Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1454

ตอนที่ 1454

เข้าใจผิด

เพื่อตอบรับคำพูดของผู้พิทักษ์เต๋า ใบหน้าบุรุษหนุ่มยิ้มกว้างออกมา ในฐานะที่เป็นหลานปู่ของปรมาจารย์ชื่อเฟิงแห่งตี้ปาจง มันสามารถจะทำอะไรก็ได้ตามความต้องการในสำนัก

หลังจากที่ผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้แห่งตี้ปาจงตายไป ปรมาจารย์ชื่อเฟิงก็กลับออกมาจากการเข้าไปในเขตสุสาน และพยายามฝึกตนอย่างหนักจนกระทั่งแทบจะมีความก้าวหน้าขึ้นไป มันคือผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังมากที่สุดในตี้ปาจง และถ้าทะลวงผ่านเข้าไปในระดับเก้าแก่นแท้ได้ มันก็จะกลายเป็นผู้นำอย่างเป็นทางการของตี้ปาจง และจะกลายเป็นหนึ่งในเก้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งชางหมางพ่าย

บุคคลเช่นนี้อยู่ในจุดสูงสุดของชางหมางพ่ายอย่างแท้จริง จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมบุรุษหนุ่มผู้นี้ถึงสามารถจะจัดการกับผู้ฝึกตนหญิงสาว ที่มันต้องการนำมาใช้ในฐานะที่เป็นกระถางรองรับได้แทบจะทั้งหมด

แน่นอนว่ามันก็มีความระมัดระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหญิงสาวมีเครือญาติหรือเบื้องหลังที่แข็งแกร่ง มันก็จะไม่แตะต้องนางแม้แต่น้อย เนื่องจากเช่นนั้น ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ชื่อเฟิงจะตระหนักดีถึงเรื่องนี้ แต่ก็รู้สึกว่าบุรุษหนุ่มยังพอที่จะไว้วางใจได้ คงไม่ทำอะไรให้ตนเองต้องมาเสนอหน้ารับผิดชอบ

บุรุษหนุ่มยิ้มตอบคำพูดของผู้พิทักษ์เต๋ากล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน กระถางเช่นนี้เป็นสิ่งที่ยากจะพบเห็นในตี้ปาจง คาดไม่ถึงว่าจะมาพบและสามารถจะเก็บเกี่ยวได้ในที่แห่งนี้ ไม่เลว ไม่เลว”

“น่าเสียดายที่พวกเรายังคงอยู่ในตี้จิ่วจง และท่านปรมาจารย์ก็ย้ำเตือนข้ามาก่อนว่า ไม่อาจจะล่วงเกินใครในที่แห่งนี้…”

“ไม่เป็นไร ข้าจะคิดหาหนทางในการนำกระถางรองรับนี้กลับไปยังตี้ปาจง” แววตามักมากในกามสาดประกายขึ้นมาอีกครั้ง

ไม่กี่วันต่อมา เยียนเอ๋อร์และสหายของนางก็เดินทางไปพร้อมกับกลุ่มคนจาก

ตี้ปาจง คนทั้งหมดเริ่มตระหนักว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้มีตำแหน่งที่สูงส่งมากแค่ไหน และปฏิบัติต่อมันด้วยความเคารพสูงสุด ในที่สุดคนทั้งหมดก็บรรลุถึงตลาด และทำการจัดเตรียมห้องพัก ยามราตรีของคืนแรก เยียนเอ๋อร์เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและมุ่งหวังต่อวันต่อไป ขณะที่นางกำลังจะเข้าฌาน ทันใดนั้นกระแสน้ำวนก็ปรากฏขึ้นมาอยู่รอบๆ ตัว เกิดขึ้นอย่างกะทันหันโดยที่ไม่มีเสียงเตือนใดๆ และก่อนที่เยียนเอ๋อร์จะทันได้ตระหนักว่ามีอะไรเกิดขึ้น นางก็แทบจะถูกกลืนกินเข้าไปแล้ว

