Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1451

ตอนที่ 1451

ความลับของหานเป้ย

วิชาเวทของชางหมางพ่ายมีอยู่มากมายและหลากหลาย สามารถจะกล่าวได้ว่าครอบคลุมไปทั้งหมด แต่ในแง่ของพื้นฐานแล้ว พวกมันแตกต่างไปจากวิชาเวทแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล แทนที่จะถูกขับเคลื่อนโดยพลังแห่งฟ้าดิน พวกมันกลับถูกขับเคลื่อนโดยพลังแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต

การฝึกตนในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตเกี่ยวข้องกับวิธีการสูดลมหายใจเพื่อดูดซับพลังนั้นเข้าไป และผลที่ได้ก็คือสร้างเป็นเต๋าที่โดดเด่นและยิ่งใหญ่ขึ้นมา

หลังจากที่กลายเป็นศิษย์สายใน ร่างจำแลงเมิ่งฮ่าวซึ่งมีอายุเจ็ดขวบก็พักอาศัยอยู่ในเรือนรับรองพิเศษที่ทางสำนักได้จัดเตรียมให้กับเขาโดยเฉพาะ เขาไม่ค่อยจะออกไปจากบ้านของตนเอง และด้วยเช่นนั้นจึงไม่รู้เรื่องมากนักเกี่ยวกับโลกที่ด้านนอก

แต่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเมื่อผ่านไปหนึ่งปี หลังจากที่ฝึกฝนตนเองไปได้เพียงแค่หนึ่งปี ทัณฑ์สายฟ้าก็ฟาดลงมายังบ้านพักของเมิ่งฮ่าว ทำลายบ้านและบริเวณรอบๆ จนแตกกระจายไป ทำให้เกิดเป็นความตกตะลึงกระจายไปทั่วในท่ามกลางกลุ่มศิษย์ของตี้จิ่วจง

แม้แต่ผู้ชราบางคนก็ยังต้องประหลาดใจจากการที่สายฟ้าฟาดลงมาจากท้องฟ้าอย่างต่อเนื่องถึงเก้าครั้ง หลังจากนั้นเด็กชายผู้หนึ่งก็โผล่ออกมาจากลานบ้านที่กลายเป็นซากปรักหักพัง

อย่างน่าตกใจยิ่ง ภายในร่างของเด็กชายผู้นั้นกระจายเป็น…กลิ่นอายของพื้นฐานลมปราณออกมา!

โดยปกติแล้วพื้นฐานลมปราณไม่มีอะไรที่ต้องน่าตื่นเต้น แต่ทัณฑ์สายฟ้าคือสิ่งที่น่าประหลาดใจอยู่ไม่น้อย และจากนั้นศิษย์บางคนก็ตระหนักว่า เป็นเมิ่งฮ่าวนั่นเองที่ปรากฏตัวขึ้นมาจากภายในทัณฑ์สายฟ้านั้น

“ข้าจำได้ว่า…เมื่อปีก่อนมันเพิ่งจะเข้าสังกัดสำนัก ในฐานะที่เป็นคนธรรมดาผู้หนึ่ง…”

“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? หนึ่งปี แค่หนึ่งปีเท่านั้น มัน…มันก็บรรลุถึงขั้นพื้นฐานลมปราณแล้ว?”

“มันเรียกว่าอะไร? ข้าจำได้แล้ว ฟางมู่ มันเรียกว่าฟางมู่!”

ร่างจำแลงเมิ่งฮ่าวพบเจอกับทัณฑ์สายฟ้าเก้าครั้ง และบรรลุถึงขั้นพื้นฐานลมปราณ ข่าวนี้ทำให้เกิดเป็นความปั่นป่วนขึ้นมาเล็กน้อย แต่สำนักโดยรวมมีขนาดใหญ่โตเป็นอย่างมาก และเมิ่งฮ่าวก็เป็นแค่ศิษย์สายในของแผนกหนึ่งจากหลายๆ แผนกเท่านั้น

กล่าวกันโดยทั่วไปแล้ว เรื่องนี้จะถูกลืมเลือนไปอย่างรวดเร็ว เมิ่งฮ่าวอาจจะมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา และอาจจะบรรลุถึงขั้นพื้นฐานลมปราณได้ภายในหนึ่งปีเท่านั้น แต่พื้นฐานลมปราณก็ไม่นับว่าเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับตี้จิ่วจงทั้งสำนัก จำนวนผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณในสำนักยากที่จะนับได้ทั้งหมด

