ตอนที่ 1087
ทำลายล้าง
อาณาจักรสายลมมีเก้าอาณาเขต ถูกปกครองโดยเก้าชนเผ่า พวกมันทั้งหมดก่อตัวเข้าด้วยกันจนกลายเป็นรูปวงแหวนขนาดใหญ่
ตรงจุดศูนย์กลางของวงแหวน ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยเก้าชนเผ่าเป็น…วิหาร!
ระหว่างแต่ละชนเผ่าเป็นลมพายุขนาดใหญ่ ที่แผ่ขยายลงมาจากท้องฟ้าจนจรดถึงพื้นดิน ทำการแบ่งแยกเก้าชนเผ่าออกจากกัน และทำให้การเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างพวกมันเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากเป็นอย่างยิ่ง
เนื่องจากกำแพงลมพายุเหล่านั้น ทำให้เก้าชนเผ่าถูกปิดผนึกไว้ มีแต่ผู้ฝึกตนค้นหากระถางเท่านั้นที่สามารถจะทะลวงฝ่าออกไปได้ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นก็ยังต้องจ่ายค่าตอบแทนออกมาอย่างมากมาย
กำแพงนั้นเหมือนกับเป็นเกราะป้องกัน ทำให้เก้าชนเผ่าเริ่มเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ และกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากขึ้น
แต่ในตอนนี้ผู้ฝึกตนจากอาณาจักรขุนเขาทะเลได้มาถึง ทำให้กำแพงที่แบ่งแยกเก้าชนเผ่าต้องสั่นสะเทือน และสายลมที่พัดอยู่ตลอดกาลก็แสดงให้เห็นถึงสัญญาณแห่งการสูญสลายไป
ตอนนี้เมิ่งฮ่าวยืนอยู่บนแท่นบูชาในทะเลทรายของชนเผ่าที่เก้าด้วยจิตใจที่เต้นรัว มองเห็นบุรุษหนุ่มถูกสังหารไปเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมามองเท่านั้น และจากนั้นก็มองเห็นชายชราตัดแขนของตนเองไปด้วยความแน่วแน่เด็ดเดี่ยว ขณะที่โลหิตยังคงพุ่งออกมาจากบาดแผล มันก็คุกเข่าลงไปกราบสักการะ
เห็นได้ชัดว่า…ถ้าไม่มีเซียนผู้ใดกล่าวขึ้นมา มันก็จะไม่ห้ามโลหิตที่กำลังไหลออกมานั้น
ฝานตงเอ๋อร์สั่นสะท้านอยู่ภายในใจ เช่นเดียวกับเป้ยอวี้ ผู้ฝึกตนธรรมดาและผู้ฝึกตนอสูรอื่นๆ ต่างก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน
พวกมัน…ถูกถือเป็นแค่กลุ่มคนรุ่นเยาว์ในโลกแห่งการฝึกตนเท่านั้น ไม่เคยพบเจอหรือมีประสบการณ์เกี่ยวกับการทดสอบหรือความทุกข์ทรมานใดๆ เหมือนกับเหล่าผู้อาวุโสเคยพบเจอมาก่อน ภาพอันน่าตกใจที่เบื้องหน้านี้ ทำให้ฝานตงเอ๋อร์และคนอื่นๆ ต่างก็สั่นสะท้านอยู่ลึกๆ ภายในใจ
เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ชั่วขณะ ก่อนที่จะชี้นิ้วขวาออกไป ยาหนึ่งเม็ดลอยไปตกอยู่บนท่อนแขนที่ถูกตัดออกไปของชายชรา ในชั่วพริบตาบาดแผลก็ได้รับการรักษา และแขนที่หายไปก็ค่อยๆ เริ่มงอกกลับขึ้นมาใหม่อย่างช้าๆ
ชายชราสั่นสะท้าน ขณะที่มองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความซาบซึ้ง มันแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา จากนั้นก็ก้มศีรษะลงต่ำอีกครั้ง
“ขอบคุณมาก ซ่างเซียน!”