ในตอนนั้นเองเสียงกู่ร้องก็ดังก้องขึ้นมาอยู่ในอากาศตรงด้านนอกตลาด ซึ่งก็คืออ๋าวเฉี่ยนนั่นเอง เมิ่งฮ่าวได้จัดเตรียมให้มันคอยคุ้มครองเยียนเอ๋อร์อย่างลับๆ ตลอดช่วงการเดินทางของนาง

ดวงตาอ๋าวเฉี่ยนสาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร ขณะที่กลายเป็นลำแสงสีแดงบินผ่านอากาศไปด้วยความรวดเร็วสูงสุด

เวลาเดียวกันนั้น ในหุบเขาตรงด้านนอกตลาดห่างออกไปประมาณหนึ่งพันหลี่ หลานปู่ของปรมาจารย์ชื่อเฟิงกำลังยืนอยู่ที่นั่น มองไปยังกระแสน้ำวนที่กำลังหมุนวนไปมาอยู่เบื้องหน้าตนเอง ผู้ฝึกตนวัยกลางคนที่อยู่ในอาณาจักรเต๋าซึ่งเป็นผู้พิทักษ์เต๋าของมัน ก้าวเดินออกมาจากกระแสน้ำวนอุ้มหญิงสาวที่หมดสติไปนางหนึ่งมาด้วย ซึ่งก็คือเยียนเอ๋อร์นั่นเอง

เมื่อบุรุษหนุ่มมองเห็นเยียนเอ๋อร์ ก็ยิ้มออกมาและยื่นมือออกไปคว้าจับนางไว้ แววตาที่มักมากในกามเริ่มสาดประกายด้วยความเข้มข้นมากขึ้น

ผู้พิทักษ์เต๋ามีสีหน้าที่อ่อนโยน นี่เป็นเรื่องง่ายดายสำหรับมัน และเป็นสิ่งที่เคยทำมาหลายครั้งแล้ว มันกระแอมไอออกมา และกำลังจะกล่าวบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเสียงกู่ร้องก็ดังก้องไปทั่วทั้งหุบเขา

เสียงที่ดังขึ้นอย่างฉับพลันนี้ทำให้สีหน้าของผู้พิทักษ์เต๋าต้องสลดลง แม้ในขณะที่มันหันร่างไป ลำแสงสีแดงก็พุ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น และทั่วทั้งหุบเขาก็เริ่มพังทลายลงไป ผู้พิทักษ์เต๋ากระอักโลหิตออกมา ขณะที่ร่างมันสั่นสะท้านลอยออกไปยังที่ห่างไกล ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจยังภาพของสุนัขสีแดงเข้มขนาดใหญ่ที่เพิ่งจะปรากฏขึ้นมา

“นั่น…นั่นคือสัตว์อสูรอาณาจักรเต๋า!!”

“บัดซบ สัตว์อสูรอาณาจักรเต๋ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน!?!?” บุรุษหนุ่มสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว คว้าจับเยียนเอ๋อร์พุ่งถอยไปทางด้านหลัง ในตอนนี้นางฟื้นสติกลับคืนมาแล้ว ใช้เวลาเพียงชั่วขณะก่อนที่ความสับสนจะจางหายไป จากนั้นก็เริ่มกรีดร้องออกมา

“หุบปาก!” บุรุษหนุ่มร้องตวาด เมื่อพูดจบ ดวงตาอ๋าวเฉี่ยนก็สาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร และเริ่มพุ่งตรงมายังทิศทางของมัน

“มัน…มันไล่ตามเด็กหญิงนางนั้นมา!” ผู้พิทักษ์เต๋าสั่นสะท้าน มันจะคาดคิดได้อย่างไรว่าการจับตัวหญิงสาวที่อยู่ในขั้นพื้นฐานลมปราณ จะไปดึงดูดความสนใจของสัตว์อสูรอาณาจักรเต๋า?

