ตอนที่ 1294
ข้ารอเจ้าอยู่
ในทันทีที่สายตาของชายชราผมแดงสบประสานกับเมิ่งฮ่าว จิตใจมันก็หมุนคว้าง และความรู้สึกถึงวิกฤตอันร้ายแรงก็ระเบิดขึ้นมาภายในใจ ดูเหมือนว่าเสียงที่ดังขึ้นมาในช่วงสั้นๆ นี้ จะทำให้จิตใจมันถูกกระแทกอย่างรุนแรง
ความรู้สึกถึงวิกฤตอันร้ายแรงทำให้ชายชราเริ่มสั่นสะท้านขึ้น รู้สึกราวกับว่ามันกำลังเผชิญหน้าอยู่กับราชันแห่งขุนเขาทะเล ถึงแม้จะดูเหมือนว่าสงบนิ่งเยือกเย็น แต่ภายใต้สีหน้านั้นก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
ม่านตาทั้งคู่ของชายชราผมแดงหรี่เล็กลง และรีบโบกมือโดยไม่สนใจสิ่งใดๆ ในทันที
“ถอยทัพ!” มันกล่าวขึ้น
สองคำนี้ทำให้ผู้ฝึกตนจากขุนเขาทะเลที่เจ็ดทั้งหมดต้องเต็มไปด้วยความตกใจ พวกมันเริ่มถอยไปทางด้านหลัง เปิดเป็นเส้นทางอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว
ชายชราขมวดคิ้ว จากนั้นก็ร้องตวาดขึ้น “ข้าบอกให้ถอยทัพ!”
เสียงของมันดังก้องออกไปคล้ายเสียงฟ้าคำราม ดังเข้าไปในหูของผู้ฝึกตนนับแสนเหล่านั้น ทำให้จิตใจพวกมันต้องหมุนคว้าง แทบจะทันใดนั้น พวกมันก็เริ่มกระจัดกระจายกันออกไปจากอาณาเขตของรอยแตก
ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าอีกสามคนขมวดคิ้ว ต่อคำพูดของชายชราผมแดง
“ชื่อจู่ (ปรมาจารย์ชื่อ) เรื่องนี้ไม่ค่อยเหมาะสมนัก” ราชันเต๋ากล่าวขึ้น
“หุบปาก! เหล่าฟูไม่ต้องการความเห็นเจ้า” ชายชราแผดร้องคำรามขึ้น จ้องมองไปยังราชันเต๋า จากนั้นก็หมุนตัวตรงไปยังผู้ฝึกตนที่เหลือและขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้ง
“ถอยออกไปอีก! ให้ห่างจากที่แห่งนี้หนึ่งหมื่นหลี่ ถ้าเหล่าฟูไม่อนุญาต ก็ห้ามใครเข้ามาในบริเวณนี้แม้แต่คนเดียว ไป!”
เสียงของชายชราดังก้องอยู่ในจิตใจของผู้ฝึกตนนับแสน
พวกมันไม่มีทางรู้ว่าเมิ่งฮ่าวมีความน่ากลัวมากแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธคำสั่งของชายชราผมแดงได้
ในที่สุดผู้ฝึกตนนับแสนก็บินจากไปอย่างเต็มกำลัง อาณาเขตรอบๆ รอยแตกหนึ่งหมื่นหลี่ก็ว่างเปล่าไปโดยสิ้นเชิง ยกเว้นสี่ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋า ซึ่งมีชายชราผมแดงเป็นผู้นำ
ชายชราจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว ขณะที่เขายกเท้าขึ้นมาอย่างช้าๆ
ท่าทางการวางตัวของเมิ่งฮ่าวทำให้ราชันเต๋าต้องแค่นเสียงเป็นเชิงตำหนิอย่างเย็นชา และดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยความเกลียดชังอย่างชั่วร้าย แต่ราชันเต๋าไม่มีอารมณ์ที่ต้องการจะชวนทะเลาะวิวาท ดังนั้นมันจึงไม่พูดอะไรออกมา แต่จากนั้นก็มองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างละเอียด และเช่นเดียวกับชายชราผมแดง ที่รับรู้ได้ถึงความผันผวนอันน่ากลัว ที่ซุกซ่อนอยู่ภายในร่างเขา ทำให้ดวงตามันต้องเบิกกว้างขึ้น
