Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1093

ตอนที่ 1093

นามที่ลำดับขั้นสั่นสะเทือน

บนยอดเขาที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ สายลมอันหนาวเย็นได้พัดพาเกล็ดหิมะให้ตกลงไปบนศีรษะของเมิ่งฮ่าว พวกมันหลอมละลายไปอย่างรวดเร็ว นำพาความอบอุ่นที่อยู่ภายในร่างเขาบางส่วนจากไปด้วย ทำให้รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นราวน้ำแข็ง

ความหนาวเย็นนั้นทำให้สายตาที่ค่อนข้างจะว่างเปล่าของเมิ่งฮ่าวแจ่มใสขึ้นมาในทันที ขณะที่สติของเขาฟื้นกลับคืนมา ก็ทำให้การเปลี่ยนแปลงอย่างน่าเหลือเชื่อของดินแดนในชนเผ่าที่เก้าต้องหยุดลงไป

“โลกมีกฎธรรมชาติที่มองไม่เห็นอยู่…” เมิ่งฮ่าวพึมพำ

“ตรงจุดบนสุดของกฎธรรมชาตินั้นคือพลังของแก่นแท้ที่มีอยู่ทั่วไปในทุกแห่งหน…ถ้าเข้าใจถึงลักษณะของบางสิ่งได้อย่างแท้จริง และมองเห็นถึงต้นกำเนิดของมัน ก็จะรู้ว่าทุกสรรพสิ่งที่เกี่ยวข้องนั้น…คือแก่นแท้ของมัน” ถึงแม้ว่าการเดินขึ้นมาจากด้านล่างของภูเขาจนถึงยอดเขานี้ จะดูเหมือนว่ารวดเร็ว แต่ในความเป็นจริงมันต้องใช้เวลาอยู่ไม่น้อย

สิ่งที่ขัดแย้งกันนี้ทำให้เมิ่งฮ่าวได้รับความรู้แจ้งที่เกี่ยวข้องกับภูเขาไป๋เฟิงและชนเผ่าที่เก้า อย่างไรก็ตามเขายังคงรู้สึกว่ายังมีสถานที่บางแห่งที่ไม่อาจจะสืบค้นเข้าไปได้ มีบางสิ่งเกี่ยวกับภูเขานี้, ชนเผ่านี้ และแม้แต่อาณาจักรนี้…ที่ไม่กลมกลืนเข้าด้วยกัน

ราวกับว่ามีพลังของการปฏิเสธอยู่ ทำให้การสังเกตดูกฎธรรมชาติและแก่นแท้ ตลอดช่วงการเดินทางขึ้นไปบนภูเขาของเมิ่งฮ่าว

มีความเข้าใจเพียงผิวเผินเท่านั้น ตอนนี้เมื่อเขาคิดย้อนกลับไป ก็ตระหนักว่าไม่มีอะไรที่สำคัญหรือลึกล้ำจนพอที่จะประทับลงไปในจิตใจของตนเองได้

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ เขาก็มองไปรอบๆ ยังเกล็ดหิมะที่ลอยพลิ้วบดบังม่านสายตาเต็มไปทั่ว และที่กำลังตกลงมาบนร่างของตนเอง

พื้นดินถูกปกคลุมเต็มไปด้วยชั้นของหิมะที่แน่นหนา ซึ่งยึดแน่นเกล็ดหิมะที่ตกลงไปอย่างรวดเร็ว เกล็ดหิมะสูญเสียความสามารถที่จะลอยพลิ้วไปมา ไม่ว่าจะมีสายลมพัดกระโชกให้พวกมันปลิวขึ้นไปมากแค่ไหนก็ตามที

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสายตาของเขาจะถูกเกล็ดหิมะบดบังมากแค่ไหน เขาก็ยังคงมองเห็นที่เบื้องหน้าขึ้นไปเป็น…รูปปั้นรูปหนึ่ง