“กงจื่อ รีบไป มีบางอย่างแปลกๆ เรื่องนี้ไม่ถูกต้อง!” ผู้พิทักษ์เต๋าไม่มีเวลาขบคิด แต่ก็สามารถจะบอกได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่แปลกประหลาดเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ แทบจะในทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปากมัน บุรุษหนุ่มก็ดึงแผ่นหยกที่แขวนอยู่บนหน้าอกออกมา และบดขยี้มันไป

ทันใดนั้นพลังการเคลื่อนย้ายทางไกลก็ปะทุออกมา อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าจะไม่เร็วพอที่จะหลบหนีไปจากสุนัขตัวนี้ได้

ทันใดนั้นดวงตาของบุรุษหนุ่มก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงแห่งความดุร้าย มันอาจจะเป็นบุรุษหนุ่มที่ไม่สนใจต่อเรื่องใดๆ แต่ก็ไม่ได้โง่เขลา กำมือไปรอบๆ ลำคอเยียนเอ๋อร์ และจ้องมองไปยังอ๋าวเฉี่ยน

“ถ้าเจ้าเข้ามาอีกก้าวเดียว ข้าจะสังหารนาง!” มันแผดร้องออกมา อ๋าวเฉี่ยนหยุดชะงักนิ่ง และทันใดนั้นเองพลังแห่งการเคลื่อนย้ายทางไกลก็ระเบิดออกมา

บุรุษหนุ่มและเยียนเอ๋อร์หายตัวไปในชั่วพริบตา เวลาเดียวกันนั้นอ๋าวเฉี่ยนก็กู่ร้องออกมา และโจมตีออกไป ทำให้หลุมขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตรงจุดที่บุรุษหนุ่มเพิ่งจะยืนอยู่เมื่อครู่นี้

หนังศีรษะผู้พิทักษ์เต๋าด้านชา แต่ก็รีบพุ่งถอยไปทางด้านหลังโดยไม่ลังเลใดๆ จิตใจเต็มไปด้วยความปั่นป่วนวุ่นวายโดยสิ้นเชิง เห็นได้ชัดว่าสัตว์อสูรอาณาจักรเต๋าตัวนี้เชื่องเป็นอย่างยิ่ง และใครก็ตามที่สามารถทำให้สัตว์อสูรอาณาจักรเต๋าเชื่องได้เช่นนี้ ก็เห็นได้ชัดว่าต้องมีพื้นฐานฝึกตนที่น่าเหลือเชื่ออย่างแน่นอน

เมื่อเห็นเยียนเอ๋อร์หายตัวไป ก็ทำให้อ๋าวเฉี่ยนต้องแหงนหน้าขึ้นและแผดร้องคำรามอย่างน่ากลัวออกมา พลังของมันปะทุขึ้นไป ขณะที่ร่างกายเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้น และกลายเป็นลำแสงสีโลหิต พุ่งตรงไปยังผู้พิทักษ์เต๋าวัยกลางคนในทันที ก่อนที่บุรุษผู้นั้นจะทันได้มีปฏิกิริยาใดๆ อ๋าวเฉี่ยนก็เคี้ยวมันและกลืนลงไปอย่างรวดเร็ว

มีแต่เสียงแผดร้องอย่างน่าขนลุกดังก้องอยู่เบื้องหลัง แม้แต่ในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่มันจะตายไป ก็ยังไม่เข้าใจว่าผู้ฝึกตนพื้นฐานลมปราณอันกระจ้อยร่อยจะทำให้เกิดเป็นหายนะเช่นนี้ขึ้นมาได้

และมันก็ไม่มีทางจะรู้ได้ว่า หายนะอันเนื่องมาจากสิ่งที่บุรุษหนุ่มกระทำนี้ เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น สำหรับบุคคลที่มันคิดว่าไร้ความหมายใดๆ ในสำนัก ศิษย์สายในอันกระจ้อยร่อยนามว่าฟางมู่ ถึงแม้ว่ามันจะตายไปแล้ว ก็ไม่มีทางจะคาดเดาถึงตัวตนที่แท้จริงของเขาได้

