Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1230

ตอนที่ 1230

พบตระกูลเมิ่งเป็นครั้งแรก

“ไม่ใช่ข้า!” เสียงร้องด้วยความตกใจดังก้องออกมาจากภายในกลุ่มหมอกสีแดง นี่คือบุคคลที่เคยปรากฏขึ้นเมื่อหนึ่งเดือนก่อน

ในตอนนั้นนักพรตชราได้นำเมิ่งฮ่าวจากไป ดังนั้นบุรุษหนุ่มผู้นี้จึงหลีกเลี่ยงจากมหันตภัยในครั้งนั้นได้

เมื่อมาพบกันในครั้งที่สองนี้ กลุ่มหมอกสีแดงพยายามจะหลบหนีจากไปอย่างรวดเร็วในทันที แต่เมิ่งฮ่าวก็ชี้นิ้วออกไปด้วยเวทผนึกอสูรรุ่นแปด ทำให้กลุ่มหมอกต้องหยุดชะงักนิ่งอย่างฉับพลัน และเมิ่งฮ่าวก็ก้าวเดินไปข้างหน้า ตวัดแขนออกไปทำให้กลุ่มหมอกทั้งหมดแตกกระจาย

เผยให้เห็นถึงบุรุษหนุ่มชุดสีแดงที่ด้านใน สีหน้ามันเปลี่ยนไป รีบขยับมือร่ายเวทและชี้ออกมาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นโลหิตของเมิ่งฮ่าวก็เริ่มไหลย้อนกลับ และพื้นฐานฝึกตนก็หมุนเวียนย้อนกลับเช่นเดียวกัน เขาหยุดชะงักนิ่ง ใบหน้ากลายเป็นสีแดงจ้า

รังสีสังหารแวบประกายขึ้นในดวงตาของบุรุษหนุ่ม แทนที่มันจะหลบหนีจากไป กลับหมุนตัวมา ยกสองมือขึ้นไปในอากาศ ขณะที่มันเข้ามาใกล้ ชายชราผู้หนึ่งก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาจากความว่างเปล่าที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ใบหน้าของชายชราขมึงทึงและเต็มไปด้วยรังสีสังหารด้วยเช่นกัน

เห็นได้ชัดว่าชายชรานี้คือผู้พิทักษ์เต๋าของบุรุษหนุ่ม

คนทั้งสองโจมตีมาด้วยความรวดเร็วราวสายฟ้า แต่ขณะที่พวกมันใกล้เข้ามา เมิ่งฮ่าวก็แค่ยิ้มขึ้นเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่ทำให้จิตใจของผู้พิทักษ์เต๋าชราต้องรู้สึกราวกับว่า กำลังถูกฟาดด้วยสายฟ้า

ก่อนที่มันจะทันได้มีปฏิกิริยาใดๆ เมิ่งฮ่าวก็พุ่งตรงไป ต่อยหมัดไปบนร่างมันหนึ่ง สอง สามครั้งติดต่อกัน!

เกิดเป็นเสียงระเบิดขึ้น ขณะที่ร่างของชายชราระเบิดออกกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไป มันถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง ไม่มีโอกาสจะแผดร้องออกมาแม้แต่น้อย!

นี่คือการสังหารอย่างฉับพลัน!

ดวงตาบุรุษหนุ่มชุดแดงเบิกกว้างขึ้น และเริ่มถอยไปทางด้านหลังในทันที แต่เมิ่งฮ่าวก็ไปถึงตัวมันแล้ว และเริ่มจะต่อยหมัดเหมือนกับที่ต่อยไปยังชายชรา

“เจ้าต้องไม่สังหารข้า! บิดาข้าเป็นเจ้าสำนักเซี่ยยิ่น…” (ประทับโลหิต)

ก่อนที่บุรุษหนุ่มจะทันได้กล่าวจบ หมัดของเมิ่งฮ่าวก็กระแทกลงไป เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น และร่างของมันก็สั่นสะท้าน จากนั้นมันก็มองลงไปยังร่างของตนเอง และเห็นรูโหว่ขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้าอก พลังอันน่ากลัวพุ่งกระจายออกไปทั่วร่าง ทำให้ร่างกายเริ่มแตกร้าวและกระจายออกไป ไม่นานต่อมาแม้แต่วิญญาณของมันก็ตกตายไปโดยสิ้นเชิง

“ทำไมเจ้าไม่รีบพูดออกมาก่อน…?” เมิ่งฮ่าวกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว เมื่อตระหนักว่าเขาไม่ควรจะสังหารคนผู้นี้ไป ถ้าบิดาของมันเป็นบุคคลสำคัญ เขาก็สามารถจะเรียกค่าไถ่ได้ในราคาที่สูงลิ่ว