มันเป็นรูปปั้นที่ถูกห้อมล้อมด้วยหิมะที่หมุนวนไปมา มีรูปร่างหน้าตาเป็นบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่ง พร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้า ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีอำนาจหรือเคร่งขรึมมากนัก แต่ดวงตาก็มองเห็นเป็นประกายอันคมกริบด้วยแววตาที่ดุดัน ใครก็ตามที่มองเห็นรูปปั้นนี้ก็จะต้องสั่นสะท้านอยู่ภายในใจ

เป็นความรู้สึกของมนุษย์ที่ต้องมาเผชิญหน้ากับสัตว์ป่า

ราวกับว่าความเกรี้ยวกราดของคนผู้นี้สามารถทำให้สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน และทำให้โลกแห่งนี้ต้องสั่นไหวไปมาได้ ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต้องก้มศีรษะลงเพื่อกราบกราน เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่มองไปยังรูปปั้นแทบจะราวกับว่ารูปปั้นนั้นกำลังมองกลับมาที่เขา

สายตาที่เรียบง่ายนั้นทำให้จิตใจเขาต้องหมุนคว้าง ส่งผลให้พื้นฐานฝึกตนตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย ทำให้ปราณและโลหิตต้องพลุ่งพล่าน เมิ่งฮ่าวกระอักโลหิตออกมาและโซเซถอยไปทางด้านหลังสองสามก้าว สีหน้าเปลี่ยนไป

“คนผู้นี้อยู่ในอาณาจักรอะไรกัน? มันเป็นแค่รูปปั้นเท่านั้น ทำให้มีพลังของร่างจริงเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ของมันช่างน่าตกใจนัก!”

“ไม่ถูกต้อง ความรู้สึกนี้…ช่างคุ้นเคยนัก!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้นขณะที่มองขึ้นไปยังรูปปั้น และจากนั้นแววตาแปลกๆ ก็ปรากฏขึ้นมา

“ข้าถูกเรียกมายังที่แห่งนี้ด้วยรูปปั้นนี้…”

“ยิ่งไปกว่านั้น พลังที่ทำให้ข้าต้องบาดเจ็บไม่ได้มาจากรูปปั้น แต่เป็น…ชนเผ่าที่เก้า!” ดวงตาเขาสาดประกายขึ้นขณะที่หันหน้ามองออกไปยังชนเผ่าที่เก้า

“นั่นคือ…พลังของโชคชะตาแห่งเชื้อชาติ เหตุผลที่ทำให้ข้ารู้สึกคุ้นเคยเป็นเพราะว่า สถานที่แห่งนี้เหมือนกับเจดีย์แห่งถัง!! หรือบางทีอาจจะดีกว่าถ้าจะพูดว่ากระแสลมปราณของชนเผ่าที่เก้าเมื่อรวมตัวเข้าด้วยกัน ก็ช่วยให้รูปปั้นนี้กระจายแรงกดดันอันน่าประหลาดใจออกมา!”

“อาณาจักรสายลมมีเก้าชนเผ่า แต่ละชนเผ่า…มีกระแสลมปราณของอาณาจักรสายลมอยู่ประมาณหนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น!”

“เหตุผลที่ข้าต้องพบเจอกับความรู้สึกที่ถูกปฏิเสธก็เพราะว่า…ข้าไม่ใช่คนของอาณาจักรสายลม!”

“ตอนนี้เมื่อข้ามาอยู่ที่นี่แล้ว ก็น่าจะมีวิธีในการกำจัดพลังการปฏิเสธนั้นไป และได้รับความยินยอมจากกลิ่นอายเชื้อชาติ!”

