Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1239

ตอนที่ 1239

กลั่นสกัดร่างกาย

ผู้ฝึกตนนั้นสั่นสะท้านไปทั้งร่าง รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นอย่างน่าเหลือเชื่อ กระจายออกมาจากมือที่คว้าจับไปด้วยความตะกละของเมิ่งฮ่าว ราวกับว่าเป็นการถูกจับด้วยแท่งน้ำแข็ง ทำให้จิตใจมันเต็มไปด้วยเสียงที่คล้ายกับเสียงแผดร้อง จมลงไปในความรู้สึกของความตายที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันในทันที และใบหน้ามันก็ซีดขาวขึ้นอย่างน่ากลัว

แต่เมื่อผู้ฝึกตนนั้นรู้สึกว่าไม่อาจจะทนได้อีกต่อไป เมิ่งฮ่าวก็ปล่อยมือออกอย่างฉับพลัน มันแผดร้องออกมาและพุ่งถอยไปทางด้านหลัง รู้สึกหวาดกลัวต่อเมิ่งฮ่าว

อย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้

โดยที่ไม่สนใจผู้ฝึกตนที่กำลังหลบหนีจากไป เมิ่งฮ่าวลุกขึ้นมายืนอย่างช้าๆ ขณะที่ทำเช่นนั้นศีรษะของเขาก็ลอยขึ้นมาจากพื้น ค่อยๆ กลับไปวางบนลำคอ จากนั้นชิ้นเนื้อและกระดูกก็เริ่มฟื้นฟูกลับคืนมา

อาการบาดเจ็บของเขาได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นเสียงกรอบแกรบขึ้น เมื่อกระดูกที่แตกหักอยู่ภายในร่างเรียงตัวขึ้นมาใหม่และเชื่อมต่อเข้าด้วยกันเหมือนเดิม

ทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่อึดใจเท่านั้น และจากนั้นเขาก็ฟื้นกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์

ในตอนนี้ผู้ฝึกตนนั้นได้ค้นพบตำแหน่งทางออกของห้องนี้แล้ว และกำลังพุ่งตรงไปด้วยความคลุ้มคลั่งเพื่อหลบหนีจากไป

เมิ่งฮ่าวส่ายศีรษะไปมาเล็กน้อย และลืมตาขึ้นมาอย่างฉับพลัน ในทันทีที่ดวงตาทั้งสองข้างเปิดขึ้น แสงสีฟ้าก็พุ่งกระจายออกไปด้วยความเย็นชาและโหดเหี้ยม ดูเหมือนว่าจะเก่าแก่โบราณเป็นอย่างยิ่ง และเต็มไปด้วยแสงแห่งความละโมบ เขาเงยหน้าขึ้นและจากนั้นก็หายตัวไป

เมื่อปรากฏกายขึ้นอีกครั้งก็ไปอยู่ตรงปากทางออกของห้อง อยู่เบื้องหน้าผู้ฝึกตนที่กำลังหลบหนีไป ก่อนที่บุรุษผู้นั้นจะทันได้มีปฏิกิริยาใดๆ มือของเมิ่งฮ่าวก็ยื่นออกไปคว้าจับลำคอของมันไว้

เสียงแตกร้าวได้ยินมา ขณะที่ลำคอของมันถูกบดขยี้ไปในเวลาต่อมา

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็พึมพำขึ้น “สังหาร…เป็นเวลานาน นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้สังหารใครอีกเลย”

“การมีร่างกายขึ้นอีกครั้งเป็นความรู้สึกที่…ดีจริงๆ” นี่คือเสียงของเมิ่งฮ่าว แต่ก็เป็นเสียงที่แหบแห้ง ราวกับดังออกมาจากช่วงเวลาเมื่อในอดีตนานหลายปีจนนับไม่ถ้วนที่ผ่านมา

“ร่างนี้…เป็นสิ่งที่ข้าไม่เคยพบเห็นมาก่อน มันมีสายโลหิตที่โดดเด่นด้วยเช่นกัน…ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมจริงๆ ที่ยากจะพบเห็นมากไปกว่านั้นก็คือพื้นฐานฝึกตนของมัน…ด้วยร่างกายเช่นนี้ ข้าต้องมีโอกาสที่จะบรรลุถึงการเหยียบย่ำสวรรค์อย่างแน่นอน” รอยยิ้มน้อยๆ ของเมิ่งฮ่าวเริ่มดูน่ากลัวมากขึ้นกว่าเดิม

