ตอนที่ 1264
ท่านอยู่ไหน…?
ยังมีบางสิ่งเกิดขึ้นอีกเมื่อสี่แท่นบูชาแตกร้าว บางสิ่งนั้นเกิดขึ้นอยู่ในขุนเขาทะเลที่แปด แต่ไม่ใช่ในตระกูลเมิ่ง กลับอยู่ในพันธมิตรเทพสวรรค์ ตรงจุดศูนย์กลางของขุนเขาทะเลที่แปด…บนขุนเขาที่แปด!
ตรงจุดสูงสุดของขุนเขาเป็นสระสวรรค์แห่งหนึ่ง ภายในมีเต่าเสวียนอู่อยู่หนึ่งตัว กำลังหลับตาอยู่ภายในสระ ตรงข้างสระเป็นวิหารแห่งหนึ่ง…
วิหารเทพสวรรค์!
นั่นคือสถานที่แห่งตำนานและเป็นที่อยู่อาศัยของราชันแห่งขุนเขาทะเลที่แปดอันลึกลับ…เทียนเสิน! (เทพสวรรค์)
นอกจากเทียนเสินแล้วก็ไม่มีใครจะสามารถย่างเท้าเข้ามาบนยอดเขานี้ได้ ในฐานะที่เป็นเขตหวงห้าม ตอนนี้มีตะเกียงน้ำมันที่กำลังลุกไหม้อยู่หนึ่งดวงในวิหารเทพสวรรค์
ตะเกียงนั้นจะลุกไหม้ไปตราบชั่วนิรันดร์ และถึงแม้ว่าจะไม่มีสายลมก็ตามที แต่เปลวไฟก็ยังคงส่ายไหว เกิดเป็นแสงกระพริบไปมาอยู่ในวิหาร ที่มองเห็นได้อยู่ภายในวิหารเป็นบัลลังก์ขนาดใหญ่ นั่งไว้ด้วยเงาร่างที่ดูลี้ลับอยู่ร่างหนึ่ง
ยากที่จะมองเห็นใบหน้าของมัน เงาร่างนั้นสวมใส่ชุดยาวสีดำ และก้มศีรษะลงไปขณะที่นั่งอยู่ที่นั่น ไม่ขยับตัวเคลื่อนไหวใดๆ แต่ก็พอจะมองเห็นได้ว่าเทียนเสินผู้นี้กำลังสวมใส่หน้ากากอยู่
บนหน้ากากนั้นมีภาพของอสรพิษที่ม้วนพันไปบนร่างเต่า…
ขณะที่แท่นบูชาแท่นแล้วแท่นเล่าในขุนเขาทะเลที่เจ็ดแตกร้าวไป เงาร่างที่อยู่บนบัลลังก็ก็เริ่มขยับตัว…ราวกับว่ากำลังจะตื่นขึ้นมา
แต่ละครั้งที่เป็นเช่นนี้ เปลวไฟที่อยู่ในตะเกียงก็จะส่ายไหวไปมาด้วยเช่นกัน
เงาร่างบนบัลลังก์…คือผู้ยิ่งใหญ่มากที่สุดในขุนเขาทะเลที่แปด…ราชันขุนเขาทะเลเทียนเสิน มีตำนานอยู่มากมายเกี่ยวกับคนผู้นี้ บ้างก็บอกว่าเทียนเสินมาจากตระกูลหาน บ้างก็บอกว่ามันมาจากตระกูลเมิ่ง บางคนยังบอกอีกด้วยว่าเทียนเสินคงอยู่มานานมากแล้ว และไม่ได้มาจากอาณาจักรขุนเขาทะเล
แต่ถึงกระนั้นตลอดหลายปีมานี้ ก็ไม่มีใครเคยเห็นหน้าตาที่แท้จริง ซึ่งอยู่ภายใต้หน้ากากของเทียนเสินมาก่อน สิ่งที่คนทั้งหมดมองเห็น ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาก่อน มันมักจะมีรูปร่างหน้าตาเช่นนี้
ยังมีอีกข่าวลือได้เริ่มแพร่กระจายออกไปอย่างช้าๆ แต่น้อยคนนักที่จะเชื่อ เนื่องจากเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง ข่าวลือนั้นบอกว่าเทียนเสิน…ไม่เคยมีอยู่มาก่อน
จากตำนานเหล่านั้น…ราชันขุนเขาทะเลไม่ได้มีชีวิตอยู่ตลอดไป และจริงๆ แล้วพวกมันทั้งหมดต่างก็มีอายุขัยที่จำกัด เหตุผลเดียวเท่านั้นที่พวกมันยังคงมีชีวิตอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็เพราะว่าราชันขุนเขาทะเลแต่ละคนมีวิธีการที่แตกต่างกันออกไปในการหลอกลวงสวรรค์ เพื่อให้คงอยู่ต่อไป
จากการคาดคะเน หนึ่งในวิธีการเหล่านั้นที่ถูกใช้ออกมาโดยเทียนเสินแห่งขุนเขาทะเลที่แปด…คือการสืบทอดทายาท คาดคะเนว่าเมื่อเทียนเสินตายไป มันก็จะค้นหาทายาทเพื่อให้สืบทอดต่อไป ทำให้มั่นใจได้ว่าเทียนเสินจะคงอยู่ต่อไปตราบชั่วนิรันดร์ในรูปแบบของการสืบทอด
เวลาเดียวกันนั้น ย้อนกลับไปในขุนเขาทะเลที่แปด บนดินแดนแห่งหนึ่งของตระกูลเมิ่ง เมิ่งฮ่าวลุกขึ้นมายืนและโค้งตัวลงต่ำขณะที่ไว่ผอเดินเข้ามาในห้อง
