Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1086

ตอนที่ 1086

ความปรารถนาของอาณาจักรสายลม!

อาณาจักรสายลม!

เมื่อในอดีตหนึ่งในอาณาจักรชั้นต่ำสามพันแห่ง ถูกเรียกว่าสวนแห่งโลกเซียน และได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในร้อยอาณาจักรที่สำคัญมากที่สุด!

ผู้ฝึกตนมากมายที่ปรากฏขึ้นในที่แห่งนี้ ในที่สุดก็จะเข้าไปอยู่ในโลกแห่งเซียน ซึงเป็นสถานที่ที่พวกมันจะได้ครอบครองสิทธิต่างๆ มากมายของเซียน อันที่จริงแม้แต่ราชันจักรพรรดิก็ยังถือกำเนิดขึ้นมาจากที่แห่งนี้!

ราชันจักรพรรดิเป็นขั้นที่อยู่ระหว่างอาณาจักรเต๋า และอาณาจักรผู้ยิ่งใหญ่!

นั่นคือช่วงเวลาที่รุ่งเรืองของอาณาจักรสายลม ซึ่งเต็มไปด้วยดินแดนและทะเลมากมายนับไม่ถ้วน และได้รับการล้างบาปนับไม่ถ้วนจากแม่น้ำเซียน แห่งอาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่

ในช่วงเวลานั้น อาณาจักรสายลมยังถูกเรียกว่าโลกเซียนน้อยอีกด้วย ท้องฟ้าของมันเป็นสีฟ้าอันเจิดจ้า มีสายฝนเซียนตกลงมาเป็นระยะ ช่วยอาบไล้ให้สิ่งมีชีวิตของดินแดนแห่งนี้ ตกอยู่ในเจตจำนงแห่งเซียน

แม่น้ำเซียนขนาดใหญ่บนท้องฟ้าของมัน คล้ายกับเป็นน้ำตกที่ตกลงมาสู่พื้นดินที่ด้านล่าง ทำให้เกิดเป็นสายลมพัดขึ้นมาอย่างไม่รู้จบ สายลมนั้นจะช่วยเร่งปฏิกิริยาเปลวไฟพลังชีวิตของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ทำให้กลายเป็นสถานที่ที่เหมาะสมต่อการฝึกตนเป็นอย่างยิ่ง

แม้แต่มนุษย์ธรรมดาที่มาอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ ก็จะมีอายุขัยที่ยืนยาว และไม่ได้เป็นสิ่งผิดปกติสำหรับพวกมัน ที่จะมีอายุยืนยาวกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบปี

นั่นคือเหตุผลที่ทำไมอาณาจักรสายลมถึงได้ถูกเรียกขานเช่นนี้

สำหรับผู้ฝึกตนแห่งอาณาจักรสายลม อาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่คือสถานที่อันน่าเกรงขาม พวกมันได้รับแรงบันดาลใจมาจากพลังของอาณาจักรเซียน ในเวลาเดียวกันนั้นก็รู้สึกหวาดกลัวต่ออาณาจักรเซียนด้วยเช่นกัน พวกมันมักจะแสดงความเคารพอย่างสูงสุด ต่อเซียนใดๆ ก็ตามที่ตกลงมาจากอาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่ สำหรับพวกมันแล้ว แม้แต่คำพูดที่เปล่งออกมาเพียงน้อยนิดโดยเซียนเหล่านั้น ก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างลึกล้ำ อันที่จริงในอาณาจักสายลมนี้ จะไม่มีคำพูดหรือสีหน้าที่แสดงออกถึงความไม่พอใจต่อเซียนแม้แต่น้อย

แน่นอนว่า ไม่ใช่เซียนทั้งหมดจะรู้สึกไม่พอใจอย่างง่ายดายเช่นนั้น เซียนส่วนใหญ่แล้วจะเป็นที่เคารพนับถือ ซึ่งไม่ใช่เป็นการนับถือด้วยความหวาดกลัว นอกจากนั้นอาณาจักรสายลมได้คงอยู่มาตราบชั่วนิรันดร์ และปรมาจารย์หรือเหล่าสมาชิกของสำนักและตระกูลต่างๆ มากมาย สุดท้ายแล้วก็จะก้าวเข้าไปในโลกแห่งเซียน