ขณะที่เยียนเอ๋อร์หายตัวไป อ๋าวเฉี่ยนก็กู่ร้องออกมา

ลึกลงไปในดาวชางหมาง บนดาวครึ่งดวง ซึ่งก็คือเมืองตี้จิ่วจื้อจุน

ที่แห่งนั้นร่างจริงเมิ่งฮ่าวจู่ๆ ก็ลืมตาขึ้นมา และสาดประกายขึ้นด้วยแสงแห่งความเย็นชาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มังกรมักจะมีเกล็ดที่อ่อนแออยู่หนึ่งชิ้นบนร่างของมัน ผู้คนก็มักจะมีจุดอ่อนอยู่ด้วยเช่นกัน สำหรับเมิ่งฮ่าวแล้ว จุดอ่อนนั้นก็คืออาณาจักรขุนเขาทะเล, ครอบครัวและสหายของตนเอง เดิมทีเขาไม่มีจุดอ่อนเช่นนั้นในตอนที่อาศัยอยู่บนดาวชางหมาง

แต่เมื่อฉู่อวี้เยียนปรากฏกายขึ้น เมิ่งฮ่าวก็รู้ว่า…นางคือจุดอ่อนของตนเอง!

ใครก็ตามที่มาแตะต้องนาง ก็คือการมากระตุ้นส่วนที่ไวต่อความรู้สึกมากที่สุดของเมิ่งฮ่าว!

การมาแตะต้องจุดอ่อนนี้คือการกระตุ้นความโกรธกริ้วที่ทำให้สวรรค์ต้องสะท้านปฐพีต้องสะเทือน และแม้แต่ความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตก็ยังต้องสั่นไหวไปมา!

กลุ่มเมฆในท้องฟ้าเหนือดาวชางหมางกำลังพลุ่งพล่านปั่นป่วน สายฟ้าปะทุขึ้น และสีสันแปลกๆ ก็แวบขึ้นไปในท้องฟ้า สายลมกรีดร้องระงม สีหน้าของผู้คนนับไม่ถ้วนที่อยู่บนดาวดวงนี้กำลังมองขึ้นไปด้วยความตกใจ

เวลาเดียวกันนั้นในเมืองตี้จิ่วจื้อจุนทั้งปวง ดาวครึ่งดวงทั้งหมด ภายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวทั้งหลาย และบนดาวชางหมางเองต่างก็เต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มกึกก้อง

นี่เป็นครั้งที่สองที่เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น ครั้งแรกเกิดขึ้นในตอนที่เมิ่งฮ่าวเริ่มมองเห็นวิญญาณของฉู่อวี้เยียน ตอนนี้…เป็นครั้งที่สอง ที่กลิ่นอายอันน่ากลัวเริ่มปะทุออกมา ทำให้คนทั้งหมดบนดาวชางหมาง แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังต้องสะท้านใจ

จินหยุนซาน, ซาจิ่วตง และเจ้าสำนักต่างก็ตกตะลึง เมื่อเห็นร่างจริงเมิ่งฮ่าวก้าวเดินออกมา

“นั่นคือกลิ่นอายอันน่ากลัว มัน…มันกำลังจะไปสังหารใครบางคน!!”

จินหยุนซานกล่าวขึ้นพร้อมกับหอบหายใจออกมา หลังจากที่รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของเมิ่งฮ่าว ดวงตามันก็เต็มไปด้วยความระมัดระวังตัว

ซาจิ่วตงก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน สำหรับเจ้าสำนักมันรีบออกมาจากเขตนั่งเข้าฌาณในทันที ผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ ทั้งแปดแก่นแท้และเก้าแก่นแท้ ต่างก็สั่นสะท้านไปตามๆ กัน

ปรมาจารย์ชื่อเฟิงในตี้ปาจงก็สั่นสะท้านด้วยเช่นกัน เมื่อรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของเมิ่งฮ่าว คิดไปถึงความโหดเหี้ยมที่เขาสังหารตี้ปาจื้อจุนในเขตสุสานไปเมื่อหลายปีก่อน

“ไม่รู้ว่าใครไปหาเรื่อง ดาวเพชฌฆาตผู้นี้…” มันพึมพำ จากนั้นก็ไม่สนใจ หลับตาลงเพื่อเข้าฌานต่อไป

เวลาเดียวกันนั้นบนทวีปที่แปด ในตี้ปาจงแสงการเคลื่อนย้ายทางไกลระยิบระยับขึ้นมา บุรุษหนุ่มซึ่งเป็นหลานชายของปรมาจารย์ชื่อเฟิงโผล่ออกมาพร้อมกับเยียนเอ๋อร์ ใบหน้ามันซีดขาว มีท่าทางหวาดกลัว แต่ดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยความชั่วร้าย แผดร้องคำรามออกมา

“บัดซบ บัดซบ! ใครกล้าบังอาจมาตอแยข้า, กงจื่อ!?!?”