เมิ่งฮ่าวไม่เคยก้มศีรษะเพื่อต้อนรับใครที่เดินเข้ามาในห้อง นอกจากท่านเท่านั้น
ไว่ผอมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยใบหน้าที่เมตตา พยักหน้าให้พร้อมกับนั่งลงขัดสมาธิอยู่ที่เบื้องหน้า เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจลึกๆ และมีท่าทางจดจ่อขณะที่นั่งลงไปด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
“ไม่ต้องวิตกไป ไว่ผอมีชีวิตอยู่มานานมากแล้ว พบเจอเรื่องราวมามากมาย ไม่มีอะไรที่ไม่เคยพบเห็นมา ถ้าเจ้าล้มเหลวก็ไม่เป็นไร ด้วยการที่สองไว่ซูกงของเจ้าฟื้นฟูกลับคืนมาแล้ว สายโลหิตของพวกเราก็ถูกลิขิตให้รุ่งเรืองต่อไป”
“ถ้าไว่ผอตายไป ก็เสียใจอยู่แค่เรื่องเดียวเท่านั้นที่ไม่มีโอกาสจะเห็นไว่กงเจ้าอีกครั้ง ไว่ผอรู้สึกได้ว่ามันยังไม่ตายไป และ…ไม่ได้อยู่ห่างไกลออกไปมากนัก” ในที่สุดท่านก็ถอนหายใจ
เมิ่งฮ่าวมีความรู้สึกที่ผสมปนเปกันไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคิดว่าไว่กงหายตัวไปในขณะที่พยายามจะช่วยชีวิตตนเอง
“ไว่ผอ ท่านไม่ต้องเสียใจ ข้าจะต้องทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน และสักวันหนึ่งข้าจะไปค้นหาไว่กงด้วยเช่นกัน!” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงแผ่วเบา
ไว่ผอหัวเราะหึๆ และความเมตตาในแววตาท่านก็ยิ่งเข้มข้นมากขึ้น
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ขยับสองมือร่ายเวท ตอนนี้เขาคุ้นเคยกับวิธีการดึงตะปูออกมาแล้ว และเชื่อมั่นในตัวเองเป็นอย่างมาก เขายกสองมือขึ้นไปวางอยู่บนหน้าผากของไว่ผอ จากนั้นก็ปลดปล่อยพื้นฐานฝึกตนออกไปอย่างเต็มกำลัง!
ในตอนที่เมิ่งฮ่าวรักษาสองไว่ซูกง เขาใช้พลังจากพื้นฐานฝึกตนเพียงแค่สามในสิบส่วนเท่านั้น ตอนนี้เขากำลังทุ่มออกมาอย่างสุดกำลัง ไว่ผอเริ่มสั่นสะท้าน และทันใดนั้นตำแหน่งทั้งเก้าบนร่างท่าน รวมทั้งบนหน้าผาก ก็เริ่มสาดประกายเป็นแสงเจิดจ้าออกมา
ตำแหน่งทั้งเก้าเหล่านั้นคือตำแหน่งที่ตะปูถูกตรึงอยู่ ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวมองเห็นแสงอันเจิดจ้าเหล่านั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป และทันใดนั้นก็ได้ยินเก้าเสียงดังกระหึ่มขึ้นมาในหู
“ใครก็ตามที่บังอาจมาแตะต้องค่ายกลเวทนี้ต้องตาย!!” เสียงทั้งเก้าเหล่านั้นดังขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกัน และคำพูดของพวกมันก็เสียดแทงเข้าไปในจิตใจเมิ่งฮ่าว ราวกับว่าจะทำลายเขาไป
“เจ้าประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว!” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบพร้อมกับแค่นเสียงเย็นชา ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร เพราะว่าเขาฝึกฝนคัมภีร์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ ทำให้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตนเองมีความแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ เขาส่งมันออกไปปะทะกับเจตจำนงทั้งเก้าที่กำลังผ่านเข้ามาในจิตใจทันที
ตอนนี้เขากำลังต่อสู้กับอาณาจักรเต๋าอย่างแท้จริง ด้วยการใช้หนึ่งต่อสู้กับเก้า!
