Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1084

ตอนที่ 1084

เส้นทางสู่อาณาจักรสายลม

ฉู่อวี้เยียนสั่นสะท้านและสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็หันไปมองเมิ่งฮ่าวอย่างช้าๆ และรวบรวมพลังทั้งหมดเท่าที่สามารถจะรวบรวมได้กล่าวว่า “ปล่อยข้า!”

เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว

“ปล่อยไม่ได้? เหมือนกับวันนั้นที่อยู่ในปล่องภูเขาไฟ ใช่หรือไม่?” ฉู่อวี้เยียนพูดจาเยาะเย้ย

“ตอนนี้ท่านอ่อนแอเป็นอย่างมาก ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนจากไป” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบด้วยเสียงราบเรียบ ปล่อยแขนของนาง

“ขอบคุณสำหรับการช่วยข้า สำหรับการถูกลักพาตัว ท่านไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย” นางกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแอลงไปมากกว่าเดิม เหน็บเส้นผมไปอยู่ที่หลังหู จากนั้นก็ค่อยๆ เดินตรงไปตามชายขอบ ใช้มือจับไปที่ผนังเพื่อช่วยพยุงตัวเองไว้

เมิ่งฮ่าวไม่ทำอะไรเพื่อหยุดนางไว้

เมื่อนางเกือบจะไปถึงทางออกแล้ว ร่างกายก็อ่อนแรงลงไป ม่านตาพร่ามัว และล้มลงหมดสติไป

เมิ่งฮ่าวถอนหายใจ ก้าวเดินตรงไปและคว้าจับร่างนางไว้ก่อนที่จะตกลงไป จากนั้นก็วางนางลงไปบนพื้น และนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ด้านข้าง ด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน

ถ้ำแห่งเซียนเงียบมากเป็นอย่างยิ่ง ช่วยให้เมิ่งฮ่าวขบคิดได้อย่างมากมาย ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนดาวหนานเทียนกำลังผุดขึ้นมาในจิตใจเขาทีละภาพ ทีละภาพ

เวลาผ่านไป สองวันต่อมา ฉู่อวี้เยียนก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ในตอนนี้นางได้ฟื้นฟูพลังกลับคืนมามากกว่าเดิม แต่ก็ยังคงอ่อนแออยู่ นางดิ้นรนลุกขึ้นมายืนอีกครั้ง

แต่ในครั้งนี้ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่ต้องการจากไป นางนั่งขัดสมาธิจ้องมองไปด้วยสายตาที่ว่างเปล่า

“ท่านยังจำหานเป้ยได้หรือไม่?” จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็ถามขึ้นมา

ฉู่อวี้เยียนนิ่งเงียบไปเป็นเวลานาน ในที่สุดนางก็หันหน้ามามองยังเมิ่งฮ่าวพร้อมกับขมวดคิ้วอยู่เล็กน้อย

“ใครคือหานเป้ย?”

ดวงตาเมิ่งฮ่าวเบิกกว้างขึ้น หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะก็กล่าวว่า “หานเป้ยจากดาวหนานเทียน นางเป็นศิษย์แห่งสำนักชิงหลัวในดินแดนด้านใต้”

“จำไม่ได้เลย ข้าไม่ค่อยได้ติดต่อกับสำนักชิงหลัวมากนัก จึงไม่อาจจะจำได้ว่ามีคนที่ชื่อหานเป้ยอยู่ เกิดอะไรขึ้น?” นางกล่าวพร้อมกับมองมาที่เขา

“ไม่มีอะไร ข้าแค่คิดไปถึงบางเรื่องเมื่อในอดีต” ใบหน้าเมิ่งฮ่าวหมองคล้ำลง เมื่อตระหนักว่าคำตอบของฉู่อวี้เยียนช่วยอะไรเขาได้ไม่มากนัก นอกจากนั้น…ฉู่อวี้เยียนก็ไม่ค่อยรู้จักสำนักชิงหลัวเท่าใดนัก!