ชายชราที่อายุมากที่สุดในท่ามกลางผู้ฝึกตนของอาณาจักรสายลมคือเจี้ยนเต้าจื่อ ประกายปัญญาแวบขึ้นมาอยู่ในแววตา ขณะที่มันหันหน้ามองไปยังเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็ประสานมือและกล่าวว่า
“ซ่างเซียนทั้งเก้าท่าน พวกเราชนเผ่าที่เก้าได้จัดเตรียมที่พักเป็นการชั่วคราวไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่ทราบว่าซ่างเซียน…จะพักด้วยกัน หรือว่า…แยกพักเป็นการส่วนตัว?”
เมื่อมันพูดจบก็โบกสะบัดมือ ทำให้แสงอันเจิดจ้าพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินที่อยู่ตรงหน้า ฉับพลันนั้นแผนที่ของชนเผ่าที่เก้าก็ปรากฏขึ้นมาอย่างน่าตกใจ
เห็นได้ชัดว่าอาณาเขตต่างๆ บนแผนที่นั้น บ่งบอกให้รู้ว่าเป็นสถานที่ที่มีกระแสลมปราณอย่างแน่นหนา มีทรัพยากรที่ช่วยในการฝึกตนอย่างอุดมสมบูรณ์
สถานที่ทั้งหมดซึ่งเหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัยของผู้ฝึกตนได้ถูกทำเครื่องหมายไว้อย่างชัดเจน
ยิ่งไปกว่านั้น ข้อได้เปรียบและเสียเปรียบต่างๆ ของแต่ละสถานที่ได้ถูกเขียนอธิบายไว้อย่างชัดเจนด้วยเช่นกัน
ตรงจุดศูนย์กลางของชนเผ่าที่เก้า ซึ่งห่างออกไปไม่ไกลมากนักจากเมืองหลวงเป็นภูเขาลูกหนึ่ง ครึ่งหนึ่งของภูเขาถูกปกคลุมเต็มไปด้วยหิมะ และที่เชิงเขามองเห็นเป็นทะเลสาบอยู่แห่งหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นสามารถจะมองเห็นด้วยว่ากระแสลมปราณทั้งหมดของชนเผ่าที่เก้านี้ได้มารวมตัวกันอยู่ในที่แห่งนั้น
นอกจากภูเขาลูกนั้นแล้ว ก็ยังมีอีกสองแห่งที่สามารถจะถือได้ว่าดีเยี่ยม แต่สำหรับสถานที่อื่นๆ แล้ว ส่วนใหญ่ก็ถือว่าธรรมดาไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ
หลังจากที่มองไปยังแผนที่ทั้งหมด ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็แวบขึ้นจนแทบจะมองไม่เห็น และเขาก็มองกลับไปยังเจี้ยนเต้าจื่อ อีกครั้งที่เขารับรู้ได้ถึงภูมิปัญญาและการมองการณ์ไกลของชายชราผู้นี้
สำหรับเจี้ยนเต้าจื่อและผู้ฝึกตนอื่นๆ แล้ว เมิ่งฮ่าวและผู้ร่วมเดินทางของเขาต่างก็เป็นเซียนสูงสุดทั้งหมด ถึงแม้ว่าพวกมันจะนับถือบูชาพวกเขาทั้งหมด แต่ก็เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกมันที่จะตัดสินได้ว่าในเซียนทั้งเก้านี้…ผู้ใดมีตำแหน่งที่สูงส่งมากที่สุด
พวกมันไม่มีทางจะสอบถามเรื่องนี้ได้ด้วยตนเอง ได้แต่ต้องบังคับให้ตนเองอย่าได้ทำความผิดพลาดใดๆ ขึ้นมา ถ้ามีความเข้าใจผิดเกิดขึ้นเกี่ยวกับศักดิ์ฐานะของผู้ที่มาจากอาณาจักรขุนเขาทะเล ก็อาจจะทำให้เกิดเป็นผลกระทบที่ร้ายแรงขึ้นได้ แผนที่นี้และการจัดการของเซียนเหล่านี้ จะเป็นวิธีที่ช่วยให้รับรู้ได้ถึงร่องรอยบางอย่างในทันที
