ตอนที่ 1419
หยั่งรากฝังลึก
ไม่สำคัญว่าเขาจะเป็นตี้จิ่วจื้อจุนตัวจริงหรือไม่ เจ้าสำนักชางหมางพ่าย รวมทั้งผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้คนอื่นๆ ต่างก็ไม่เคยพบกับตี้จิ่วจื้อจุนอย่างแท้จริง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ระหว่างพวกมันไม่มีความรู้สึกที่เป็นสหายต่อกัน
เหตุผลเดียวเท่านั้นที่พวกมันจำเป็นต้องมีเขาอยู่ด้วยก็คือ เพื่อช่วยเหลือแผนการเหล่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งสำคัญมากที่สุดก็คือดวงตาเต๋า ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างน่าเหลือเชื่อสำหรับพวกมัน
นั่นคือเหตุผลที่ทำไมพวกมันถึงได้หวังว่าตี้จิ่วจื้อจุนที่มาใหม่นี้จะมีความแข็งแกร่งมากขึ้นในแง่ของพื้นฐานฝึกตน ตอนนี้ก็ไม่สำคัญว่าบุคคลที่พวกมันกำลังรอคอยอยู่จะเป็นเมิ่งฮ่าวหรือตี้จิ่วจื้อจุน เมื่อเขามีดวงตาเต๋า ทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
ถ้าเขาคือตี้จิ่วจื้อจุนก็คงเป็นเรื่องดี ถ้าไม่ใช่ ก็จะต้องเสแสร้งว่าเป็นมัน!
เจ้าสำนักตระหนักดีถึงเรื่องนี้ ดังนั้นจึงได้ถอนหายใจออกมา ผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้คนอื่นๆ ต่างก็รู้ดีด้วยเช่นกัน จึงมีปฏิกิริยาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกอันซับซ้อน
เมิ่งฮ่าวก็ตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกประหลาดใจต่อรังสีสังหารทั้งหมดที่ตนเองมองเห็นในตอนที่ลืมตาขึ้นมา และนั่นก็เป็นเหตุผลที่เขาต้องเปิดดวงตาเต๋าที่อยู่บนหน้าผากด้วยเช่นกัน
เมื่อดวงตาเต๋าปรากฏขึ้น อันตรายทั้งปวงก็จางหายไป!
ไม่ว่าพวกเจ้าจะเชื่อ หรือไม่เชื่อ…ก็จำเป็นต้องเชื่อ!
เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นบนแท่นบูชาที่เก้า มองไปยังเจ้าสำนักและผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ พร้อมรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่อบอุ่น ไร้ความเย็นชาจากก่อนหน้านี้ไปโดยสิ้นเชิง จากนั้นก็ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับคนทั้งหมด
“ขอบคุณสหายเต๋าทั้งหลายเป็นอย่างมาก ข้าจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยแผนการของชางหมางพ่าย” เมิ่งฮ่าวยิ้ม และพูดออกมาด้วยความรู้สึกในตอนนี้
ดวงตาของเจ้าสำนักแวบประกายขึ้น และหัวเราะออกมาอีกครั้ง “มา มา มา เจ้าเพิ่งจะมาถึง ดังนั้นจึงไม่รู้จักเกี่ยวกับชางหมางพ่ายเท่าใดนัก เหล่าฟูจะขอแนะนำเจ้าสักเล็กน้อย”
ด้วยเช่นนั้นเจ้าสำนักก็แนะนำผู้ยิ่งใหญ่อีกเจ็ดคนด้วยความเบิกบานใจ
หนึ่งในพวกมันเป็นชายชราที่อยู่ในชุดสีม่วงทอง ซึ่งเป็นคนซื้อซากศพของเมิ่งฮ่าวมา มีนามว่าซ่างกวนหง ขณะที่มันยิ้มและประสานมือให้กับเมิ่งฮ่าว แววตาก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงอันลึกล้ำ
เมิ่งฮ่าวยิ้มกว้างกลับไป ดูเหมือนว่าจะมองไม่เห็นแววตาของมัน หลังจากที่ต้อนรับอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว เจ้าสำนักก็ให้ศิษย์รับใช้นำเมิ่งฮ่าวไปยังวิหารที่อยู่บนดาวครึ่งดวง ซึ่งถูกจัดเตรียมไว้ล่วงหน้าสำหรับตี้จิ่วจื้อจุน
หลังจากที่เมิ่งฮ่าวจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของเจ้าสำนักและผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้คนอื่นๆ ก็กลายเป็นเคร่งขรึมขึ้น
พวกมันยังคงยืนอยู่บนแท่นบูชา เฝ้ามองเมิ่งฮ่าวหายลับตาไปอย่างเงียบๆ
หลังจากที่ผ่านไปนานสักพัก ซ่างกวนหงก็กระแอมไอและกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น…ก็ปล่อยไปเช่นนี้?”