เสียงกระหึ่มดังก้องขึ้นขณะที่เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน แต่สองมือของเขาก็ยังคงตรึงแน่นอยู่ที่เดิม ขณะที่ไว่ผอสั่นสะท้านและแสงที่พุ่งออกมาก็ยิ่งเจิดจ้ามากขึ้น ตะปูเริ่มถูกบังคับให้ลอยออกมา
ในตอนนี้เองย้อนกลับไปยังขุนเขาทะเลที่เจ็ด สีหน้าของเก้าผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าเปลี่ยนไป และพวกมันก็ทุ่มออกมาอย่างสุดกำลังเท่าที่สามารถจะรวบรวมได้ แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรกับบุคคลที่สอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับค่ายกลเวทนี้ได้
“ข้าคุ้นเคยกับผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังทั้งหมดในขุนเขาทะเลที่แปดเป็นอย่างดี คนผู้นี้มาจากที่ไหนกันแน่?!?!”
“มันต้องเป็นราชันเต๋าขั้นสูงสุด เป็นคนที่แทบจะกลายเป็นจักรพรรดิเต๋าไปแล้ว! บัดซบ!”
“ดูว่ามันจะต่อต้านได้นานเท่าใด ตราบเท่าที่เทียนเสินยังไม่ขยับตัวตื่นขึ้นมา คงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับมันที่จะทำลายค่ายกลเวทแท่นบูชา!” ผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าทั้งเก้าแผดร้องขึ้น ปลดปล่อยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปอีกครั้ง เพื่อพยายามหยุดเมิ่งฮ่าวให้จงได้
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่พวกมันต่อสู้กลับไป แต่เนื่องจากอยู่ห่างไกลเป็นอย่างมาก นอกจากพวกมันแล้วก็ไม่มีใครจะสามารถได้ยินเสียงเหล่านี้
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น ขณะที่ยกมือขึ้นมาตบลงไปบนพื้น กระถางสายฟ้าปรากฏขึ้น ลอยอยู่เหนือศีรษะของตนเอง กระพริบไปมาด้วยพลังแห่งสายฟ้า ในชั่วพริบตาเมิ่งฮ่าวและไว่ผอก็หายตัวไปจากห้องนั้น เมื่อปรากฏกายขึ้นอีกครั้งก็ไปอยู่ในความว่างเปล่าที่ห่างไกลออกไป
ไว่ผอหลับตาอยู่ จึงไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีการเคลื่อนย้ายทางไกลออกไป แทบจะในทันทีที่คนทั้งสองปรากฏตัวขึ้น เมิ่งฮ่าวก็เรียกสุดยอดสะพานออกมา ส่งพลังอันมหาศาลให้พุ่งออกไปในเก้าทิศทางที่แตกต่างกัน
เสียงกระหึ่มอย่างรุนแรงดังก้องออกไป ขณะที่เกิดเป็นเก้าหุบเหวลึกลงไปในพื้นดิน ซึ่งภายในมีเปลวไฟสีดำลุกไหม้ขึ้นมา
“รนหาที่ตาย!” สีหน้าเมิ่งฮ่าวบึ้งตึงขณะที่ขยับมือขวาร่ายเวทอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กดลงไปบนไหล่ของไว่ผอ ตะปูหนึ่งตัวลอยออกมาในทันที
ไว่ผอไม่ได้สั่นสะท้าน แต่ตะปูตัวนั้นกำลังสั่นไปมา และยังได้กระจายเป็นกลุ่มหมอกสีดำออกมาอีกด้วย รวมตัวเข้าด้วยกันเพื่อก่อตัวเป็นใบหน้าของชายชราผู้หนึ่ง ซึ่งแผดร้องคำรามมายังเมิ่งฮ่าว ดวงตาเมิ่งฮ่าวเบิกกว้างขึ้น และรีบสูดลมหายใจเข้าไป ใบหน้านั้นแตกกระจายกลับไปเป็นกลุ่มหมอกสีดำ จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็สูดลมหายใจเข้าไป
ต่อมาเมิ่งฮ่าวก็กัดลงไปอย่างแรง และเกิดเป็นเสียงแผดร้องดังก้องขึ้น เวลาเดียวกันนั้น ย้อนกลับไปในขุนเขาทะเลที่เจ็ด หนึ่งในเก้าผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าที่อยู่ข้างแท่นบูชา จู่ๆ ก็กระอักโลหิตออกมากองโต
“มันกลืนกินสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าส่งออกไปแล้ว!!”