น่าเสียดาย ที่เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปในช่วงของภัยพิบัติอันยิ่งใหญ่ อาณาจักรสายลมพังทลายลงไปทั้งหมด และดินแดนมากกว่าครึ่งของมันหายสาบสูญไป ราวกับว่าพวกมันถูกอสูรที่ยิ่งใหญ่บางตนกลืนกินลงไป เปลวไฟแห่งสงครามม้วนกวาดออกไปทั่ว

และผลลัพธ์ที่ออกมา ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่สรวงสวรรค์แห่งเทพเซียนอีกต่อไป แต่กลายเป็นเศษซากปรักหักพัง

สิ่งสำคัญมากที่สุดก็คือว่า แม่น้ำเซียนเหือดแห้งไป คล้ายกับอาณาจักรอื่นๆ อาณาจักรสายลมถูกตัดขาดออกไป ทิ้งให้มันอยู่อย่างโดดเดี่ยวตามลำพัง ขณะที่ผ่านไปนานหลายปี โลกแห่งนี้ก็ค่อยๆ ฟื้นฟูกลับคืนมา แต่ก็มักจะมีอุปสรรคมาคอยขัดขวางอยู่ตลอดเวลา

ดังนั้นกลุ่มคนในอาณาจักรสายลมจึงไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ตรงด้านนอกของโลกพวกมัน พวกมันคิดว่าอาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่

ยังคงมีความแข็งแกร่งอยู่ตราบชั่วกาลนาน ดังนั้นเมื่อมีเซียนใดๆ ก็ตามมาเยี่ยมเยียนอาณาจักรของพวกมัน ก็จะพบกับการแสดงความเคารพที่ถูกฝังแน่นอยู่ในสายโลหิตของพวกมัน และจะยังคงเป็นเช่นนี้ตลอดไป

ยิ่งไปกว่านั้น…เป็นเวลานาน, นานมากแล้วที่ไม่มีใครจากอาณาจักรสายลมจะเข้าไปสู่โลกแห่งเซียนได้ ทำให้บางส่วนของพวกมันเกิดความลังเลขึ้นมา สำหรับพื้นฐานฝึกตนของพวกมัน พวกมันถูกจำกัดอยู่ที่ขั้นค้นหากระถาง ทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับพวกมันที่จะมีความก้าวหน้าไปจนถึงขั้นเซียน ซึ่งจะช่วยให้พวกมันออกไปจากโลกแห่งนี้ได้

เนื่องจากเรื่องราวเหล่านั้นทั้งหมด ทำให้เซียนใดๆ ก็ตามที่มายังที่แห่งนี้ จะได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพอย่างน่าเหลือเชื่อ หรือแม้แต่เป็นความหวาดกลัว ทำให้ผู้ฝึกตนของอาณาจักรสายลมกระหายใคร่ที่จะได้รับโชควาสนา ซึ่งอาจจะถูกประทานมาจากเซียน…

ดังนั้นสำหรับกลุ่มคนรุ่นนี้ของอาณาจักรสายลม การมาถึงของผู้ฝึกตนจากอาณาจักรขุนเขาทะเล…ก็เปรียบเสมือนกับเป็นเทพ!

เมิ่งฮ่าวและฝานตงเอ๋อร์ รวมทั้งสามผู้ฝึกตนธรรมดา, เป้ยอวี้และสามผู้ฝึกตนอสูร ทั้งหมดมาถึงยังอาณาเขตทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของอาณาจักรสายลม ตกอยู่ในท่ามกลางทะเลทราย

กลุ่มทรายม้วนตัวไปมา กระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง และความร้อนก็ค่อนข้างจะรุนแรงจนทำให้คนทั้งหมดต้องมีเหงื่อไหลออกมาอย่างมากมาย ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ก็มีผู้ฝึกตนเกือบหนึ่งหมื่นคนอยู่ในตอนนี้ กำลังรวมตัวเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา หมอบกราบไปบนพื้นในรูปแบบของค่ายกลเวท