สีหน้าผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าหนึ่งแก่นแท้อีกสองคนเริ่มเคร่งเครียดขึ้นด้วยเช่นกัน ในทันทีที่ชายชราผมแดงลุกขึ้นมายืน พวกมันก็ลุกขึ้นมาเช่นเดียวกัน รวมพลังจากพื้นฐานฝึกตนของพวกมันเข้าด้วยกัน เพื่อเรียกวิชาเวทและอาวุธเวทต่างๆ ออกมา ราวกับว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับคู่ต่อสู้อันน่ากลัว
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่ง ขณะที่มองไปยังชายชราผมแดง ชายชราผู้นี้กระทำตามความต้องการของตนเอง ส่งผู้ฝึกตนนับแสนออกไป ทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกประทับใจในตัวมันอยู่ไม่น้อย
เขาสามารถจะบอกได้ว่าจิตใจมันมีความเมตตาอยู่บ้าง เมื่อตระหนักว่าการมีผู้ฝึกตนอื่นๆ อยู่รอบๆ บริเวณนี้ไม่เป็นการดี เมื่อต้องต่อสู้กัน
สุดท้ายผู้ฝึกตนนับแสนเหล่านั้นก็จะต้องจบลงด้วยการถูกสังหาร หรือหลบหนีไปอย่างแน่นอน การปล่อยให้พวกมันจากไปในตอนนี้คือวิธีที่ดีที่สุด เพื่อรักษากองกำลังแห่งขุนเขาทะเลที่เจ็ดให้มีความแข็งแกร่งสูงสุดต่อไป
ชายชราผมแดงมองไปยังเมิ่งฮ่าว ด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความระมัดระวังตัว จากนั้นก็ถามว่า “เก๋อเซี่ย (ใต้เท้า – คำเรียกด้วยความเคารพ) คือใคร?”
“เมิ่งฮ่าว” เป็นคำตอบที่เรียบง่าย ขณะที่เขาก้าวเดินตรงไป แทบจะในทันใดนั้นค่ายกลเวทและเกราะป้องกันก็พุ่งขึ้นมาเป็นเสียงดังก้อง ทำให้บริเวณนั้นทั้งหมดเต็มไปด้วยแสงอันเจิดจ้า ขณะที่พวกมันทำงานขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกัน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น เสียงระเบิดก็ดังก้องออกมา ขณะที่เกราะป้องกันพังทลายลงไป และค่ายกลเวทก็ระเบิดขึ้นในชั่วพริบตา
ขณะที่เมิ่งฮ่าวเดินตรงไป เกราะป้องกันและค่ายกลเวททั้งหมดถูกทำลายไปจนหมดสิ้น
ราวกับว่าแค่แรงกดดันและพลังที่กระจายออกมาจากร่างเมิ่งฮ่าว ก็สามารถจะบดขยี้สิ่งกีดขวางทั้งหมดได้ราวกับเป็นหญ้าแห้ง
สีหน้าชายชราผมแดงสลดลง และดวงตาของราชันเต๋าที่อยู่ข้างกายมันก็เบิกกว้างขึ้น ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าหนึ่งแก่นแท้อีกสองคนรู้สึกว่า จิตใจกำลังเต้นรัวจนไม่อาจจะควบคุมได้
ทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลาในการอธิบาย แต่จริงๆ แล้วก็เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ อย่างฉับพลัน ขณะที่สวรรค์สั่นสะท้าน ปฐพีสั่นสะเทือนด้วยเสียงกึกก้องที่ดังเต็มอยู่รอบๆ รอยแตก แสงอันเจิดจ้าก็พุ่งกระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง จนดูเหมือนว่าจะทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวทั้งหมดส่องสว่างขึ้นมา เมื่อแสงนั้นจางหายไป ก็เหมือนกับว่าแสงที่สว่างจ้าในท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้วในตอนนี้
มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่เหลืออยู่ก็คือระลอกคลื่นซึ่งกระจายออกไปในที่ห่างไกล ปกคลุมไปทั่วทั้งอาณาเขตหนึ่งหมื่นหลี่…ในขณะที่ตอนนี้ค่ายกลเวททั้งหมดในบริเวณนั้น…ถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง!