แม้แต่ภายในแผนก พวกมันก็มีจำนวนมากราวกับเป็นเส้นขนบนร่างวัว

แต่…ก็มีบางสิ่งเกิดขึ้นในอีกหนึ่งปีต่อมา ในบ้านพักหลังเดียวกันนั้น ทัณฑ์สายฟ้าได้ฟาดลงมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีจำนวนมากขึ้นกว่าเดิม สายฟ้าเก้าสิบเก้าสายฟาดลงมายังบ้านพัก เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกมา และบ้านหลังนั้นก็ถูกทำลายไป เมื่อเมิ่งฮ่าวโผล่ออกมา ก็ไม่ได้กระจายเป็นกลิ่นอายของพื้นฐานลมปราณอีกต่อไป แต่เป็น…สร้างแกนลมปราณ!!

แผนกทั้งหมดตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวายมากกว่าปีก่อนหน้านี้ ผู้คนนับไม่ถ้วนตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง แม้แต่ผู้อาวุโสต่างๆ หัวหน้าแผนกก็มาตรวจสอบดูด้วยตนเอง และต้องประหลาดใจขึ้นเช่นเดียวกัน

ยังมีผู้คนอีกมากมายที่แข็งแกร่งมากกว่านี้ แต่ที่น่าตกใจมากที่สุดก็คือความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเขา สำหรับคนส่วนใหญ่แล้วเรื่องเช่นนี้แทบไม่น่าเชื่อโดยสิ้นเชิง

“หนึ่งปีพื้นฐานลมปราณ อีกหนึ่งปีสร้างแกนลมปราณ เป็นไปได้หรือไม่ว่ามัน…มันจะบรรลุขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งในอีกหนึ่งปีด้วยเช่นกัน?”

“นี่เป็นพรสวรรค์อะไรกัน?”

หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้น เสียงพูดคุยเกี่ยวกับฟางมู่ก็กระจายออกไปทั่วทั้งแผนก และยังได้กระจายออกไปยังแผนกอื่นอีกด้วย ทำให้ผู้คนเกือบทั้งหมดรับรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้

หลังจากนั้น…เมื่อถึงปีที่สาม สายฟ้าเก้าร้อยเก้าสิบเก้าสายก็ฟาดลงมา และเมิ่งฮ่าวก็บรรลุถึงขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง!

ในปีที่ห้า เขาบรรลุขั้นตัดวิญญาณ และสายฟ้าเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าสายก็ฟาดลงมา แผนกทั้งหมดของตี้จิ่วจงสั่นสะท้านไปโดยสิ้นเชิง ทัณฑ์สายฟ้าที่คล้ายพายุฝนทำให้ตี้จิ่วจงสั่นสะเทือนไปทั่ว และนามฟางมู่ก็กลายเป็นหัวข้อสนทนาอย่างไม่รู้จบ

ในปีที่เจ็ด ตอนที่เขาบรรลุขั้นค้นหาเต๋า ก็ทำให้ศิษย์นับไม่ถ้วนในตี้จิ่วจงได้มองเห็นเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ เมื่อทัณฑ์สายฟ้าหนึ่งแสนสายฟาดลงมาพร้อมกัน เป็นพลังการลงทัณฑ์ที่มีแต่ผู้ฝึกตนค้นหาเต๋าเพียงไม่กี่คนเท่านั้นจะสามารถต่อสู้กลับไปได้ ราวกับว่าสวรรค์และปฐพี ราวกับว่าความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต กำลังพยายามจะกำจัดร่างจำแลงเมิ่งฮ่าวไปโดยสิ้นเชิง!

อย่างไรก็ตามขณะที่สายฟ้าฟาดลงมาบนร่างนั้น ดวงตาร่างจำแลงก็สาดประกายเจิดจ้าขึ้นมา ราวกับว่า…กำลังต่อต้านความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตนั้นโดยตรง!

สายฟ้าฟาดลงมาติดต่อกันเป็นเวลาสิบวัน หลังจากนั้นร่างจำแลงเมิ่งฮ่าวก็อยู่ในขั้นค้นหาเต๋า!