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่นางอาจจะไม่รู้จักหานเป้ยเลย การที่นางจดจำหานเป้ยไม่ได้ก็เป็นแค่เบาะแสเพียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่อาจจะพิสูจน์ถึงความจริงได้ และไม่อาจจะช่วยอธิบายอะไรได้มากนัก นอกจากนี้ศักดิ์ฐานะของฉู่อวี้เยียนในสำนักจื่อยิ่น ก็แตกต่างไปจาก

หานเป้ยที่อยู่ในสำนักชิงหลัวมากเป็นอย่างยิ่ง

จึงมีความเป็นไปได้ที่นางไม่เคยได้ยินเรื่องของหานเป้ย หรือถ้านางอาจจะเคยรู้มาบ้าง แต่คงไม่เพียงพอที่จะทำให้นางต้องให้ความสนใจใดๆ

เมื่อเห็นว่าเมิ่งฮ่าวไม่ต้องการจะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป

ฉู่อวี้เยียนก็ไม่ถามอะไรเพิ่มเติม นางหลับตาลงเข้าฌานต่อไป ในตอนนี้นางรู้แล้วว่าตนเองไม่มีพลังเพียงพอที่จะจากไปได้ ดังนั้นน่าจะดีกว่าที่จะฟื้นฟูร่างกายให้เร็วมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อสามารถกลับไปยังสำนักของนางได้

นาง…ไม่ต้องการจะมองไปยังเมิ่งฮ่าว เพราะไม่รู้ว่าจะต้องวางตัวอย่างไรดี ทุกครั้งที่นางมองเห็นเมิ่งฮ่าว ก็รู้สึกว่าจิตใจไม่ค่อยสงบมั่นคงนัก

ในวันที่นางเดินทางออกมาจากดาวหนานเทียน นางมักจะถามตัวเองว่ารู้สึกชอบอะไรเกี่ยวกับเมิ่งฮ่าว ไม่ใช่แค่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปล่องภูเขาไฟ ทั้งไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น สุดท้ายนางก็ไม่อาจจะหาเหตุผลที่ดีได้ นางรู้ว่าควรที่จะเกลียดเขา แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ตามที

มันก็ราวกับว่า…ภาพของเขาได้ลุกโชนอยู่ในหัวใจนาง บางครั้งก็เป็นฟางมู่แห่งสำนักจื่อยิ่น และบางครั้งก็เป็นเมิ่งฮ่าว บางครั้งก็เป็นทั้งสองคน

นางไม่อาจจะกำจัดภาพเหล่านั้นออกไปได้ แทบจะเหมือนกับเป็นคำสาปแช่งบางอย่าง

ฉู่อวี้เยียนถอนหายใจ หลับตาลง และเข้าฌานต่อไป

ถ้ำแห่งเซียนตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง หลังจากผ่านไปชั่วขณะ ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็เปล่งประกายขึ้นอย่างเลือนลาง เมื่อความคิดที่เป็นไปได้แวบผ่านขึ้นมาในจิตใจ

“บางทีข้าอาจจะคิดมากไป แต่…เรื่องนี้ช่างน่าสนใจนัก”

หลังจากที่ครุ่นคิดอีกเล็กน้อย ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็เริ่มสาดประกายมากขึ้น ถึงแม้จะดูเหมือนว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะธรรมดาทั่วไป แต่ยิ่งเขาคิดถึงมันมากเท่าใด ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันต้องมีความซับซ้อนมากไปกว่านั้น ในที่สุดเขาก็คิดว่าต้องมีเรื่องราวบางอย่างที่ผิดปกติกำลังเกิดขึ้นอยู่เป็นแน่

“วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะค้นหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือ แค่กลับไปยังดาวหนานเทียน แต่…สำนักชิงหลัวได้ล่มสลายลงไปแล้ว คงจะเป็นเรื่องยากที่จะไปตามหาผู้รอดชีวิตใดๆ อีก”

“อย่างไรก็ตาม ชิงเอ๋อร์ก็เคยอยู่ที่นั่น เมื่อไหร่ที่พวกเราได้พบกันอีกครั้ง ข้าก็สามารถสอบถามนางได้ ถ้าชิงเอ๋อร์จดจำหานเป้ยไม่ได้เช่นกัน ก็จะหมายความว่า…ต้องมีบางสิ่งที่ลี้ลับเป็นอย่างมากเกิดขึ้นอยู่อย่างแน่นอน!”