น่าเสียดายที่บุรุษหนุ่มผู้นี้ไม่ได้พูดออกมาอย่างรวดเร็วมากพอ

“เดิมทีข้ามีศัตรูเพียงแค่หนึ่งเดียว ซึ่งก็คือเฮยหุนเต้า แต่ด้วยการที่มีผู้ฝึกตนมากมายพยายามมาตามล่าสังหารข้า ถ้าเช่นนั้น…ก็มาดูกันว่าใครจะเหลืออยู่เป็นคนสุดท้าย!” เมิ่งฮ่าวสะบัดหยดโลหิตออกไปจากมือ หมุนตัวพร้อมกับดวงตาที่สาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหารขณะที่หายตัวจากไป

สองวันต่อมา การไล่ล่าเมิ่งฮ่าวยังคงดำเนินต่อไปในอาณาเขตของพันธมิตรเทพสวรรค์ ทันใดนั้นเขาก็วิ่งเข้าไปในกลุ่มผู้ฝึกตนนับร้อย โชคร้ายที่พวกมันไม่มีผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าเป็นผู้นำ ดังนั้นหลังจากช่วงเวลาสิบอึดใจผ่านไป พวกมันก็ถูกกำจัดไปจนหมดสิ้น

ผ่านไปอีกหนึ่งวันตรงตำแหน่งอื่น เมิ่งฮ่าววิ่งเข้าในกลุ่มผู้ฝึกตนสามร้อยคน และพวกมันก็ถูกกำจัดไปจนหมดสิ้นเช่นเดียวกัน!

พันธมิตรเทพสวรรค์เต็มไปด้วยโทสะ และผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนก็รวมตัวกันเพื่อไล่ล่าเมิ่งฮ่าว แต่เขาก็รวดเร็วมากเป็นอย่างยิ่ง ทุกครั้งที่พวกมันจับตำแหน่งของเขาได้ เมื่อผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋ามาถึง เมิ่งฮ่าวก็จากไปนานแล้ว

เมื่อถึงวันที่หก กลุ่มคนที่ประกอบด้วยศิษย์แห่งเทียนเสินเต้าบังเอิญมาพบกับเขา และจากนั้นก็ถูกกำจัดไปโดยสิ้นเชิง

ทำให้ผู้ฝึกตนแห่งพันธมิตรเทพสวรรค์เต็มไปด้วยโทสะ แต่ในวันที่เจ็ดก็มีบางอย่างเกิดขึ้น จนทำให้จำนวนของผู้ฝึกตนที่กำลังไล่ตามล่าเมิ่งฮ่าวต้องลดน้อยลงไปอย่างเห็นได้ชัดในทันที แม้แต่สมาชิกอันดับสูงของพันธมิตรเทพสวรรค์เองก็ยังต้องตกตะลึง!

เมิ่งฮ่าวสังหารผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าไปหนึ่งคน!!

ถึงแม้ว่าคนผู้นั้นจะเป็นผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าหนึ่งแก่นแท้เท่านั้น แต่ก็อยู่ในอาณาจักรที่ทรงพลังมากที่สุด เป็นบุคคลที่สามารถเป็นปรมาจารย์ได้อย่างแท้จริง จู่ๆ มันก็ปรากฏกายขึ้นในตอนที่เมิ่งฮ่าวกำลังกวาดล้างกลุ่มผู้ฝึกตนพันธมิตรเทพสวรรค์ เมิ่งฮ่าวหยุดโจมตีเป้าหมายตอนนั้นในทันที และพุ่งตรงไปยังผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋า จากนั้นคนทั้งสองก็ต่อสู้กันอย่างดุร้ายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ตอนแรกดูเหมือนว่าจะเป็นการต่อสู้ที่ยืดเยื้อ แต่เมิ่งฮ่าวก็สังหารมันได้หลังจากที่ผ่านไปแค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้น!

ทำให้คนทั้งหมดที่กำลังไล่ล่าเขาอยู่ต้องตื่นตระหนกไปโดยสิ้นเชิง ทำให้พวกมันเริ่มได้สติกลับคืนมา หลังจากที่มัวเมาในรางวัลที่จะจับตัวเขาได้ อันที่จริงสำนักมากมายได้ออกคำสั่งไปยังศิษย์ของพวกมัน ให้หยุดตามล่าเมิ่งฮ่าว และกลับไปยังสำนักหลังจากนั้น

การต่อสู้นั้นเผยให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า พื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวฟื้นฟูกลับคืนมาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นก็แสดงให้เห็นว่าการกวาดล้างเฮยหุนเต้าของเขาไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ และเขาก็ไม่ได้ใช้วิธีการพิเศษใดๆ เพื่อทำให้มันเกิดขึ้น ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น…เขามีระดับพลังที่แท้จริง!