เวลาเลื่อนผ่านไป ในที่สุดปีที่สิบก็มาถึง

เมื่อสิบปีก่อน ร่างจำแลงเมิ่งฮ่าวเป็นแค่เด็กชายผู้อ่อนแอ แต่สิบปีต่อมาก็กลายเป็นบุรุษหนุ่มที่หล่อเหลาและไม่ธรรมดา เขายืนตัวตรงอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่งในตี้จิ่วจง กำลังมองขึ้นไปในท้องฟ้า ซึ่งส่งเสียงกระหึ่มกึกก้อง ขณะที่สายฟ้าลงทัณฑ์เริ่มก่อตัวขึ้นมา

มันคือ…ทัณฑ์เซียน!

ในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่สิบปี เรื่องราวของร่างจำแลงเมิ่งฮ่าวก็ถูกบอกเล่ากันไปทั่วทั้งดาวชางหมาง จนกลายเป็นตำนานไปแล้ว!

ภายในเวลาสิบปี เขาเริ่มต้นจากคนธรรมดา จนบรรลุถึงขั้นพื้นฐานลมปราณ, สร้างแกนลมปราณ, วิญญาณแรกก่อตั้ง, ตัดวิญญาณ, ค้นหาเต๋า และกลายเป็นเซียน!

นี่คือขั้นตอนที่ใครหลายคนไม่อาจจะทำได้สำเร็จภายในชั่วชีวิตของพวกมัน แต่ร่างจำแลงเมิ่งฮ่าวทำได้ภายในเวลาสิบปีเท่านั้น ทำให้ตี้จิ่วจงสั่นสะเทือนไปทั่ว เช่นเดียวกับชางหมางพ่ายทั้งหมด แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังได้ยินเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้

ทัณฑ์เซียนยิ่งน่าตกตะลึงกว่าทัณฑ์ใดๆ จากก่อนหน้านี้ซะอีก สายฟ้าหนึ่งล้านสายฟาดลงมายังดินแดนที่เก้า ทำให้พื้นดินทั้งหมดสั่นสะเทือนไปทั่ว กลุ่มคนจากสำนักอื่นๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของชางหมางพ่ายบินขึ้นไปในอากาศ เพื่อเฝ้ามองดูทัณฑ์เซียนกันทั้งหมด

ตี้จิ่วจงตื่นเต้นเป็นอย่างมาก และยังได้ส่งใครบางคนออกไป ในฐานะที่เป็นผู้พิทักษ์เต๋าให้กับผู้ถูกเลือกอันดับหนึ่งของพวกมันอีกด้วย

คนผู้นั้นคือจักรพรรดินีเต๋า เป็นหญิงสาวที่มีความงดงามอย่างน่าเหลือเชื่อ นางไปนั่งอยู่บนยอดเขาเต้าซาน (ภูเขาเต๋า) แห่งตี้จิ่วจง กำลังมองขึ้นไปในท้องฟ้าด้วยสีหน้าประหลาดใจ

“นี่เป็นแค่ทัณฑ์เซียนเท่านั้น แต่ความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตก็ส่งทัณฑ์สายฟ้าเช่นนี้มา? ราวกับว่าเต๋าสวรรค์หรือกฏแห่งธรรมชาติมีเจตนาป้องกันสายฟ้าที่สูงเกินกว่าพื้นฐานฝึกตนของมันไม่ให้ฟาดลงไป มิเช่นนั้นความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตก็คงจะกวาดล้างมันไปทั้งร่างกายและวิญญาณแล้ว” จักรพรรดินีเต๋าพบว่าเป็นเรื่องแปลกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางรู้สึกได้ว่า…มีความผันผวนของความหวาดกลัวอยู่ด้วย

“เกรงกลัว?” นางคิดพร้อมกับส่ายหน้าไปมา และสงสัยว่าตนเองกำลังเข้าใจผิดไป

“ความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต ไร้จุดสิ้นสุดและยิ่งใหญ่เกรียงไกร และยังมีเจตจำนงของตัวเองอีกด้วย แล้วมันจะไปหวาดกลัวต่อผู้ฝึกตนอาณาจักรเซียนอันกระจ้อยร่อยได้อย่างไรกัน?”