เนื่องจากใกล้ถึงวันที่จะเปิดอาณาจักรสายลมแล้ว เมิ่งฮ่าวจึงใช้เวลาเพื่อจัดเตรียมสิ่งของต่างๆ เขาใช้หินปราณเซียนไปยังด้วงสีดำทั้งหมด และยังได้เพิ่มจำนวนให้พวกมันกินเข้าไปอีกด้วย เพื่อที่จะเร่งขั้นตอนการกลายร่างของพวกมันให้เร็วขึ้น หลายวันที่ผ่านไปเขาได้ผนึกพวกมันเข้าไปในถุงสมบัติทีละตัว

นอกจากนี้เมิ่งฮ่าวยังได้รักษาความสามารถขั้นสูงสุดของจักรพรรดิเซียนไว้อีกด้วย เขามีความแข็งแกร่งเกินกว่าก่อนหน้านี้มากนัก และยังเพิ่มขีดความสามารถของสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ได้มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากการทดสอบและความยากลำบากที่เขาพบเจอมาทั้งหมด ทำให้พื้นฐานฝึกตนมีความก้าวหน้ามากขึ้นอย่างรวดเร็ว

แต่ทั้งหมดนั้นก็ยังไม่ใช่ไพ่ไม้ตายของเขา ไพ่ไม้ตายของเมิ่งฮ่าวคือกายเนื้ออาณาจักรโบราณ และตะเกียงวิญญาณที่ถูกจุดขึ้นในดวงตาทั้งสองข้าง เนื่องจากเช่นนั้น ทำให้พลังการต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

อีกสิ่งที่เมิ่งฮ่าวทำคือการจัดระเบียบถุงสมบัติ เพื่อให้มั่นใจว่าเขาได้เตรียมตัวเป็นอย่างดีสำหรับการเข้าไปในอาณาจักรสายลม เขาได้หยิบเอาธูปที่ถูกเผาไหม้ไปแล้วครึ่งดอก ซึ่งได้มาพร้อมกับหินปราณเซียนออกมาอีกด้วย หลังจากที่ตรวจสอบดูอย่างครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ เขาก็เก็บมันกลับเข้าไปในถุงสมบัติด้วยความระมัดระวัง

“ข้าน่าจะสามารถหาโอกาสทำการดูดซับผลเนี่ยผานผลที่สอง อยู่ในอาณาจักรสายลมได้!” เมิ่งฮ่าวคิด พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ

ในที่สุดเจ็ดวันก็ผ่านไป ในยามรุ่งอรุณก็ได้ยินเสียงระฆังดังขึ้นมา กระจายเต็มไปทั่วทั้งอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้นมา และดวงตาทั้งคู่ก็สาดประกายเจิดจ้าขึ้น

ในเวลาเดียวกับที่เขาลืมตาขึ้นมา เสียงเก่าแก่โบราณก็ดังก้องอยู่ในหู ซึ่งเป็นเสียงของเสินซือซ่างเหริน “เมิ่งฮ่าว ถึงเวลาแล้ว ให้มาที่ยอดเขาเดี๋ยวนี้!”

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และลุกขึ้นมายืน ในเวลาเดียวกันนั้น เขาโบกสะบัดมือออกไป ทำให้แผ่นผืนของแสงสีดำขนาดใหญ่ลอยตรงมา ในที่สุดฝักถั่วสีดำมากกว่าห้าสิบฝักได้มาหยุดนิ่งอยู่บนฝ่ามือของเขา ซึ่งจากนั้นเขาก็เก็บใส่เข้าไปในถุงสมบัติ

เมิ่งฮ่าวมองไปยังฉู่อวี้เยียน ซึ่งได้ลืมตาขึ้น และมองกลับมาที่เขา

“ดูแลตัวเองด้วย” นางกล่าวเสียงแผ่วเบา

เมิ่งฮ่าวพยักหน้าและเดินไปยังประตูของถ้ำแห่งเซียน จากนั้นก็หยุดลง

“สถานที่ที่ข้าจะไปคือเศษชิ้นส่วนที่ยังเหลืออยู่ของโลกอื่น กฎธรรมชาติในที่แห่งนั้นไม่สมบูรณ์ ทำให้สามารถจะตรวจพบพวกมันได้ง่ายมากขึ้น พิษในร่างท่านจะถูกขจัดออกไปภายในเจ็ดวัน และพื้นฐานฝึกตนก็จะฟื้นฟูกลับคืนมา…”

“ในตอนนั้น ท่านคงจะเข้าไปใกล้กับอาณาจักรเซียนมากแล้ว สามารถจะทะลวงผ่านเข้าไปได้แทบทุกเมื่อ!”