เมิ่งฮ่าวมองกลับไปยังรูปปั้น และดวงตาก็จ้องนิ่งไปยังเครื่องหมายที่แทบจะมองไม่เห็นบนหลังมือ

ถ้าไม่มีการตรวจสอบอย่างรอบคอบ ก็ยากที่จะมองเห็นเครื่องหมายนี้ได้อย่างชัดเจน ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งมั่น ขณะที่ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในวิชาเวท และยิงตรงไปยังเครื่องหมายนั้น แต่ก็ดูเหมือนว่าเครื่องหมายไม่อาจจะเปิดออกมาได้ ราวกับว่ามันเป็นผนึกที่ต้องใช้เวลาหลายชั่วยามเพื่อทะลวงผ่านเข้าไปได้ เมิ่งฮ่าวครุ่นคิดอย่างเงียบๆ จากนั้นก็ขยับมือขวาเพื่อร่ายเวทขึ้นมา และปลดปล่อยเวทผนึกอสูรรุ่นห้าออกไปในทันที

ในตอนนี้เขามีความชำนาญต่อเวทรุ่นห้าเป็นอย่างดี และสามารถจะรับรู้ได้ว่ามันมีประโยชน์ในการจัดการกับผนึกต่างๆ ทำการสลับสับเปลี่ยนระหว่างด้านในและด้านนอก กลืนกินเข้าไปและคายออกมา สามารถจะคลายผนึกได้ทุกชนิด!

ขณะที่เมิ่งฮ่าวปลดปล่อยเวทผนึก เจี้ยนเต้าจื่อและคนอื่นๆ ที่อยู่ตรงเชิงเขามองขึ้นไปด้วยสายตาที่ซับซ้อน เจี้ยนเต้าจื่อแอบถอนหายใจออกมา และประกายแสงที่แทบจะมองไม่เห็นแวบผ่านดวงตาของมันไป ถึงแม้ว่ามันไม่อาจจะทำการทะลวงผ่านพื้นฐานฝึกตนให้สูงขึ้นไปได้ในช่วงชีวิตนี้ แต่ก็สามารถจะใช้เวทลับเพื่อขยายช่วงชีวิตที่ยืนยาวของมันให้ยืดออกไปได้อีกหลายปีมากๆ

อันที่จริงมันมีชีวิตอยู่มานานมากแล้ว จนลืมไปว่าตนเองมีอายุเท่าใดกันแน่ ยิ่งไปกว่านั้นมันไม่เคยลืมเซียนที่มาเหยียบย่ำผู้คนที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรสายลมให้อยู่ใต้แทบเท้า สร้างความอัปยศให้กับพวกมัน ไม่สามารถจะลืมเลือนความรู้สึกที่ต้องถูกกดขี่ราวกับเป็นข้าทาสไปได้

“บางทีถ้าข้าไม่ได้พบกับคนผู้นั้น…ข้าก็คงไม่มีความรู้สึกเช่นนี้ นอกจากนั้นอาณาจักรสายลมคือหนึ่งในอาณาจักรชั้นต่ำของโลกแห่งเซียน และเป็นโลกของข้าทาสอยู่แล้ว” มันก้มศีรษะลงเพื่อปกปิดความเกลียดชังและความชั่วร้ายที่แวบขึ้นมาในดวงตา

ในที่สุดความระมัดระวังตัวก็มาแทนที่ เมื่อมันมองขึ้นไป แววตาทั้งหมดก่อนหน้านี้ก็หายไป ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเลื่อมใสที่มีต่อเซียนเท่านั้น

อันที่จริงจากเซียนนับไม่ถ้วนที่มันเคยพบเจอมา ไม่มีใครทำให้มันเกิดความรู้สึกเช่นเดียวกับเมิ่งฮ่าวมาก่อน ทำให้มันต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวมากขึ้น

“พื้นฐานฝึกตนและเล่ห์เหลี่ยมของมันช่างลึกล้ำยิ่ง และมันก็ลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมน่ากลัว มัน…ไม่ใช่คนที่จะถูกจัดการได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามมันต้องตกอยู่ในความสับสนของที่แห่งนี้ และถึงแม้ว่ามันจะไม่เกิดขึ้น…ไม่ว่ามันจะแข็งแกร่งมากเท่าใดก็ตามที อีกไม่นานความอดทนของอาณาจักรสายลมก็จะหมดไป และจะต้องระเบิดขึ้นมาอย่างแน่นอน!”

