ตอนที่ 1229
ไม่ยอมปล่อยข้าไป?
เมิ่งฮ่าวมองไปขณะที่เก้าขุนเขาและเก้าทะเลก่อตัวขึ้นมาเป็นรูปร่างของยักษ์ขนาดใหญ่ เห็นได้ชัดว่ารูปร่างนั้นก่อตัวขึ้นมาจากเวทที่ร้องตะโกนขึ้นมาของนักพรตชรา ทันทีที่มันปรากฏขึ้นในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ก็ชี้นิ้วตรงไปยังผู้ฝึกตนที่เป็นศัตรู
การชี้นิ้วออกไปอย่างเรียบง่ายนั้นทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวถูกม้วนกวาดออกไปชั้นแล้วชั้นเล่า สีหน้าผู้ฝึกตนเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและรีบถอยไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋า
ผู้คนมากมายต่างก็เคยได้ยินมาว่าสำนักเฮ่าหรันเป็นผู้ที่สร้างเวทผนึกสวรรค์ขึ้นมา เมื่อเรื่องนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุย ก็เป็นธรรมดาที่จะถูกถือว่าเป็นเรื่องขบขันไร้สาระ ดังนั้นจึงไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะสามารถคาดเดาได้ว่า เมื่อนักพรตชราปลดปล่อยเวทนั้นออกมาในวันนี้…จะระเบิดออกจนเป็นพลังสูงสุดอย่างน่าตกใจได้เช่นนี้
โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากของผู้ฝึกตนธรรมดาทั่วไป และผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าก็ไม่อาจจะป้องกันไม่ให้โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปากพวกมันได้ แค่การชี้นิ้วออกไปเพียงครั้งเดียวของยักษ์ตนนี้ ก็เห็นได้ชัดว่าถูกสนับสนุนด้วยพลังแห่งขุนเขาทะเล และเป้าหมายของมันก็ไม่ใช่เพื่อทำให้ผู้ฝึกตนเหล่านั้นได้รับบาดเจ็บ แต่จริงๆ แล้วก็เพื่อ…ผนึกพวกมันไว้
ชี้นิ้วออกไปหนึ่งครั้ง ผนึกสวรรค์ได้ทั้งหมด! ถ้าสามารถผนึกสวรรค์ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงกลุ่มคนที่อยู่ภายใต้สวรรค์เหล่านั้น!
ด้วยการชี้นิ้วออกไป ก็ทำให้เครื่องหมายผนึกปรากฏขึ้นอยู่บนร่างของผู้ฝึกตนทั้งหมด พวกมันกระอักโลหิตออกมาทีละคน ร่างกายหมุนคว้างออกไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว อย่างที่ไม่อาจจะควบคุมตนเองได้โดยสิ้นเชิง
“เวทผนึกสวรรค์…เป็นไปไม่ได้!!”
“วิชาเวทของอี้หรันจื่อผู้นี้…จะแข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!?” คนทั้งหมดต่างก็ประหลาดใจไปตามๆ กัน
นักพรตชรากำลังสั่นสะท้าน และกระอักโลหิตออกมาด้วยเช่นกัน ดูแก่ชราลงไปอย่างเห็นได้ชัดในทันที เพื่อไม่ให้สำนักเฮ่าหรันต้องมีปัญหามากไปกว่านี้ มันจึงไม่โจมตีไปอีก จากนั้นก็หมุนตัวมองไปยังลำแสงอันเจิดจ้าที่กำลังจางหายไปในที่ห่างไกล
ทันใดนั้นราวกับว่ามันสามารถมองเห็นเมิ่งฮ่าวอยู่ภายในลำแสงนั้น และสามารถจะบอกได้ว่าเขาก็ตื่นตระหนกเช่นเดียวกับผู้ฝึกตนอื่นๆ ทั้งหมดในสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นนี้
“ศิษย์ข้า นี่คือเวทผนึกสวรรค์ของเหวยซือ!” มันกล่าวเสียงราบเรียบ ยังคงลอยตัวอยู่ที่นั่นในกลางอากาศ ถูกห้อมล้อมโดยผู้ฝึกตนอื่นๆ ที่เพิ่งจะกระจัดกระจายออกไป
ภายในร่างมันตอนนี้มีกลิ่นอายกระจายออกมา เป็นกลิ่นอายที่ยากจะอธิบายออกมาได้ ทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เลอะเลือนและไม่น่าเชื่อถืออีกต่อไป แต่ดูคล้ายกับเป็นเทพเซียนที่ไม่ธรรมดาโดยสิ้นเชิง
โดยที่ไม่สนใจผู้ฝึกตนใดๆ มันหันหลังและมุ่งหน้ากลับไปยังดาวลั่วเหอและสำนักเฮ่าหรัน!