ไม่มีพลังโจมตีถูกสร้างขึ้นมาจากภายในค่ายกลเวทนี้ เป็นเพียงแค่พิธีการ เพื่อแสดงออกถึงความเคารพเท่านั้น

ค่ายกลเวทนั้นถูกสร้างขึ้นมาจากบุรุษและสตรี ชราและเยาว์วัย พวกมันทั้งหมดคุกเข่าหมอบกราบลงไปบนมือทั้งสองข้าง ด้วยสีหน้าที่หวาดกลัวและเคารพนับถือ ศีรษะของพวกมันก้มลงต่ำ ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะกล้าเงยหน้ามองขึ้นมา

ในท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านี้เป็นแท่นบูชาขนาดใหญ่ ถูกปกคลุมด้วยรอยแกะสลักจำนวนมาก ซึ่งกระจายสิ่งที่ดูเหมือนว่าจะเป็นพลังที่ไม่อาจจะแตะต้องได้ตราบชั่วนิรันดร์

ในตอนนี้ มองเห็นเก้าลำแสงกำลังสว่างวาบอยู่ในท้องฟ้า ขณะที่พวกมันพุ่งตรงมายังแท่นบูชา ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกมา สัญลักษณ์เวททั้งหมดที่อยู่บนแท่นบูชา เริ่มส่องแสงระยิบระยับขึ้นมา ราวกับว่ากำลังต้อนรับแขกผู้มาเยือน

เสียงกึกก้องนั้นยิ่งมีความเข้มข้นมากขึ้น และผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ ก็เริ่มสั่นสะท้านมากขึ้นไปอีก ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา หนึ่งในพวกมันเป็นชายชราที่อยู่ตรงกลางของกลุ่มผู้ฝึกตนที่อยู่ใกล้กับแท่นบูชามากที่สุด ได้ร้องตะโกนขึ้นมาด้วยเสียงที่ดังก้องออกไป

“พวกเราขอต้อนรับท่านเซียนทั้งหมดด้วยความเคารพ!”

คำพูดของมันดังก้องอยู่นานถึงสิบลมหายใจ หลังจากนั้นเสาแห่งแสงที่เจิดจ้าก็พุ่งขึ้นมาจากแท่นบูชาไปเชื่อมต่อกับพวกมัน จากนั้นแสงนั้นก็จางหายไปอย่างช้าๆ เผยให้เห็น…ผู้ฝึกตนเก้าคน!

เมิ่งฮ่าวคือหนึ่งในนั้น คนทั้งหมดจากอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าสาดประกายขึ้นด้วยแสงสีทอง ทำให้ดูศักดิ์สิทธิ์จนไม่อาจจะฝ่าฝืนได้ ยิ่งไปกว่านั้นเพราะว่าพื้นฐานฝึกตนของพวกเขา สูงเกินกว่าผู้ฝึกตนของอาณาจักรสายลมมาก ทำให้กระจายเป็นแรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อออกมา ซึ่งได้กดทับลงไปบนร่างของกลุ่มฝูงชนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น ทำให้พวกมันต้องสั่นสะท้านไปทั้งร่าง

เมิ่งฮ่าวมองไปยังภาพเหล่านั้นอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะได้สติกลับคืนมา สายตากวาดมองไปมายังแท่นบูชาที่พวกเขากำลังยืนอยู่ และผู้ฝึกตนนับหมื่นที่หมอบกราบด้วยความเคารพ เขามองผ่านผู้ฝึกตนไป

ก็ได้เห็นผู้คนอีกมากมาย ผู้คนทั้งหมดนับหมื่นหมอบกราบอยู่บนพื้น ไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมาแม้แต่น้อย

ตรงเบื้องหน้าของกลุ่มคนนับหมื่นเหล่านี้ เป็นบุรุษวัยกลางคน ที่สวมใส่ชุดของจักรพรรดิ มันกำลังสั่นสะท้านด้วยเช่นกัน ขณะที่หมอบกราบลงไป เท่าที่เห็นมันเป็นจักรพรรดิของอาณาเขตหรือชนเผ่าแห่งนี้