มองเห็นสีหน้าอันซับซ้อนบนใบหน้าของคนอื่นๆ
“เมื่อไม่มีหลักฐาน ก็ไม่มีทางจะพิสูจน์ได้ว่ามันคือตี้จิ่วจื้อจุนจริงหรือไม่…”
“ไม่จำเป็น แต่จุดสำคัญคืออะไร? ไม่ว่ามันจะใช่หรือไม่ ถ้ามันยินดีที่จะปกปิดความจริงไว้ ไม่ทำร้ายพวกเราก็ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ถ้าพวกเราไปเปิดเผยว่ามันเป็นตัวปลอม ก็อาจจะทำให้พวกเราต้องเสียผลประโยชน์ได้”
“ฮึ่ม คาดไม่ถึงว่าพวกเราต้องเสียทรัพยากรเหล่านั้นไปทั้งหมด กลับได้ผลลัพธ์มาเช่นนี้ บางทีพวกเราน่าจะติดต่อไปยังชางหมางเต้า ให้ส่งใครบางคนมาอีกครั้ง…”
“พวกเราใช้เวลาหลายปีเพื่อรวบรวมทรัพยากรเหล่านั้นทั้งหมด คงไม่อาจจะรวบรวมขึ้นมาได้อีกครั้งในเร็วๆ นี้ นอกจากนั้นถ้าชางหมางเต้ารู้เรื่องนี้ ก็น่าจะรู้ว่าพวกมันจะมีวิธีจัดการอย่างไร”
หลังจากที่พูดคุยกันสักพัก คนทั้งหมดก็เงียบลง และมองไปยังเจ้าสำนัก
มันหลับตาลงชั่วครู่ และเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง สองตาก็สาดประกายเจิดจ้าขึ้น
“ตราบเท่าที่มันช่วยพวกเราตามแผน ก็ไม่สำคัญว่ามันคือใคร มันจะถูกถือว่าเป็นตี้จิ่วจื้อจุนต่อไป เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับระหว่างพวกเราเท่านั้น” หลังจากพูดจบมันก็หมุนตัว มุ่งหน้ากลับไปยังกระดองเต่าที่อยู่ตรงด้านบนของทะเลแห่งเปลวไฟ เพื่อเฝ้าจับตาดูต่อไป
เมื่อมันหายลับตาไป ก็มีเสียงดังก้องออกมาอีกครั้ง “แจ้งข่าวออกไปทั่วทั้งสำนัก ให้จัดเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับตี้จิ่วจื้อจุนอย่างเป็นทางการ”
ผู้ยิ่งใหญ่อีกเจ็ดคนฝืนยิ้มให้แก่กัน แววตาลึกล้ำไปด้วยแสงแปลกๆ หลังจากที่ได้พบกับเมิ่งฮ่าวและตรวจสอบดู ก็ไม่มีใครรู้สึกเกลียดชังหรือต้องการจะสังหารเขาไป จริงๆ แล้วพวกมันยังได้ชื่นชมเขาเล็กน้อยอีกด้วย
“ผู้ที่อยู่ในจุดสูงสุดของทั้งอาณาจักร เป็นคนที่สามารถจะต่อสู้กับทั้งอาณาจักรเทพและอาณาจักรมาร ถ้ามันสามารถกลับมาได้หลังจากที่ตายไปแล้ว…ก็ไม่ควรที่จะประเมินมันต่ำจนเกินไปนัก และไม่ควรไปตอแยมันด้วยเช่นกัน”
“ช่างเจ้าเล่ห์โหดเหี้ยมและเด็ดเดี่ยวนัก ถ้ามันพลาดไปแม้เพียงเล็กน้อย การต่อสู้ขนานใหญ่ก็จะปะทุขึ้น”
“แต่มันก็จับจุดสำคัญซึ่งเป็นดวงตาเต๋าไว้ได้ ทำให้ไม่ต้องต่อสู้กัน และทำให้มันอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีวันพ่ายแพ้”
“พวกท่านทั้งหมดอาจจะคิดว่ามันคือเมิ่งฮ่าว แต่ในความคิดของเหล่าฟู
ตี้จิ่วจื้อจุนก็อาจจะทำเช่นนี้ด้วยเช่นกัน” ผู้ยิ่งใหญ่บางคนถอนหายใจ และคนอื่นๆ ก็ยิ้มออกมา หลังจากที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอีกเล็กน้อย พวกมันก็แยกย้ายกันออกไป
ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มกลับคืนเป็นปกติอย่างช้าๆ ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวของดาวครึ่งดวงนั้น