ตรงตำแหน่งอื่นบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ในอาณาเขตแห่งพันธมิตรเทพสวรรค์ ใกล้กับเขตชายแดน มีดาวเคราะห์ดวงหนึ่งลอยอยู่ ไม่มีบันทึกว่าสำนักใดๆ จะมีประตูเคลื่อนย้ายทางไกลอยู่บนดาวเคราะห์ดวงนี้ แต่ทันใดนั้นมันก็เริ่มสาดประกายเจิดจ้าขึ้นมา ไม่นานต่อมาดาวเคราะห์ดวงนั้นก็ระเบิดออกกลายเป็นเสี่ยงๆ ขณะที่ปรากฏเป็นแท่นศิลาขึ้นมาจากภายใน
แท่นศิลานั้นปกคลุมไปด้วยรอยแตกร้าว และเครื่องหมายของค่ายกลเวทเคลื่อนย้ายทางไกล ตอนนี้ค่ายกลเวทกำลังทำงานขึ้นอย่างเต็มกำลัง เท่าที่เห็นคงอีกไม่นานมันก็จะแตกกระจายไปโดยสิ้นเชิง ในที่สุดรอยแตกร้าวก็ปราฏขึ้นบนพื้นผิวของแท่นศิลานั้นมากขึ้น และยานบินลำหนึ่งก็ลอยออกมาจากด้านในแท่นศิลานั้น
ในทันทีที่เป็นเช่นนั้น แท่นศิลาก็ไม่อาจจะรวมตัวกันได้อีกต่อไปและแตกกระจายออกมา เวลาเดียวกันนั้นยานบินก็กลายเป็นเถ้าธุลีไป
หลังจากนั้นเมิ่งฮ่าวก็ปรากฏตัวขึ้นในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว
ทุกสรรพสิ่งเงียบกริบ ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงใดๆ เมิ่งฮ่าวหันหลังและมองออกไปยังที่ห่างไกล ยังคงครุ่นคิดด้วยความประหลาดใจเกี่ยวกับสิ่งที่เพิ่งจะเห็นมา
“เวท…ผนึก…สวรรค์…” เมิ่งฮ่าวพึมพำ เขาจะคาดคิดได้อย่างไรว่า วิชาเวทที่น่าหัวเราะของนักพรตชราจะทรงพลังอย่างน่าตกใจได้เช่นนี้?
สำหรับการที่คนผู้หนึ่งสามารถผนึกผู้ฝึกตนได้นับแสน…เวทแห่งเต๋าเช่นนี้ช่างไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง สามารถเทียบได้กับระดับของอาวุธสงคราม เมื่อไหร่ที่มีสงครามใหญ่เกิดขึ้น นักพรตชราสามารถจะพลิกสถานการณ์ได้ด้วยตัวเองอย่างแน่นอน
ตลอดหลายปีที่ทำการฝึกตนมา เมิ่งฮ่าวไม่เคยเห็นสิ่งใดๆ เช่นนี้มาก่อน ทำให้จิตใจต้องเต้นรัวขึ้น นอกจากนี้จากการที่เขาอยู่ในสำนักเฮ่าหรันมามากกว่าหนึ่งเดือน เขาได้ฝึกฝนวิชานี้มานับร้อยครั้งในฐานะที่เป็นมรดกตกทอดมาจากนักพรตชรา
“มักจะมีสิ่งใหม่ๆ ให้เรียนรู้อยู่เสมอ…ยิ่งเดินทางไกลออกไปมากเท่าใด ก็ยิ่งได้เห็นและมีประสบการณ์มากขึ้นเท่านั้น เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เหนือเวทแห่งเต๋า ก็ยังมีสิ่งที่ทรงพลังมากกว่าอยู่อีก!” เมิ่งฮ่าวจ้องมองออกไปยังที่ห่างไกล ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำด้วยความสำนึกขอบคุณต่อนักพรตชรา
เมิ่งฮ่าวเป็นผู้ที่จดจำได้ทุกรายละเอียดของบุคคลที่ให้การช่วยเหลือตนเอง