“ยิ่งไปกว่านั้น อาการบาดเจ็บของคนผู้นี้ก็สาหัสมาก ทำให้ข้าสามารถครอบครองร่างได้ง่ายดายกว่าที่คาดคิดไว้ มันคงเป็นเจตจำนงแห่งสวรรค์อย่างแน่นอน ในที่สุดข้า, ตันหลาง (สุนัขป่าตะกละ) ก็ก้าวเข้ามาในโลกได้อีกครั้ง!” เสียงหัวเราะแหบแห้งดังเต็มอยู่ในห้องนั้น

“นับจากวันนี้เป็นต้นไป นี่คือร่างกายของข้า ถ้าเช่นนั้น…ข้าคิดว่าน่าจะทำให้มันมีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม!” ดวงตามันสาดประกายขึ้นขณะที่ใช้สองมือร่ายเวท จากนั้นก็กดนิ้วลงไปทั่วลำตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ทุกครั้งที่มันกดนิ้วลงไป แรงสั่นสะเทือนก็วิ่งผ่านไปทั่วร่าง และจุดที่ถูกกดลงไปก็จะแห้งเหี่ยวลง แต่พลังปราณและโลหิตอันแข็งแกร่งก็ระเบิดออกมาอยู่ภายในร่าง ทำให้กายเนื้อที่อยู่ในจุดสูงสุดอยู่แล้ว จู่ๆ ก็เกิดการพุ่งทะลวงผ่านขึ้นไป!

สิบเท่า, ยี่สิบเท่า, สามสิบเท่า!

มือของมันขยับไปมาด้วยความรวดเร็วมากขึ้นไปเรื่อยๆ กดลงไปบนจุดต่างๆ ตามร่างกาย ทำให้เกิดการแห้งเหี่ยวลงไปเพิ่มมากขึ้น ในที่สุดก็ดูเหมือนกับเป็นถุงหนังที่ห่อหุ้มกระดูก แต่พลังกายเนื้อของมันก็บรรลุถึงระดับที่แทบไม่อยากจะเชื่อ ยิ่งไปกว่านั้นขณะที่เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น มันก็ยิ่งมีความแข็งแกร่งมากขึ้นไปเรื่อยๆ!!

ก่อนหน้านี้กายเนื้อของเมิ่งฮ่าวบรรลุถึงวงจรอันยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรโบราณ ห่างจากการทะลวงผ่านไปยังอาณาจักรเต๋าแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น แต่ก็เป็นครึ่งก้าวที่กว้างใหญ่และเป็นช่องว่างที่ยากต่อการก้าวข้าม ถึงแม้ว่าจะมีหลายทางเลือก แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่อาจจะสรุปได้ว่าทางเลือกไหนจะทำได้สำเร็จ

แต่ตอนนี้หลังจากที่ถูกยึดร่าง และกดลงไปตามจุดต่างๆ บนร่าง เขาก็เข้าไปใกล้กับการมีกายเนื้ออาณาจักรเต๋ามากขึ้นเรื่อยๆ

“กายเนื้ออาณาจักรเต๋านับเป็นอย่างไรได้? แค่ใช้โลหิตเทพเพียงเล็กน้อย ข้าก็สามารถจะทะลวงผ่านไปได้อย่างง่ายดาย ดูเหมือนว่าร่างนี้จะมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นมาโดยตลอด แต่เจ้าของเดิมแค่ไม่มีประสบการณ์เท่านั้น ข้าต้องไม่ปล่อยให้เสียของไปโดยเปล่าประโยชน์” ตันหลางกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง จู่ๆ มือของมันก็หยุดชะงักลง ร่างกายในตอนนี้ดูแทบจะคล้ายกับโครงกระดูกเป็นอย่างยิ่ง

แต่พลังกายเนื้ออันเข้มข้นก็กระจายออกมาจากโครงกระดูกนี้มากกว่าเดิมเป็นหลายเท่า ถึงแม้ว่าจะไม่อยู่ในอาณาจักรเต๋าก็ตาม แต่ในแง่ของพลังแล้วก็เท่าเทียมกัน!