ฝานตงเอ๋อร์มองไปยังแผนที่ จากนั้นก็มองไปยังเมิ่งฮ่าว ต่อมานางก็ยื่นมือขวาออกไป และชี้ไปยังหนึ่งในสองของพื้นที่ที่มีความสำคัญน้อยกว่า ไม่เลือกสถานที่ที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นภูเขากั๋วยิ่น (โชคชะตาแห่งเชื้อชาติ)
เป้ยอวี้ลังเลอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็มองไปยังเมิ่งฮ่าวโดยไม่รู้สึกตัว ดวงตานางสาดประกายขึ้นอยู่ชั่วขณะ และไม่ได้ตัดสินใจในทันที
ผู้ฝึกตนธรรมดาอีกสามคนต่างก็ตระหนักดีในสถานที่ของพวกมันเช่นเดียวกับฝานตงเอ๋อร์ และเลือกสถานที่แห่งอื่นไป ยกเว้นผู้ฝึกตนกายเนื้อร่างกำยำแล้ว ผู้ฝึกตนอสูรคนอื่นๆ มองไปยังแผนที่ด้วยดวงตาที่สาดประกาย พวกมันแอบมองไปยังเป้ยอวี้อย่างช้าๆ
จากนั้นก็มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาที่เย็นชา ราวกับว่าพวกมันกระเหี้ยนกระหืออยากจะต่อสู้ด้วย
ภาพที่เกิดขึ้นนี้ทันใดนั้นก็เผยให้เห็นถึงความขัดแย้งที่มีอยู่ระหว่างคนทั้งเก้า เป็นบางสิ่งที่เจี้ยนเต้าจื่อและคนอื่นๆ รับรู้ได้ในทันที
ฝานตงเอ๋อร์ไม่กล่าวอะไรออกมา ถอยไปทางด้านหลังสองสามก้าว ไม่ต้องการที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ผู้ฝึกตนธรรมดาอีกสามคนลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่จะถอยไปทางด้านหลัง เห็นได้ชัดว่าพยายามจะรักษาความเป็นกลางไว้ ด้วยการไม่ไปสร้างความตรึงเครียดระหว่างเมิ่งฮ่าวและผู้ฝึกตนอสูรให้เพิ่มขึ้นมาอีก
ผู้ฝึกตนอสูรกายเนื้อร่างกำยำดูเหมือนว่าจะรู้สึกขัดแย้งกันอยู่ภายในใจ กัดฟันแน่นก่อนที่จะจ้องมองไปยังผู้ฝึกตนอสูรคนอื่นๆ อย่างมีโทสะ และจากนั้นก็ถอยไปทางด้านหลัง มันก็เลือกที่จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน มันรู้สึก…หวาดกลัวต่อเมิ่งฮ่าวอย่างถึงที่สุด
ในท่ามกลางผู้มาเยือนทั้งเก้า ห้าคนเลือกที่จะรักษาความเป็นกลางไว้ สามผู้ฝึกตนอสูรยังคงอยู่ที่ด้านหลัง รวมทั้งเป้ยอวี้ ทั้งหมดต่างก็จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาที่ดุร้าย
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าที่สงบนิ่งเหมือนเช่นเคย แต่ภายในใจเต็มไปด้วยความระมัดระวังตัว เห็นได้ชัดว่าสามผู้ฝึกตนอสูรเหล่านี้รู้ว่าเขาแข็งแกร่งมากแค่ไหน แต่ก็ยังกล้าที่จะแยกเขี้ยวกางเล็บออกมา นั่นเป็นการบ่งบอกว่า…พวกมันเชื่อมั่นว่าจะเอาชนะเขาได้ และเห็นได้ชัดว่า…ได้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี
เจี้ยนเต้าจื่อและคนอื่นๆ มองดูสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ด้วยสีหน้าที่สงบนิ่ง แต่ภายในใจพวกมันได้รับคำตอบเรียบร้อยแล้ว ทำให้ดวงตาของพวกมันส่องประกายตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวจะดูไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ เมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ ในกลุ่มของเขา แต่จากปฏิกิริยาของคนทั้งหมดก็เห็นได้ชัดถึงศักดิ์ฐานะของเขา