การสังหารลดน้อยลงไปในทันที แต่ก็ยังคงมีผู้คนไล่ตามล่าเขาอยู่ มีความแตกต่างกันคือ ผู้ฝึกตนอาณาจักรเซียนไม่ได้เข้าร่วมอีกต่อไป และผู้ที่อ่อนแอมากที่สุดก็อยู่ในวงจรอันยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรโบราณ ความแข็งแกร่งหลักๆ ก็มาจากผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋า!

ในพันธมิตรเทพสวรรค์ทั้งหมด มีผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าเพียงแค่สิบกว่าคนเท่านั้น ประมาณสามในสิบส่วนของพวกมันกำลังทำการค้นหาอยู่ในตอนนี้!

แต่เนื่องจากวิธีอันน่ากลัวที่เมิ่งฮ่าวต่อสู้กลับไปยังกลุ่มคนที่ไล่ล่า ทำให้พันธมิตรเทพสวรรค์ไม่ได้ตามล่าเขาอันเนื่องมาจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับเฮยหุนเต้าอีกต่อไป เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ความเป็นศัตรูกันระหว่างเขาและพันธมิตรเทพสวรรค์ไม่อาจจะลบล้างไปได้แล้ว!

เรื่องนี้ไม่อาจจะตำหนิเมิ่งฮ่าวได้ ความรับผิดชอบทั้งหมดน่าจะตกอยู่บนบ่าของพันธมิตรเทพสวรรค์

ในที่สุดการต่อสู้ก็เกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งนัก แต่ก็รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม และสามวันต่อมาผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าหลายคนก็ไล่ตามเมิ่งฮ่าวจนทัน หลังจากที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด เมิ่งฮ่าวก็หลบหนีจากไป

ห้าวันหลังจากนั้น ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าอีกสองคนมาเผชิญหน้ากับเขา เกิดเป็นการต่อสู้กันอย่างน่าเหลือเชื่อขึ้น และผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าทั้งสองต่างก็ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส แต่เมิ่งฮ่าวก็ถูกบังคับให้ต้องหลบหนีจากไปอีกครั้ง

ตอนนี้เมิ่งฮ่าวกำลังเดินโซเซอยู่ที่ไหนสักแห่งใกล้กับเขตชายแดนของพันธมิตรเทพสวรรค์ โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปาก แต่ดวงตาก็ยังคงสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเย็นชา ดูคล้ายกับสุนัขป่าที่โดดเดี่ยวเดียวดาย

เขาได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส และอาณาจักรความเป็นนิรันดร์ก็ทำงานอย่างหนัก เป็นเวลาไม่ต่ำกว่าหนึ่งเดือนแล้วที่เขาต้องต่อสู้อย่างดุเดือดมาหลายครั้ง ที่รุนแรงมากที่สุดคือการต่อสู้กับอาณาจักรเต๋าทั้งหมดเมื่อเร็วๆ นี้

หนึ่งแก่นแท้หรือสองแก่นแท้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าพวกมันรวมตัวกัน เรื่องราวก็จะแตกต่างกันออกไป โดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อราชันเต๋าปรากฏตัว นอกจากนี้เมิ่งฮ่าวก็ยังไม่ได้อยู่ในอาณาจักรเต๋าอีกด้วย…

“ต้องมีบางสิ่งบางอย่างบนร่างข้า ที่พวกมันสามารถจะรับรู้ได้ แต่คืออะไรกัน? พวกมันรู้สึกได้ถึงตำแหน่งที่อยู่ของข้าได้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ที่ข้าออกมาจากดาวลั่วเหอ พวกมันก็ไล่ตามร่องรอยข้ามาได้อย่างรวดเร็ว!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร ทันใดนั้นเขาก็หยุดชะงักนิ่ง และมองขึ้นไปเบื้องหน้ายังบางสิ่งบางอย่างที่เพิ่งจะปรากฏขึ้น ในความมืดมิดราวน้ำหมึกแห่งความว่างเปล่า เกิดเป็นรอยแตกสาดประกายเจิดจ้าออกมา!