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นร่างกายก็แวบขึ้นเมื่อเริ่มบินผ่านเขตสุสานไป ขณะที่เขาเดินทางต่อไป ก็กลั่นสกัดกายเนื้อไปอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็มองเห็นผู้ฝึกตนอาณาจักรโบราณอีกคนปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า

เป็นชายชราผู้หนึ่ง หลังจากที่มันมองเห็นเมิ่งฮ่าว ก็จ้องมองมาด้วยความตกใจ มันจำเมิ่งฮ่าวไม่ได้โดยสิ้นเชิง ร่างโครงกระดูกของเขาดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ชายชราต้องถอยไปทางด้านหลังโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตามในตอนที่มันถอยหลังไป รอยยิ้มอันโหดเหี้ยมก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเมิ่งฮ่าว และร่างเขาก็หายไป เมื่อปรากฏกายขึ้นใหม่ ก็ไปอยู่ที่ด้านหลังชายชรา ยกมือขึ้นตะปบลงไปบนศีรษะของชายชรา

เขากดมือลงไปอย่างแผ่วเบาและร่างของมันก็สั่นไปมา เกิดเป็นเสียงกระหึ่มขึ้นขณะที่จู่ๆ ร่างมันก็กลายเป็นเถ้าธุลีและกลุ่มหมอกสีขาว กลุ่มหมอกนั้นลอยออกมาหลอมรวมเข้ากับร่างของเมิ่งฮ่าว ทำให้เลือดเนื้อได้รับการฟื้นฟูกลับมาเล็กน้อย

“ข้ายังแข็งแกร่งกว่านี้ได้อีก ตอนนี้ข้ากลั่นสกัดเลือดเนื้อเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาที่จะกลั่นสกัดกระดูกแล้ว!” เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่ทะเลแห่งเปลวไฟอันไร้ขอบเขตพุ่งออกมาอยู่รอบๆ ตัว และจากนั้นก็ไหลเข้าไปภายในร่าง เสียงปะทุได้ยินมาและความเจ็บปวดอย่างรุนแรงก็ประจายไปทั่วร่าง แต่เขาก็ไม่ขมวดคิ้วแม้แต่น้อย

อันที่จริงเขาเริ่มจะที่ลอยตัวเดินทางต่อไป ขณะที่กระดูกถูกกลั่นสกัด หลังจากที่ขั้นตอนนี้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ พลังของเขาก็จะเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าอีกครั้ง

“ในที่สุดก็เป็นเส้นลมปราณ…” เมิ่งฮ่าวกล่าว สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เสียงหวีดหวิวดังก้องขึ้น พุ่งเข้าไปในเส้นลมปราณ เปิดพวกมันออก ม้วนกวาดไปทั่วทั้งร่าง จนทำให้ต้องสั่นสะท้าน แต่ก็ยังคงกัดฟันแน่นและฝืนทนต่อไป พร้อมกับความสำเร็จที่พุ่งขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง จู่ๆ ร่างเขาก็หายแวบไป เมื่อปรากฏขึ้นมาใหม่ก็ไปอยู่ในห้องอีกแห่ง ด้านหลังผู้ฝึกตนอาณาจักรโบราณอีกคน

หนังศีรษะของผู้ฝึกตนนั้นด้านชา และขณะที่มันหมุนตัวไปรอบๆ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความตกใจ ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็ฟาดไปที่ศีรษะมัน เกิดเป็นเสียงแตกร้าวอย่างรุนแรง ทำให้บุรุษผู้นั้นแตกกระจายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไป

เสียงปังได้ยินมาขณะที่ร่างกายมันกลายเป็นเถ้าธุลี และกลุ่มหมอกสีขาวก็ปรากฏขึ้น เมิ่งฮ่าวดูดซับมันไว้ จากนั้นก็มุ่งหน้าต่อไปโดยที่ไม่หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย

หลังจากเวลาชั่วธูปไหม้หมดหนึ่งดอกผ่านไป ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็สาดประกายขึ้น ขณะที่การกลั่นสกัดเส้นลมปราณของเขาเสร็จสิ้นสมบูรณ์

“สุดท้าย โลหิต!” เขากดนิ้วชี้ข้างขวาลงไปบนหน้าอก แทงเข้าไปจนลึก ผ่านเลือดเนื้อเข้าไปในหัวใจ