ทัณฑ์เซียนปรากฏขึ้นติดต่อกันเป็นเวลานานถึงสามเดือนเต็มก่อนที่จะจางหายไป ตลอดช่วงเวลานั้น ร่างจำแลงเมิ่งฮ่าวหลับตาลง ปล่อยให้ตนเองถูกอาบไล้อยู่ภายใต้ทัณฑ์สายฟ้าด้วยความทระนง

เขาไม่ได้ต่อสู้กลับไปหรือว่าต่อต้านมัน ปล่อยให้สายฟ้าฟาดลงมา ราวกับเป็นการชำระล้างโดยที่ไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย แน่นอนว่าการกระทำเช่นนี้ทำให้เกิดเป็นความตกตะลึงกระจายออกไปเป็นวงกว้าง

เมื่อทัณฑ์เซียนส่วนสุดท้ายกำลังจะจางหายไป ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็ลืมขึ้นมาในทันที และยกมือขึ้น ชี้นิ้วตรงไปยังสวรรค์

เขาไม่ได้พูดจาใดๆ แต่ท่าทางการชี้นิ้วนั้นก็ทำให้เกิดเป็นสีสันแวบขึ้นไป สายลมอันทรงพลังกรีดร้องระงม ดูเหมือนว่าท้องฟ้าทั้งหมดกำลังสั่นสะท้าน และทัณฑ์สายฟ้านับไม่ถ้วนก็แตกกระจายไป กลายเป็นจุดแสงระยิบระยับที่ลอยลงมา ในตอนนี้ทัณฑ์เซียนสิ้นสุดลงแล้ว และร่างจำแลงเมิ่งฮ่าวก็เริ่มกระจายเป็นปราณเซียนออกมา

แต่จากนั้นท้องฟ้าก็สั่นสะเทือน และสายฟ้าสีแดงก็ก่อตัวขึ้นมาในทันที พุ่งลงมายังฟางมู่ พร้อมกับการเกื้อหนุนจากเจตจำนงอันน่าตกใจ และกระจายเป็นพลังอำนาจแห่งอาณาจักรเต๋าออกมาอย่างคาดไม่ถึง

แม้ในขณะที่สายฟ้าสีแดงฟาดลงมา กลุ่มเมฆสีแดงก็ปรากฏขึ้นที่ด้านบน และพิรุณสีแดงก็เริ่มตกลงมา ช่างเป็นภาพที่น่าตกใจยิ่งสำหรับคนทั้งหมด ทำให้แม้แต่สีหน้าของจักรพรรดินีเต๋านางนั้นก็ต้องสลดลงไป

“โลหิตสวรรค์! นั่นหมายความว่า…เต๋าแห่งชางหมางเต้ากำลังละเมิดกฎธรรมชาติของตนเอง ยอมจ่ายด้วยราคาที่สูงลิ่วเพื่อกำจัดบุรุษหนุ่มผู้นี้ ด้วยการส่งสายฟ้าลงทัณฑ์ที่สูงเกินกว่าอาณาจักรเซียนไปโจมตีมัน!” จักรพรรดินีเต๋ากำลังจะทำอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเองสายฟ้าสีแดงที่พุ่งลงมาก็หยุดชะงักนิ่งห่างจากศีรษะฟางมู่หนึ่งร้อยจ้าง ค้างอยู่กลางอากาศโดยสิ้นเชิง

แรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อทันใดนั้นก็กระจายเต็มไปทั่วทั้งดินแดนแห่งนี้ คนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นในกลางอากาศ เป็นบุรุษหนุ่มที่สวมใส่ชุดยาวสีดำ พร้อมกับเส้นผมยาวสีม่วง ขณะที่ลอยตัวอยู่ตรงนั้น ก็กระจายเป็นกลิ่นอายที่สะกดข่มอย่างถึงที่สุดออกมา ราวกับว่าตนเองคือบุคคลที่สำคัญมากที่สุด!

ความเย็นชาอันไร้ขอบเขตม้วนตัวไปมา และมองเห็นแสงอสูรสีแดงอยู่ในดวงตาคู่นั้น บนหน้าผากมีเครื่องหมายสีม่วงเป็นแนวยาว เห็นได้ชัดว่าเป็นดวงตาที่สามซึ่งปิดอยู่!

“ตี้จิ่วจื้อจุน!!” จักรพรรดินีเต๋าพูดโพล่งขึ้นมา ร่างกายสั่นสะท้าน คุกเข่าลงไปโขกศีรษะ เวลาเดียวกันนั้นผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนในดินแดนอันกว้างใหญ่ของตี้จิ่วจง ไม่ว่าพวกมันจะมีพื้นฐานฝึกตนอยู่ที่ระดับใด ต่างก็คุกเข่าลงไปบนพื้นด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน

“ขอคารวะตี้จิ่วจื้อจุนด้วยความเคารพ!”