“กลุ่มผู้ฝึกตนอสูรของข้ารู้สึกชอบภูเขานั่น” ทันใดนั้นเป้ยอวี้ก็เอ่ยขึ้น ชี้ตรงไปยังภูเขาซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมกระแสลมปราณทั้งหมด
ใครก็ตามที่มองไปยังภูเขานั้น สามารถจะบอกได้ว่ามันมีพลังของชนเผ่าอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นก็เห็นได้ชัดว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการฝึกตนอย่างมากที่สุด และเป็นสถานที่ที่จะได้รับความรู้แจ้งเกี่ยวกับอาณาจักรสายลมได้อย่างสูงสุด
“ช่างบังเอิญยิ่ง ข้าก็ชอบภูเขานั้นด้วยเช่นกัน” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบพร้อมกับยิ้มออกมา ถึงแม้ว่าเขาจะยิ้ม แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่เย็นชา เขาจะไม่ทำอะไรที่อาจจะทำให้เกิดเป็นปัญหากับผู้ฝึกตนอสูร แต่พวกมันก็มาตอแยเขาก่อน ถึงแม้ว่าพวกมันจะมีไพ่ไม้ตาย แต่เมิ่งฮ่าวก็ยินดีที่จะแสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าพวกมันจะมีอาวุธลับที่ทรงพลังมากแค่ไหนก็ตามที เขาก็ยังคงสามารถจะกวาดล้างพวกมันไปได้ทั้งหมด
ถ้าเขาสามารถสร้างเป็นเรื่องราวที่ใหญ่โตในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าได้ ถ้าเช่นนั้นในสถานที่ที่เหมือนกับอาณาจักรสายลมแห่งนี้
ซึ่งไม่มีกฎเกณฑ์หรือข้อจำกัดใดๆ เขาก็จะยิ่งทำให้มันดูโดดเด่นสะดุดตาขึ้นมามากกว่าเดิม!
รังสีสังหารแวบขึ้นมาในดวงตาของเป้ยอวี้ และสองผู้ฝึกตนอสูรที่ยืนขนาบอยู่ข้างกายนางก็ยิ้มอย่างเย็นชาออกมา พวกมันกำลังจะก้าวเท้าตรงมาแต่ทันใดนั้นเอง…สีหน้าของเมิ่งฮ่าวก็เปลี่ยนไป เขาถอยไปทางด้านหลังสองสามก้าวและมองขึ้นไปในท้องฟ้า เห็นได้ชัดว่าไม่มีเวลาที่จะมาให้ความสนใจใดๆ กับเป้ยอวี้และคนอื่นๆ ฝานตงเอ๋อร์และผู้ฝึกตนอื่นๆ ทั้งหมด ต่างก็รับรู้ได้ถึงบางสิ่ง และมองขึ้นไปด้วยเช่นเดียวกัน สีหน้าของสองผู้ฝึกตนอสูรเปลี่ยนไปด้วยความสับสน และพวกมันก็หยุดที่จะทำการโจมตี ขณะที่มองขึ้นไปในท้องฟ้า
แทบจะในช่วงเวลาเดียวกับที่พวกเขามองขึ้นไป แรงกดดันอันยากที่จะอธิบายออกมาได้ฉับพลันนั้นก็ระเบิดพุ่งลงมา บดขยี้ลงไปยังทุกสรรพสิ่งด้วยพลังทำลายล้าง ดินแดนทั้งหมดสั่นสะเทือน ราวกับว่าอาณาจักรทั้งหมดกำลังสั่นสะท้าน
พลังนั้นดูเหมือนว่ากำลังกดทับลงมาจากท้องฟ้า แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่เช่นนั้น จริงๆ แล้วมันมาจาก…จุดศูนย์กลางของอาณาจักรสายลม จาก…วิหารของอาณาจักรสายลม!