แต่เขาก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะหมกมุ่นอยู่ในอารมณ์ความรู้สึกเช่นนี้ หลังจากที่โค้งตัวลง ก็รีบพุ่งออกไปยังที่ห่างไกลในทันที
“เขตชายแดนของพันธมิตรเทพสวรรค์ คือจุดที่ดาวเคราะห์เทียมถูกใช้เป็นด่านตรวจของการเคลื่อนย้ายทางไกล นอกจากดวงดาวเหล่านั้นแล้ว ก็ไม่มีอะไรอีกนอกจากเขตชายแดนเท่านั้น…”
“ประตูดวงดาวจะต้องถูกอารักขาไว้อย่างแน่นหนา และข้าคงไม่สามารถจะผ่านไปได้อย่างแน่นอน…ดังนั้นข้าจะต้องทะลวงผ่านออกไปตรงเขตชายแดนที่ยืดยาวไร้จุดสิ้นสุดเหล่านั้น” เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เขาก็ฉวยโอกาสที่ไม่มีใครอยู่รอบๆ บริเวณนี้พุ่งจนหายลับตาไป
เวลาผ่านไปหนึ่งวันต่อมา สิ่งที่คล้ายกับเส้นสีขาวก็ปรากฏขึ้นในที่ห่างไกลออกไป ตอนแรกเมิ่งฮ่าวไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ขณะที่เข้าไปใกล้ เส้นสีขาวนั้นก็กลายเป็นกำแพงสีขาว เป็นกำแพงภาพลวงตาที่กระจายออกไปไกลสุดลูกหูลูกตาทั้งสองทิศทาง เมิ่งฮ่าวมองไปด้วยความลังเลอยู่ชั่วขณะ ในที่สุดแสงอันเย็นชาก็ปรากฏขึ้นในดวงตา ขณะที่พุ่งตรงไปยังกำแพงนั้น
เขาเข้าไปใกล้ในชั่วพริบตา จากนั้นก็กระแทกเข้าไปด้วยพลังทั้งหมดของสุดยอดสะพาน กำแพงสั่นไปมา และเสียงแตกร้าวก็ดังก้องขึ้น ขณะที่เกิดเป็นรอยแตกพุ่งกระจายออกไปทั่วทั้งพื้นผิวของกำแพง
ขณะที่เขากำลังจะพุ่งทะลวงผ่านออกไปได้ สีหน้าก็ต้องสลดลงและหยุดชะงักนิ่งในทันที อันเนื่องมาจากความรู้สึกถึงวิกฤตอันร้ายแรงพุ่งขึ้นมาในจิตใจ จู่ๆ ก็มีลำแสงปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า กระจายออกไปราวกับว่าจะปกคลุมและกักขังเขาไว้ภายใน
“ไม่มีใครมาอาละวาดในพันธมิตรเทพสวรรค์ แล้วจะสามารถจากไปได้อย่างปลอดภัย”
เจ้าของเสียงที่เยือกเย็นนี้เป็นใบหน้าภาพลวงตา ที่เพิ่งจะปรากฏขึ้นในท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาว ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นชายชราที่รู้ตำแหน่งของเมิ่งฮ่าวได้อย่างแน่นอน
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นราวน้ำแข็ง แค่นเสียงเย็นชาขณะที่โจมตีไปยังกำแพงสีขาวอีกครั้ง กำแพงพังทลายลงไป เขาพุ่งทะลวงผ่านออกไป ตอนนี้เขาคิดว่าจะไปอยู่ที่ด้านนอกของพันธมิตรเทพสวรรค์แล้ว แต่ก็พบว่าที่เบื้องหน้าขึ้นไปเป็นกำแพงสีขาวอีกแห่ง ซึ่งก็คือ…กำแพงสีขาวชั้นที่สอง!!
แค่มองไปก็สามารถจะบอกได้ว่ามันไม่ได้มีเพียงแค่กำแพงสีขาวชั้นที่สองเท่านั้น แต่ยังมีชั้นที่สามและชั้นที่สี่…ไปเรื่อยๆ ซ้อนทับกันชั้นแล้วชั้นเล่า และคงมีไม่น้อยกว่าหนึ่งแสนชั้นอย่างแน่นอน!