ทั้งเมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆ ที่มาพร้อมกับเขา ต่างก็ไม่คุ้นเคยกับการที่มีคนกลุ่มใหญ่มาหมอบกราบด้วยความเคารพเช่นนี้

ชายชราที่อยู่ในท่ามกลางกลุ่มผู้ฝึกตนหนึ่งหมื่นคน เป็นคนแรกที่เงยหน้าขึ้น มองมายังเมิ่งฮ่าวและอีกแปดคน ดูเหมือนว่ามันจะแก่ชราเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่ามันมีชีวิตอยู่มานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน แต่พื้นฐานฝึกตนก็อยู่เพียงแค่ขั้นค้นหากระถางเท่านั้น

“ซ่างเซียน (ท่านเซียนสูงสุด) นับว่าเป็นเกียรติอย่างหามิได้ ที่พวกเราชนเผ่าที่เก้าได้มาต้อนรับพวกท่านในวันนี้! เป็นเวลามากกว่าหนึ่งพันปีมาแล้ว ที่ไม่มีเซียนใดๆ มายังที่แห่งนี้เพื่อประทานโชควาสนาให้กับพวกเรา ได้โปรดยอมรับการสักการะจากเจ็ดสำนักและสามตระกูลของชนเผ่าที่เก้าของพวกเราด้วย!”

ด้านหลังมันเป็นชายชราสิบคน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นปรมาจารย์ของสำนักและตระกูลที่มันเพิ่งจะเอ่ยถึงเมื่อครู่นี้ พวกมันแสดงความเคารพขณะที่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา มองดูเมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆ ครั้นแล้วพวกมันก็ก้มศีรษะลงเพื่อกราบสักการะอีกครั้ง

“เซี่ยซิว (คำเรียกตนเองของข้ารับใช้) เจี้ยนเต้าจื่อ”

ชายชราที่อายุมากที่สุดกล่าวขึ้น ซึ่งเป็นคนแรกที่พูดขึ้นมา

“ซ่างเซียน ตอนนี้เมื่อพวกท่านตกลงมายังอาณาจักรชั้นต่ำของพวกเรา สิ่งใดที่ท่านต้องการ พวกเราก็จะจัดหามาให้ พวกเราจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้พวกท่านพึงพอใจ!” แววตามันลุกโชนขึ้นด้วยความมุ่งหวัง ขณะที่คำพูดดังก้องออกไป

“ถ้าพวกเราขอให้พวกเจ้าทั้งหมดจบชีวิตของตัวเองไป เจ้าจะว่าอย่างไร?” หนึ่งในผู้ฝึกตนอสูรที่ยืนอยู่กับเป้ยอวี้ถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้วขึ้นในทันทีที่ได้ยินคำพูดของมัน แม้แต่เป้ยอวี้ก็มีท่าทางไม่พอใจ

แต่ชายชราที่มีนามว่าเจี้ยนเต้าจื่อไม่ลังเลแม้แต่น้อยนิด กล่าวตอบมาว่า

“เว้นแต่จะมีซ่างเซียนท่านอื่นมาขัดขวาง สิ่งที่พวกท่านต้องทำก็คือแค่พูดออกมาเท่านั้น!”

ผู้ฝึกตนอสูรลังเลอยู่ชั่วขณะ แต่ทั้งเมิ่งฮ่าวและฝานตงเอ๋อร์ รวมทั้งคนอื่นๆ ทั้งหมด ต่างก็รับรู้ได้ถึงความมุ่งมั่นและแน่วแน่ในคำพูดของเจี้ยนเต้าจื่อ รวมทั้งความหลงใหลอย่างบ้าคลั่งด้วยเช่นกัน

ไม่เพียงแต่มันเท่านั้นที่มีทัศนคติเช่นนี้ ชายชราทั้งหมด และผู้ฝึกตนอื่นๆ ทั้งหมด…ต่างก็เป็นเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะแสดงให้เห็นถึงความนับถืออย่างบ้าคลั่งอยู่ในแววตา