ผู้ฝึกตนนับแสนที่อยู่ด้านนอกอาณาเขตหนึ่งหมื่นหลี่ รับรู้ได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้จิตใจพวกมันเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้แข็งแกร่งอาณาจักรโบราณ ถึงแม้ว่าจะออกไปจากอาณาเขตนั้น แต่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกมันก็สามารถจะสังเกตดูสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้ เมื่อพวกมันมองเห็นเมิ่งฮ่าวแค่เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว และปลดปล่อยแรงกดดันออกมาจากร่าง เพื่อทำลายค่ายกลเวทไปทั้งหมด ก็ทำให้จิตใจพวกมันเต็มไปด้วยคลื่นแห่งความตกตะลึง
“นั่น…นั่นเป็นพื้นฐานฝึกตนอะไรกัน?!?!”
“อาณาจักรเต๋า ต้องไม่ใช่พื้นฐานฝึกตนอาณาจักรเต๋าธรรมดาอย่างแน่นอน!” คนทั้งหมดต่างก็ประหลาดใจ และจิตใจของผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าทั้งสี่กำลังเต้นรัวขึ้นมา
พร้อมกับเสียงกึกก้องที่เสียดแทงแก้วหู ทำให้ทุกสรรพสิ่งเริ่มมืดสลัวลงไป ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็ไปปรากฏกายขึ้นอยู่ที่เบื้องหน้าของกลุ่มคนทั้งสี่ ห่างเพียงแค่หนึ่งร้อยจ้างเท่านั้น
แต่เขาก็ไม่ได้หยุดอยู่ที่นั่น ยังคงก้าวเดินต่อไป ไม่แม้แต่จะมองไปยังชายชราผมแดงหรือคนอื่นๆ เขากำลังจ้องมองไปยังรอยแตกที่ฉีกขาดออกในท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาว และสัตว์อสูรที่ยังคงลอยตัวอยู่ในรอยแตกนั้น
สัตว์อสูรนั้นดูไม่เหมือนกับตอนที่มันทำให้รอยแตกฉีกขาดออก มันได้กลายร่างเป็นต้นเถาวัลย์ที่ปกคลุมไปรอบๆ รอยแตก เพื่อป้องกันไม่ให้รอยแตกปิดลง
เมื่อเมิ่งฮ่าวเข้าไปใกล้รอยแตกนั้น ก็รู้สึกได้ถึงพลังชีวิตอันน่าประหลาดใจกำลังใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ เขาบอกได้เลยว่าอีกไม่นานพลังชีวิตนั้นก็จะมาถึงรอยแตกแห่งนี้ และจะก้าวเข้ามาในขุนเขาทะเลที่แปด
ขณะที่เมิ่งฮ่าวเข้าไปใกล้รอยแตก แต่ละย่างก้าวที่เขาเดินไปดูเหมือนว่าจะปกติเหมือนเช่นเคย แต่ก็ทำให้ชายชราผมแดงและคนอื่นๆ เริ่มสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
ระดับความหวาดกลัวที่พวกมันรู้สึกมีแต่จะเพิ่มขึ้นในทุกย่างก้าว และเสียงกึกก้องก็ดังมากขึ้นกว่าเดิม ใบหน้าของผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าหนึ่งแก่นแท้ซีดขาว และโลหิตก็ไหลซึมออกมาจากปาก สีหน้าพวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวโดยสิ้นเชิง ขณะที่ถูกบังคับให้ต้องล่าถอยออกไปทางด้านหลัง
ต่อมาเป็นราชันเต๋า ซึ่งเริ่มถอยหลังไปด้วยเช่นกัน และในที่สุดก็เป็นชายชราผมแดง
พวกมันต้องทำเช่นนั้นอย่างไร้ทางเลือก ขณะที่เมิ่งฮ่าวเข้ามาใกล้มากขึ้น พวกมันรู้สึกราวกับว่าโม่ศิลาขนาดใหญ่กำลังใกล้เข้ามา ถ้าไม่ยอมถอยหลังไป พวกมันก็จะถูกทำลายไป ถูกบดขยี้จนไม่เหลือแม้แต่ซาก
ตูม!
