Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1123

ตอนที่ 1123

เต้าเทียนหลบหนี

แทบจะในเวลาเดียวกับที่ความคิดต้องการเข่นฆ่า พุ่งขึ้นมาในจิตใจเต้าเทียน มันก็พุ่งทะยานตรงมา เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงเย็นชาและถอยไปทางด้านหลังในทันที เวลาเดียวกันนั้นก็กดผลเนี่ยผานลงไปบนหน้าผากด้วยความเด็ดเดี่ยว พร้อมกับรังสีสังหารที่แวบประกายขึ้นมาในดวงตา

สายตาที่เย็นชาของเขาจ้องนิ่งไปบนร่างเต้าเทียน ราวกับว่ากำลังมองไปยังซากศพ

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้นมา ขณะที่ผลเนี่ยผานหลอมรวมเข้าไปในหน้าผาก พลังของเขาพุ่งขึ้นมาในทันที ครั้งนี้เกิดเป็นผลลัพธ์ที่แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้ถูกตรึงไว้จนไม่อาจจะขยับตัวได้ ในขณะที่ร่างกายเริ่มขยายขนาดใหญ่ขึ้น แสงสีฟ้าแวบขึ้นมาปกคลุมไปรอบๆ ตัว เขาใช้มือขวาขยับร่ายเวท จากนั้นก็ฟาดฝ่ามือตรงไปยังเต้าเทียน ทำให้แก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ปะทุออกไปเต็มอยู่ในท้องฟ้า

จิตใจเต้าเทียนสั่นสะท้าน และทันใดนั้นมันก็หยุดชะงักลง ก่อนที่จะพุ่งถอยไปทางด้านหลัง กลายเป็นว่ามันไม่ต้องการจะต่อสู้กับเมิ่งฮ่าวจนตายไปจริงๆ มันไม่ต้องการจะสู้ต่อไปแม้แต่น้อย พลังสะท้อนกลับจากภาพผู้ยิ่งใหญ่ ทำให้มันยังคงอ่อนแออย่างถึงที่สุด ที่สำคัญมากไปกว่านั้น…มันไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะเมิ่งฮ่าวได้ในตอนนี้

เมื่อได้เห็นเมิ่งฮ่าวเข้าไปในขั้นอันน่ากลัวนั้นอีกครั้ง ก็ทำให้มันมั่นใจว่า…เมิ่งฮ่าวสามารถจะสังหารมันไปได้

“เวทของมันมีเวลาที่จำกัด หรืออาจจะจำกัดจำนวนครั้งที่ใช้ เมื่อไหร่ที่ถึงขีดจำกัด มันก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนออกมา…นั่นคือสิ่งที่มันไม่อาจจะหลอกลวงได้!”

“ถึงแม้ว่ามันจะสังหารข้าได้ วิญญาณข้าก็ยังไม่ถูกกำจัดไป ข้ายังมีชีวิตเหลืออยู่ และจริงๆ แล้ว การแข่งขันในอาณาจักรสายลมก็ยังไม่สิ้นสุดลง ถ้าพวกเราได้รับบาดเจ็บสาหัส…ไม่เพียงแต่จะทำให้ผู้ฝึกตนลำดับขั้นคนอื่นๆ ได้ประโยชน์ต่อสถานการณ์นี้เท่านั้น พวกเราอาจจะสูญเสียโอกาสที่จะได้รับโชควาสนาจากอาณาจักรสายลมเพิ่มขึ้นอีกด้วย!”

“นอกจากนี้ ยังไม่ต้องพูดถึงว่ามันจะสามารถสังหารข้าในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนี้ได้จริงหรือไม่ แต่กลับกันต่อให้ข้าสามารถสังหารมันได้ ข้าก็คงจะต้องเสียใจเช่นเดียวกัน และไม่อาจจะฟื้นฟูกลับคืนมาได้อย่างรวดเร็วหรือง่ายดาย”

ใบหน้าเต้าเทียนดูน่าเกลียดอย่างถึงที่สุด ถ้าเมิ่งฮ่าวไม่ทำให้มันเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาในจิตใจ มันคงจะไม่ลังเลเช่นนี้ แต่ตอนนี้เมื่อความจริงถูกเปิดเผยออกมา มันก็ไร้ทางเลือกนอกจากต้องคิดไปถึง ผลที่ตามมาถ้าคนทั้งสองได้รับบาดเจ็บสาหัสไปด้วยกัน

ขณะที่มันล่าถอย เมิ่งฮ่าวก็ยืนนิ่งอยู่ที่นั่น แทนที่จะไล่ล่าติดตามไป เขากลับมองไปด้วยสายตาที่เย็นชา