ในตอนนี้เองที่ชายชราคนอื่นๆ เริ่มกระอักโลหิตออกมาทีละคน ตอนแรกเป็นคนที่สอง จากนั้นก็คนที่สาม สี่ และห้า…
ต่อมาเสียงกระหึ่มก็ได้ยินออกมาจากแท่นบูชาที่ห้า ขณะที่หอกศิลาที่อยู่บนนั้นแตกกระจายไป แท่นบูชาสั่นสะท้าน และรอยแตกร้าวก็กระจายออกไปทั่วทั้งพื้นผิว
“รวมพลังพวกเราเข้าด้วยกันทั้งหมด! ปกป้องค่ายกลเวทไม่ให้ถูกทำลายไป! แท่นบูชาที่ห้าสำคัญมาก! ต้องไม่ให้มันถูกทำลายไป!!” ฉับพลันนั้นผู้ฝึกตนนับแสนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นต่างก็ขยับมือร่ายเวท และเริ่มพึมพำเป็นเวทสาปแช่งอันซับซ้อนออกมา แทบจะในทันใดนั้นพวกมันก็เริ่มสั่นสะท้าน ร่างกายแห้งเหี่ยวลงไปอย่างเห็นได้ชัด
ภายในช่วงเวลาไม่กี่อึดใจ ผู้ฝึกตนทั้งหนึ่งแสนคนต่างก็ดูเหมือนกับถุงหนังห่อหุ้มกระดูก มันคือการเสียสละอย่างใหญ่หลวงในส่วนของพวกมัน ผลลัพธ์ก็คือพลังสาปแช่งอันน่าตกใจที่พุ่งตรงไปยังแท่นบูชา
ในขุนเขาทะเลที่แปด เมิ่งฮ่าวนั่งอยู่บนพื้นที่ราบอันกว้างใหญ่ ขยับมือไปมาอย่างรวดเร็ว ขณะที่วางไปบนเครื่องหมายผนึกจำนวนมากบนร่างของไว่ผอ ตลอดช่วงเวลานั้นท่านไม่ได้สั่นสะท้านแม้แต่ครั้งเดียว และยังคงหลับตาอยู่ ช่างเป็นภาพที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงจากตอนที่เขาดึงตะปูออกมาจากคนอื่นๆ
นั่นเป็นเพราะว่าท่านคือไว่ผอของเมิ่งฮ่าว และเขาก็พยายามอย่างหนักที่จะทำให้มั่นใจได้ว่า ท่านจะรู้สึกเจ็บปวดน้อยมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ขณะที่ตะปูถูกดึงออกมา พวกมันก็กระจายเป็นกลุ่มหมอกสีดำ และกลายเป็นใบหน้า แต่เมิ่งฮ่าวก็ดูดกลืนพวกมันเข้าไปทั้งหมด จนกระทั่งในที่สุดตะปูตัวที่แปดก็ถูกบังคับให้ลอยออกมา สีหน้าเมิ่งฮ่าวเคร่งเครียดเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่วางสองมือลงไปบนหน้าผากของไว่ผอ จากนั้นก็ดึงกลับมา
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ราวกับว่าเสียงฟ้าร้องคำรามกำลังปะทุขึ้นมาในดินแดนแห่งนี้ จุดสีดำปรากฏขึ้นมาบนหน้าผากของไว่ผอ ขณะที่ตะปูตัวที่เก้าลอยออกมา ติดตามมาด้วยภาพลวงตาจำนวนมาก พวกมันทั้งหมดส่งเสียงกรีดร้องขณะที่พุ่งออกมาราวกับเป็นระเบิด
นี่คือพลังสาปแช่งที่รวมตัวกันขึ้นมาจากการสังเวยของผู้ฝึกตนหนึ่งแสนคน รวมทั้งโทสะของผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าคนสุดท้าย พุ่งตรงมายังใครก็ตามที่พยายามจะตัดพลังการเชื่อมต่อนี้
ใบหน้าเมิ่งฮ่าวเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง และแค่นเสียงเย็นชาออกมา จากนั้นมือขวาก็ยกขึ้นไปในอากาศ และดวงตาก็เริ่มสาดประกายขึ้น แทบจะในช่วงเวลาเดียวกับที่พลังสาปแช่งสัมผัสโดนตัว มันก็ระเบิดออกไปกลายเป็นกลุ่มหมอกสีดำอันไร้ขอบเขต ปกคลุมร่างเขาไว้ในทันที
แต่ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เมิ่งฮ่าวดึงตะปูตัวที่เก้าออกมาจากร่างไว่ผอด้วยเช่นกัน เวทป้องกันที่ถูกวางไว้บนร่างท่านหายสาบสูญไป และแท่นบูชาที่ห้าในขุนเขาทะเลที่เจ็ดก็แตกกระจายกลายเป็นเสี่ยงๆ ไปนับไม่ถ้วน
แท่นบูชาอีกสี่แท่นที่มีเพียงรอยแตกร้าวเท่านั้น แต่ตอนนี้พวกมันก็ระเบิดขึ้นมาด้วยเช่นกัน ทำให้เก้าแท่นบูชาในตอนแรก มีเพียงสี่แท่นเท่านั้นที่ยังคงครบถ้วนสมบูรณ์!