เพื่อตอบรับการกระทำนี้ วิญญาณของเขาเริ่มกระจายพลังแก่นแท้เข้าไปในหัวใจของตนเอง ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของพลังที่รักษาการคงอยู่และอายุขัยของเขาไว้ แต่ตอนนี้มันกำลังปลดปล่อยความพยายามที่จะทำให้กายเนื้อมีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม

นี่คือแก่นแท้แห่งพลังชีวิตของเขา และในทันทีที่มันไหลเข้าไปในหัวใจ ก็เกิดเป็นเสียงกระหึ่มขึ้น ขณะที่โลหิตทั้งหมดในร่างกายเริ่มเดือดพล่าน เมื่อโลหิตถูกเผาไหม้และลดน้อยลงไป ร่างกายก็เริ่มสร้างโลหิตขึ้นมาใหม่เพื่อแทนที่ของเก่า

วงจรเช่นนี้ดำเนินต่อไป การสร้างโลหิตขึ้นมาใหม่ค่อยๆ เริ่มมีความรวดเร็วไม่เท่ากับการถูกเผาไหม้ไป ในที่สุดขั้นตอนการสร้างโลหิตขึ้นมาใหม่ก็ได้รับผลกระทบ และสีของโลหิตก็กลายเป็นสีทองเข้ม!

โลหิตภายในร่างเขาลดน้อยลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งในที่สุดก็เหลืออยู่เพียงแค่สามในสิบส่วนเท่านั้น แต่พลังของเขาก็พุ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้มีความแข็งแกร่งมากกว่าผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าธรรมดาทั่วไป จนสามารถจะเทียบได้กับ…ราชันเต๋า!

แต่กายเนื้อของเขาก็ยังคงไม่อยู่ในอาณาจักรเต๋าที่แท้จริง!

“นี่คือกายเนื้อที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดแล้วในตอนนี้” เมิ่งฮ่าวกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ดึงมือออกมาจากหน้าอกอย่างช้าๆ และบาดแผลก็ถูกรักษาไปในทันที โดยที่ไม่มีโลหิตพุ่งออกมาจากบาดแผลแม้แต่หยดเดียว

“ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ลองดูว่ามันจะแข็งแกร่งเหมือนกับที่ข้าคิดไว้หรือไม่?”

เมิ่งฮ่าวยิ้มแปลกๆ ก้าวเดินตรงไป เคลื่อนที่ออกไปด้วยความรวดเร็วเกินกว่าสิ่งที่เขาเคยทำได้จากก่อนหน้านี้ เหลือทิ้งไว้แต่ภาพทับซ้อนอยู่ทางด้านหลังเท่านั้น ขณะที่พุ่งออกไปยังที่ห่างไกล

เขาคล้ายกับเป็นภูตผีที่อยู่ในป่าช้า คอยเก็บเกี่ยวสิ่งมีชีวิตทั้งปวงที่พบเห็น

ตอนนี้มีผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าอยู่สามคนในป่าช้าแห่งนี้ เป็นผู้ฝึกตนสองแก่นแท้ที่เคยพยายามมาขัดขวางเมิ่งฮ่าวไว้สองคน และผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดในคนทั้งสามก็คือ เสวียนเต้าจื่อ

คนทั้งสามอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างกัน ฉวยโอกาสจากพื้นฐานฝึกตนที่สูงมากกว่าคนอื่นๆ ของพวกมัน ทำการค้นหาเมิ่งฮ่าว

ในตอนนี้ผู้ฝึกตนอาณาจักรโบราณหกคน ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว พวกมันรวมตัวกันและกำลังเดินทางไปด้วยความระมัดระวังตัว ทุกสิ่งทุกอย่างใต้พื้นสุสานนี้ทำให้พวกมันรู้สึกหวาดกลัว และในตอนนี้พวกมันไม่ได้คิดไปถึงเรื่องโชควาสนาใดๆ แต่กำลังมองหาทางออกไปเท่านั้น

ขณะที่พวกมันมุ่งหน้าไป จู่ๆ หนึ่งในผู้ฝึกตนเหล่านั้นก็กระซิบถามขึ้น “นั่นเป็นเสียงอะไร!?”