แต่ก็เป็นท่าทางของผู้ที่ด้อยกว่าได้แสดงออกต่อผู้ที่อยู่เหนือกว่าอย่างแท้จริง ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวต้องสั่นสะท้านขึ้นมา

ทันใดนั้นเอง ผู้ฝึกตนอายุเยาว์ผู้หนึ่งในท่ามกลางกลุ่มฝูงชน ดูเหมือนว่าจะไม่ยอมอดทนใดๆ อีกต่อไป มันเงยหน้าขึ้น มองไปยังเมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆ ทั้งแปด

เมื่อสายตาตกกระทบไปที่เป้ยอวี้และฝานตงเอ๋อร์ ดูเหมือนว่าบุรุษหนุ่มผู้นั้นแทบจะหยุดหายใจไป

แทบจะในทันทีที่บุรุษหนุ่มมองขึ้นไป สีหน้าของชายชราเจี้ยนเต้าจื่อก็เปลี่ยนไปด้วยโทสะ ท่าทางเช่นเดียวกันนี้ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายชราคนอื่นๆ ทั้งหมด

“เจ้ากล้าดีอย่างไร!!” เจี้ยนเต้าจื่อร้องตวาดขึ้นมา

ใบหน้าของบุรุษหนุ่มซีดขาว และสีหน้าก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว มันรีบก้มศีรษะลงในทันที แต่ก็สายเกินไปแล้ว

“การดูหมิ่นเทพเป็นข้อละเมิดที่ร้ายแรงของอาณาจักรสายลม!” เจี้ยนเต้าจื่อกล่าวเสียงเย็นชา ชี้นิ้วตรงไปยังบุรุษหนุ่มผู้นั้น ทำให้กระแสของอากาศกระแทกเข้าไปที่หน้าผากของมัน บุรุษหนุ่มสั่นสะท้านและจากนั้นก็ตายไปในทันที

เหตุการณ์นี้ทำให้ดวงตาเมิ่งฮ่าวต้องเบิกกว้างขึ้น คนทั้งหมดจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง

อย่างไรก็ตาม การกระทำที่เรียบง่ายนั้นยังไม่จบลงแต่เพียงเท่านี้ หนึ่งในสิบชายชราที่อยู่ด้านหลังเจี้ยนเต้าจื่อ

ยกแขนขวาขึ้นไปในอากาศและตัดออกไปในทันที ใบหน้ามันซีดขาวขณะที่ยกแขนข้างที่ถูกตัดนั้นขึ้นไปในอากาศ และคุกเข่าลงไป

“บุรุษหนุ่มผู้นั้นเป็นศิษย์ในสำนักเซี่ยซิว เซี่ยซิวสั่งสอนมันมาไม่ดีพอ ทำให้ต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างช่วยไม่ได้ หวังว่าการตัดแขนออกไปของเซี่ยซิว จะช่วยลดโทสะของซ่างเซียนไปได้บ้าง!”

เป้ยอวี้หอบหายใจออกมา และฝานตงเอ๋อร์ก็สะท้านใจไปโดยสิ้นเชิง เมิ่งฮ่าวมองไปด้วยความตกตะลึงต่อเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ แม้แต่พลังแห่งเจตจำนงของเขา ก็ยังต้องสั่นสะท้านไปด้วยพฤติกรรมของกลุ่มคนจากอาณาจักรสายลมเหล่านี้

เป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายออกมาได้ ราวกับว่าในช่วงเวลาสั้นๆ นี้…พวกเขาทั้งหมดจู่ๆ ก็กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง!

เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะพบเจอกับความรู้สึกเช่นนี้ ในอาณาจักรขุนเขาทะเล เพราะว่ามักจะมีผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งมากกว่าพวกเขาอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าจำนวนของผู้แข็งแกร่งไม่อาจจะเทียบได้กับกลุ่มคนที่อ่อนแอกว่าพวกเขาก็ตามที แต่อาณาจักรขุนเขาทะเลก็เป็นสถานที่อันกว้างใหญ่มากเป็นอย่างยิ่ง