รอยแตกนั้นอยู่ในท่ามกลางเศษหินดินทรายฝุ่นละอองที่ปลิวคละคลุ้ง…

รอยแตกเหล่านั้นมีไม่มากเท่าใดนัก เพียงแค่สามสิบสามรอยแตกเท่านั้น และพวกมันก็ก่อตัวเข้าด้วยกันกลายเป็นรูปร่างที่แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง ดูคล้ายกับใบหน้าที่ดุร้ายของภูตผี ลอยอยู่ที่นั่นในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกว่าใบหน้าภูติผีนั้นกำลังมองดูเขาอยู่

เขายังได้ยินเสียงของสายลม ที่คล้ายกับเป็นเสียงแผดร้องซึ่งดังก้องออกมาจากหลุมฝังศพอย่างไร้จุดสิ้นสุดอีกด้วย สีหน้าเมิ่งฮ่าวสลดลง และเริ่มถอยไปทางด้านหลัง

ขณะที่ทำเช่นนั้นก็สังเกตเห็นอย่างช่วยไม่ได้ว่า บริเวณที่ถูกปกคลุมด้วยใบหน้าภูติผี…กำลังขยายตัวออกไป ตอนนี้มันมีขนาดใหญ่โตกว่าตอนที่เขามองเห็นเป็นครั้งแรก ประมาณสามในสิบส่วน

“ดินแดนลี้ลับ?” เมิ่งฮ่าวคิด สังเกตดูใบหน้าภูตผีนั้น ด้วยเหตุผลบางอย่าง การมองไปยังใบหน้าภูติผีนั้นทำให้เขารู้สึกได้ถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา จึงรีบหยิบเอาแผนที่แผ่นหยกจากสำนักเฮ่าหรันออกมา และตรวจดูมันอย่างละเอียด น่าเสียดายที่ไม่มีข้อมูลพิเศษใดๆ ในบริเวณแห่งนี้

“ไม่ถูกต้อง…” เมิ่งฮ่าวคิดพร้อมกับขมวดคิ้ว หลังจากที่มองไปยังใบหน้าภูตผีซึ่งกำลังขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็วอีกครั้ง และจากนั้นก็มองกลับไปยังแผนที่แผ่นหยก คิ้วของเขาก็ขมวดมุ่นลึกขึ้นกว่าเดิม

แผนที่นั้นมีรายละเอียดมากเป็นอย่างยิ่ง และเป็นสิ่งของที่หาได้ยากซึ่งมีแต่ศิษย์หลักของสำนักเฮ่าหรันเท่านั้นที่จะมีไว้ในครอบครอง แม้แต่ดาวเคราะห์มากมายก็ยังถูกกำกับไว้บนแผนที่นี้

จากแผนที่ ตำแหน่งในตอนนี้ของเมิ่งฮ่าวน่าจะมีดาวเคราะห์เจ็ดดวงรวมตัวเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นตลาดขนาดเล็กแห่งหนึ่ง

แต่ในตอนนี้มองไม่เห็นดาวเคราะห์ทั้งเจ็ดดวงเหล่านั้น และตลาดที่อยู่บนดวงดาวเหล่านั้นก็หายไปด้วยเช่นเดียวกัน

ขณะที่เมิ่งฮ่าวทำการศึกษาสถานการณ์อยู่นั้น หนังศีรษะก็เริ่มด้านชาขึ้นมา

“พวกมันถูกกลืนลงไปแล้ว…?” เมิ่งฮ่าวคิด มองไปยังรอยแตกที่เรืองแสงทั้งสามสิบสามแห่ง และเศษหินดินทรายที่กำลังลอยอยู่ที่นั่น เขาคาดเดาว่าก่อนหน้านี้คงจะมีดาวเคราะห์เจ็ดดวงและตลาดอยู่จริงๆ และเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องมีผู้ฝึกตนอยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน

แต่รอยแตกที่เรืองแสงทั้งสามสิบสามแห่งเหล่านี้ จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้น กลืนกินและทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในบริเวณนี้ไป…ความคิดนี้ทำให้สีหน้าเมิ่งฮ่าวต้องสลดลง ยิ่งไปกว่านั้นความรู้สึกถึงอันตรายก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น แม้แต่กลิ่นอายแห่งความตายก็ค่อยๆ มองเห็นได้อย่างเด่นชัดมากขึ้น

“ขุนเขาทะเลที่แปดเต็มไปด้วยหลุมฝังศพ เป็นไปได้หรือไม่ว่านี่คือหลุมฝังศพอีกแห่ง?!”