สีหน้าของคนอื่นๆ เปลี่ยนไปในทันที ขณะที่พวกมันมองไปรอบๆ ทั่วทุกทิศทาง

เมื่อพวกมันมองไม่เห็นสิ่งผิดปกติใดๆ ก็ยิ่งรู้สึกวิตกมากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นจึงเร่งความเร็วขึ้น แต่ไม่นานนักพวกมันก็รู้สึกขนลุกขึ้น จากเสียงที่ได้ยินอยู่ในบริเวณนั้น ซึ่งก็คือเสียงฝีเท้า

เสียงฝีเท้าเหล่านั้นเดิมทีเป็นของพวกมันทั้งหก แต่ตอนนี้คนทั้งหมดต่างก็ตระหนักว่า…ยังมีเสียงฝีเท้าเสียงที่เจ็ดอยู่ด้วย

หนังศีรษะของผู้ฝึกตนทั้งหกต่างก็ด้านชาขึ้นมา รีบส่งข้อความให้กันและกัน พื้นฐานฝึกตนของพวกมันระเบิดเป็นพลังออกไป และปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์ออกไปทั่วทุกทิศทาง แสงวิชาเวทของพวกมันเผยให้เห็นถึงเงาร่างโครงกระดูกขึ้นมาในทันที

เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องออกไป เต็มไปทั่วทั้งเขตสุสาน แต่ก็มีผู้ฝึกตนที่อยู่ในที่แห่งนั้นได้ยินเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ขณะที่ผู้ฝึกตนทั้งหกปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์ออกไป ก็เกิดเป็นเรื่องที่น่าตกใจขึ้นโดยสิ้นเชิง ความสามารถศักดิ์สิทธิ์และอาวุธเวททั้งหมดของพวกมัน กระแทกเข้าไปยังโครงร่างกระดูกนั้น แต่ผลลัพธ์ก็คือแค่ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นมาอย่างเลือนลางเท่านั้น เงาร่างนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย

“ช่างอ่อนแอนัก” เงาร่างโครงกระดูกกล่าวขึ้นพร้อมกับยิ้มออกมา ก้าวเดินตรงไป นิ้วชี้แวบขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับเป็นสายฟ้า ขณะที่แทงเข้าไปในหน้าผากของผู้ฝึกตนทั้งหมดต่อเนื่องติดตามกันอย่างรวดเร็ว

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา ตอนนี้โครงกระดูกเมิ่งฮ่าวไปอยู่ตรงหน้าของผู้ฝึกตนคนที่หก ซึ่งกำลังสั่นสะท้านและกลายเป็นเถ้าธุลีไป กลุ่มหมอกสีขาวปรากฏขึ้น และเขาก็ดูดซับมันเข้าไป ทำให้กายเนื้อฟื้นฟูกลับมามากขึ้น ตอนนี้เขาดูคล้ายกับโครงกระดูกน้อยลง แต่ก็ยังคงผอมแห้งเป็นอย่างยิ่ง

“ข้าไม่ต้องรีบร้อนทดสอบข้อจำกัดของกายเนื้อนี้อีกแล้ว ดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะขาดแคลนอาวุธเวท ช่างน่าสมเพชนักที่มันยากจนข้นแค้น ถุงสมบัติมีแต่ความว่างเปล่า” ตันหลางพึมพำ มองลงไปยังถุงสมบัติที่มีสิ่งของอยู่ไม่มากนัก เพียงแค่กระถางหนึ่งใบ, หอกหนึ่งเล่ม และกระบี่อยู่เล็กน้อย

ตันหลางไม่รู้สึกสงสัยว่าทำไมถุงสมบัติถึงได้ว่างเปล่าเช่นนี้ ก่อนหน้านี้มันมีทั้งกระจกทองแดง, นกแก้ว, ผีโต้ง และหยกเซียนจำนวนมหาศาล รวมทั้งตั๋วสัญญาและอาวุธเวทต่างๆ

แต่ตอนนี้กลับมองไม่เห็นสิ่งของเหล่านั้น

“ไม่เป็นไร เมิ่งฮ่าวผู้นี้คงต่อสู้มาอย่างยาวนาน ทำให้ต้องใช้สิ่งของเหล่านั้นไปจนหมดสิ้น ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา เป็นไปได้ว่าสิ่งของที่ยังเหลืออยู่เหล่านี้ค่อนข้างจะดีไม่น้อย แต่เมื่อไหร่ที่ข้าใช้พลังแก่นแท้ไปกลั่นสกัด พวกมันก็คงจะมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version