เจี้ยนเต้าจื่อสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และแสงอันเจิดจ้าก็แวบขึ้นมาในดวงตา ก่อนที่จะกลับเป็นปกติเหมือนเดิม มันสอดมือเข้าไปในชายแขนเสื้อ จากนั้นก็ก้มตัวลงต่ำทำตัวเองให้ดูสงบเสงี่ยมไร้พิษภัยใดๆ

“ต้องไม่มีสมาชิกลำดับขั้นเข้าใจรูปปั้นของราชันจักรพรรดิเพียงแวบแรกที่มองเห็น ถึงแม้ว่าจะมีใครบางคนที่มายังสถานที่แห่งนี้จะตระหนักถึงความลับของมัน แต่พวกมันก็มาแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น สุดท้ายผู้ที่รวดเร็วมากที่สุดก็ใช้เวลาอย่างน้อยสามชั่วยาม เมิ่งฮ่าวผู้นี้อาจจะชาญฉลาดอย่างน่าเหลือเชื่อ พร้อมกับความรู้แจ้งที่ไม่ธรรมดา แต่มันก็ต้องใช้เวลามากไปกว่านั้น…”

ภายในใจเจี้ยนเต้าจื่อกำลังหัวเราะอย่างเย็นชา ขณะที่มองขึ้นไปยังเมิ่งฮ่าวซึ่งอยู่บนยอดเขา จากนั้นสีหน้ามันก็เปลี่ยนไปในทันที และดวงตาก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

ไม่เพียงแต่มันเท่านั้น ชายชราที่อยู่ด้านหลังของมันต่างก็จ้องมองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง และหอบหายใจออกมา

ในตอนที่เมิ่งฮ่าวปลดปล่อยเวทผนึกลงไปบนเครื่องหมายผนึกนั้น เขารู้สึกเหมือนกับว่ากำลังเปิดประตูออกไป จิตใจสั่นสะท้านและโลกก็สั่นสะเทือน กฎธรรมชาตินับไม่ถ้วนระเบิดออกมาจากประตูนั้น รวมทั้งแก่นแท้จำนวนมาก พวกมันม้วนกวาดไปมา ฝังเขาไว้อยู่ด้านใน จนกลายเป็นความปั่นป่วนวุ่นวายที่พุ่งออกไปในทั่วทุกทิศทาง

ความสงบก่อนหน้านี้ของชนเผ่าที่เก้า ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าเหลือเชื่อขึ้นอีกครั้ง

ภูเขาพุ่งสูงขึ้นมาและแม่น้ำก็เปลี่ยนเส้นทางการไหล

การเปลี่ยนแปลงที่น่าเหลือเชื่อนี้ทำให้เกิดเป็นความรู้สึกอย่างที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ อยู่ในจิตใจของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในชนเผ่าที่เก้านี้

ลมหายใจของเมิ่งฮ่าวเร่งร้อนถี่เร็วขึ้น ขณะที่ความปั่นป่วนวุ่นวายหมุนวนไปมาอยู่รอบๆ ตัว มองเห็นกฎธรรมชาติและแก่นแท้อยู่เป็นจำนวนมาก แต่ในที่สุดดวงตาก็สาดประกายขึ้น ขณะที่ตระหนักว่าส่วนใหญ่แล้วพวกมันจะเหมือนกัน มองเห็นแสงแห่งการพยากรณ์ปรากฏขึ้น และในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็สามารถจะสรุปได้ว่า…มีเพียงแค่สามพันชนิดเท่านั้น!

ในท่ามกลางสามพันชนิดเหล่านั้น จำนวนที่ไม่ซ้ำกันประกอบด้วย…สามร้อยชนิดเท่านั้น!

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น ขณะที่ความปั่นป่วนวุ่นวาย จู่ๆ ก็เริ่มเคลื่อนที่ช้าลง และเริ่มมารวมตัวกันอยู่ที่เบื้องหน้า เพื่อก่อตัวเป็นเปลวไฟ

เป็นเปลวไฟที่เต้นไปมาอยู่ในมือของรูปปั้น ราวกับว่ามันเป็นตะเกียง เป็นตะเกียงที่ถูกรูปปั้นถือไว้!