“ถ้าเจ้าไม่ต้องการต่อสู้จนตายไป ก็อย่าได้มาหาข้าอีก ข้ามีความอดทน…ที่จำกัด!” จากนั้นก็ก้าวเดินไปข้างหน้า กระทืบเท้าลงไปบนพื้น ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนและอากาศก็สั่นไหวไปมา

ขณะที่พลังอันน่าเหลือเชื่อพุ่งขึ้นมาจากร่างเขา เกิดเป็นระลอกคลื่นพุ่งกระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง

เต้าเทียนหลบหนีไปอย่างต่อเนื่อง มันยังคงรู้สึกสงสัย แต่ก็ไม่อาจจะบอกได้ว่าเมิ่งฮ่าวเพียงแค่เสแสร้งแสดงออกมาจริงหรือไม่ เป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ และมันก็ได้แต่สงสัยเท่านั้น

สีหน้ามันเปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลา เมื่อความคิดที่เป็นไปได้มากมายวิ่งผ่านไปมาในจิตใจ และดวงตามันก็สาดประกายขึ้น ในที่สุดก็หัวเราะเป็นเสียงดังออกมากล่าวว่า

“เมิ่งฮ่าว เจ้าจะรีบจบการต่อสู้ระหว่างพวกเราไปทำไม?”

“มีทางให้เดินมากมาย ถ้าเจ้าเลือกเส้นทางนี้ ก็เข้ามา”

เมิ่งฮ่าวส่ายหน้า พลังปะทุขึ้น เขาพุ่งตรงไปจนเกิดเป็นภาพซ้อนทับอยู่ทางด้านหลัง โบกสะบัดมือ ทำให้เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์กระจายออกไปอยู่เหนือร่างเต้าเทียน

สีหน้าเต้าเทียนสลดลง และใช้มือขวาขยับร่ายเวทในทันที จากนั้นก็ชี้นิ้วลงไปบนพื้น กลุ่มหมอกสีดำม้วนตัวลอยขึ้นไป กลายเป็นกระแสน้ำวนที่ส่งเสียงดังกระหึ่ม หัตถ์ยักษ์ยื่นออกมาจากกระแสน้ำวนนั้น พุ่งตรงไปยังเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์

ในตอนนี้เปลวไฟได้ปกคลุมใบหน้าเมิ่งฮ่าวไว้ ทำให้เต้าเทียนไม่อาจจะมองเห็นได้ชัดเจน สิ่งที่มันเห็นคือดวงตาที่เย็นชาของเขา สาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร

เมิ่งฮ่าวไม่ได้หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย ขณะที่แก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ และวิชาเวทของเต้าเทียนกระแทกลงมา เขาก้าวเดินตรงไปและกล่าวว่า “สังหารเทพ!”

มือขวาของเมิ่งฮ่าวกำเป็นหมัด ดูเหมือนว่าจะรวบรวมเจตจำนงและพลังอำนาจแห่งสวรรค์ไว้ กระแสลมปราณของอาณาจักรสายลมพุ่งเข้ามารวมตัวกัน และพื้นฐานฝึกตนเซียนทุกชั้นฟ้าของเขาก็ทำให้เกิดเป็นสีสันแวบขึ้นไป สายลมกรีดร้องดังระงม

เต้าเทียนมีสีหน้าสลดลง ขณะที่ล่าถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง ใช้สองมือขยับร่ายเวท ฉับพลันนั้นประตูหนึ่งบานก็ปรากฏขึ้น กระแทกเปิดออกมาเพื่อเผยให้เห็นมังกรกระดูกเก้าตัว ส่งเสียงแผดร้องคำราม บินออกมาจากประตูตรงไปยังเมิ่งฮ่าวพร้อมกับพลังที่พุ่งขึ้นมา

กรรรรรรร!

หมัดของเมิ่งฮ่าวทำให้โลกต้องแตกกระจายไป มังกรกระดูกเก้าตัวส่งเสียงแผดร้องด้วยความเจ็บปวดออกมา ขณะที่พวกมันแตกกระจายกลายเป็นชิ้นๆ เต้าเทียนสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และจากนั้นก็แวบฝ่าอากาศไป พุ่งถอยไปทางด้านหลังหนึ่งพันจ้างในทันที จากนั้นก็หัวเราะออกมา

“เมิ่งฮ่าว การต่อสู้เช่นนี้ไร้ความหมายใดๆ เมื่อเจ้าไม่ต้องการต่อสู้ต่อไปจริงๆ เฉินโหม่วก็จะไปแล้ว…” เห็นได้ชัดว่าเต้าเทียนเป็นแค่นามแฝงของมันเท่านั้น นามที่แท้จริงของมันคือเฉิน