ใบหน้าเมิ่งฮ่าวเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดขึ้นในทันที
“พันธมิตรเทพสวรรค์ไม่ใช่สถานที่ ที่ใครจะมาหรือไปได้ตามต้องการ อี้หรันจื่ออาจจะช่วยเจ้าได้ แต่เจ้าก็ไม่มีทาง…จะหลบหนีจากไปได้”
ขณะที่ชายชรากล่าวขึ้น แสงของการเคลื่อนย้ายทางไกลจำนวนมาก ก็เริ่มสาดประกายขึ้นมาในบริเวณนั้น มองเห็นค่ายกลเคลื่อนย้ายทางไกลทั้งหมดสิบห้าค่ายกลปรากฏขึ้น พร้อมกับเงาร่างนับไม่ถ้วนที่กำลังก่อตัวขึ้นมาอยู่ด้านใน
เมื่อไหร่ที่พวกมันปรากฏขึ้นโดยสมบูรณ์ ก็ดูเหมือนว่าเมิ่งฮ่าวจะต้องหลบหนีไปอย่างไร้ทางเลือก
แต่ชายชราก็ประเมินเมิ่งฮ่าวต่ำเกินไป แทบจะในทันทีที่แสงแห่งการเคลื่อนย้ายทางไกลเริ่มสาดประกายขึ้น เมิ่งฮ่าวก็มองขึ้นไปยังใบหน้าภาพลวงตานั้นในทันที
“เมื่อเจ้าไม่อาจจะมายังที่แห่งนี้ได้ด้วยตนเอง เจ้าก็ไม่อาจจะสังหารข้าได้ สิ่งที่เจ้าสามารถจะทำได้ก็คือควบคุมพลังเขตชายแดนของพันธมิตรเทพสวรรค์ไว้เท่านั้น…”
สีหน้าชายชราเปลี่ยนไป ขณะที่พื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวจู่ๆ ก็ระเบิดขึ้นด้วยพลังแห่งเซียนเต๋าทุกชั้นฟ้า และพลังจากกายเนื้อที่อยู่ในจุดสูงสุดของตนเอง เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น คาดไม่ถึงว่าเขาไม่ได้หลบหนีจากไป กลับพุ่งตรงไปยังประตูเคลื่อนย้ายทางไกลแทน
ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวเข้าไปใกล้ ก็ต่อยหมัดสังหารเทพออกไป
หมัดนั้นกระแทกลงไปยังประตูเคลื่อนย้ายทางไกล ที่เกือบจะทำการเคลื่อนย้ายทางไกลได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อเมิ่งฮ่าวต่อยหมัดออกไป มันก็บิดเบี้ยวไปมา และผู้ฝึกตนที่อยู่ด้านในก็ร้องตะโกนขึ้นด้วยความตกใจ
“ทำลาย” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ ทันใดนั้นการเคลื่อนย้ายทางไกลก็พังทลายลงไป และผู้ฝึกตนที่อยู่ด้านในก็เริ่มบิดเบี้ยวไปมา ขณะที่เวทเคลื่อนย้ายทางไกลถูกทำลายไป สำหรับผู้ฝึกตนที่อยู่ด้านใน มีแต่ผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดเท่านั้น ถึงจะสามารถหลบหนีจากอันตรายนี้ได้ แต่ในตอนนี้พวกมันก็ไม่อาจจะออกมาจากการเคลื่อนย้ายทางไกลนี้ได้อย่างสมบูรณ์
“เจ้าผู้เยาว์!” ใบหน้านั้นแผดร้องขึ้นด้วยโทสะ แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้
เมิ่งฮ่าวแสร้งทำราวกับว่าไม่ได้ยินสิ่งใดๆ แม้แต่น้อย ร่างกายแวบขึ้นขณะที่ต่อยหมัดออกไปอีกครั้ง!
หนึ่งหมัด!
หนึ่งหมัด!
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่สามประตูเคลื่อนย้ายทางไกลถูกทำลายไปอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง สำหรับประตูที่สิบเอ็ด ผู้คนที่อยู่ด้านในกำลังเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา เมิ่งฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชา จากนั้นก็ชูสองมือสูงขึ้นไปในอากาศ เมื่อตวัดมือลงมาก็ร้องตะโกนขึ้น “สุดยอดสะพาน!”
ตูมมมมมมม!