“ขอคารวะตี้จิ่วจื้อจุนด้วยความเคารพ!”

เสียงเหล่านั้นดังก้องออกมาทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือน

สำหรับผู้ฝึกตนในตี้จิ่วจงแล้ว ตี้จิ่วจื้อจุนคือราชันของพวกมัน, วิญญาณของพวกมัน และเป็นผู้นำของพวกมัน เป็นผู้ที่อยู่สูงสุดเหนือสิ่งใดๆ ทั้งปวง

นี่คือร่างจริงเมิ่งฮ่าวนั่นเอง!

ในทันทีที่ตระหนักว่าทัณฑ์สายฟ้านี้ผิดปกติไป เมิ่งฮ่าวก็มาด้วยร่างจริงของตนเอง เมื่อเขาปรากฏกายขึ้น ก็ยื่นมือออกไปคว้าจับสายฟ้าสีแดงไว้ จากนั้นก็บดขยี้ไปด้วยมือข้างนั้น

เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้น เมื่อสายฟ้าแตกกระจายออกไป ชั้นกลุ่มเมฆที่ด้านบนพลุ่งพล่านปั่นป่วน และเสียงแผดร้องคำรามด้วยโทสะก็ได้ยินมาอย่างเลือนราง

ร่างจริงเมิ่งฮ่าวมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ดวงตาเปล่งแสงสีแดงขึ้น

“ไสหัวไป!” เมิ่งฮ่าวร้องตวาด โบกสะบัดชายแขนเสื้อ จากนั้นพลังอันมหาศาลก็ระเบิดออกมา ขณะที่บินตรงไปยังกลุ่มเมฆ

เวลาเดียวกันนั้น ร่างจำแลงที่ยืนอยู่บนยอดเขาก็มองขึ้นไปในท้องฟ้า ดวงตาสาดประกายขึ้นโดยที่ไม่มีแสงสีแดงแม้แต่น้อย ประกอบไปด้วยแสงเซียนที่บริสุทธิ์เท่านั้น

สวรรค์สั่นสะท้านและกลุ่มเมฆก็หยุดการเดือดพล่าน อันที่จริงพวกมันกำลังพังทลายลงไป และกลุ่มเมฆสีแดงของพวกมันก็จางหายไป ท้องฟ้ามืดสลัวลง และตรงด้านนอกของดาวชางหมาง ระลอกคลื่นอันไร้ขอบเขตก็พุ่งกระจายเข้าไปในความว่างเปล่าอันกว้างใหญ่เป็นเวลานานก่อนที่ทุกสรรพสิ่งจะเงียบสงบไปในที่สุด

เมื่อกระทำเรื่องราวเหล่านี้เสร็จสิ้น เมิ่งฮ่าวเตรียมที่จะหายตัวไป แต่จากนั้นก็มองเข้าไปในความว่างเปล่า และได้เห็นสิ่งที่อยู่ห่างออกไปไกลจนทำให้ต้องหยุดชะงักลง

สายตาที่มองไปนั้นทำให้ความว่างเปล่าต้องสั่นสะเทือน ราวกับมีใครบางคนอยู่ที่ตรงนั้น กำลังหมุนคว้างด้วยความตกตะลึง ทันใดนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกอันซับซ้อน รวมทั้งความตื่นตระหนกขณะที่มองไปยังร่างจริงเมิ่งฮ่าวและร่างจำแลงนั้น

แรงสั่นสะเทือนวิ่งไปผ่านไปทั่วร่างหานเป้ย โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย นางเริ่มถอยไปทางด้านหลัง แต่ในขณะที่ทำเช่นนั้นเมิ่งฮ่าวก็ยื่นมือออกไปทำท่าคว้าจับไว้

โลกทั้งหมดดูเหมือนว่าจะถูกแช่แข็งแน่นิ่งไป เมื่อพลังอันมหาศาลส่งเสียงดังกระหึ่มพุ่งออกไป แม้ในขณะที่พลังนั้นกำลังจะม้วนกวาดตรงไปยังหานเป้ย ทันใดนั้นความผันผวนก็เริ่มกระจายออกมาจากร่างนาง และเมิ่งฮ่าวก็ตระหนักได้ในทันที!

มันคือ…กลิ่นอายแห่งหลัวเทียน! กลิ่นอายแห่งอสูร!!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version