“เนื่องจากความปั่นป่วนวุ่นวายของกฎธรรมชาติในสถานที่ที่ข้ากำลังจะไป มันจึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการเป็นเซียนเป็นอย่างมาก แต่ก็มีอันตรายอยู่มากมายด้วยเช่นกัน ท่าน…ต้องการจะไปด้วยหรือไม่?”

ฉู่อวี้เยียนนั่งนิ่งเงียบอยู่ที่นั่น สีหน้าสับสนและร่องรอยแห่งการหวนรำลึกแวบผ่านขึ้นมา หลังจากที่เวลาผ่านไปนานสักพัก สีหน้านางก็เต็มไปด้วยการตกลงใจ ฉับพลันนั้นนางก็นึกขึ้นได้ถึงคำพูดบางอย่างที่เคยได้ยินมาจาก…ตานกุ่ย

ให้พยายามฝึกฝนอย่างหนัก ด้วยวิธีนี้….ในสักวันหนึ่ง ถ้าเจ้าพบว่ากำลังสูญเสียทุกอย่างไป เจ้าก็ยังคงมีเต๋าอันยิ่งใหญ่อยู่กับตัว

ฉู่อวี้เยียนมองขึ้นไปยังเมิ่งฮ่าวและกล่าวว่า “ขอบคุณท่าน ข้าจะไปด้วย!”

เมิ่งฮ่าวไม่กล่าวตอบ โบกสะบัดชายแขนเสื้อข้างขวา ทำให้เกิดเป็นแรงดึงดูดอย่างน่าเหลือเชื่อปรากฏขึ้นมา ฉู่อวี้เยียนไม่ได้ดิ้นรนต่อต้าน ปล่อยให้พลังนั้นดึงนางกลับเข้าไปอยู่ในถุงสมบัติของเมิ่งฮ่าว

ในที่สุด เมิ่งฮ่าวก็หมุนตัวและออกไปจากถ้ำแห่งเซียนอย่างรวดเร็ว

ในทันทีที่เขาปรากฏกายขึ้นที่ด้านนอกของประตู ก็พุ่งขึ้นไป ขณะที่ทำเช่นนั้นก็มองลงไปยังกลุ่มผู้ฝึกตนอสูรและซูเยียน จากนั้นก็ทำท่าคว้าจับ ผนึกพวกมันและดึงให้เข้าไปอยู่ในถุงสมบัติ กล่าวว่า

“นกแก้ว! ผีโต้ง! ไปกันเถอะ!”

นกแก้วอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ และผีโต้งก็มีท่าทางตกตะลึง

“ไปที่ไหน?”

“อาณาจักรสายลม!”

ตูม!

เมิ่งฮ่าวพุ่งออกไปจากน้ำและบินขึ้นไปในท้องฟ้า นกแก้วและผีโต้งกลายเป็นลำแสงไล่ตามไป และไปเกาะอยู่บนไหล่ของเมิ่งฮ่าว ผีโต้งยังคงพูดพล่ามไปมาอย่างไม่รู้จบ

“อาณาจักรสายลม? นั่นคือที่ไหน? เป็นสถานที่อะไร? ข้าไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน! พวกเราจะไปที่นั่นได้อย่างไร? ทำไมเจ้าถึงไม่พูดอะไรออกมาบ้าง?”

“หุบปาก!” นกแก้วตวาดขึ้น จากนั้นก็กระแอมไอออกมา และกำลังจะพูดขึ้นแต่เมิ่งฮ่าวก็กล่าวแทรกขึ้นมา

“มีคนชั่วอยู่ที่นั่น และยังมีสิ่งมีชีวิตที่เต็มไปด้วยขนอีกด้วย”

ทันใดนั้นผีโต้งก็เริ่มเคร่งเครียดขึ้น และนกแก้วก็ตื่นเต้นขึ้นด้วยเช่นกัน เจ้าโง่ทั้งสองสบตากันไปมา จากนั้นก็ร้องอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น