จากนั้นสุดยอดสะพานก็ระเบิดออกมาจากภายในร่างเมิ่งฮ่าว พุ่งออกไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวด้วยพลังบดขยี้ ทันใดนั้นประตูเคลื่อนย้ายทางไกลสี่ประตูก็ถูกทำลายไป และไม่นานต่อมาก็เป็นประตูที่ห้า
มีเพียงแค่สองประตูเคลื่อนย้ายทางไกลเท่านั้น ที่สามารถจะจบสิ้นการเคลื่อนย้ายทางไกลได้อย่างสมบูรณ์ ก่อนที่ประตูทั้งสองจะถูกทำลายไป กลุ่มคนที่อยู่ด้านในก็พุ่งออกมา
มีผู้ฝึกตนทั้งหมดเกือบหนึ่งร้อยคน มีอยู่สองคนเป็นผู้นำ หนึ่งในสองสวมใส่ชุดยาวสีโลหิต และอีกคนเป็นบุรุษหนุ่มที่มีเงาเป็นภาพของเทพสวรรค์ มันไพล่มืออยู่ที่ด้านหลัง เมื่อมองไปรอบๆ อยู่ชั่วขณะ หนังศีรษะของพวกมันก็เริ่มด้านชา และคิดว่าไม่ควรจะเคลื่อนย้ายทางไกลมายังที่แห่งนี้ได้อย่างสมบูรณ์เลย
จากประตูเคลื่อนย้ายทางไกลทั้งหมดสิบห้าประตูในตอนแรก มีแค่สองประตูเท่านั้นที่สามารถจะเดินทางมาได้อย่างสมบูรณ์ จิตใจของผู้นำทั้งสองเริ่มเต้นรัวขึ้นมา มองไปยังเมิ่งฮ่าว และเริ่มถอยไปทางด้านหลัง
พวกมันมายังที่แห่งนี้เพื่อไล่ล่าและสังหารเมิ่งฮ่าว แต่ตอนนี้พวกมันคือคนที่ต้องหลบหนีจากไป!
เมิ่งฮ่าวมองไปยังใบหน้าภาพลวงตาที่เต็มไปด้วยโทสะนั้นและกล่าวว่า “เมื่อเจ้าไม่ยอมปล่อยให้ข้าจากไป เช่นนั้น…ข้าคงจะติดอยู่ในที่แห่งนี้ และต้องสังหารคนของเจ้าไปสักพัก!”
พร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา เมิ่งฮ่าวพุ่งตรงไปยังผู้ฝึกตนที่เพิ่งจะมาถึง
หนังศีรษะของผู้ฝึกตนนับร้อยต่างก็ด้านชา เมื่อเห็นว่าเมิ่งฮ่าวกำลังพุ่งตรงมายังพวกมัน พลังของเขาพุ่งขึ้นไป จิตใจพวกมันหมุนคว้าง และล่าถอยออกไปในทันที ถ้าพวกมันมีจำนวนมากกว่านี้ หรือถ้ามีอาณาจักรเต๋าช่วยหนุนหลัง
ก็คงจะสามารถล้อมเมิ่งฮ่าวไว้และโจมตีออกไปในทั่วทุกทิศทาง แต่ตอนนี้พวกมันกำลังเผชิญหน้ากับเมิ่งฮ่าวด้วยตนเอง ทำให้ความกล้าหาญของพวกมันหดหายไปในทันที
นอกจากนี้ ผู้ที่กวาดล้างเฮยหุนเต้าไปได้ ก็เป็นบุคคลที่พวกมันต้องรู้สึกหวาดกลัวโดยสิ้นเชิง
“พวกเจ้าคิดว่าจะหลบหนีไปได้?” เมิ่งฮ่าวถาม พร้อมกับรังสีสังหารที่แวบขึ้นมาในดวงตา เขาเบื่อหน่ายกับการถูกไล่ล่ามานานแล้ว ดังนั้นจึงกลายร่างเป็นวิหคยักษ์สีฟ้า และพุ่งตรงไปยังผู้ฝึกตนที่อยู่ใกล้มากที่สุด กรงเล็บที่สามารถจะกรีดเฉือนก้อนศิลาและเหล็กกล้า กระแทกลงไปยังศีรษะของบุรุษผู้นั้น และเสียงแตกร้าวก็ดังก้องขึ้น โลหิตพ่นกระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง แต่จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็ไปปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของผู้ฝึกตนอีกคน กระพือปีกขึ้นลง จนกลายเป็นลำแสงสีฟ้าพุ่งออกไป
ทุกแห่งหนที่เขาพุ่งผ่านไป เสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจดังก้องขึ้น บุรุษหนุ่มที่เป็นผู้นำรู้สึกหวาดกลัวและเสียใจที่มายังที่แห่งนี้โดยสิ้นเชิง ขณะที่ภาพเทพสวรรค์ของมันแตกกระจายไปในทันที เสียงปะทุดังก้องขึ้นอย่างฉับพลันจากร่างของบุรุษหนุ่มที่เป็นผู้นำอีกคน และกลายเป็นกลุ่มหมอกสีแดงไปในทันที
“ที่แท้ก็คือเจ้า!” เมิ่งฮ่าวมองไปยังกลุ่มหมอกสีแดง ไม่สนใจบุรุษหนุ่มที่มีภาพเทพสวรรค์ พุ่งไล่ตามกลุ่มหมอกสีแดงไป