เปลวไฟที่เต้นไปมานั้น ส่องแสงแปลกๆ ไปบนรูปปั้น และเมื่อแสงนั้นกระทบร่างเมิ่งฮ่าว เขาก็รู้สึกได้ว่าพลังแห่งการปฏิเสธกำลังจางหายไปอย่างเห็นได้ชัดในทันที

เขาจ้องมองไปยังเปลวไฟ ภายในนั้นมองเห็นเป็นกฎธรรมชาติและแก่นแท้อยู่สามร้อยชนิด น่าเสียดายที่พวกมันไม่สมบูรณ์ แต่ก็มีเหตุผลเป็นอย่างมากที่เมิ่งฮ่าวสามารถจะรับรู้พวกมันได้ทั้งหมด

เมื่อเขามองไปยังแก่นแท้ทั้งสามร้อยชนิดเหล่านั้น จู่ๆ ก็มีเสียงกึกก้องคล้ายกับเป็นเสียงฟ้าคำรามดังขึ้นมาอยู่ในจิตใจ

“สามพันเต๋า สามพันอาณาจักร เก้าชนเผ่าสายลม เก้าเชื้อชาติที่ประกอบไปด้วยสามร้อยเต๋า พวกมันก่อตัวเป็นโลกผนึก…สามร้อยเต๋าสุดท้ายอยู่ในวิหารตรงจุดศูนย์กลาง!”

“บุคคลภายนอก ยิ่งเจ้าเข้าใจในเต๋าได้มากเท่าใด เจ้าก็จะยิ่งได้รับความรู้แจ้งมากขึ้นเท่านั้น และในที่สุดวันที่เจ้าสำเร็จในเต๋าของตนเองก็จะมาถึง!”

เสียงนั้นลึกล้ำยิ่ง แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่มีเวลาที่จะขบคิด เปลวไฟที่อยู่ในมือรูปปั้น ทันใดนั้นก็ทำให้เขารู้สึกว่า…ผลเนี่ยผานของตนเองกำลังสั่นไหวไปมา

แรงสั่นสะเทือนนั้นคือความปรารถนา ฉับพลันนั้นเมิ่งฮ่าวก็รู้สึกได้อย่างแรงกล้าว่า…ถ้าเขาได้รับความรู้แจ้งที่เกี่ยวข้องกับแก่นแท้ทั้งสามร้อยนี้ เขาก็สามารถจะหลอมรวมเข้ากับผลเนี่ยผานลูกที่สองได้อย่างสมบูรณ์!

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ลำแสงก็ระเบิดขึ้นมาจากวิหารที่อยู่ตรงจุดศูนย์กลางของอาณาจักรสายลม ส่งเสียงหวีดหวิวขึ้นไปในอากาศ ทำให้ผู้ฝึกตนทั้งหมดในโลกแห่งนี้ ต้องจ้องมองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

ทำให้เกิดเป็นระลอกคลื่นอันไร้ขอบเขตพุ่งกระจายออกไป เต็มอยู่ในท้องฟ้าของอาณาจักรสายลม ทำให้คนทั้งหมดมองเห็นภูเขาภาพลวงตาอยู่มากมาย ทั้งหมดนั้นมีรูปปั้นขนาดใหญ่อยู่ด้านบน

เห็นได้ชัดว่า ภาพลวงตาที่แสดงออกมานี้…เป็นตัวแทนของความรุ่งเรืองที่สูงส่งอย่างไร้ที่เปรียบ!

ทันใดนั้น หนึ่งในรูปปั้นเหล่านั้นได้พังทลายลงไป ส่งผลให้เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง ขณะที่มันพังทลายลงไป ก็ก่อตัวขึ้นมาใหม่ กลายเป็นรูปปั้นรูปใหม่ เป็นรูปปั้นของ…เมิ่งฮ่าว!

เสียงที่เคร่งขรึมดังก้องอยู่ในจิตใจของคนทั้งหมด

“เมิ่งฮ่าวแห่งชนเผ่าที่เก้าเหนือกว่าเจ้าของสถิติก่อนหน้านี้ มันได้สร้างรูปปั้นของตนเองขึ้นมา และจะได้รับการตอบแทนด้วยกระแสลมปราณของชนเผ่าที่เก้า!”