หลังจากพูดจบเต้าเทียนก็หลบหนีจากไป ด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งเป็นปกติ แต่ในจิตใจกลับเต็มไปด้วยความระมัดระวังตัว

“จากนิสัยของมัน ถ้ามันหยุดการต่อสู้เนื่องจากคำพูดของข้า ก็แสดงว่ามันกำลังหลอกลวงข้าอยู่!” ขณะที่เต้าเทียนหลบหนี ก็มีกิริยาท่าทางและสีหน้าเหมือนกับว่ามันต้องการจะหลบหนีจากไปจริงๆ

ใบหน้าเมิ่งฮ่าวถูกปกคลุมไว้ด้วยเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ ทำให้เต้าเทียนไม่อาจจะมองเห็นอะไรได้นอกจากดวงตาของเขาเท่านั้น ดวงตาทั้งคู่นั้นไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย และยังได้เริ่มเย็นชามากกว่าเดิมขึ้นอีกด้วย แม้ในขณะที่เต้าเทียนพยายามหลบหนีจากไป เมิ่งฮ่าวก็ทำให้ศิลาดวงดาวที่อยู่ในดวงตาหลอมละลายไป ปกคลุมไปทั่วทั้งร่างของตนเอง จนกลายเป็นดวงดาวไป!

เป็นดวงดาวที่ถูกโอบล้อมไว้ด้วยเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ดูคล้ายกับเป็นดาวตก ขณะที่พุ่งไล่ตามเต้าเทียนไป

จากความรวดเร็วและวิถีโคจรของดาวตกนั้น ก็ดูเหมือนว่าเขาต้องการจะพุ่งไล่ตามไปให้ทัน

เต้าเทียนตระหนักถึงเรื่องนี้ และสีหน้ามันก็เปลี่ยนเป็นหมองคล้ำลง

“มันยังมีพลังที่จะอยู่ในอาณาจักรนั้นอย่างเหลือเฟือ!!” ขณะที่เมิ่งฮ่าวใกล้เข้ามา ฉับพลันนั้นเต้าเทียนก็เร่งความเร็วขึ้น ในชั่วพริบตามันก็อยู่ห่างไกลออกไป

“เมิ่งฮ่าว เจ้าพบกับหญิงสาวนามเสวี่ยเอ๋อร์แล้วหรือไม่?” มันร้องตะโกนไปทางด้านหลัง

“ถ้ายัง ข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ เพื่อให้มีโอกาสได้พบกับนาง!”

“แต่ครั้งหน้าถ้าพวกเราได้พบกันอีก ก็จะเป็นวันตายของเจ้า!” พร้อมกับเสียงหัวเราะ มันพุ่งห่างออกไปไกลด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ

“หุบปาก!” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นมาจากภายในดวงดาว จนเกิดเป็นเสียงดังก้องออกไปด้วยแรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อ เขาไล่ตามต่อไปอีกหลายพันจ้าง แต่เมื่อเห็นความรวดเร็วของเต้าเทียน ก็คิดว่าคงไม่มีทางจะติดตามไปทัน เมิ่งฮ่าวค่อยๆ หยุดลงอย่างช้าๆ ดวงดาวหายไป และรูปร่างที่เป็นมนุษย์ของเขาก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

เมิ่งฮ่าวดูไม่แตกต่างไปจากปกติ ผลเนี่ยผานโผล่ออกมาจากหน้าผาก และตกลงไปอยู่บนฝ่ามือ เขาลอยตัวอยู่ที่นั่นในกลางอากาศ ด้วยสีหน้าที่เย็นชา มองไปยังทิศทางที่เต้าเทียนหลบหนีจากไป ในที่สุดก็แค่นเสียงเย็นชา หันหลังมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางตรงกันข้าม

เขาใช้เวลาเดินทางไป ในทิศทางที่ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นชนเผ่าที่สาม

ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็หายลับตาไปในเส้นขอบฟ้า เส้นใยของกลุ่มควันสีดำปรากฏขึ้นตรงตำแหน่งที่มีการต่อสู้กัน ม้วนพันไปมาเข้าด้วยกันในกลางอากาศ เผยให้เห็นเป็นภาพลวงตาของเต้าเทียนที่กำลังขมวดคิ้วอยู่ ขณะที่เมิ่งฮ่าวหายลับตาไป มันก็ถอนหายใจยาวออกมา