เวลาเดียวกันนั้น ในวิหารเทพสวรรค์บนขุนเขาที่แปด เงาร่างที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ก็เริ่มสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างรุนแรง
หน้ากากแวบแสงออกมาจนแทบจะมองไม่เห็น ราวกับว่าดวงตาที่อยู่ด้านหลังหน้ากากได้ลืมขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นแรงกดดันอันน่ากลัวก็กระจายออกมาจากภายในดวงตาคู่นั้น!
ริมฝีปากของเงาร่างนั้นขยับขึ้นลงอย่างช้าๆ กล่าวอะไรบางอย่างออกมา ซึ่งไม่มีใครสามารถจะได้ยิน เป็นบางอย่างที่พูดกับตัวเองเท่านั้น
มันกล่าวว่า… “ฮ่าวเอ๋อร์!”
ช่วงเวลาเดียวกันนั้น ย้อนกลับไปบนที่ราบอันกว้างใหญ่ของตระกูลเมิ่ง เมิ่งฮ่าวกำลังสั่นสะท้าน จากนั้นก็แหงนหน้าขึ้นและกู่ร้องออกมา รอยแตกร้าวดังก้องออกมาจากภายในร่าง พื้นฐานฝึกตนพุ่งเป็นพลังขึ้นไป และพลังชีวิตของตันหลางก็เริ่มกระจายออกมาจากผลเนี่ยผานลูกที่สี่
นั่นเป็นตอนที่ไว่ผอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาพอดี และพื้นฐานฝึกตนของท่านก็พุ่งทะยานขึ้นไป ลืมตาขึ้นมามองเมิ่งฮ่าว และกลุ่มหมอกสีดำที่กำลังปกคลุมร่างเขา
“ฮ่าวเอ๋อร์ เจ้า…”
ภายในกลุ่มหมอกสีดำ เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แต่ขณะที่เขากำลังจะกำจัดกลุ่มหมอกเหล่านี้ออกไป จู่ๆ ก็รู้สึกว่าอันตรายอันน่ากลัว กำลังมาจากด้านนอกของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว!
“ไว่ผอ ข้าไม่เป็นไร ให้ท่านกลับไปก่อน ข้าต้องใช้เวลาในการกำจัดคำสาปแช่งนี้เล็กน้อย” พร้อมกับดวงตาที่หรี่เล็กลง จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็เคลื่อนย้ายทางไกลเข้าไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว พร้อมกับกลุ่มหมอกสีดำ
ใบหน้าไว่ผอหมองคล้ำลง และท่านก็ถอยไปทางด้านหลังสองสามก้าว มองขึ้นไปในท้องฟ้า ตรงไปยังตำแหน่งที่เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะหายตัวไป ท่านไม่ได้ครุ่นคิดเกี่ยวกับพื้นฐานฝึกตนของตัวเอง แต่เริ่มรู้สึกวิตกต่อความปลอดภัยของเมิ่งฮ่าว
ถ้ามีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับเมิ่งฮ่าว ก็ไม่สำคัญว่าพื้นฐานฝึกตนของท่านจะฟื้นฟูกลับคืนมาหรือไม่ ท่านคงจะรู้สึกผิดไปตลอดเป็นแน่ ทันใดนั้นท่านก็คิดไปถึงไว่กงของเมิ่งฮ่าว และถอนหายใจออกมา
“ท่าน…ไปอยู่ที่ไหนกันแน่…?”