“เป็นไปไม่ได้!” เจี้ยนเต้าจื่อคิดด้วยจิตใจที่สั่นสะท้าน ด้านหลังมัน ชายชราคนอื่นๆ จ้องมองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

 

ในตอนนี้ กระแสลมปราณของชนเผ่าที่เก้าดูเหมือนจะยอมรับเมิ่งฮ่าวอย่างเต็มที่ ขณะที่มันหมุนวนอยู่รอบๆ ร่างเขา พลังแห่งการปฏิเสธได้หายไปโดยสิ้นเชิง เมิ่งฮ่าวหอบหายใจมองขึ้นไปในท้องฟ้า

ในเวลาเดียวกันนั้น ผู้ฝึกตนอื่นๆ และสมาชิกลำดับขั้นที่อยู่ในชนเผ่าอื่น ต่างก็สั่นสะท้านไปโดยสิ้นเชิง

ในชนเผ่าที่สี่ยืนไว้ด้วยบุรุษหนุ่มที่มีหน้าตาหล่อเหลา ซึ่งตอนนี้มีแววตาที่แปลกๆ สาดประกายออกมา กำมือเป็นหมัดจนแน่น แผดร้องออกมา

“เมิ่งฮ่าว ทำไมข้าถึงได้คุ้นเคยกับนามนี้นัก?”

ในชนเผ่าแรก สมาชิกอันดับหนึ่งที่เย่อหยิ่งอย่างไร้ที่เปรียบของลำดับขั้น ยืนอยู่ที่เบื้องหน้าของรูปปั้นเดียวกันนั้น ซึ่งกำลังส่องประกายเจิดจ้าออกมา มองเห็นเปลวไฟลูกทรงกลมอยู่ที่มือของรูปปั้นด้วยเช่นกัน เห็นได้ชัดว่า…มันได้รับความรู้แจ้งหลังจากเมิ่งฮ่าวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

หลังจากที่มีท่าทางตกใจอยู่ชั่วขณะ มันก็กล่าวว่า

“รวดเร็วกว่าข้า…น่าสนใจนัก ถ้ามันสังเกตเห็นความลับของสถานที่แห่งนี้ได้ ความรู้แจ้งของที่นี่ก็จะถูกครอบครองเมื่อเวลาผ่านไป”

แสงอันลึกล้ำปรากฏขึ้นในดวงตา และมันก็เริ่มหัวเราะออกมา

“ครั้งนี้ข้าคงสามารถจะเพิ่มสิ่งของที่ล้ำค่าเข้าไปในชุดสะสมของข้าได้แล้ว เมิ่งฮ่าวแห่งชนเผ่าที่เก้า มันมาจากขุนเขาทะเลที่เก้า? ดังนั้น มันต้องเป็นคนที่เสวี่ยเอ๋อร์กำลังตามหาอยู่?”

ในชนเผ่าที่แปดเป็นบุรุษหนุ่มที่ถูกห้อมล้อมด้วยกระดูกที่หมุนวนไปมา ทันใดนั้นมันก็มองไปยังทิศทางของชนเผ่าที่เก้า“เมิ่งฮ่าว…มันแซ่เมิ่ง!”

สมาชิกอื่นๆ ของลำดับขั้น ต่างก็ตกตะลึงเช่นเดียวกันทั้งหมด และเป็นครั้งแรกที่นามของเมิ่งฮ่าวถูกประทับอยู่ในจิตใจพวกมัน พวกมันทั้งหมดเป็นสมาชิกของลำดับขั้น และเป็นผู้ถูกเลือกในผู้ถูกเลือก แล้วพวกมันจะยอมถอยให้กับการท้าทายเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!?

ความต้องการต่อสู้พุ่งขึ้นมาในจิตใจของพวกมันอย่างเข้มข้น ถูกก่อกวนโดยไม่ได้ตั้งใจจากเมิ่งฮ่าว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version