โดยไม่ลังเลใดๆ เขาพุ่งถอยไปทางด้านหลัง สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยอันตรายเช่นเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจหันหลังและจากไป

แต่ไม่นานต่อมา ก่อนที่เขาจะทันได้บินออกไปยังที่ห่างไกล ก็มองเข้าไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว และเห็นเรือค้าขายกำลังมุ่งหน้าตรงมายังทิศทางนี้

เมื่อเขาเห็นมัน ฉับพลันนั้นเรือก็หยุดชะงักลง

สีหน้าอันซับซ้อนปรากฏขึ้นบนใบหน้าเมิ่งฮ่าว ขณะที่เขาสังเกตเห็นสัญลักษณ์เวทที่อยู่ข้างลำเรือ ซึ่งรวมตัวเข้าด้วยกันกลายเป็นตัวอักษรเมิ่ง (孟) “ตระกูลเมิ่ง…”

นี่เป็นครั้งแรกที่เมิ่งฮ่าวมองเห็นใครบางคนจากตระกูลเมิ่งในขุนเขาทะเลที่แปด เขาไม่เคยคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาละสายตากลับมาเตรียมตัวจะจากไปอีกครั้ง แต่ทันใดนั้นแสงอันเจิดจ้าของเกราะป้องกันก็ปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ ลำเรือ เห็นได้ชัดว่าเป็นค่ายกลเวทป้องกัน ในเวลาเดียวกันนั้นเงาร่างมากมายก็ลอยออกมาจากลำเรือจ้องมองมายังเมิ่งฮ่าว

หนึ่งในพวกมันเป็นบุรุษหนุ่ม มีหน้าตาหล่อเหลาแต่ก็ค่อนข้างจะซีดขาว ดูท่าทางอ่อนแอราวกับว่าดื่มสุรามากจนเกินไป สวมใส่ชุดผ้าไหมอันประณีตงดงาม และถือแผ่นหยกอยู่ในมือ ในทันทีที่มันมองเห็นเมิ่งฮ่าว ใบหน้าก็เปล่งประกายขึ้นและบดขยี้แผ่นหยกไป

เมิ่งฮ่าวใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์กวาดผ่านไปยังตัวเรือ และพบว่าพื้นฐานฝึกตนที่สูงมากที่สุดในท่ามกลางคนกลุ่มนี้คือสองผู้แข็งแกร่งในวงจรอันยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรโบราณ

หนึ่งในพวกมันยืนอยู่ข้างกายผู้ฝึกตนหนุ่มตระกูลเมิ่ง และอีกคนยืนขนาบข้างอยู่ที่บุรุษหนุ่มอีกคน ซึ่งมีรูปร่างที่ผอมแห้งอย่างถึงที่สุด แต่ก็มีดวงตาที่สาดประกายเย็นชา

เมิ่งฮ่าวสามารถจะสังหารกลุ่มคนเหล่านี้ไปได้อย่างง่ายดาย ต่อให้พวกมันมีค่ายกลเวทป้องกันอยู่ก็ตามที

เมื่อเขาเห็นบุรุษหนุ่มผู้นั้นบดขยี้แผ่นหยก เมิ่งฮ่าวก็ถอนหายใจจากนั้นก็หมุนตัวกลายเป็นลำแสงอันเจิดจ้าเริ่มพุ่งออกไปยังที่ห่างไกล

แต่จากนั้นบุรุษหนุ่มผู้นั้นก็ร้องตะโกนขึ้น “เมิ่งฮ่าว อย่าได้ฝันว่าจะจากไปได้! พวกเจ้าทั้งหลายออกไปหยุดมัน! ข้าแจ้งไปยังผู้อาวุโสแห่งพันธมิตรเทพสวรรค์แล้ว และพวกมันคงจะมายังที่แห่งนี้ในไม่ช้า หยุดเมิ่งฮ่าวไว้!”

เพื่อตอบรับคำพูดของบุรุษหนุ่ม ผู้ฝึกตนสิบกว่าคนก็บินออกมาจากลำเรือ พวกมันมีท่าทางวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง แต่ผู้ที่วิตกมากไปกว่านั้นก็คือสองผู้ฝึกตนที่อยู่ในขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรโบราณ เมื่อพวกมันได้ยินคำพูดของบุรุษหนุ่ม สีหน้าพวกมันก็สลดลง

“หุบปาก!!” หนึ่งในชายชราทั้งสองร้องตวาดออกมา

“เจ้าโง่!” บุรุษหนุ่มร่างผอมแห้งท่าทางเย็นชาที่อยู่ด้านข้างชายชรากล่าวขึ้น ด้วยสีหน้าดูถูกเยาะเย้ย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version