“มันไม่ได้หลอกลวงข้า หลังจากที่ต่อสู้กันแล้ว มันก็เลือกที่จะไปยังชนเผ่าที่สามจริงๆ! เมิ่งฮ่าวผู้นี้…ช่างเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวนัก” ภาพลวงตานั้นส่ายหน้าไปมา จากนั้นก็หายไป

ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวกำลังเดินทางข้ามเขตชายแดนของชนเผ่าที่สี่และชนเผ่าที่สามด้วยความเยือกเย็น

ในทันทีที่เขาผ่านเข้าไปในชนเผ่าที่สาม ก็โซเซหยุดลงและกระอักโลหิตออกมาแปดครั้ง ด้วยการกระอักโลหิตออกมาในแต่ละครั้ง ก็ทำให้ร่างกายเขาเสียหายไปหนึ่งในสิบส่วน หลังจากที่เวลาผ่านไปไม่กี่อึดใจ ร่างกายเขาก็ผอมซูบจนดูเหมือนถุงหนังที่ห่อหุ้มกระดูก เส้นผมกลายเป็นสีเทาไปโดยสิ้นเชิง

ใบหน้าไร้พลังชีวิต จนแทบจะตกลงไปบนพื้นได้ทุกเมื่อ ขณะที่ยืนอยู่ที่นั่น เขาก็ยิ้มอย่างขมขื่นออกมา

เมิ่งฮ่าวหลอกหลวงเต้าเทียนไปจริงๆ การตัดสินใจเข้าไปในอาณาจักรเซียนทุกชั้นฟ้าครั้งล่าสุดนี้ ต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วยการเผาไหม้พลังชีวิตไปจนเกือบจะถึงขีดจำกัด ทำให้ร่างกายอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก เขาก็เริ่มอ่อนแอลงไปมากขึ้นเรื่อยๆ

“เต้าเทียนผู้นี้ช่างแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อนัก!” เมิ่งฮ่าวพึมพำ เหตุผลที่เขาใช้แก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์มาปกคลุมใบหน้าไว้ก่อนหน้านี้ เป็นเพราะว่าไม่ต้องการให้เต้าเทียนตระหนักว่าเขากำลังเผาไหม้พลังชีวิตของตนเองอยู่

ซึ่งเป็นเหตุผลเดียวกับที่เขาเลือกที่จะใช้หนึ่งรำพึงกลายเป็นดวงดาว เพื่อที่จะกลายเป็นดวงดาวไล่ล่าติดตามไปในครั้งสุดท้าย

ยิ่งไปกว่านั้น เหตุผลที่เขาเลือกมายังชนเผ่าที่สามก็คือ จากการวิเคราะห์เกี่ยวกับสถานการณ์ของตนเอง การที่เต้าเทียนหลีกเลี่ยงชนเผ่าที่สามมาแล้วหลายครั้ง ก็เห็นได้ชัดว่าต้องมีบางสิ่งที่ผิดปกติ การเลือกชนเผ่าที่สามทำให้ดูเหมือนว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่ามันอย่างแท้จริง

การหลอกลวงเต้าเทียนไม่ใช่เรื่องง่าย มันเป็นคนเจ้าเล่ห์และช่างสงสัยเป็นอย่างยิ่ง พยายามที่จะค้นหาว่าเมิ่งฮ่าวกำลังหลอกลวงมันอยู่หลายครั้ง

สำหรับเมิ่งฮ่าวแล้ว คล้ายกับเป็นการเดินอยู่บนริมขอบหน้าผา ถ้าพลาดไปแม้แต่เพียงเล็กน้อย ก็จะทำให้ตกอยู่ในอันตรายอันร้ายแรง

“น่าเสียดาย…ถ้าข้าดูดซับผลเนี่ยผานลูกที่สองได้อย่างสมบูรณ์ และก้าวเข้าไปในอาณาจักรเซียนทุกชั้นฟ้าได้อย่างแท้จริง ข้าต้องสังหารเต้าเทียนไปได้อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้…ข้าไม่อาจจะสู้กับมันได้”

เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว เขาต้องยอมรับว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาทั้งหมด ที่ได้ฝึกฝนตนเองมา และในท่ามกลางเหล่าผู้ถูกเลือกที่เคยพบเจอมาทั้งหมด เนื่องจากโชควาสนาทั้งหมดที่เขาพานพบมา ทำให้ไม่มีใครในรุ่นเดียวกันนี้ จะมาเทียบกับเขาได้ เขายังสามารถจะกวาดล้างลำดับขั้นไปได้เกือบทั้งหมดอีกด้วย

ยกเว้นผู้ฝึกตนลำดับขั้นแห่งขุนเขาแรก, เต้าเทียน ถึงจะเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวอย่างแท้จริง!