วิหารนั้นประกอบไปด้วยแก่นแท้โลกของอาณาจักรสายลม และในตอนนี้ การมาถึงของกลุ่มคนเหล่านี้ทั้งหมด ทำให้พลังนั้นปะทุออกมา การปะทุนั้นคือเกราะป้องกันที่อยู่ระหว่างเก้าชนเผ่า
ซึ่งกำลังอ่อนแอลงจนถึงจุดที่ใกล้จะพลังทลายไป ในเวลาเดียวกันนั้น ก็ทำให้เกิดเป็นพลังที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมากกระจายเต็มไปทั่วทั้งโลกแห่งนี้
สายลมกำลังพัดมาอย่างรุนแรงมากขึ้น และดวงตะวันที่อยู่ในท้องฟ้ากำลังเปลี่ยนสี ต้นไม้ใบหญ้ากำลังส่ายไหวไปมา และฝูงสัตว์ของอาณาจักรสายลมกำลังกู่ร้องขึ้นไปในท้องฟ้า
รอยแตกจำนวนมากที่เกิดขึ้นไปทั่วในท้องฟ้า กำลังปิดตัวลงอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่า กฎธรรมชาติซึ่งเดิมทีแล้วก็เป็นสิ่งที่ยากจะตรวจพบได้…จู่ๆ ก็อ่อนแอลงจากการมาถึงของเมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆ
“นั่นคือ…แก่นแท้!!”
“ข้ารับรู้ได้ถึงพลังของแก่นแท้!!”
“นี่คืออาณาจักรสายลมที่แท้จริง! ทำไมก่อนหน้านี้ข้าไม่อาจจะรับรู้ได้ถึงสิ่งใดๆ หลังจากที่มาถึงยังที่แห่งนี้!”
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่รับรู้ได้ถึงกฎธรรมชาติของโลกแห่งนี้ เขาหลับตาลง และรู้สึกราวกับว่าสามารถจะรับรู้ได้ถึงตัวแก่นแท้ของมันเอง
เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเป็นมาก่อนโดยสิ้นเชิง แทบจะเหมือนกับว่าสิ่งที่เขาต้องทำทั้งหมดก็คือยื่นมือออกไปก็จะได้ครอบครองแก่นแท้นั้น คล้ายกับการยื่นมือออกไปแค่ครั้งเดียวก็สามารถจะทำให้เกิดเป็นระลอกคลื่นขึ้นในกฎธรรมชาติแห่งนี้ ถ้าเปรียบอาณาจักรขุนเขาทะเลเป็นกำแพงอันแข็งแกร่ง ที่ปิดกั้นทุกสรรพสิ่งไว้ อาณาจักรสายลมก็จะเป็น…
คล้ายกับตาข่าย ที่เต็มไปด้วยรูรั่ว เนื่องจากรูรั่วทั้งหลายเหล่านั้น ทำให้คนทั้งหมดในที่แห่งนี้สามารถจะรับรู้ได้ถึงกฎธรรมชาติและแก่นแท้เหล่านั้นอย่างง่ายดาย
แน่นอนว่า ใครก็ตามที่มีพื้นฐานฝึกตนซึ่งไม่ได้อยู่ในอาณาจักรเซียน…ก็ไม่อาจจะตรวจจับสิ่งเหล่านี้ได้!