ศิษย์ชางหมางพ่ายนำเมิ่งฮ่าวไปยังวิหารที่ถูกจัดเตรียมให้กับตี้จิ่วจื้อจุนด้วยความเคารพนอบน้อม
วิหารนั้นมีอาณาเขตเนื้อที่ทั้งหมดหนึ่งแสนจ้าง แทบจะปกคลุมพื้นที่ทั้งหมดซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของดาวครึ่งดวง และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกเป็นพิเศษสำหรับการนั่งเข้าฌาณตามลำพังของตี้จิ่วจื้อจุนอีกด้วย แค่มองไปแวบแรกก็ดูคล้ายกับเมืองอันกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง
ดูน่าตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ประกอบไปด้วยภูเขา แม่น้ำ ทะเลสาบมากมาย และสิ่งปลูกสร้างนับไม่ถ้วน คล้ายกับเป็นสวนของเทพเซียน และตรงจุดศูนย์กลางก็เป็นเจดีย์อันสูงใหญ่ ตรงด้านล่างมีวิหารที่เรียบง่ายอยู่หลังหนึ่ง
เจดีย์นั้นสูงมากจนดูเหมือนว่าจะเสียดแทงก้อนเมฆขึ้นไป ถ้ามองมาจากที่ห่างไกล ก็จะเห็นเมืองเช่นเดียวกันนี้อยู่เก้าแห่งบนดาวครึ่งดวงนี้ แน่นอนว่าเพื่อให้สอดคล้องกับเก้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งชางหมางพ่าย
ตรงด้านนอกของเมืองนี้เป็นแผ่นป้ายซึ่งถูกเขียนด้วยลายมือที่ดูโดดเด่นสะดุดตา ราวกับหงส์ร่อนมังกรรำ
ตี้จิ่วจื้อจุน (ผู้ยิ่งใหญ่อันดับเก้า)
นี่คือสถานที่อยู่ของเมิ่งฮ่าว และเป็นที่พักอาศัยของศิษย์หนึ่งแสนคนด้วยเช่นกัน ในฐานะที่เป็นกองกำลังพิทักษ์ส่วนตัวของเขา ในท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้น มีอยู่สามคนเป็นราชันจักรพรรดิ เจ็ดคนเป็นจักรพรรดิเต๋า ราชันเต๋าอีกสิบกว่าคน และผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าทั่วไปอีกนับร้อย ที่เหลือต่างก็อยู่ในอาณาจักรเซียนหรืออาณาจักรโบราณ
กลุ่มคนเหล่านี้เพียงพอที่จะทำให้เมิ่งฮ่าวต้องสั่นสะท้านไปโดยสิ้นเชิง ช่วยเตือนสติเขาถึงการใช้จ่ายทรัพยากรของชางหมางพ่าย
นอกเหนือจากผู้พิทักษ์ทั้งหนึ่งแสนคนแล้ว ก็ยังมีสมาชิกคนอื่นๆ ของตระกูลพวกมัน รวมทั้งศิษย์ธรรมดาทั่วไปอีกด้วย เมื่อรวมกันทั้งหมดแล้วประชากรในเมืองนี้ก็มีมากกว่าหนึ่งล้านคน
ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่ภายในวิหาร มีอยู่สิบคนยืนอยู่ที่นั่นตรงเบื้องหน้าด้วยความเคารพนอบน้อม ซึ่งก็คือสามราชันจักรพรรดิ และเจ็ดจักรพรรดิเต๋าหกแก่นแท้
มีบางสิ่งบางอย่างที่น่าสนใจเกี่ยวกับราชันจักรพรรดิ
เมิ่งฮ่าวไม่รู้ว่าชางหมางพ่ายมีราชันจักรพรรดิอยู่ทั้งหมดเท่าใด หรือมีหลักเกณฑ์ในการมอบหมายหน้าที่ให้อย่างไร แต่ในกรณีนี้ราชันจักรพรรดิที่ถูกกำหนดมาให้เป็นผู้พิทักษ์ของตนเองต่างก็เป็นสตรีกันทั้งหมด
คนทั้งสามต่างก็มีความงดงามอย่างน่าประทับใจ สำหรับผู้ฝึกตนที่บรรลุถึงอาณาจักรเต๋าก็ไม่น่าประหลาดใจเท่าใดนัก ยกเว้นกลุ่มคนที่แปลกประหลาด ผู้ฝึกตนทั้งหมดเริ่มดูดีเมื่อถึงเวลาที่บรรลุถึงระดับนี้ ไม่ว่าก่อนหน้านี้พวกมันจะดูน่าเกลียดแค่ไหนก็ตาม สำหรับคนทั้งสามต่างก็ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้ที่มีความงดงามตามธรรมชาติ ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง
ถ้ามีแต่ราชันจักรพรรดิเป็นสตรีเท่านั้น ก็อาจจะไม่ผิดปกติแต่อย่างใด แต่จักรพรรดิเต๋าหกแก่นแท้ทั้งเจ็ดคนก็เป็นสตรีด้วยเช่นกัน เมิ่งฮ่าวจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจต่อเรื่องนี้ จนกระทั่งทำการค้นหาความทรงจำของตี้จิ่วจื้อจุน จึงได้รับคำตอบ
ย้อนกลับไปในชางหมางเต้า ตรงด้านนอกของความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต
ตี้จิ่วจื้อจุนได้ค้นพบวิธีการฝึกฝนวิชาเวทที่ต้องใช้ผู้ฝึกตนทั้งบุรุษและสตรี ยิ่งมันได้ระบายกับสตรีมากเท่าใด ก็จะยิ่งมีพื้นฐานฝึกตนสูงมากขึ้นไปเท่านั้น ทำให้มันรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้ค้นพบวิธีการเช่นนี้
เห็นได้ชัดว่าผู้ยิ่งใหญ่จากชางหมางพ่ายต่างก็ตระหนักดีถึงเรื่องนี้ จึงได้เตรียมการไว้เป็นพิเศษ แต่ในตอนนี้การเตรียมการเป็นพิเศษเหล่านั้นทั้งหมด ต่างก็ค่อนข้างจะไร้ความหมายไปแล้ว
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ขณะที่นั่งอยู่ในวิหาร หมุนควงแผ่นหยกไปตามร่องนิ้ว ภายในแผ่นหยกนั้นคือวิญญาณหนึ่งแสนดวง ทำให้เมิ่งฮ่าวไม่จำเป็นต้องใช้พลังการฝึกตนของตัวเองเพื่อจะทำให้ผู้พิทักษ์ทั้งหมดยอมตกอยู่ภายใต้การควบคุม แค่คิดเพียงแวบเดียว เขาก็สามารถจะสังหารพวกมันทั้งหนึ่งแสนคนได้อย่างง่ายดาย
“ชางหมางพ่ายช่างน่าสนใจนัก” เมิ่งฮ่าวพึมพำกับตนเอง มองขึ้นไปยังสตรีทั้งสิบคนที่อยู่เบื้องหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งราชันจักรพรรดิทั้งสามนางนั้น
จากคนทั้งสาม หนึ่งคนดูเหมือนว่าจะเย็นชาราวน้ำแข็งเป็นพิเศษ
จากสิ่งที่เมิ่งฮ๋าวรับรู้เกี่ยวกับการฝึกตน ก็คาดเดาว่าบุคลิกส่วนตัวของนางจะมีผลกระทบต่อวิชาที่นางฝึกฝนมา ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนน้ำแข็งและความหนาวเย็นอย่างแน่นอน
สตรีอีกคนมีรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นนุ่มนวล มองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความหวาดกลัวและนับถือ ก่อนหน้านี้นางคือคนที่ช่วยอธิบายถึงกองกำลังทั้งหมดของเขาภายในสำนัก และบอกว่าสำนักได้จัดแบ่งเป็นกลุ่มกองกำลังต่างๆ อย่างไรบ้าง
ราชันจักรพรรดิคนที่สามมีใบหน้าที่แข็งกระด้าง จนดูบึ้งตึงไปโดยสิ้นเชิง ลึกลงไปในดวงตานางเต็มไปด้วยความรังเกียจอย่างรุนแรงต่อเมิ่งฮ่าว เห็นได้ชัดว่านางไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งต่อการถูกกำหนดให้มาอยู่ในตำแหน่งนี้ของสำนัก
สำหรับจักรพรรดิเต๋าหกแก่นแท้ทั้งเจ็ดนาง ส่วนใหญ่แล้วจะมีท่าทางวิตกกังวล สำหรับพวกนางแล้วเขาคือตี้จิ่วจื้อจุน เป็นผู้ที่อยู่เหนือตนเองเป็นอย่างมาก และเป็นผู้ที่มีคำพูดเทียบเท่ากับคำสั่ง