เมิ่งฮ่าวเดินตรงไปอย่างช้าๆ และกลุ่มคนทั้งสี่ก็ถอยหลังไปอีกครั้ง ต่อมาราชันเต๋าเริ่มกระอักโลหิตออกมา เมื่อเมิ่งฮ่าวอยู่ห่างออกไปประมาณห้าสิบจ้าง แรงกดดันก็ยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้น และพวกมันก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด ราวกับว่าสวรรค์ทุกชั้นฟ้ากำลังกดทับลงมาบนร่าง
เสียงแตกร้าวเริ่มดังก้องออกมาจากภายในร่างของผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าหนึ่งแก่นแท้ ขณะที่พวกมันเริ่มล้มลงไป ตอนนี้ใบหน้าของราชันเต๋ากลายเป็นสีม่วงเข้ม และโลหิตภายในร่างก็ไหลเวียนอยู่ในเส้นเลือดด้วยความยากลำบาก
ชายชราผมแดงกำลังสั่นสะท้าน รู้สึกราวกับว่ากำลังยืนอยู่ภายใต้เงาแห่งความตาย
พวกมันส่งเสียงแผดร้องคำรามที่ทรงพลังออกมา แววตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง รู้ตัวดีว่าถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างกับแรงกดดันนี้ พวกมันก็ไม่อาจจะต่อต้านได้ในที่สุด และถ้าเมิ่งฮ่าวเดินมาอีกเพียงก้าวเดียว พวกมันก็จะถูกบดขยี้จนตายไป
ชายชราผมแดงแหงนหน้าขึ้นและแผดร้องคำรามออกมา เป็นเสียงคำรามที่เต็มไปด้วยพลังการฝึกตนของมัน ดังก้องออกไปขณะที่ร่างมันกลายเป็นลำแสงพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว ขยับสองมือร่ายเวทอย่างรวดเร็ว และแสงแปลกๆ ก็สาดประกายขึ้นมาในม่านตาของมัน ทำให้ความว่างเปล่าที่เบื้องหน้าบิดเบี้ยวไปมา วัวสีดำแหงนหน้าขึ้นและแผดร้องออกมาด้วยเช่นกัน จากนั้นก็ก้มหน้าลงพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวพร้อมกับเขาของมัน
ช่างเป็นภาพที่น่าตกใจและน่าตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง!
ในตอนนี้พื้นฐานฝึกตนของชายชราผมแดงระเบิดเป็นพลังออกไป มันโบกสะบัดมือทำให้พลังแก่นแท้พุ่งขึ้นมา มองเห็นเป็นสี่กระแสแห่งแก่นแท้ ซึ่งประกอบด้วย สายลม สายฝน เสียงฟ้าร้อง และสายฟ้า!
สายลมคล้ายกับเป็นลมพายุ สายฝนคือแก่นแท้แห่งน้ำ เสียงฟ้าร้องดังก้องกระหึ่ม สายฟ้าปะทุขึ้นและเต้นไปมา สี่กระแสแห่งแก่นแท้ก่อตัวกันเป็นรูปแบบค่ายกลเวท ที่ทำให้สวรรค์ต้องสะท้านปฐพีต้องสะเทือน
ชายชราผมแดงไม่ลงมือก็แล้วไป แต่ถ้าลงมือแล้วก็จะโจมตีมาด้วยเต๋าที่แข็งแกร่งมากที่สุด นอกจากนั้นแล้วจู่ๆ เส้นผมของมันก็ลอยออกไปในทันที กลายเป็นทะเลสีแดงเข้มปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณนั้น และกลายเป็นหมอกโลหิตอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นแก่นแท้ที่ห้าของมันที่กำลังระเบิดออกมาในตอนนี้ ถึงแม้ว่าจะยังไม่สมบูรณ์มากนัก แต่ก็ยังคงช่วยเกื้อหนุนพลังแห่งแก่นแท้อื่นๆ ของมันได้
ด้านหลังมัน ราชันเต๋าสั่นสะท้านขึ้นด้วยความบ้าคลั่ง ขยับมือร่ายเวทเพื่อปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์ออกมา เกิดเป็นลำแสงพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ พุ่งผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวไป เวลาเดียวกันนั้นภาพของกระบี่จำนวนมากก็เริ่มมองเห็นอยู่รอบๆ ตัวราชันเต๋า
แทบจะในชั่วพริบตา ก็มีกระบี่มากกว่าหนึ่งหมื่นเล่ม!