“นั่นเป็นแค่สัตว์อสูรอาณาจักรเต๋าอันกระจ้อยร่อยเท่านั้น ข้าจะสังหารมัน ข้าจะ…จะกินมัน!”

“ข้าไม่สนใจว่าใครเป็นเจ้าของมัน ใครก็ตามที่มาตอแยข้าจะต้องถูกกวาดล้างไปทั้งตระกูล!!” มันมองลงไปยังเยียนเอ๋อร์ ซึ่งมีใบหน้าซีดขาวและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“เจ้า…เจ้าจะทำอะไรข้า? ซือจุนข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ ท่าน…”

“หุบปาก! ใครเป็นอาจารย์เจ้า? ฟางมู่? ศิษย์สายในอันต่ำต้อย? มันไม่มีแม้แต่คุณสมบัติที่จะมาขัดรองเท้าให้กับกงจื่อ!” จากนั้นบุรุษหนุ่มก็ยกมือขึ้นมา ตบไปบนใบหน้าเยียนเอ๋อร์ แก้มนางบวมพองขึ้นมาในทันที โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปาก เริ่มสั่นสะท้านไปทั้งร่าง และมีท่าทางหวาดกลัวโดยสิ้นเชิง

ในชั่วชีวิตของนางไร้ความกังวลหรือความทุกข์โศกใดๆ ดังนั้นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ ทำให้นางตระหนักได้ว่าชีวิตช่างเปราะบางอย่างแท้จริง รู้สึกหมดหนทางไม่อาจจะทำอะไรได้ ขณะที่คิดว่ากำลังจะถูกความหวาดกลัวกลืนกินลงไปโดยสิ้นเชิง

“ซือจุน…ซือจุน…” นางเริ่มร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว ต้องการไปพบครอบครัว ไปหาอาจารย์ตนเอง แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ ตัวก็ดูแปลกตาไปทั้งหมด ไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง ทำให้ต้องสั่นสะท้านขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว

บุรุษหนุ่มมีสีหน้าโหดเหี้ยม ขณะที่แหงนหน้าขึ้นและแผดร้องออกมา “พวกเรา มานี่!!”

“มีคนต้องการสังหารข้า! ท่านปรมาจารย์ ช่วยข้าด้วย!!” เมื่อคำพูดของมันดังก้องออกไป ตี้ปาจงก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย เงาร่างนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น และเมื่อพวกมันมองเห็นเยียนเอ๋อร์ ก็ขมวดคิ้วแต่ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา

“มีคนต้องการสังหารข้า!!” มันร้องตะโกนขึ้น

เสียงตะโกนของบุรุษหนุ่มไปกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาขึ้นมา ไม่ใช่จากชื่อเฟิง แต่มาจากจักรพรรดิเต๋าที่บินออกมาจากภายในตี้ปาจง “ใครต้องการสังหารเจ้า? เจ้าไม่ใช่เพิ่งจะไปยังทวีปที่เก้า?”

ในทันทีที่มันปรากฏตัวขึ้น คนทั้งหมดก็ประสานมือด้วยความเคารพ

“เตีย ไหเอ๋อร์ไปยังทวีปที่เก้า แต่เมื่อรู้สึกชอบกระถางรองรับนี้ สัตว์อสูรอาณาจักรเต๋า…ก็พยายามจะสังหารข้า! มันต้องการสังหารข้าจริงๆ!” จากน้ำเสียงที่สั่นสะท้าน และเสื้อผ้าที่ยับย่นฉีกขาดของมัน ก็เห็นได้ชัดว่ามันเพิ่งจะหลบหนีเอาชีวิตรอดกลับมา โดยการใช้เครื่องมือการเคลื่อนย้ายทางไกลที่ได้รับจากท่านปรมาจารย์ออกมาด้วย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version