เมิ่งฮ่าวบินผ่านดินแดนของสำนักไปด้วยความรวดเร็วสูงสุด ยอดเขาเดียวกับที่เขาได้พบกับจิ่วผอและเสินซือซ่างเหรินในตอนแรก ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า

บนยอดเขาถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวที่ส่องประกายระยิบระยับเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ก็มีบางสิ่งที่แปลกใหม่ขึ้นด้วยเช่นกัน

เป็นเสาแห่งแสงที่กำลังพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า พุ่งออกไปจากสำนัก ทะลวงผ่านทะเลที่เก้า และสูงขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

ต่อมา ลำแสงอีกหกสายก็ปรากฏออกมา จากตำแหน่งที่แตกต่างกันออกไปในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า ซึ่งได้พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าด้วยเช่นเดียวกัน ค่ายกลเวทของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าทั้งหมดถูกกระตุ้นให้ทำงานขึ้นมา ปลดปล่อยพลังอันน่าเหลือเชื่อออกไปในทั่วทุกทิศทาง

ขณะที่มองไปยังภาพนั้น เมิ่งฮ่าวก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าปรมาจารย์อาณาจักรเต๋ากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ภายในเสาแห่งแสงทั้งหมด

จิ่วผออยู่ที่นั่น เช่นเดียวกับเสินซือซ่างเหริน และหลิงอวิ๋นจื่อ แม้แต่สองปรมาจารย์อสูรก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน

มีเสาแห่งแสงอยู่ทั้งหมดเจ็ดต้น กำลังพุ่งสูงขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ที่นั่นมองเห็นอากาศบิดเบี้ยวไปมา ขณะที่รอยแตกขนาดใหญ่ได้เปิดออก

ในเวลาเดียวกันนั้น ผู้ฝึกตนทั้งหมดในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า รวมทั้งกลุ่มคนที่อยู่ในอาณาจักรเซียนและอาณาจักรโบราณ ต่างก็นั่งขัดสมาธิ เพื่อก่อตัวเป็นค่ายกลเวทขนาดใหญ่

ขณะที่พวกมันปลดปล่อยพลังของพื้นฐานฝึกตนออกมา พลังของฟ้าดินก็ตกลงมา ทำให้พลังของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าปะทุขึ้นอย่างรุนแรง พลังนั้นไหลเข้าไปในเสาแห่งแสงทั้งเจ็ด ทำให้พวกมันส่องประกายเจิดจ้ามากขึ้นกว่าเดิม

ในที่สุด ศิษย์ทั้งหมดของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าก็ปลดปล่อยพลังจากพื้นฐานฝึกตนออกมาอย่างเต็มกำลัง รวมทั้งกลุ่มผู้ฝึกตนอสูรด้วยเช่นกัน ทั่วทั้งสำนักสั่นสะท้าน และพื้นดินก็สั่นสะเทือน ฉับพลันนั้นดินแดนขนาดใหญ่แห่งนั้นทั้งหมดก็เริ่มยกสูงขึ้นไป ในความสูงทุกๆ หนึ่งฉื่อ ทำให้เสาแห่งแสงทั้งเจ็ดเริ่มแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น เสียงกระหึ่มกึกก้องขนาดใหญ่ได้ยินมา และรอยแตกที่อยู่สูงขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็เปิดกว้างออกไปมากขึ้น

เห็นได้ชัดว่ารอยแตกนั้น…คือเส้นทางที่จะนำไปสู่อาณาจักรสายลม!

ดินแดนขนาดใหญ่ทั้งหมดพุ่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เร็วขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดทุกครั้งที่เคลื่อนไหวมันก็พุ่งสูงขึ้นไปนับร้อยจ้าง ทำให้น้ำทะเลเลื่อนลงไปอยู่ที่ด้านล่าง

เมิ่งฮ่าวสะท้านใจขณะที่ยืนมองสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งหวังที่จะไปให้ถึงอาณาจักรสายลม!

“นอกจากความจริงที่ว่าครึ่งหนึ่งของโลกได้ล่มสลายลงไป และกฎธรรมชาติมากมายได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว สิ่งอื่นๆ ทั้งหมดต่างก็ถอดแบบมาจาก…หนึ่งในอาณาจักรชั้นต่ำของหลายปีก่อนโน้น!”

“อาณาจักรสายลม!” เมิ่งฮ่าวพึมพำ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version