กลิ่นอายอันน่ากลัวของมันเข้มข้นเป็นอย่างยิ่ง จนทำให้ทุกสรรพสิ่งต้องสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง อย่างน่าตกใจยิ่งด้านหลังภาพกระบี่แต่ละเล่มคือวิญญาณที่ดุร้าย ซึ่งทำการผลักดันให้กระบี่พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว ทำให้ดูราวกับว่าเมิ่งฮ่าวไม่ได้กำลังเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เพียงคนเดียว แต่เป็นผู้ฝึกตนกระบี่นับหมื่นคน
สุดท้ายคือผู้ฝึกตนหนึ่งแก่นแท้ พื้นฐานฝึกตนของพวกมันค่อนข้างจะมีอย่างจำกัด และเนื่องจากแรงกดดันจากเมิ่งฮ่าว ทำให้พวกมันต้องจ่ายค่าตอบแทนออกมามากที่สุดในกลุ่มคนเหล่านี้ โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากพวกมัน ดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำและกัดฟันจนแน่น ถึงแม้ว่าจะมีเพียงแค่หนึ่งแก่นแท้เท่านั้น แต่ก็ยังคงรวมพลังเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเป็นภาพของดวงตะวันขึ้นมา
เมิ่งฮ่าวมองไปยังคู่ต่อสู้ทั้งสี่ จากนั้นก็ยกเท้าขวาก้าวย่างลงไป เมื่อทำเช่นนั้น เขาก็ข้ามผ่านเขตสิบจ้าง ไปปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้าของคนทั้งสี่
ขณะที่เขาก้าวเท้าลงไป ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็ส่งเสียงดังกระหึ่ม และพลังอันน่าประหลาดใจก็ระเบิดออกมาจากภายในร่าง ยื่นมือขวาออกไปแตะบนเขาของวัวสีดำ ทำให้มันแผดร้องเป็นเสียงโหยหวนออกมา และแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ เวลาเดียวกันนั้นระลอกคลื่นจากมือเมิ่งฮ่าวก็ทำให้แก่นแท้ของชายชราผมแดงจางหายไป โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากมัน และร่างก็ลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง
เมิ่งฮ่าวหมุนตัว แค่นเสียงเย็นชา เกิดเป็นเสียงดังก้อง กระแทกเข้าไปในภาพกระบี่ทั้งหมื่นเล่ม ทำให้พวกมันแตกกระจายไป ราชันเต๋าผู้ฝึกตนกระบี่กระอักโลหิตออกมากองโต จนแทบจะถูกสังหารไปได้ทุกเมื่อ แค่เสียงแค่นก็ทำให้มันต้องถอยหลังไปในทันที
สำหรับผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าหนึ่งแก่นแท้ทั้งสอง แค่เมิ่งฮ่าวมองไปเท่านั้น สายตาที่คมกริบราวกระบี่ก็ทำให้ภาพดวงตะวันของพวกมันแตกกระจายไป จนพวกมันต้องกระอักโลหิตออกมา และหลบหนีจากไปอย่างรวดเร็ว
“เมื่อไม่มีรอยสักศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่านอกคอก ข้าก็จะไม่สังหารพวกเจ้า”
เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ จากนั้นก็ไปอยู่ที่ด้านหน้าของรอยแตก ชายชราผมแดงและคนอื่นๆ สั่นสะท้านไปโดยสิ้นเชิง และตอนนี้กำลังมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
เมิ่งฮ่าวไม่สนใจพวกมัน มองไปยังรอยแตกด้วยดวงตาที่สาดประกาย จากนั้นก็นั่งลงขัดสมาธิ
“ข้ารอเจ้าอยู่” เขากล่าวเสียงเยือกเย็น
เสียงตอบรับเพียงหนึ่งเดียวก็คือ เสียงแค่นอย่างเย็นเยียบราวน้ำแข็ง ค่อยๆ ดังก้องออกมาจากภายในรอยแตกอย่างช้าๆ