ในช่วงเวลาเดียวกับที่แก่นแท้โลกของอาณาจักรสายลมปะทุขึ้นมา แรงกดดันอันเข้มข้นก็ม้วนกวาดออกไปทั่วทั้งโลกแห่งนี้ แรงกดดันนั้นกดทับลงมาแทบจะราวกับว่าโลกแห่งนี้ทั้งหมดได้จมอยู่ใต้ก้นทะเล
โชคดีที่กลุ่มคนทั้งหมดที่มาจากอาณาจักรแห่งท้องทะเล ต่างก็คุ้นเคยกับแรงกดดันเช่นนี้ ถึงแม้ว่ามันจะมีความเข้มข้นเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่มีผลกระทบต่อพวกเขามากนัก รวมทั้งเมิ่งฮ่าวด้วย
อย่างไรก็ตามเมิ่งฮ่าวก็ตระหนักดีด้วยเช่นกันว่า ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่าเขาได้ใช้เวลาปรับตัวให้คุ้นเคยอยู่ในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าเป็นเวลาสามเดือนแล้วละก็ พื้นฐานฝึกตนของเขาคงจะก้าวหน้าไปได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น
ขณะที่แรงกดดันพุ่งขึ้นมา พลังของกฎธรรมชาติและแก่นแท้จำนวนมากได้เปิดเผยตัวตนออกมา ถ้ำแห่งเซียนซึ่งเป็นที่พักชั่วคราวของชนเผ่าที่เก้า ต่างก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับภูเขาที่มีพลังของชนเผ่าอยู่ ในตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นมังกรสีทอง เห็นได้ชัดว่า…ภูเขานั้นคือจุดศูนย์กลางของกฎธรรมชาติและแก่นแท้ทั้งหมดของชนเผ่าที่เก้า!
ลมพายุเริ่มก่อตั้งขึ้นมาอยู่รอบๆ ภูเขาอย่างช้าๆ เสียงฟ้าร้องดังก้องออกมา ขณะที่สายลมม้วนกวาดไปมา ใครก็ตามสามารถจะรับรู้ได้ว่าภูเขานี้ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง และถ้าได้ฝึกตนอยู่ในที่แห่งนั้น ก็จะได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นอย่างถึงที่สุด
ก่อนหน้านี้เมิ่งฮ่าวไม่ได้ตัดสินใจแน่ชัดว่าจะต้องได้ครอบครองภูเขานั้น แต่ในตอนนี้มันคือสิ่งที่เขาต้องได้อย่างแน่นอน ดวงตาแวบขึ้น มองไปยังเจี้ยนเต้าจื่อ และสังเกตเห็นรอยยิ้มจางๆ ที่อยู่บนใบหน้าของมัน
“ช่างเป็นจิ้งจอกเฒ่าที่เจ้าเล่ห์นัก!” เมิ่งฮ่าวคิด แต่ก็ไม่ใส่ใจมากนัก ถ้าไม่ฉลาดรอบรู้อย่างเพียงพอ ผู้อ่อนแอก็คงไม่อาจจะมีชีวิตรอดได้เป็นเวลานานในโลกแห่งการฝึกตนนี้
หลายต่อหลายครั้ง ที่ความสามารถในการวางแผน คือพลังอันยิ่งใหญ่มากที่สุด
“มีบางสิ่งแปลกๆ กำลังเกิดขึ้น มันเป็นสิ่งที่เกินกว่าเจี้ยนเต้าจื่อผู้เรียบง่ายจะสามารถวางแผนได้เช่นนี้”
ขณะที่เมิ่งฮ่าวยืนครุ่นคิดอยู่นั้น เป้ยอวี้และสองผู้ฝึกตนอสูรพร้อมกับรังสีสังหาร เริ่มเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เองที่ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงฟ้าร้องคำรามดังก้องขึ้นมา ท้องฟ้าระเบิดขึ้น และสีหน้าของเมิ่งฮ่าวก็เปลี่ยนไป ขณะที่ทันใดนั้นก็รับรู้ได้ว่าฉู่อวี้เยียน, ซูเยียน และผู้ฝึกตนอสูรทั้งหมดที่อยู่ในถุงสมบัติของเขา กำลังกระอักโลหิตออกมา!
“เก้า!! เก้าคือข้อจำกัด!”
เสียงหนึ่งดังก้องออกมา “แต่ละทะเลสามารถส่งคนเข้ามาในอาณาจักรสายลมได้แค่เก้าคนเท่านั้น!!”
ทันใดนั้น เมิ่งฮ่าวก็เริ่มเข้าใจ