นอกจากนั้น ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวจะฝึกตนในช่วงเวลาสั้นๆ น้อยกว่า

เต้าเทียนที่มีทรัพยากรอันลึกล้ำให้ใช้อยู่มาก แต่เมิ่งฮ่าวก็ได้รับโชควาสนาที่ไม่ธรรมดาด้วยเช่นกัน ใครก็ตามที่อยู่ในลำดับขั้นก็จะถือว่าเป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดาไปโดยปริยาย

ดังนั้นใครก็ตามที่มีโอกาสได้รู้จักกับเสวี่ยเอ๋อร์ ซึ่งเป็นผู้สืบทอดแห่งเซียนโบราณ ก็ไม่ใช่ผู้อ่อนแออย่างแน่นอน

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น และหยิบเอาเม็ดยาบางส่วนออกมากลืนกินลงไป หลังจากผ่านไปชั่วขณะ ดวงตาก็ต้องเบิกกว้างขึ้น ขณะที่จู่ๆ ก็ตระหนักได้ถึงเรื่องบางอย่าง

“ทำไมข้าไม่รู้สึกถึงแรงกดดันใดๆ หลังจากที่ผ่านเข้ามาในชนเผ่าที่สาม?” ก่อนหน้านี้ ทุกครั้งที่เขาผ่านเข้าไปในเขตชายแดนจากชนเผ่าหนึ่งไปยังอีกชนเผ่าหนึ่ง ก็มักจะมีแรงกดดันกดทับลงมา มีแต่ครั้งนี้เท่านั้นที่ไม่ได้เกิดขึ้นในชนเผ่าที่สามแห่งนี้

“ดูเหมือนว่าเต้าเทียนมักจะหลีกเลี่ยงชนเผ่าที่สาม…”

“ต้องมีความลี้ลับบางอย่างเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้อยู่เป็นแน่…”

“แต่ก็เป็นเรื่องดีสำหรับข้า ทำให้ข้าสามารถเพ่งสมาธิไปที่การรักษาตนเองได้อย่างเต็มที่ แต่ข้าก็ไม่อยากจะอยู่ในที่แห่งนี้นานไป เมื่อไหร่ที่ข้าฟื้นฟูกลับมาได้บ้าง ก็จะมุ่งหน้ากลับไปยังชนเผ่าที่เก้า” เขาบินต่อไป ใช้เวลาไม่นานนักก็ไปพบกับถ้ำแห่งหนึ่งในเทือกเขาที่ยาวเหยียด หลังจากที่นั่งลงขัดสมาธิเพื่อเข้าฌาน เขาก็ปิดผนึกปากถ้ำไว้

อย่างไรก็ตาม แทบจะในเวลาเดียวกับที่เขาเริ่มเข้าฌาน ดวงตาก็ต้องลืมขึ้นมาในทันที

แสงสีแดงจ้าเริ่มสาดประกายออกมาจากหน้ากากสีโลหิต ซึ่งอยู่ที่ด้านในของถุงสมบัติ ทำให้แม้แต่ถุงสมบัติก็ยังไม่อาจจะปกปิดแสงนี้ไว้ได้

พร้อมกันนั้นเมิ่งฮ่าวก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของอ๋าวเฉี่ยน หลายปีมาแล้วที่อ๋าวเฉี่ยนกระจายหายไปในท่ามกลางการปกป้องเขา ถึงแม้จะรับรู้ได้ถึงสัญญาณที่มันอาจจะตื่นขึ้นมาหลายครั้งหลายครา แต่ครั้งนี้คือสัญญาณที่รุนแรงมากที่สุด

เมิ่งฮ่าวเบิกบานใจขึ้นมาในทันที รีบหยิบเอาหน้ากากสีโลหิตออกมาจากถุงสมบัติ และส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์บางส่วนเข้าไปอย่างรวดเร็ว ในทันทีที่เขารู้สึกได้ถึงอ๋าวเฉี่ยน ก็ตระหนักว่ามีการเชื่อมต่อและเกิดเป็นผลสะท้อนขึ้นมาระหว่างทั้งสอง

มีกลิ่นอายแห่งโลหิตอยู่ในบริเวณนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยั่วยวนใจอ๋าวเฉี่ยนอย่างน่าเหลือเชื่อ ทำให้มันเต็มไปด้วยความปรารถนา และเป็นเหตุผลหลักที่ทำไมมันถึงได้ตื่นขึ้นมาในตอนนี้

โลหิตนั้นกำลังพุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน! จากส่วนลึกที่อยู่ในพื้นดิน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version