อาณาจักรขุนเขาทะเลมีกฎเกณฑ์และมารยาทของมันเอง ซึ่งคล้ายกับเป็นร่างแหชั้นแล้วชั้นเล่าที่ผูกมัดคนทั้งหมดไว้ด้วยกัน การก่อตัวขึ้นมาของกฎธรรมชาติเช่นนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ยอมให้มีการกระทำอย่างดื้อด้านใดๆ

อย่างไรก็ตาม อาณาจักรสายลมไม่เพียงแต่จะถูกตัดขาดไปจากอาณาจักรอื่นๆ ทั้งหมดเท่านั้น

พื้นฐานฝึกตนที่สูงมากที่สุดของที่แห่งนี้ ก็ไม่ได้อยู่แม้แต่ในอาณาจักรเซียน ดังนั้นเมิ่งฮ่าวและอีกแปดคน…ต่างก็กลายเป็นเทพอย่างแท้จริง!

อำนาจ, ความร่ำรวย และสิ่งใดๆ ก็ตามที่พวกเขาต้องการ…ก็เพียงแค่พูดออกไปเท่านั้น!

ถ้าเป็นความร่ำรวย เพียงแค่ประโยคเดียว ก็ทำให้เศรษฐีทั้งหมดของชนเผ่าต้องส่งมอบออกมาให้!

ถ้าเป็นอำนาจ พวกมันก็จะยกย่องให้กลายเป็นจักรพรรดิในทันที!

ไม่ว่าพวกเขาจะไปยังที่แห่งใดในชนเผ่าที่เก้านี้ ถ้าพวกเขาชอบใครสักคน ก็สามารถจะนำคนผู้นั้นจากไปได้ทุกเมื่อ พวกเขาสามารถจะทำอะไรก็ได้ตามความพอใจ และกลุ่มคนเหล่านี้ก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธไม่ปฏิบัติตามได้ พวกมันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างแท้จริงที่ได้บริการช่วยเหลือ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่พวกเขามาถึง มีบางสิ่งที่น่าประหลาดใจจนทำให้จิตใจของเมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆ ต้องหมุนคว้าง ในที่สุดพวกเขาก็พบว่า…มันเป็นสิ่งที่เหมือนกับ…เป็นกฎที่ไร้ข้อจำกัดใดๆ โดยสิ้นเชิง

ในสถานที่แห่งนี้ พวกเขาเป็นผู้สร้างกฎขึ้นมา!

ในตอนนี้ ภาพเช่นเดียวกันนี้กำลังปรากฏขึ้น ในทั่วทุกอาณาเขตของอาณาจักรสายลม คนทั้งหมดที่มาถึงต่างก็สั่นสะท้านไปจนถึงแก่นกาย!

สมาชิกลำดับขั้นและผู้ฝึกตนอื่นๆ จากเก้าทะเลแห่งอาณาจักขุนเขาทะเลทั้งหมด ไปยังสถานที่ที่แตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตามแต่ละสถานที่เหล่านั้นเป็นของ…กลุ่มคนเหล่านั้นแต่เพียงผู้เดียวที่ได้ครอบครองมัน

อาณาจักรสายลมมีชนเผ่าทั้งหมดเก้าชนเผ่า ดังนั้นแต่ละทะเลทั้งเก้าต่างก็ได้ครอบครองหนึ่งในชนเผ่าเหล่านั้น

ตรงจุดศูนย์กลางของเก้าชนเผ่า คือสถานที่ตั้งของแก่นแท้โลก ซึ่งเป็นวิหารโบราณ…เป็นเป้าหมายของคนทั้งหมดที่เพิ่งจะมาถึง

 

——————–

 

หมายเหตุ: ขั้นค้นหากระถาง คือขั้นพื้นฐานฝึกตนในนิยายอีกสองเรื่องของเอ่อร์เกิน คือ 求魔 (ฉิวโม๋ – แปลตรงตัวว่า ค้นหาเวทมนต์) และ 仙逆 (เซียนหนี่ – แปลตรงตัวว่า ความผกผันของเซียน) ค้นหากระถางอยู่ในขั้นเดียวกับค้นหาเต๋าของเรื่องนี้ ซึ่งเป็นขั้นสูงสุดก่อนที่จะเข้าไปในอาณาจักรเซียน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version