทีพวกเราเหล่าผู้ฝึกตนไม่ได้ฝึกฝนกายเนื้อ เป้าหมายหลักของการฝึกกายเนื้อก็คือ…สังหารเทพ!”

“ถ้าเจ้ามีโอกาสที่จะสังหารเทพได้ในอนาคต เจ้าก็จะแปดเปื้อนไปด้วยโลหิตของเทพเป็นครั้งแรก ในตอนนั้นเจ้าก็จะมีร่างนักรบของตนเอง!” ชายชราโบกสะบัดมือ ทำให้โลกที่อยู่รอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าวพังทลายลงไปเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เมิ่งฮ่าวรู้สึกว่าตัวเองกำลังหมุนคว้าง และทุกสิ่งทุกอย่างก็กลายเป็นความเลือนลางไป

ในเวลาเดียวกันนั้น แสงอันเจิดจ้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ได้สาดประกายออกมาจากประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทอง เกิดเป็นเสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ดังก้องออกมา เต็มไปทั่วทั้งอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า

ศิษย์ทั้งหมดต่างก็รับรู้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าปรมาจารย์อาณาจักรเต๋า พวกมันทั้งหมดมองไปขณะที่นามของเมิ่งฮ่าวพุ่งขึ้นมาจากอันดับที่สี่…ไปอยู่ที่อันดับสอง!

เห็นได้ชัดว่า ชายชรารู้สึกว่าเมิ่งฮ่าวมีคุณสมบัติมากกว่าบุคคลที่เคยอยู่ในอันดับสองนี้มาก่อน ซึ่งสามารถจะต่อต้านกับหมัดที่โจมตีไปเป็นครั้งที่สองของมันได้!

อาณาจักรแห่งท้องทะเลตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย ผู้ฝึกตนทั้งหมดกำลังสั่นสะท้านและเสียงหอบหายใจด้วยความพิศวง ก็ดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง

“อันดับที่สอง! เมิ่งฮ่าวบรรลุถึงอันดับที่สองบนรายชื่อ!!”

“จากสี่นักรบเซียนที่อยู่ในอันดับสูงสุดมาโดยตลอด มีอยู่สามคนที่ถูกมันผลักออกไป!”

“มันคู่ควรกับตำแหน่งผู้ถูกเลือก, นายน้อยแห่งตระกูลฟาง และศิษย์หลักของสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่เป็นอย่างยิ่ง!”

ขณะที่กลุ่มผู้คนกำลังพูดจากันอย่างคลั่งไคล้ ใบหน้าของฝานตงเอ๋อร์ก็ยิ่งซีดขาวลงไปมากขึ้นกว่าเดิม

แสงสีทองพุ่งขึ้นมาจากแท่นศิลา และเงาร่างของเมิ่งฮ่าวก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นอยู่ที่เบื้องหน้าของคนทั้งหมด

ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวปรากฏตัวขึ้น เขาไม่ได้มองไปยังผู้ใด แม้แต่ฝานตงเอ๋อร์ก็ตามที แต่กลับหมุนตัวและมองไปยังรายชื่อที่อยู่ในอันดับหนึ่ง เขาอยากรู้เป็นอย่างยิ่งว่าใครจะสามารถต่อต้านการโจมตีมาเป็นหมัดที่สามของชายชราผู้นั้นได้

“จ้งอู๋หยา!” เมิ่งฮ่าวพึมพำ

มันอาจจะเป็นใครบางคนจากในสมัยโบราณ และอาจจะไม่อยู่ในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าอีกต่อไปแล้ว แต่เมิ่งฮ่าวก็ยังคงอยากจะรู้จักนามของมัน

ใครก็ตามที่ไม่เคยประสบพบกับพลังของหมัดที่โจมตีมาจากชายชราผู้นั้น ก็คงไม่อาจจะเข้าใจถึงความน่ากลัวของหมัดทำลายล้างชีวิต และหมัดกลายเป็นปีศาจ ซึ่งเป็นของผู้แข็งแกร่งที่ฝึกฝนกายเนื้อไปชั่วชีวิต

ในตอนนี้ นามจ้งอู๋หยาได้ประทับลึกอยู่ในจิตใจเมิ่งฮ่าวไปเรียบร้อยแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version