“พูดต่อไป” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ ยิ้มให้กับราชันจักรพรรดิที่ดูอบอุ่นอ่อนโยน
นางพยักหน้าและอธิบายต่อไป “นอกจากผู้พิทักษ์ทั้งหนึ่งแสนคน และศิษย์ทั่วไปอีกหนึ่งล้านคนแล้ว ต้าเหริน (ท่านผู้ยิ่งใหญ่) ยังเป็นผู้ครอบครองอาณาเขตทางทิศเหนือ ซึ่งใช้เลี้ยงอสูรดวงดาว”
“นอกจากนี้บนดาวศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราก็ยังมีทุ่งลมปราณสิบล้านแห่งที่อยู่ภายใต้การควบคุมของท่าน ซึ่งมีชาวไร่ลมปราณมากกว่าหนึ่งร้อยล้านคน นอกเหนือจากแร่เปลวไฟปฐพีแล้ว ทุ่งลมปราณคือหนึ่งในสามแร่ธาตุที่มีค่ามากที่สุดบนดาวชางหมาง เม็ดยาและอาวุธเวทที่ถูกสร้างขึ้นมาจากทุ่งลมปราณ มีอยู่ถึงสามในสิบส่วนของทรัพยากรทั้งหมดของชางหมางพ่าย” ราชันจักรพรรดิยิ้มให้กับเมิ่งฮ่าว เมื่อนางพูดขึ้นมาก็คล้ายกับเป็นเสียงวิหคร้องขับขาน
“ต้าเหรินยังได้ครอบครองหนึ่งทวีปบนพื้นผิวของดาวชางหมาง ซึ่งถูกเรียกว่าชางหมางตี้จิ่วจงอีกด้วย (สำนักไร้สิ้นสุดอันดับเก้า) วิหารเต๋าของท่านตั้งอยู่ที่นั่น และเป็นหนึ่งในกลุ่มวิหารของชางหมางพ่ายอีกด้วย มีศิษย์ทั้งหมดหนึ่งร้อยล้านคนอยู่ที่นั่น โดยที่ไม่ต้องพูดถึงมนุษย์ธรรมดาอีกนับไม่ถ้วน”
“ต้าเหรินมีอำนาจสูงสุดอยู่ภายในตี้จิ่วจง (สำนักที่เก้า) แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่อื่นๆ ก็ไม่อาจจะขัดขวางคำสั่งของท่านในที่แห่งนั้นได้ เจ้าสำนักก็ยังต้องขออนุญาตท่านก่อนที่จะเรียกระดมพลในที่แห่งนั้น”
“นอกจากนี้จากเมืองสามล้านแห่งบนพื้นผิวของดาวชางหมาง ที่อยู่ภายใต้การปกครองของท่านมีมากกว่าสามแสนเมือง ต้าเหรินยังได้ดูแลการค้าอีกหนึ่งร้อยสามสิบเอ็ดแห่งอีกด้วย รวมทั้งสถานที่ซึ่งมีชื่อเสียงเช่น เซิ่งซื่อเก๋อ (ศาลารุ่งเรือง) เทียนเหรินถัง (หอสัมพันธ์สวรรค์) และคฤหาสน์สมบัติอีกหนึ่งหมื่นแห่ง เมื่อรวมสาขาทั้งหมดแล้ว ต้าเหรินก็มีการค้าอยู่นับล้านแห่ง”
“นอกจากนั้นต้าเหรินก็ยังได้ครอบครองด้านนอกของดาวชางหมางอีกด้วย มีตระกูลผู้ฝึกตนอยู่ทั้งหมดเก้าสิบเจ็ดตระกูล และดินแดนอันกว้างใหญ่อีกหกสิบสี่แห่ง ทั้งหมดนั้นคือตัวเลขที่เห็นได้ชัด แต่ต้าเหรินก็ยังมีดอกเบี้ยอีกนับไม่ถ้วนอย่างที่ยากจะคิดคำนวนได้”
“ในท่ามกลางผู้ใต้บังคับบัญชาของท่าน เป็นผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้ห้าคน และผู้ยิ่งใหญ่เจ็ดแก่นแท้อีกสิบคน คอยประจำการอยู่ในสถานที่ต่างๆ แต่ตอนนี้…พวกมันทั้งหมดกลับมายังที่แห่งนี้เพื่อแสดงความเคารพต่อท่าน”
หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของสตรีนางนี้ เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกว่าไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย เขาไม่เคยจะคาดคิดว่าตี้จิ่วจื้อจุนแห่งชางหมางพ่าย…จะได้รับทรัพย์สมบัติมากมายเช่นนี้มาก่อน